ความจริงผมเป็นกองแช่งเวนเกอร์มานานหลายปีแล้ว ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างจากคนอื่นในเรื่องความน่าเบื่อหน่ายแบบเดิม ๆ แต่จากเกมส์พ่ายเสือใต้ที่มิวนิค 5-1 ต้องยอมรับว่ากระแสรุนแรง และเข้มข้นมากกว่าทุกคราว สิ่งที่แตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ คือ มีคำให้สัมภาษณ์ประมาณว่าเค้าอาจไม่ได้คุมทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า ซึ่งเท่าที่ผมจำได้ ไม่เคยได้ยินการสัมภาษณ์ในลักษณะถอดใจ หรือจะอำลาทีมแบบนี้มาก่อน
ไม่ว่าการตัดสินใจของเวนเกอร์จะออกมาเป็นยังไง ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ส่วนนึงเพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ในมุมกลับกันผมยังยินดีอย่างยิ่งถ้าเวนเกอร์จะตัดสินใจ(กัดฟัน)อยู่ต่อ โดยส่วนตัวแล้ว ผมยังอยากเห็นเวนเกอร์ทำงานของเค้าต่อไป และต่อไปนี้คือ เหตุผลสำคัญที่ผมมองว่า เวนเกอร์ยังควรได้รับเครดิตทำงานของเค้าต่อไป
1. แชมป์ไม่ใช่ทุกอย่างของกีฬาฟุตบอล
จริงอยู่ ตำแหน่งแชมป์คือเป้าหมายสูงสุดของกีฬาทุกชนิด ทุกคนต้องการชนะ แต่ถามว่า ในเมื่อทุกการแข่งขัน มีแชมป์ได้เพียงทีมเดียว ทันทีที่ไม่ได้แชมป์คุณค่าของทีมที่เหลือดูแทบจะไม่มีอะไรให้ควรแก่การพูดถึงเลยกระนั้นหรือ ทั้งที่ระยะทาง การต่อสู้ เรื่องเล่า ระหว่างการแข่งขันนั้นก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน เรากำลังอยู่ในยุคที่เคร่งเครียดกับความสำเร็จ ยุคแห่งความเร็วแรง มากเกินไปหรือเปล่า?
2. มาตรฐานฝีมือในระดับสูง
การได้อันดับ 1-4 ติดต่อกันมากกว่า 20 ปี เป็นเรื่องดูน่าขบขัน ที่ถูกนำมาอำกันอย่างสนุกสนาน มองในมุมนึงมันก็ใช่ มันดูน่าตลกจริง ๆ แต่ในทางกลับกันถามว่าจะมี ผจก. ทีมยอดฝีมือคนไหนที่กล้าการันตีผลงานในระดับนี้ ความสำเร็จนั้นน่าชื่นชมแน่ แต่ความสำเร็จในระยะยาวเป็นเรื่องยากกว่ามาก นอกจากนี้เราทราบดีว่าปัจจัยของการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปจากเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ทีมใหญ่บางทีม ทำให้ทีมเหล่านั้นกลายเป็นยักษ์ใหญ่ชั่วข้ามคืน ในความเห็นส่วนตัวของผมถ้าจำกัดการใช้จ่ายด้วยเงินทุนที่เท่า ๆ กัน หรือใช้ลักษณะ salary cap แบบอเมริกันเกมส์ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าอาร์เซนอลมี ผจก. ทีมที่ดีที่สุดคนนึงในโลกอยู่แล้ว
3. ยอดเยี่ยมบนพื้นฐานของความสมดุลทางการเงิน
ต่อเนื่องจากข้อ 2 เวนเกอร์ดูจะเป็นลักษณะของคนที่มุ่งเน้นจะใช้สมองในการเอาชนะ หรือแก้ปัญหาอย่างยิ่ง เค้ามองว่าการทุ่มเงินเพื่อสร้างซุปเปอร์ทีมขึ้นมานั้นไม่ท้าทาย และแสดงถึงระดับมันสมองอย่างที่ควรจะเป็น ในด้านของต้นทุนการทำทีม ผมก็คิดว่าเค้าคืออันดับหนึ่งเช่นกัน หากมองถึงยอดรวมผู้เล่นที่ซื้อเข้า / ขายออก ซึ่งความยอดเยี่ยมในจุดนี้ ทำให้เค้าน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเสกสนามขนาด 60,000 ที่นั่งในลอนดอน โดยใช้ทักษะในการบริหารจัดการในตำแหน่งผจก.ทีมฟุตบอลได้
4. มีสไตล์และปรัชญาการเล่นที่สวยงาม
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พอจะกล่าวได้ว่า บาร์เซโลน่า และอาร์เซนอล คือสองทีมที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ หากพูดถึงทีมที่เล่นด้วยสไตล์ที่สวยงาม เวนเกอร์ทำให้งานของเค้ายากขึ้นไปอีกนอกจาก ต้นทุนทีมที่ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอแล้ว เค้ายังสร้างทีมที่เล่นบนพื้นฐานของเกมรุก และมีลีลาอันน่าตื่นตาขึ้นมาได้สำเร็จ การทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทีมที่มีเป้าหมายในการบุกเข้าใส่คู่แข่งอยู่ตลอด (และอย่างมีสไตล์) มี 'ต้นทุน' ในหลายด้านที่สูงมาก
5. ความพ่ายแพ้ให้บาเยิร์นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ หากมองถึงคุณภาพทีม
โค้ชทุกคนบนโลก ไม่ว่าจะเก่งหรือเขี้ยวขนาดไหน เคยมีวันที่แพ้ 5-0 เช่นกัน และหากจะกล่าวอีกแง่นึงคือ นี่คือฟุตบอล ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยส่วนตัวผมชอบวันเวลาที่ฟุตบอลยิงกัน 7-3 มากกว่า ช่วงที่มีสุดยอดโค้ชที่เขี้ยวมาก ๆ สองคนมาเจอกันแล้วจบด้วยสกอร์ 0-0 หรือ 1-1 ทุกครั้งไป บาเยิร์น เป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรปมาแทบจะตลอดเวลา และในเวลานี้ก็ยังเป็นอยู่ (ร่วมกับ รีล มาดริด และบาร์เซโลน่าในปัจจุบัน) ดังนั้นความพ่ายแพ้ ที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกจนเกินไป (แม้สกอร์จะน่าเกลียด)
จากสิ่งที่ผมกล่าวไปข้างต้น เวนเกอร์ มีพร้อมทั้งมาตรฐานฝีมือ, ทักษะการบริหารจัดการทีม/การเงิน และปรัชญาอันสูงส่งอยู่แล้ว อีกนัยหนึ่งคือ เวนเกอร์คือหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุด และเค้าเป็นมาตลอด จริงอยู่ที่เวนเกอร์ก็มีด้านมืดที่เยอะมาก และทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว (ทำผิดซ้ำซาก/ดูเหมือนชอบทำเกินหน้าที่ ผจก.ทีม/แทคติคอ่อนกว่า ผจก.ในระดับท็อปด้วยกัน/ฯลฯ) แต่ถามว่าเราจะแก้ปัญหาของความเซ็ง(ซ้ำซาก) ด้วยการปลดเวนเกอร์แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นจริงเหรอ ถ้าโชคดีเราได้โค้ชที่เก่ง และมาท็อปฟอร์มกับเราพอดี ก็ดีไป แต่ยังไงก็ต้องใช้เงินมหาศาล และเราก็จะกลายเหมือนทีมใหญ่ ๆ ในลีกทีมอื่น ส่วนถ้าโชคร้าย ผจก.ใหม่ล้มเหลวล่ะ? เราอยู่ในยุคที่เสพติดความสำเร็จมาก และเร็วเกินไป เราต้องได้การตอบสนอง ณ เวลานี้ ทันที จนบางครั้งเราก็ลืมไปว่า เรามีของที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
เวนเกอร์เป็นนักอุดมคติ และเค้าไม่เคยเปลี่ยนในสิ่งที่เค้าเชื่อ เค้าใส่ปรัชญาการเล่น และสามารถสร้างทีมที่เล่นได้อย่างวิเศษทีมแล้วทีมเล่า และแม้ความเขี้ยวด้านแทคติคจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับระดับท็อปด้วยกันในวงการ แต่ความสำเร็จเป็นรูปธรรมก็แทบจะกล่าวได้ว่า เค้าก็กวาดมาแทบจะหมดแล้วเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าไปแล้ว ผมยังอยากให้เป็นเวนเกอร์ที่เลือกเวลาวางมือเอง และเค้าสามารถได้รับโอกาส และเวลาเท่าที่เค้าต้องการในการสร้างทีมทีมนี้ให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นได้
เหตุผลที่ยังให้กำลังใจเวนเกอร์
ความจริงผมเป็นกองแช่งเวนเกอร์มานานหลายปีแล้ว ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างจากคนอื่นในเรื่องความน่าเบื่อหน่ายแบบเดิม ๆ แต่จากเกมส์พ่ายเสือใต้ที่มิวนิค 5-1 ต้องยอมรับว่ากระแสรุนแรง และเข้มข้นมากกว่าทุกคราว สิ่งที่แตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ คือ มีคำให้สัมภาษณ์ประมาณว่าเค้าอาจไม่ได้คุมทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า ซึ่งเท่าที่ผมจำได้ ไม่เคยได้ยินการสัมภาษณ์ในลักษณะถอดใจ หรือจะอำลาทีมแบบนี้มาก่อน
ไม่ว่าการตัดสินใจของเวนเกอร์จะออกมาเป็นยังไง ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ส่วนนึงเพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ในมุมกลับกันผมยังยินดีอย่างยิ่งถ้าเวนเกอร์จะตัดสินใจ(กัดฟัน)อยู่ต่อ โดยส่วนตัวแล้ว ผมยังอยากเห็นเวนเกอร์ทำงานของเค้าต่อไป และต่อไปนี้คือ เหตุผลสำคัญที่ผมมองว่า เวนเกอร์ยังควรได้รับเครดิตทำงานของเค้าต่อไป
1. แชมป์ไม่ใช่ทุกอย่างของกีฬาฟุตบอล
จริงอยู่ ตำแหน่งแชมป์คือเป้าหมายสูงสุดของกีฬาทุกชนิด ทุกคนต้องการชนะ แต่ถามว่า ในเมื่อทุกการแข่งขัน มีแชมป์ได้เพียงทีมเดียว ทันทีที่ไม่ได้แชมป์คุณค่าของทีมที่เหลือดูแทบจะไม่มีอะไรให้ควรแก่การพูดถึงเลยกระนั้นหรือ ทั้งที่ระยะทาง การต่อสู้ เรื่องเล่า ระหว่างการแข่งขันนั้นก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน เรากำลังอยู่ในยุคที่เคร่งเครียดกับความสำเร็จ ยุคแห่งความเร็วแรง มากเกินไปหรือเปล่า?
2. มาตรฐานฝีมือในระดับสูง
การได้อันดับ 1-4 ติดต่อกันมากกว่า 20 ปี เป็นเรื่องดูน่าขบขัน ที่ถูกนำมาอำกันอย่างสนุกสนาน มองในมุมนึงมันก็ใช่ มันดูน่าตลกจริง ๆ แต่ในทางกลับกันถามว่าจะมี ผจก. ทีมยอดฝีมือคนไหนที่กล้าการันตีผลงานในระดับนี้ ความสำเร็จนั้นน่าชื่นชมแน่ แต่ความสำเร็จในระยะยาวเป็นเรื่องยากกว่ามาก นอกจากนี้เราทราบดีว่าปัจจัยของการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปจากเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ทีมใหญ่บางทีม ทำให้ทีมเหล่านั้นกลายเป็นยักษ์ใหญ่ชั่วข้ามคืน ในความเห็นส่วนตัวของผมถ้าจำกัดการใช้จ่ายด้วยเงินทุนที่เท่า ๆ กัน หรือใช้ลักษณะ salary cap แบบอเมริกันเกมส์ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าอาร์เซนอลมี ผจก. ทีมที่ดีที่สุดคนนึงในโลกอยู่แล้ว
3. ยอดเยี่ยมบนพื้นฐานของความสมดุลทางการเงิน
ต่อเนื่องจากข้อ 2 เวนเกอร์ดูจะเป็นลักษณะของคนที่มุ่งเน้นจะใช้สมองในการเอาชนะ หรือแก้ปัญหาอย่างยิ่ง เค้ามองว่าการทุ่มเงินเพื่อสร้างซุปเปอร์ทีมขึ้นมานั้นไม่ท้าทาย และแสดงถึงระดับมันสมองอย่างที่ควรจะเป็น ในด้านของต้นทุนการทำทีม ผมก็คิดว่าเค้าคืออันดับหนึ่งเช่นกัน หากมองถึงยอดรวมผู้เล่นที่ซื้อเข้า / ขายออก ซึ่งความยอดเยี่ยมในจุดนี้ ทำให้เค้าน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเสกสนามขนาด 60,000 ที่นั่งในลอนดอน โดยใช้ทักษะในการบริหารจัดการในตำแหน่งผจก.ทีมฟุตบอลได้
4. มีสไตล์และปรัชญาการเล่นที่สวยงาม
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พอจะกล่าวได้ว่า บาร์เซโลน่า และอาร์เซนอล คือสองทีมที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ หากพูดถึงทีมที่เล่นด้วยสไตล์ที่สวยงาม เวนเกอร์ทำให้งานของเค้ายากขึ้นไปอีกนอกจาก ต้นทุนทีมที่ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอแล้ว เค้ายังสร้างทีมที่เล่นบนพื้นฐานของเกมรุก และมีลีลาอันน่าตื่นตาขึ้นมาได้สำเร็จ การทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทีมที่มีเป้าหมายในการบุกเข้าใส่คู่แข่งอยู่ตลอด (และอย่างมีสไตล์) มี 'ต้นทุน' ในหลายด้านที่สูงมาก
5. ความพ่ายแพ้ให้บาเยิร์นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ หากมองถึงคุณภาพทีม
โค้ชทุกคนบนโลก ไม่ว่าจะเก่งหรือเขี้ยวขนาดไหน เคยมีวันที่แพ้ 5-0 เช่นกัน และหากจะกล่าวอีกแง่นึงคือ นี่คือฟุตบอล ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยส่วนตัวผมชอบวันเวลาที่ฟุตบอลยิงกัน 7-3 มากกว่า ช่วงที่มีสุดยอดโค้ชที่เขี้ยวมาก ๆ สองคนมาเจอกันแล้วจบด้วยสกอร์ 0-0 หรือ 1-1 ทุกครั้งไป บาเยิร์น เป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรปมาแทบจะตลอดเวลา และในเวลานี้ก็ยังเป็นอยู่ (ร่วมกับ รีล มาดริด และบาร์เซโลน่าในปัจจุบัน) ดังนั้นความพ่ายแพ้ ที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกจนเกินไป (แม้สกอร์จะน่าเกลียด)
จากสิ่งที่ผมกล่าวไปข้างต้น เวนเกอร์ มีพร้อมทั้งมาตรฐานฝีมือ, ทักษะการบริหารจัดการทีม/การเงิน และปรัชญาอันสูงส่งอยู่แล้ว อีกนัยหนึ่งคือ เวนเกอร์คือหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุด และเค้าเป็นมาตลอด จริงอยู่ที่เวนเกอร์ก็มีด้านมืดที่เยอะมาก และทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว (ทำผิดซ้ำซาก/ดูเหมือนชอบทำเกินหน้าที่ ผจก.ทีม/แทคติคอ่อนกว่า ผจก.ในระดับท็อปด้วยกัน/ฯลฯ) แต่ถามว่าเราจะแก้ปัญหาของความเซ็ง(ซ้ำซาก) ด้วยการปลดเวนเกอร์แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นจริงเหรอ ถ้าโชคดีเราได้โค้ชที่เก่ง และมาท็อปฟอร์มกับเราพอดี ก็ดีไป แต่ยังไงก็ต้องใช้เงินมหาศาล และเราก็จะกลายเหมือนทีมใหญ่ ๆ ในลีกทีมอื่น ส่วนถ้าโชคร้าย ผจก.ใหม่ล้มเหลวล่ะ? เราอยู่ในยุคที่เสพติดความสำเร็จมาก และเร็วเกินไป เราต้องได้การตอบสนอง ณ เวลานี้ ทันที จนบางครั้งเราก็ลืมไปว่า เรามีของที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
เวนเกอร์เป็นนักอุดมคติ และเค้าไม่เคยเปลี่ยนในสิ่งที่เค้าเชื่อ เค้าใส่ปรัชญาการเล่น และสามารถสร้างทีมที่เล่นได้อย่างวิเศษทีมแล้วทีมเล่า และแม้ความเขี้ยวด้านแทคติคจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับระดับท็อปด้วยกันในวงการ แต่ความสำเร็จเป็นรูปธรรมก็แทบจะกล่าวได้ว่า เค้าก็กวาดมาแทบจะหมดแล้วเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าไปแล้ว ผมยังอยากให้เป็นเวนเกอร์ที่เลือกเวลาวางมือเอง และเค้าสามารถได้รับโอกาส และเวลาเท่าที่เค้าต้องการในการสร้างทีมทีมนี้ให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นได้