เมื่อลูกชายเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ๋ A การสังเกตุอาการ การรักษา การเตรียมตัวของพ่อแม่ และประกันสุขภาพที่ควรมี

กระทู้สนทนา
สวัสดีคะ คุณพ่อคุณแม่ และเพื่อน ๆ พันทิพทุกคน

อย่างที่จั่วหัวไว้นะคะ ลูกชายเพิ่งจะหายจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ที่มีการระบาดเกิดขึ้นอย่างหนักตอนนี้
โรงเรียนหลายโรงเรียนต้องปิดเรียนเพื่อยับยั้งการแพร่กระจาย รวมถึงโรงเรียนของลูกชายด้วยคะ เลยทำให้รู้ว่าลูกติดมาจากโรงเรียน

แนะนำลูกชายก่อนนะคะ น้องเบนลี่ อายุ 3 ขวบคะ เพิ่งเข้าเรียนไปประมาณ 3 เดือน ในชั้นเตรียมอนุบาลนะคะ
การติดโรคมาจากโรงเรียนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กทุกคนนะคะ ฉะนั้นไม่ต้องฟูมฟายโทษโรงเรียนนะคะ
แต่แนะนำให้หาทางป้องกันและรับมือในด้านต่าง ๆ ไว้ดีกว่านะคะ

ในกรณีนี้ ทางโรงเรียนก็มีการประกาศหยุดเรียน 3 วัน เพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคครั้งใหญ่ รวมถึงล้างแอร์ด้วย ซึ่งก็ถือว่าจัดการได้ดีคะ

มาเข้าเรื่องตามที่แจ้งด้านบนดีกว่าคะ

น้องน่าจะติดเชื้อมาจากโรงเรียนตั้งแต่วันศุกร์ แล้วมีระยะฟักตัวในช่วงวันเสาร์ เพราะศุกร์เสาร์ยังร่าเริงคะ แต่เสาร์เย็น ๆ เริ่มมีอาการซึม
และตัวรุม ๆ ตอนไปเดินงาน Baby Best Buy ด้วยกัน เลยรีบกลับบ้านวัดไข้คะ เริ่มมีไข้มาแล้วประมาณ 37 องศา ก็จับอาบน้ำเช็ดตัว แล้วก็กินยาลดไข้ ยาละลายเสมหะเพราะลูกมีอาการไอ รวมถึงยาแก้แพ้เพราะเริ่มมีน้ำมูกใส ๆ อาการเหมือนเป็นหวัดธรรมดาในระยะแรก แล้วก็ให้นอน
ความยากอย่างใหญ่หลวงของลูกคือเป็นเด็กทานยายากคะ
ดังนั้นกว่าจะป้อนกันเสร็จ ลูกก็กินยาแล้วอ้วกไปประมาณ 3-4 รอบ

พอนอนหลับไปทั้งคืนก็มีจับตัวลูกเป็นระยะ ก็รู้สึกว่าไข้ไม่ลด เช้ามาก็ให้กินยาลดไข้ตอน 8 โมงเช้าและเช็ดตัว ไข้ก็ยังไม่ลด แถมไข้ขยับสูงขึ้น
ทานยาลดไข้พร้อมเช็ดตัวอีกทีตอนเที่ยง บ่าย 4 โมงเย็น ไข้ก็ยังไม่ลด แถมไข้เริ่มขยับไป 39 องศาแล้ว อาการนี้น่าจะไม่ใช่หวัดธรรมดา
ประเมินคร่าว ๆ คิดไว้ว่าถ้าไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ก็น่าจะ RSV ตัดไข้เลือดออกออกไป เพราะดูตามเนื้อตัวยังไม่มีตุ่มอะไร
แต่ผิวลูกเริ่มมีลาย ๆ แดงแล้วตัวลูกก็ดูแดง ๆ เหมือนเวลาคนมีไข้สูง ก็เลยคิดว่าไปโรงพยาบาลดีกว่า

แต่ก่อนไป รพ. คิดไว้แล้วว่าอาจมีการแอดมิท เพราะดูจากอาการไข้สูงลอยไม่ยอมลด จัดการเช็คประกันที่ซื้อทิ้งไว้เพราะเห็นว่าเบี้ยราคาไม่แพงมาก
แต่คุ้มครอง 5 โรคฮิตของเด็ก เอาไปด้วยเผื่อได้ใช้

ไปถึงโรงพยาบาลเด็ก สมิติเวช ศรีนครินทร์ ก็จับวัดความดัน วัดไข้ก็ 39.6 ต้องกินยาลดไข้และเช็ดตัวทันที พบคุณหมอแล้วก็ป้ายจมูกเช็คเชื้อ รอผลเชื้อครึ่งชั่วโมง
คุณหมอแจ้งผลว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ รีบดูตารางกรมธรรม์ที่ถ่ายรูปติดมาดูด้วยว่ามันคุ้มครองไหม

เป็นไข้หวัดใหญ่อยู่ในความคุ้มครองของประกัน  (พ่อแม่แอบปาดเหงื่อ) ตอนแรกลังเลจะกลับไปนอนบ้านดีไหม
แต่สุดท้ายแอดมิทคะ เพราะกลัวดูแลกันไม่ไหว เดี๋ยวป่วยตามกันไปเสียก่อน

พอทราบว่าลูกเป็น ตำถามต่อมาที่ถามคุณหมอคือ พ่อแม่ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทันไหมคะ
คำตอบคือ ไม่ทันคะ เพราะมันต้องใช้เวลาให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันคะ
ถามอีกว่า มีทางป้องกันวงจรอุบาทว์ที่พอลูกหายพ่อแม่เป็นวนไปไหมคะ
คุณหมอเลยแจ้งว่าให้ทานยา Tamiflu ไปพร้อมลูกเลยแม้จะไม่เป็น แต่เพื่อกันไม่ให้เป็นหากได้รับเชื้อ

มีทางรอดสำหรับพ่อแม่แล้ว เพราะต้องนอนดูแลลูกตลอด ต่อให้ภูมิต้านทานดีแค่ไหนก็ไม่น่ารอดคะ
เพราะมันติดต่อทางอากาศ  ฉะนั้นหากลูกเป็นไข้หวัดใหญ่ อย่าคิดว่าตัวเองแข็งแรง แล้วไม่ทานนะคะ กินไปเลยคะ ให้หมอจ่ายยาให้เลย

ค่ายา ค่าแล็บ ค่าหมอตอนแรกที่ตั้งใจกลับบ้านประมาณ 8,000 บาทคะ หักประกันได้แค่ 1,000 บาท เพราะเป็น OPD
พอจะจ่ายตังค์เห็นหน้าลูก คิดอีกทีแอดมิทดีกว่า ไม่แน่ใจจะClaim ได้แค่ไหน แต่ลูกน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะมีคนดูแลเยอะ

เลยแจ้งพยาบาลว่า เปลี่ยนใจขอแอดมิทแทนนะคะ รบกวนแจ้งคุณหมอเพื่อทำเรื่องส่งตัวเป็นคนไข้ IPD คะ
แจ้งตอนประมาณ 18.00 น. ก็ได้ห้องตอน 18.45 น. รวดเร็ว ตามมาตรฐานรพ. เอกชน
ด้านล่างเป็น Timeline คร่าว ๆ ในแต่ละวันคะ

DAY 1: แอดมิท ไข้สูง 39 - 40  เจาะเลือดเช็กภาวะแทรกซ้อน เจาะน้ำเกลือ เก็บปัสสาวะ ส่งตรวจหาภาวะแทรกซ้อน กิน Tamiflu Dose 1 ไข้สูงทั้งคืน เช็ดตัวทุก 2 ชั่วโมง ต้องเช็ดแรง ๆ ย้อนรูขุมขน ลูกกรีดร้อง หนาวสั่นก็ต้องทน เพราะต้องลดอุณหภูมิเพื่อกันชัก ปลุกทานยาลดไข้สูงอย่าง Ibuprophen ทุก4 ชม ลูกกินแล้วอ้วก กินแล้วอ้วก อีก 2-3 รอบ ตอนประมาณตี 4 โชคดีที่แอดมิทคะ ไม่งั้นไม่ไหวแน่ทั้งพ่อแม่

DAY 2: ไข้ยังสูงลอย มีอาการซึมอยู่ ต้องกินยาลดไข้สูงตลอด กิน Tamiflu หลังอาหารเช้าเย็น ตัว Tamiflu ต้องทานให้ครบ10 โดส เพื่อกำจัดไวรัสไข้หวัดใหญ่ให้หมดไป อาการพวกน้ำมูกกับไอเริ่มมาแล้ว โดยน้ำมูกมีลักษณะเขียวข้น ปรึกษาหมอ พบกว่ามีอาการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งมีโอกาสเกิดกับเด็กที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ประมาณ 30% ลูกชายก็อยู่ในกลุ่มนี้คะ เลยต้องเพิ่มยาฆ่าเชื้อผ่านสายน้ำเกลือ

DAY 3: ไข้ลดลงอยู่ในระดับ 37 กว่า ๆ มา ๆ ไป ๆ กินยาลดไข้อย่างพวก Tempra Forte แทน พร้อมยาใหม่ ๆ อย่าง Flemex แก้อาการไอ มีเสมหะ Pseudo ช่วยเรื่องคัดจมูก และตัวที่กินยากที่สุดอย่าง Tamiflu เช้าเย็น กินแล้วอ้วกเกือบทุกที่ แต่บางทีก็ยอมกินง่าย ๆ เดาใจยาก เนื่องจากน้ำมูกเขียวข้น
ต้องทำการล้างจมูกเพื่อให้หายใจได้คล่องขึ้น รอบแรกพยาบาลล้างให้ หลังจากนั้นพ่อแม่ล้างเอง ล้างทุก 1-2 ชม. เพื่อเอามูกเหนียวข้นและเชื้อโรคออกมา ลูกงอแงก็ต้องทำคะ ไม่งั้นไม่หาย พอลูกเริ่มไอ บางทีนอน ๆ ตอนกลางคืนไอเรื่อย ๆ ก็มีแหวะอ้วกออกมาด้วย เพราะเขาคากเสมหะไม่เป็น มันก็เลยแหวะออกมาหมด อยู่รพ. ก็ดีหน่อยตรงที่มีคนมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าลูก เช็ดตัว เปลี่ยนผ้าปู ปลอกหมอน ตลอดทั้งคืน

DAY 4: ไข้เริ่มไม่มี แรงเริ่มกลับมา จากอาการของโรคเป็นอาการของลูกที่ไม่ยอมกินยา (ในใจคงคิดว่าหายแล้ว) แต่ต้องให้กิน Tamiflu ให้ครบโดสให้ได้ วันนี้โหดคะ กินแล้วอ้วก 4 รอบ จนต้องจับรัดตัวป้อน ก็พ่นยาให้หน้าพยาบาล ก็ต้องจับกดแล้วป้อนคะ ไม่ครบไม่หาย ข้าวที่กินไปตอนเช้าอ้วกออกหมดคะ พอกินยาครบ หลังอาละวาดเสร็จก็หลับยาวไป 3 ชม. ตื่นมาอีกทีก็งัวเงียทานข้าวเย็น แต่กินยารอบเย็นดีขึ้นหน่อย เพราะกลัวถูกจับมัด เลยยอมทานยาเอง ไม่ขย้อนหรือเค้นอ้วกออกมา ล้างจมูกทุก 1-2 ชม. แต่ที่เพิ่มมาคือยาพ่นจมูกคะ ต้องพ่นด้วยก๊าซออกซิเจนทุก 6 ชม ให้สามารถหายใจได้สะดวกขึ้น

เทคนิคที่คุณหมอสอนมาเรื่องลูกทานยายาก ถ้ามีเวลาให้ทิ้งช่วงระหว่างแต่ละตัวประมาณ 15 นาที เพื่อไม่ต้องเริ่มทานยาใหม่หมดทุกตัว
ทาทานยาเกิน 15 นาที แล้วทานตัวต่อไปอ้วก ก็ไม่ต้องทานตัวก่อนหน้าแล้วคะ ทานตัวที่เพิ่งอ้วกอย่างเดียวพอ

ถ้าทานยายากมากจริงๆ แม้จะผสมน้ำหวาน หลอกล่อสารพัดแล้ว ไม่ยอมทาน เอาผ้าห่มมารัดตัวคะ กันมือกันขา แล้วจับบีบปากฉีดเข้าตรงกระพุ้งแก้ม
ถ้ายาหลอดเล็กให้ยื่นลงไปที่โคนลิ้น ถ้าหลอดใหญ่ให้เอา หลอดเล็กง้างไว้เด็กกัด แล้วก็ฉีดยาเข้ากระพุ้งแก้มนะคะ แต่ถ้าเด็กดื้อกินยายากแบบลูกเรา
มันพ่นยาหรือไม่ก็สำลักอ้วกมาสู้คะ เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องกินให้ครบโดสคะ

ตอนแรกจะออกจากรพ. วันนี้คะ เพราะไข้ลดแล้ว แต่พอหมอได้ฟังวีรกรรมของลูกจากเหล่าคุณพยาบาลทั้งหลาย หมอจึงแนะนำว่า
อยู่ต่ออีกคืนเถอะคะ คุณแม่ กลัวกลับบ้านไป ทานยาไม่ครบ เดี๋ยวจะไม่หาย
พ่อแม่เจอวีรกรรมลูกไป ก็พร้อมใจกันอยู่ต่อคะ พร้อมหากลยุทธ์ใหม่ให้ลูกกินยาง่าย ๆ และสูญเสียน้อยสุด เอาของเล่นมาล่อดีกว่า

DAY 5: ไม่มีไข้แล้ว น้ำมูกเขียวเริ่มลดลง แต่อาการไอยังคงอยู่ หมอมาตรวจแล้วก็บอกว่ากิน Tamiflu โดส 8-9 ให้เสร็จแล้วก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว
โดส 10 ไปทานที่บ้าน น่าจะพอไหว ที่นี้ก็มาลุ้นกันว่า ประกันสุขภาพสินมั่นคง Superkids จะClaim ได้แค่ไหน แม่ก็ลุ้น เพราะเบี้ยประมาณ 4,300 บาท
คุ้มครอง 100,000 บาท แต่จะคุ้มครองหัวข้อไหนบ้าง ก็ไม่แน่ใจ เตรียมใจไว้ว่าน่าจะต้องจ่ายเพิ่มอีกพอสมควร

นาทีที่รอคอยมาถึงการเงิน รพ. โทรมาแจ้งว่ายอดทั้งหมด 65,249.11 บาท และประกันรับเคลมที่ 58,913.71 โดยยอดที่ไม่รับเคลมคือยอดยาที่ใช่รักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่นอกเหนืออาการไข้หวัดใหญ่จำนวน 6,335 บาท พอได้ฟังก็ดีใจมากคะ ที่ประกันเคลมได้ตามที่เขียนไว้ในกรมธรรม์ ส่วนต่างที่ปฏิเสธการรับเคลมก็แจ้งสาเหตุชัดเจนว่าชื่อยานี้ไม่อยู่ในกลุ่มที่เคลมได้ เพราะเป็นประกันสุขภาพแบบจำกัดเฉพาะโรคคะ

ถึงจุดนี้เลยแนะนำคุณพ่อคุณแม่ไปทำดูคะ เราเริ่มทำตอนไปต่อประกันรถของสินมั่นคงแล้วเห็นใบปลิวโครงการนี้เลยสอบถาม เพราะปกติถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ค่าประกันสุขภาพจะสูงมาก หายากที่จะจ่ายน้อยกว่า 30,000 คะ แต่อันนี้เริ่มต้น 2700 บาท แต่แนะนำ 4,300 บาท เพราะหากเข้าโรงพยาบาลมันสามารถเคลมได้ตามจริง ไม่เกินแสน ถ้าตัวถูกจะได้แค่ครั้งละ 20,000 บาท ที่เหลือต้องจ่ายเอง โรคที่คุ้มครองก็เป็นโรคฮิตที่ขาดแค่ RSV ไปแค่โรคเดียว แต่มันก็ครอบคลุมมาก ๆ นะคะ ทั้ง ไข้หวัดใหญ่, ไข้เลือดออก, มือเท้าปาก, อาหารเป็นพิษ, โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ ดูรายละเอียดตามลิ้งค์ด้านล่างเลยคะ ถ้าไม่ได้เคลมโรคดังกล่าวก็ไปทำฟันได้ 2,000 บาท แต่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนกรณีทำฟัน (ขอให้ไม่ต้องเคลมนะคะ)
http://www.smk.co.th/websmk/productView.aspx?cat=1&id=33

ของเราไม่ต้องสำรองจ่ายเพราะทาง SMK ให้บัตรมาเลยแค่ยื่นบัตรทำเรื่อง ตอนออกจะจ่ายแค่ส่วนต่างเท่านั้น แนะนำจริง ๆ คะ

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอบคุณคุณหมอและทีมพยาบาล Ward 10 รพ. เด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์ ที่ช่วยเปลี่ยนเด็กป่วยให้กลับมาเป็นเด็กแสบอีกครั้ง

ดูแลลูกให้ดี ๆ นะคะ ตอนนี้ยังระบาดหนัก พกเจลล้างมือแอลกอฮอลไปด้วยนะคะ แล้วก็ล้างมือบ่อย ๆคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่