บนโต๊ะอาหารมื้อเย็นวันนั้น ทั้งคู่ก็เล่นละครกันได้แบบแนบเนียนพอสมควร จะมีขลุกขลัก
บ้างเล็กน้อยก็ตรงที่ถ้าบังเอิญมือเธอมาชนกับมือของภัทรเข้าเมื่อไหร่ หญิงสาวก็จะต้อง
รีบชักมือกลับเสียทุกครั้ง ทำให้พ่อและแม่ของชายหนุ่มแอบงงๆ อยู่นิดหน่อย ว่าเป็น
แฟนกันประสาอะไร โดนตัวกันแล้วถึงมีปฏิกิริยาแปลกๆ แบบนั้น
แต่ด้วยปฏิภาณไหวพริบของภัทร เขาก็สามารถพูดเอาตัวรอดไปได้อย่างแนบเนียน โดย
ทำเป็นแกล้งแซวรินแบบขำๆ ว่า
“นี่คุณจะเขินไปทำไม โดนมือกันแค่นี้เอง พ่อแม่ท่านไม่ว่าอะไรเราหรอกน่า”
นอกจากนั้นบิดามารดาของภัทรก็ซักถามรินแบบพอเป็นพิธี ว่าเป็นคนพื้นเพที่ไหน
เรียนจบอะไรมา ทำงานทำการอะไรอยู่ตอนนี้ โดยภัทรก็แกล้งช่วยตอบไปบ้างตาม
ข้อมูลที่เขาจดจำมาอีกด้วย
นั่นยิ่งทำให้พ่อและแม่ของภัทรรู้สึกพอใจในตัวของรินมากเลยทีเดียว เพราะคุณสมบัติ
ของเธอก็ถือว่าเพียบพร้อม พูดจาก็ไพเราะอ่อนหวาน ดูมีมารยาทและรู้จักเคารพนบนอบ
ผู้ใหญ่ แต่คุณสมบัติหลักๆ ที่พ่อกับแม่ของภัทรไม่ทราบก็คือ รินเป็นเลสเบี้ยน ที่นิยม
ชมชอบผู้หญิงนั่นเอง!
ช่วงที่รินช่วยแม่ภายกจานชามไปล้างในครัว หลังจากทานอาหาร และนั่งพูดคุยกันเสร็จสักพัก
ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่ภาแอบหายตัวไปสักครู่ ก่อนที่เธอจะกลับเข้ามาพร้อมกระดาษใบเล็กๆ
สองใบในมือ ที่ใบหนึ่งจดเบอร์มือถือของแม่ภาเอาไว้ แม่ภายื่นกระดาษใบเล็กๆ นั้นให้รินเก็บ
ไว้ ก่อนจะขอเบอร์มือถือของหญิงสาวไปจดเก็บไว้ในกระดาษอีกใบหนึ่งด้วยเช่นกัน แล้ว
หญิงสูงวัยกว่าก็บอกเธอเพิ่มว่า
“อย่าไปบอกภัทรเรื่องนี้นะลูก เก็บไว้เป็นความลับแค่เราสองคนก็พอ เพราะเดี๋ยวภัทรจะ
หาว่าแม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความสัมพันธ์ของหนูสองคนมากเกินไป”
แถมตอนมาส่งรินขึ้นรถกลับบ้าน แม่ภาก็ยังเดินมาจับมือเธอ ก่อนจะแอบกำชับเสียงเบาๆ
พอให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
“แม่ชอบหนูมากจริงๆ นะลูก ยังไงก็โทรมาหาแม่บ้างนะ ริน” เสร็จแล้วแม่ภาก็ยิ้มให้เธอ
อย่างจริงใจ จนรินอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้
เนื่องจากบ้านของพ่อแม่ภัทรตั้งอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับ*วัดวรเชษฐ์ (วรเชต)
(วัดวอ-ระ-เชด) ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่าทางทิศตะวันตก
ของเมือง ก่อนที่จะพารินกลับไปส่งยังหอพักในจังหวัดนครปฐม เขาจึงพาเธอไปแวะ
เดินเล่นและไหว้ขอพรพระเสริมสิริมงคลที่นั่นก่อนกลับ
“ฉันไม่เคยมาที่วัดนี้มาก่อนเลยนะคุณ บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น แถมคนก็ยังไม่
พลุกพล่าน ฉันชอบที่นี่จังเลยค่ะ” เธอพูดอย่างสบายใจ หลังภารกิจวันนี้เสร็จสิ้นลง
ไปได้ด้วยดี
‘แต่นึกๆ ดูแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย ที่ต้องมาเล่นละครโกหกผู้ใหญ่ใจดี
แบบพ่อแม่ของภัทรแบบนี้’
รินแอบเหม่อลอย อย่างครุ่นคิดอะไรภายในใจคนเดียว ขณะที่เดินไปตามทางของวัด
จนทำให้เธอลืมสนใจมองว่าภัทรได้เดินแยกไปอีกทางหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
“คุณๆ เป็นอะไรรึเปล่า ดูใจลอยๆ นะ” ภัทรพูดขึ้นเสียงดัง เพราะเห็นเธอเดินเลยผ่าน
เขาไปเฉยเลย หลังจากที่ชายหนุ่มเดินเลี้ยวซ้ายมาอีกทาง
“เปล่าๆ คุณ ไม่มีอะไร” รินหยุดคิดมาก พลางรีบปฏิเสธ ก่อนจะรีบหันหลังเดินกลับ
มาหาภัทรที่หยุดยืนรออยู่
“นี่คุณ รู้ไหมว่าวัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วยนะ เพราะวัดแห่งนี้อาจจะ
เป็นที่ปลงพระบรมศพของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ภัทรอธิบายไปตามที่เขา
เคยอ่านมาจากในหนังสือ
“งั้นเหรอคุณ!” รินมีสีหน้าแปลกใจ
“ป่ะ.. ไปใหว้พระปรางค์กัน เสร็จแล้วผมจะได้ไปส่งคุณกลับ คุณจะได้ไปพักผ่อน
ยังไงก็ขอบคุณมากๆ เลยนะที่มาช่วยผมวันนี้อ่ะ ถ้าวันหลังคุณมีอะไรจะให้ผมช่วย
ก็บอกได้เลยนะ ผมอยากตอบแทนคุณบ้าง” ภัทรพูดขอบคุณหญิงสาวขณะที่ทั้งคู่
เดินเคียงคู่กันไปยังพระปรางค์เก่า ซึ่งเชื่อกันว่าอาจจะเป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
credit: siamsouth.com&ETDGuide
*จากบทความของ น. ณ ปากน้ำ ก่อนหน้านี้ในสมัยโบราณ วัดวรเชษฐ์ ถูกเรียกว่า
วัดเจ้าเชษฐ์ ถือเป็นวัดประจำพระองค์พระนเรศวร แต่ที่มาเพี้ยนเป็น วัดวรเชษฐ์ นั้น
อนุมานได้ว่า เป็นเพราะภายหลังการถวายพระเพลิงพระบรมศพของ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว สมเด็จพระเอกาทศรถ ได้พระราชทานชื่อใหม่
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระบรมเชษฐาธิราช จึงให้เรียกขานวัดนี้ว่า วัดวรเชษฐ์
อันแปลว่า วัดพี่ชายผู้ประเสริฐ
**ข้อความจากผู้เขียน : เหตุผลที่เลือกวัดนี้ก็เพราะสถานที่บางที่อาจจะดูเป็น
สถานที่เล็กๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าคุณลองสืบค้นข้อมูลลงไปให้ลึกๆ คุณอาจ
จะพบอะไรที่น่าทึ่งและน่าสนใจที่แอบซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้ ไม่ต่างกับคนเราหรอกค่ะ
บางคนอาจจะดูธรรมดาไม่น่าค้นหา ไม่น่าสนใจ เพียงเพราะเขาเป็นคนที่คุณ
มองข้ามไปรึเปล่า จริงๆ คนๆ นั้นอาจจะมีอะไรดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาก็ได้ และ
คุณก็จะไม่มีวันรู้เลยจนกว่าคุณจะเริ่มหันมองไปที่เขาดูบ้าง
พลิกรักจากหลังไมค์ ตอนที่ 5 ค่ะ :)
บ้างเล็กน้อยก็ตรงที่ถ้าบังเอิญมือเธอมาชนกับมือของภัทรเข้าเมื่อไหร่ หญิงสาวก็จะต้อง
รีบชักมือกลับเสียทุกครั้ง ทำให้พ่อและแม่ของชายหนุ่มแอบงงๆ อยู่นิดหน่อย ว่าเป็น
แฟนกันประสาอะไร โดนตัวกันแล้วถึงมีปฏิกิริยาแปลกๆ แบบนั้น
แต่ด้วยปฏิภาณไหวพริบของภัทร เขาก็สามารถพูดเอาตัวรอดไปได้อย่างแนบเนียน โดย
ทำเป็นแกล้งแซวรินแบบขำๆ ว่า
“นี่คุณจะเขินไปทำไม โดนมือกันแค่นี้เอง พ่อแม่ท่านไม่ว่าอะไรเราหรอกน่า”
นอกจากนั้นบิดามารดาของภัทรก็ซักถามรินแบบพอเป็นพิธี ว่าเป็นคนพื้นเพที่ไหน
เรียนจบอะไรมา ทำงานทำการอะไรอยู่ตอนนี้ โดยภัทรก็แกล้งช่วยตอบไปบ้างตาม
ข้อมูลที่เขาจดจำมาอีกด้วย
นั่นยิ่งทำให้พ่อและแม่ของภัทรรู้สึกพอใจในตัวของรินมากเลยทีเดียว เพราะคุณสมบัติ
ของเธอก็ถือว่าเพียบพร้อม พูดจาก็ไพเราะอ่อนหวาน ดูมีมารยาทและรู้จักเคารพนบนอบ
ผู้ใหญ่ แต่คุณสมบัติหลักๆ ที่พ่อกับแม่ของภัทรไม่ทราบก็คือ รินเป็นเลสเบี้ยน ที่นิยม
ชมชอบผู้หญิงนั่นเอง!
ช่วงที่รินช่วยแม่ภายกจานชามไปล้างในครัว หลังจากทานอาหาร และนั่งพูดคุยกันเสร็จสักพัก
ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่ภาแอบหายตัวไปสักครู่ ก่อนที่เธอจะกลับเข้ามาพร้อมกระดาษใบเล็กๆ
สองใบในมือ ที่ใบหนึ่งจดเบอร์มือถือของแม่ภาเอาไว้ แม่ภายื่นกระดาษใบเล็กๆ นั้นให้รินเก็บ
ไว้ ก่อนจะขอเบอร์มือถือของหญิงสาวไปจดเก็บไว้ในกระดาษอีกใบหนึ่งด้วยเช่นกัน แล้ว
หญิงสูงวัยกว่าก็บอกเธอเพิ่มว่า
“อย่าไปบอกภัทรเรื่องนี้นะลูก เก็บไว้เป็นความลับแค่เราสองคนก็พอ เพราะเดี๋ยวภัทรจะ
หาว่าแม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความสัมพันธ์ของหนูสองคนมากเกินไป”
แถมตอนมาส่งรินขึ้นรถกลับบ้าน แม่ภาก็ยังเดินมาจับมือเธอ ก่อนจะแอบกำชับเสียงเบาๆ
พอให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
“แม่ชอบหนูมากจริงๆ นะลูก ยังไงก็โทรมาหาแม่บ้างนะ ริน” เสร็จแล้วแม่ภาก็ยิ้มให้เธอ
อย่างจริงใจ จนรินอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้
เนื่องจากบ้านของพ่อแม่ภัทรตั้งอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับ*วัดวรเชษฐ์ (วรเชต)
(วัดวอ-ระ-เชด) ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่าทางทิศตะวันตก
ของเมือง ก่อนที่จะพารินกลับไปส่งยังหอพักในจังหวัดนครปฐม เขาจึงพาเธอไปแวะ
เดินเล่นและไหว้ขอพรพระเสริมสิริมงคลที่นั่นก่อนกลับ
“ฉันไม่เคยมาที่วัดนี้มาก่อนเลยนะคุณ บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น แถมคนก็ยังไม่
พลุกพล่าน ฉันชอบที่นี่จังเลยค่ะ” เธอพูดอย่างสบายใจ หลังภารกิจวันนี้เสร็จสิ้นลง
ไปได้ด้วยดี
‘แต่นึกๆ ดูแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย ที่ต้องมาเล่นละครโกหกผู้ใหญ่ใจดี
แบบพ่อแม่ของภัทรแบบนี้’
รินแอบเหม่อลอย อย่างครุ่นคิดอะไรภายในใจคนเดียว ขณะที่เดินไปตามทางของวัด
จนทำให้เธอลืมสนใจมองว่าภัทรได้เดินแยกไปอีกทางหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
“คุณๆ เป็นอะไรรึเปล่า ดูใจลอยๆ นะ” ภัทรพูดขึ้นเสียงดัง เพราะเห็นเธอเดินเลยผ่าน
เขาไปเฉยเลย หลังจากที่ชายหนุ่มเดินเลี้ยวซ้ายมาอีกทาง
“เปล่าๆ คุณ ไม่มีอะไร” รินหยุดคิดมาก พลางรีบปฏิเสธ ก่อนจะรีบหันหลังเดินกลับ
มาหาภัทรที่หยุดยืนรออยู่
“นี่คุณ รู้ไหมว่าวัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วยนะ เพราะวัดแห่งนี้อาจจะ
เป็นที่ปลงพระบรมศพของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ภัทรอธิบายไปตามที่เขา
เคยอ่านมาจากในหนังสือ
“งั้นเหรอคุณ!” รินมีสีหน้าแปลกใจ
“ป่ะ.. ไปใหว้พระปรางค์กัน เสร็จแล้วผมจะได้ไปส่งคุณกลับ คุณจะได้ไปพักผ่อน
ยังไงก็ขอบคุณมากๆ เลยนะที่มาช่วยผมวันนี้อ่ะ ถ้าวันหลังคุณมีอะไรจะให้ผมช่วย
ก็บอกได้เลยนะ ผมอยากตอบแทนคุณบ้าง” ภัทรพูดขอบคุณหญิงสาวขณะที่ทั้งคู่
เดินเคียงคู่กันไปยังพระปรางค์เก่า ซึ่งเชื่อกันว่าอาจจะเป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
credit: siamsouth.com&ETDGuide
*จากบทความของ น. ณ ปากน้ำ ก่อนหน้านี้ในสมัยโบราณ วัดวรเชษฐ์ ถูกเรียกว่า
วัดเจ้าเชษฐ์ ถือเป็นวัดประจำพระองค์พระนเรศวร แต่ที่มาเพี้ยนเป็น วัดวรเชษฐ์ นั้น
อนุมานได้ว่า เป็นเพราะภายหลังการถวายพระเพลิงพระบรมศพของ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว สมเด็จพระเอกาทศรถ ได้พระราชทานชื่อใหม่
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระบรมเชษฐาธิราช จึงให้เรียกขานวัดนี้ว่า วัดวรเชษฐ์
อันแปลว่า วัดพี่ชายผู้ประเสริฐ
**ข้อความจากผู้เขียน : เหตุผลที่เลือกวัดนี้ก็เพราะสถานที่บางที่อาจจะดูเป็น
สถานที่เล็กๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าคุณลองสืบค้นข้อมูลลงไปให้ลึกๆ คุณอาจ
จะพบอะไรที่น่าทึ่งและน่าสนใจที่แอบซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้ ไม่ต่างกับคนเราหรอกค่ะ
บางคนอาจจะดูธรรมดาไม่น่าค้นหา ไม่น่าสนใจ เพียงเพราะเขาเป็นคนที่คุณ
มองข้ามไปรึเปล่า จริงๆ คนๆ นั้นอาจจะมีอะไรดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาก็ได้ และ
คุณก็จะไม่มีวันรู้เลยจนกว่าคุณจะเริ่มหันมองไปที่เขาดูบ้าง