สวัสดีสาวๆ ตามหัวข้อกระทู้เลยเน้อ วันนี้เราขอท้าด้วยหน้าตัวเอง จะมาไขปัญหาที่คาใจ(ตัวเองอีกเช่นกัน) ว่าครีมบำรุงหลายๆตัวที่ราคาระดับห้าดาว งดข้าวงดน้ำกันไปถ้าต้องซื้อ จะใช้ดีกว่าครีมทั่วไปที่จ่ายง่ายสบายกระเป๋ารึเปล่า สรุปคือ “คุ้มมั้ย, ควรค่ามั้ย” กับการลงทุน
ก่อนจะไปถึงช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องราวในวันนี้ ขอเท้าความกันก่อนสักหน่อยว่า จริงอยู่ที่ จขกท. มีเบ้าหน้าของคนจีนอยู่มากมายเกินจะบรรยาย ผิวที่ขาวเนียนสะเหลือเกิ้น(ตรงไหน?) ผิวหน้าก็สมดุลมว๊าก แบบว่าใครเห็นก็ต้องหลงไหลกันเลยทีเดียว เฮ้ยตื่น !! จริงๆแล้วหนังหน้าก็มีปัญหาเยอะอยู่ค่ะ เช่น รูขุมขนกว้าง, หน้ามัน, หน้าลอก, ผิวขาดน้ำ, อากาศเปลี่ยน sepdermก็เห่อ เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ก็เห่อ (ส่วนใหญ่) บลาๆๆ อยู่ที่ช้านคนเดียวเลยค่ะ เซ็งแป้บ!! ต่อเลยนะ ไม่มีเวลาจิตตก
ปล.ที๊ 1 งานนี้เป็นงานรีวิวแบบไม่อิงความรู้ใดๆ เอาความรู้สึกสต.ล้วนๆ หากไม่เห็นด้วยขอความเมตตาเบาๆ อย่าแรงนักน้าาาา จุ๊ฟๆ
เนื่องจากเราเป็นคนไม่ค่อยบ้าบิวตี้เล้ย คืออย่างมากก็แค่แวะไปกดครีมฟรีๆ หรือติดไม้ติดมือมานิดๆหน่อยที่ sephora ทุกอาทิตย์ (ความดัดจริตเริ่มก่อเกิด) เพราะฉะนั้นค่อนข้างได้ลองของกันมาระดับนึง แต่ความรู้ในด้านผิวกลับสวนทาง 5555 เอาค่ะเรามาเริ่มจากผู้ท้าชิงคู่แรกกันเลยนะ
ยกที่ 1 : สังเวียนน้ำตบ
ตบกันเข้าไป จำได้ว่าได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง(แต่เข้าใจว่ามันคงมีมานานกว่านี้) เดิมคิดว่ามอยซเจอร์เท่านั้นที่จำเป็นโดย SK-II คือเจ้าแรกที่ทำให้เรารู้จักเพราะนางมาสวยสายแดง น้ำซาวข้าวช่างเข้าตาคนช่างฝันอย่างดิชั้นเสียจริง ต่อมาก็เริ่มมีฮาดะลาโบะที่เข้าตาเพราะราคาที่น่าลอง กร้าาากผลเป็นไง รับชมค่ะ!
• ฮาดะ ลาโบะ เอสเอชเอ ไฮเดรตติ้ง โลชั่น 170 มล. 520 บาท @Watsons
• SK-II ตัวโด่งดัง สนนราคาตัว Facial Treatment Essence 75 ml. 2,800บาท @Counter Paragon
ผลลัพธ์
• SK-II คือน้ำเปล่านะ (สำหรับเรา) ทั้งเราและแม่ต่างมีความเห็นที่ตรงกันโดยมิได้นัดหมาย กลิ่นไม่โอเค ซึมเร็วแบบมาาาก อะไรจะซึมดีขนาดนั้น วันแรกที่ได้ใช้เราก็ว่ามันช่วยเรื่องชุ่มชื้นดีมากอยู่ แต่พอใช้ไปสักสามถึงสี่ครั้งกลับรู้สึกว่าเอ่อ "2,800 ชั้น ได้แค่ชุ่มชื้น?" คือควรพอใจแล้วใช่มั้ย 555 สรุปหมดขวดแล้วเลิกกัน
• Hada Labo คือน้ำเปล่าที่ราคาถูกลงมาหน่อย สมเหตุสมผล (ไม่ใช่เพราะ จขกท. ไม่ใช้ของแพงนะ แต่เราจะเลือกเฉพาะบางประเภท) ผลลัพธ์จากตัวนี้ค่อนข้างระคายเคือง คือจะยิบๆบริเวณข้างแก้มนิดๆ เหมือนมดไต่ แต่ไม่เกิดสิวแต่อย่างใด ทิ้งสิค่ะ รออะไร! แต่ยังอุตส่าห์ทนใช้มาครึ่งขวดนะค่อยทิ้ง เผื่อมีปาฏิหาริย์แต่ก็อย่างที่พี่กบว่าแหล่ะค่ะ "ปาฏิหาริย์....ไม่มีจริง..."
ยกที่ 2: สังเวียนเซรั่ม ฟลูอิด
ยกนี้ขอ 3 ! เพราะมี 1 น้องใหม่ที่อยากอวยมากกก ก.ไก่ล้านตัว ที่เราจะอวยให้ใส้แตกกันไปข้างเลยเพราะถูกจริตเราที๊สุ๊ด!!!! บอกเลอ
• Estee Lauder Advanced Night Repair Syncronized Recovery Complex II 50มล. 4,600 บาท @Counter Siam Center
• Giniv Ultime Le Fluide 80 มล. 4,180 บาท @Counter Siam Center
• Mamonde First Energy Serum 100 มล. 990 บาท @Central Online (central.co.th)
ผลลัพธ์
• Mamonde ขอเริ่มจากตัวราคาเบาๆเพื่อตัดเลี่ยนกันก่อน เนื้อเซรั่มค่อนข้างซึมเร็ว “ด้วยอานุภาพของน้ำดอกสายน้ำผึ้ง” ทันทีที่สัมผัสกับผิวจะรู้สึกอุ่นๆนิดๆ คงเป็นเพราะอานุภาพของมันแน่นอน ซึมเร็วใช้ได้คือไม่เร็วจนรู้สึกว่าเป็นน้ำ ลองใช้มาสักพักก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ก็ๆม่ได้สร้างความประทับใจได้ขนาดอ้าปากค้าง และเพราะราคาที่ค่อนข้างเอื้อมถึงด้วยกระมัง สรุปใช้ดีระดับนึง แต่ยังไม่เพียงพอกับหนังหน้าของเรา
• Ultime Le Fluide จาก Giniv เจ้านี้บอกตามตรงซื้อเพราะความบ้าและความบังเอิญ และความฮาร์ดเซลของบีเอ ในระหว่างเดินไปสิงสู่อยู่ที่ Sephora ใน Siam Center ไม่ต้องพูดมากเสียทรัพย์กันไป นางว่ามันคือฟลูอิด??? งงค่ะ อะไรคือฟลูอิด เคยได้ยินแต่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ประหนึ่งน้ำมันเครื่องเติมพลังให้ผิวรึเปล่าแต่ที่อยากอวย และผิดคาดคืออีฟลูอิดน้ำหมักชีวภาพนี้นี่เอง!! นางดีงามพระรามแปด ตอบโจทย์ปัญหาผิวของอิชั้นโดยแท้ รูขุมขนกระชับ ผิวนุ่มอิ่มและฟู เน้นนะคำว่าฟูคือฟูรูขุมขนกระชับจนแบบ เฮ้ย!เทอหายไปจากชีวิตชั้นล้าว ตื่นมาแบบว่าแม่เจ้ากันเลยทีเดียว สว่างขึ้น แต่ยังไม่ทำให้ขาวขึ้น อารมณ์ล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ และคงสภาพนั้นไว้เกือบท้งวันอะไนประมาณนั้น เพราะฉะนั้นส่วนตัวคิดว่ามันคงไม่ได้ทำให้ชั้นขาวขึ้นแน่ๆ สรุปตัวเดียวอยู่ ไม่ต้อง Moisture กันแล้ว ( ไม่ใช่เพียงพอ แต่สงสารเงินในกระเป๋าเบาๆ)
• Estée Lauder ANR เจ้าเด่น เจ้าดังขายดีอันดับ 1 ค่ะ ส่วนตัวชอบกลิ่นนาง นวลเนียนสดชื่น แต่เนื้อสัมผัสความนุ่มลื่น เกลี่ยแล้วสนุกยังทำไม่ดีเท่าตัวฟลูอิดของจินีฟด้านบน (ด้านบนลืมติเรื่องกลิ่นที่ “ประหลาดมาก” อารมณ์โสมปนกับเลมอนมะนาว ไม่ค่อยโอนะคะ) ผลลัพธ์หลังใช้ก็ดีในระดับที่สมราคา แต่ก็ยังไม่ว้าว เพราะส่วนตัวเป็นคนผิวมันแต่ลอกและขาดน้ำ เจอตัวนี้ที่ใช้แล้วมันหนักกว่าเก่า คือมันแค่เคลือบผิวแต่ไม่ได้เติมน้ำให้ผิวสักเท่าไหร่ คือปัญหาผิวขาดน้ำยังคงอ ปัญหายังคงอยู่
สุดท้ายนี้ขอให้สาวๆเลือกครีมบำรุงให้ตรงกับปัญหาของเรา และรำลึกเสมอว่าการดูแลผิวนี้เปรียบเหมือนการลงทุนระยะยาวที่จะได้รับอานิสงค์อย่างชัดเจนเมื่อเวลาเข้าวัย (แก่) ดังนั้น จะประหยัดก็ไปประหยัดอย่างอื่นค่ะ หน้าเราผิวเราย้อนคืนไม่ได้ จะรอแก่ รอเหี่ยวค่อยมาลงทุนก็สายไปแล้วค่ะ ถ้าไม่อยากให้ผิวหน้าเราล้ำหน้าเกินเพื่อนและคนรักแล้วหล่ะก็ ลงทุนสะในวันนี้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในอนาคตค่ะ 55555
ท้ายนี้เราต้องขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามารับชม อ่าน หรืออะไรก็ตามทีนะคะ และขออภัยในความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น จริงๆจขกท. ยังมีเรื่องราวที่อยากจะแบ่งปันอีกมาก แต่นักเขียนมือใหม่จะเขียนอะไรสักชิ้นก็ลำบากเลยต้องอาศัยเวลามากกว่าท่านอื่นๆ แต่ยังงับจะพยายามต่อไปค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ
[CR] กระทู้พลีชีพ พลีหน้าเพื่อชาติ ครีมบำรุงราคาแพงช่วยกู้หน้าเราได้ดีกว่าครีมราคาทั่วไปจริงหรือ?????
ก่อนจะไปถึงช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องราวในวันนี้ ขอเท้าความกันก่อนสักหน่อยว่า จริงอยู่ที่ จขกท. มีเบ้าหน้าของคนจีนอยู่มากมายเกินจะบรรยาย ผิวที่ขาวเนียนสะเหลือเกิ้น(ตรงไหน?) ผิวหน้าก็สมดุลมว๊าก แบบว่าใครเห็นก็ต้องหลงไหลกันเลยทีเดียว เฮ้ยตื่น !! จริงๆแล้วหนังหน้าก็มีปัญหาเยอะอยู่ค่ะ เช่น รูขุมขนกว้าง, หน้ามัน, หน้าลอก, ผิวขาดน้ำ, อากาศเปลี่ยน sepdermก็เห่อ เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ก็เห่อ (ส่วนใหญ่) บลาๆๆ อยู่ที่ช้านคนเดียวเลยค่ะ เซ็งแป้บ!! ต่อเลยนะ ไม่มีเวลาจิตตก
ปล.ที๊ 1 งานนี้เป็นงานรีวิวแบบไม่อิงความรู้ใดๆ เอาความรู้สึกสต.ล้วนๆ หากไม่เห็นด้วยขอความเมตตาเบาๆ อย่าแรงนักน้าาาา จุ๊ฟๆ
เนื่องจากเราเป็นคนไม่ค่อยบ้าบิวตี้เล้ย คืออย่างมากก็แค่แวะไปกดครีมฟรีๆ หรือติดไม้ติดมือมานิดๆหน่อยที่ sephora ทุกอาทิตย์ (ความดัดจริตเริ่มก่อเกิด) เพราะฉะนั้นค่อนข้างได้ลองของกันมาระดับนึง แต่ความรู้ในด้านผิวกลับสวนทาง 5555 เอาค่ะเรามาเริ่มจากผู้ท้าชิงคู่แรกกันเลยนะ
ยกที่ 1 : สังเวียนน้ำตบ
ตบกันเข้าไป จำได้ว่าได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง(แต่เข้าใจว่ามันคงมีมานานกว่านี้) เดิมคิดว่ามอยซเจอร์เท่านั้นที่จำเป็นโดย SK-II คือเจ้าแรกที่ทำให้เรารู้จักเพราะนางมาสวยสายแดง น้ำซาวข้าวช่างเข้าตาคนช่างฝันอย่างดิชั้นเสียจริง ต่อมาก็เริ่มมีฮาดะลาโบะที่เข้าตาเพราะราคาที่น่าลอง กร้าาากผลเป็นไง รับชมค่ะ!
• ฮาดะ ลาโบะ เอสเอชเอ ไฮเดรตติ้ง โลชั่น 170 มล. 520 บาท @Watsons
• SK-II ตัวโด่งดัง สนนราคาตัว Facial Treatment Essence 75 ml. 2,800บาท @Counter Paragon
ผลลัพธ์
• SK-II คือน้ำเปล่านะ (สำหรับเรา) ทั้งเราและแม่ต่างมีความเห็นที่ตรงกันโดยมิได้นัดหมาย กลิ่นไม่โอเค ซึมเร็วแบบมาาาก อะไรจะซึมดีขนาดนั้น วันแรกที่ได้ใช้เราก็ว่ามันช่วยเรื่องชุ่มชื้นดีมากอยู่ แต่พอใช้ไปสักสามถึงสี่ครั้งกลับรู้สึกว่าเอ่อ "2,800 ชั้น ได้แค่ชุ่มชื้น?" คือควรพอใจแล้วใช่มั้ย 555 สรุปหมดขวดแล้วเลิกกัน
• Hada Labo คือน้ำเปล่าที่ราคาถูกลงมาหน่อย สมเหตุสมผล (ไม่ใช่เพราะ จขกท. ไม่ใช้ของแพงนะ แต่เราจะเลือกเฉพาะบางประเภท) ผลลัพธ์จากตัวนี้ค่อนข้างระคายเคือง คือจะยิบๆบริเวณข้างแก้มนิดๆ เหมือนมดไต่ แต่ไม่เกิดสิวแต่อย่างใด ทิ้งสิค่ะ รออะไร! แต่ยังอุตส่าห์ทนใช้มาครึ่งขวดนะค่อยทิ้ง เผื่อมีปาฏิหาริย์แต่ก็อย่างที่พี่กบว่าแหล่ะค่ะ "ปาฏิหาริย์....ไม่มีจริง..."
ยกที่ 2: สังเวียนเซรั่ม ฟลูอิด
ยกนี้ขอ 3 ! เพราะมี 1 น้องใหม่ที่อยากอวยมากกก ก.ไก่ล้านตัว ที่เราจะอวยให้ใส้แตกกันไปข้างเลยเพราะถูกจริตเราที๊สุ๊ด!!!! บอกเลอ
• Estee Lauder Advanced Night Repair Syncronized Recovery Complex II 50มล. 4,600 บาท @Counter Siam Center
• Giniv Ultime Le Fluide 80 มล. 4,180 บาท @Counter Siam Center
• Mamonde First Energy Serum 100 มล. 990 บาท @Central Online (central.co.th)
ผลลัพธ์
• Mamonde ขอเริ่มจากตัวราคาเบาๆเพื่อตัดเลี่ยนกันก่อน เนื้อเซรั่มค่อนข้างซึมเร็ว “ด้วยอานุภาพของน้ำดอกสายน้ำผึ้ง” ทันทีที่สัมผัสกับผิวจะรู้สึกอุ่นๆนิดๆ คงเป็นเพราะอานุภาพของมันแน่นอน ซึมเร็วใช้ได้คือไม่เร็วจนรู้สึกว่าเป็นน้ำ ลองใช้มาสักพักก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ก็ๆม่ได้สร้างความประทับใจได้ขนาดอ้าปากค้าง และเพราะราคาที่ค่อนข้างเอื้อมถึงด้วยกระมัง สรุปใช้ดีระดับนึง แต่ยังไม่เพียงพอกับหนังหน้าของเรา
• Ultime Le Fluide จาก Giniv เจ้านี้บอกตามตรงซื้อเพราะความบ้าและความบังเอิญ และความฮาร์ดเซลของบีเอ ในระหว่างเดินไปสิงสู่อยู่ที่ Sephora ใน Siam Center ไม่ต้องพูดมากเสียทรัพย์กันไป นางว่ามันคือฟลูอิด??? งงค่ะ อะไรคือฟลูอิด เคยได้ยินแต่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ประหนึ่งน้ำมันเครื่องเติมพลังให้ผิวรึเปล่าแต่ที่อยากอวย และผิดคาดคืออีฟลูอิดน้ำหมักชีวภาพนี้นี่เอง!! นางดีงามพระรามแปด ตอบโจทย์ปัญหาผิวของอิชั้นโดยแท้ รูขุมขนกระชับ ผิวนุ่มอิ่มและฟู เน้นนะคำว่าฟูคือฟูรูขุมขนกระชับจนแบบ เฮ้ย!เทอหายไปจากชีวิตชั้นล้าว ตื่นมาแบบว่าแม่เจ้ากันเลยทีเดียว สว่างขึ้น แต่ยังไม่ทำให้ขาวขึ้น อารมณ์ล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ และคงสภาพนั้นไว้เกือบท้งวันอะไนประมาณนั้น เพราะฉะนั้นส่วนตัวคิดว่ามันคงไม่ได้ทำให้ชั้นขาวขึ้นแน่ๆ สรุปตัวเดียวอยู่ ไม่ต้อง Moisture กันแล้ว ( ไม่ใช่เพียงพอ แต่สงสารเงินในกระเป๋าเบาๆ)
• Estée Lauder ANR เจ้าเด่น เจ้าดังขายดีอันดับ 1 ค่ะ ส่วนตัวชอบกลิ่นนาง นวลเนียนสดชื่น แต่เนื้อสัมผัสความนุ่มลื่น เกลี่ยแล้วสนุกยังทำไม่ดีเท่าตัวฟลูอิดของจินีฟด้านบน (ด้านบนลืมติเรื่องกลิ่นที่ “ประหลาดมาก” อารมณ์โสมปนกับเลมอนมะนาว ไม่ค่อยโอนะคะ) ผลลัพธ์หลังใช้ก็ดีในระดับที่สมราคา แต่ก็ยังไม่ว้าว เพราะส่วนตัวเป็นคนผิวมันแต่ลอกและขาดน้ำ เจอตัวนี้ที่ใช้แล้วมันหนักกว่าเก่า คือมันแค่เคลือบผิวแต่ไม่ได้เติมน้ำให้ผิวสักเท่าไหร่ คือปัญหาผิวขาดน้ำยังคงอ ปัญหายังคงอยู่
สุดท้ายนี้ขอให้สาวๆเลือกครีมบำรุงให้ตรงกับปัญหาของเรา และรำลึกเสมอว่าการดูแลผิวนี้เปรียบเหมือนการลงทุนระยะยาวที่จะได้รับอานิสงค์อย่างชัดเจนเมื่อเวลาเข้าวัย (แก่) ดังนั้น จะประหยัดก็ไปประหยัดอย่างอื่นค่ะ หน้าเราผิวเราย้อนคืนไม่ได้ จะรอแก่ รอเหี่ยวค่อยมาลงทุนก็สายไปแล้วค่ะ ถ้าไม่อยากให้ผิวหน้าเราล้ำหน้าเกินเพื่อนและคนรักแล้วหล่ะก็ ลงทุนสะในวันนี้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในอนาคตค่ะ 55555
ท้ายนี้เราต้องขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามารับชม อ่าน หรืออะไรก็ตามทีนะคะ และขออภัยในความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น จริงๆจขกท. ยังมีเรื่องราวที่อยากจะแบ่งปันอีกมาก แต่นักเขียนมือใหม่จะเขียนอะไรสักชิ้นก็ลำบากเลยต้องอาศัยเวลามากกว่าท่านอื่นๆ แต่ยังงับจะพยายามต่อไปค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ