จากข่าวดังที่เป็นที่น่าสนใจของประชาชนคนไทยในเวลานี้คงหนีไม่พ้น
ข่าวของคุณลุงวิศวะที่ยิงเด็กวัยรุ่นเสียชีวิต
ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยต่อประชาชนคนไทยเกี่ยวกับระบบกฎหมายไทยกันอย่างกว้างขวาง
ว่าเป็นการป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุหรือเกินกว่าเหตุ กันแน่
ลุงจะรอดจากข้อกล่าวหานี้ได้หรือไม่...............??????????
โดยส่วนตัวแล้วเคยมีการศึกษาในเรื่องกฎหมายมาบ้างเล็กน้อย
หากออกเป็นข้อสอบในวิชา กฎหมายอาญา และให้นักศึกษาวิเคราะห์เหตุการณ์ดังกล่าวนี้
ผมจะเขียนคำตอบออกมาประมาณนี้ครับ...............
ตามหลักประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 68 วางหลักไว้ว่า
ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตราย
ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา 82 วางหลักไว้ว่า
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด หากยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด
หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำนั้นบรรลุผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้น
แต่ถ้าการที่ได้กระทำไปแล้วต้องตามบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นๆ
ซึ่งจากคลิป และข้อมูลต่างๆที่เราได้ทราบและได้เห็นกันมาบ้างแล้วในสื่อ และในสังคมออนไลน์เองก็ดี
พบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการที่มีการละเมิดสิทธิ์ในการจอดรถ และเกิดปากเสียงกันขึ้นมา
โดยจากข้อมูลในคลิปหน้ารถจะเห็นได้ว่าลุงวิศวะเกิดปากเสียงกับกลุ่มวัยรุ่น มีการพูดจายั่วยุกันไปมา
จนเป็นเหตุให้มีการขับรถปาดกันไปมาบนท้องถนน แต่ทางลุงวิศวะเห็นท่าไม่ดี จึงจอดรถ เพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่ทางกลุ่มวัยรุ่น ได้เดินลงมาล้อมรถและพยายามหาเรื่องทะเลาะวิวาท ในขณะที่ลุงวิศวะ พยายามพูดขอร้อง
ให้หยุดการกระทำแล้วนั้น แต่ทางวัยรุ่นไม่ได้หยุดการกระทำ และพยายามที่จะกระทำการหนึ่งการใดที่เป็นเหตุให้ทาง
ลุงวิศวะต้องยิงปืนออกมา โดยอ้างว่า เป็นการป้องกันตัว
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ตามหลักประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด หากยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด
หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำนั้นบรรลุผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แม้ลุงวิศวะจะมีปากเสียงและได้พูดจายั่วยุกันไปมากับวัยรุ่นจริง แต่เหตุการณ์ต่อมาแสดงให้เห็นว่า
ทางลุงวิศวะไม่ต้องการจะมีเรื่องราวอะไรให้บานปลายอีกต่อไป อาจจะเป็นเพราะ ลุงวิศวะ ไม่ต้องการ
จะขับรถแบบปาดไปปาดมาให้เกิดอันตรายอีก เนื่องจากมี หลาน ภริยา และแม่ อยู่ในรถ
จึงได้จอดรถ เพื่อขอความช่วยเหลือ เหตุการณ์ที่ทำให้มีปากเสียงก่อนหน้าจึงได้หยุดลงแล้ว
ลุงวิศวะไม่เข้าข่ายว่ายินยอมที่จะทะเลาะวิวาทด้วย จึงไม่มีความผิดในบทนี้
และ ตามหลักประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 วางหลักไว้ว่า
1. ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตราย
2. ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
3. ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
ในส่วนของมาตรานี้ต้องว่ากันให้ครบถ้วนทั้ง 3 กรณี โดยจะเห็นได้ว่า
1. มีการละเมิดสิทธิ์
- จากการเข้ามาพยายามยื้อยุดฉุดกระชากลุงวิศวะในรถ ในขณะที่ลุงวิศวะพยายามข้อร้องให้หยุด
2. เป็นภยันตรายที่ใกล้มาถึงตัว
- มีการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อบุคคลในรถ
3. ได้กระทำการพอสมควรแก่เหตุ
- ลุงวิศวะได้พยายามเจรจาแล้วแต่ไม่เป็นผล อีกทั้งวัยรุ่นที่ล้อมรถอยู่นั้นมีจำนวนมาก และเป็นวัยรุ่น
ซึ่งในรถลุงวิศวะมีเด็ก ภริยา และแม่อยู่ด้วย จึงตัดสินใจหยิบอาวุธปืนที่พกมาด้วยยิงออกไป 1 นัด
เพื่อหยุดยั้งอันตรายที่เกิดขึ้น ซึ่งในสถานการณ์ดังกล่าว
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ลุงวิศวะได้กระทำการอันสมควรแก่เหตุ
ซึ่งได้พยายามหยุดยั้งด้วยคำพูดแล้วไม่เป็นผล จึงได้ใช้อาวุธปืนในการหยุดปัญหาดังกล่าว
และได้มีการยิงออกไป 1 นัด โดยไม่สามารถเล็งเห็นผลต่อเป้าหมายที่ยิงได้
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ลุงไม่มีความผิด ในบทนี้
.................................................................................
ปล. #1 หากลุงออกมาจากรถแล้วไล่ยิงเด็กแบบที่สังคมออนไลน์ต้องการจริงๆ
ในส่วนนี้ลุงวิศวะผิดเต็มๆ ในข้อหาพยายามฆ่า หรือ เจตนาฆ่าได้
ปล. #2 หากลุงยิงปืนใส่รถตอนที่ขับปาดไปปาดมานั้น ในส่วนนี้ลุงก็ผิดเต็มๆ
เพราะไม่ใช่ภัยที่ใกล้ถึงตัว และไม่ใช่การป้องกันโดยสมควรแก่เหตุ
ปล. #3 ต่างกรรมต่างวาระ ลุงมีความผิดในการพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะจริง
ซึ่งก็ต้องรับผิดในส่วนนี้ไปครับ
ปล. #4 ทั้งหมดที่เขียนมานี้เป็นเพียงความเห็นของนักศึกษากฎหมายคนหนึ่งเท่านั้น เพื่อเป็นประโยชน์
ไม่มากก็น้อยในการที่จะทำให้คนที่ได้อ่านและไม่รู้เรื่องในวิชากฎหมาย ได้แนวทางในการหาคำตอบ
และการนำกฎหมายมาใช้ครับ
ขอบคุณครับ........
กรณีศึกษา ลุงวิศวะ ยิง เด็กวัยรุ่นเสียชีวิต
ข่าวของคุณลุงวิศวะที่ยิงเด็กวัยรุ่นเสียชีวิต
ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยต่อประชาชนคนไทยเกี่ยวกับระบบกฎหมายไทยกันอย่างกว้างขวาง
ว่าเป็นการป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุหรือเกินกว่าเหตุ กันแน่
ลุงจะรอดจากข้อกล่าวหานี้ได้หรือไม่...............??????????
โดยส่วนตัวแล้วเคยมีการศึกษาในเรื่องกฎหมายมาบ้างเล็กน้อย
หากออกเป็นข้อสอบในวิชา กฎหมายอาญา และให้นักศึกษาวิเคราะห์เหตุการณ์ดังกล่าวนี้
ผมจะเขียนคำตอบออกมาประมาณนี้ครับ...............
ตามหลักประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 68 วางหลักไว้ว่า
ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตราย
ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา 82 วางหลักไว้ว่า
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด หากยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด
หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำนั้นบรรลุผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้น
แต่ถ้าการที่ได้กระทำไปแล้วต้องตามบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้นๆ
ซึ่งจากคลิป และข้อมูลต่างๆที่เราได้ทราบและได้เห็นกันมาบ้างแล้วในสื่อ และในสังคมออนไลน์เองก็ดี
พบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการที่มีการละเมิดสิทธิ์ในการจอดรถ และเกิดปากเสียงกันขึ้นมา
โดยจากข้อมูลในคลิปหน้ารถจะเห็นได้ว่าลุงวิศวะเกิดปากเสียงกับกลุ่มวัยรุ่น มีการพูดจายั่วยุกันไปมา
จนเป็นเหตุให้มีการขับรถปาดกันไปมาบนท้องถนน แต่ทางลุงวิศวะเห็นท่าไม่ดี จึงจอดรถ เพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่ทางกลุ่มวัยรุ่น ได้เดินลงมาล้อมรถและพยายามหาเรื่องทะเลาะวิวาท ในขณะที่ลุงวิศวะ พยายามพูดขอร้อง
ให้หยุดการกระทำแล้วนั้น แต่ทางวัยรุ่นไม่ได้หยุดการกระทำ และพยายามที่จะกระทำการหนึ่งการใดที่เป็นเหตุให้ทาง
ลุงวิศวะต้องยิงปืนออกมา โดยอ้างว่า เป็นการป้องกันตัว
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ตามหลักประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด หากยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด
หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำนั้นบรรลุผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แม้ลุงวิศวะจะมีปากเสียงและได้พูดจายั่วยุกันไปมากับวัยรุ่นจริง แต่เหตุการณ์ต่อมาแสดงให้เห็นว่า
ทางลุงวิศวะไม่ต้องการจะมีเรื่องราวอะไรให้บานปลายอีกต่อไป อาจจะเป็นเพราะ ลุงวิศวะ ไม่ต้องการ
จะขับรถแบบปาดไปปาดมาให้เกิดอันตรายอีก เนื่องจากมี หลาน ภริยา และแม่ อยู่ในรถ
จึงได้จอดรถ เพื่อขอความช่วยเหลือ เหตุการณ์ที่ทำให้มีปากเสียงก่อนหน้าจึงได้หยุดลงแล้ว
ลุงวิศวะไม่เข้าข่ายว่ายินยอมที่จะทะเลาะวิวาทด้วย จึงไม่มีความผิดในบทนี้
และ ตามหลักประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 วางหลักไว้ว่า
1. ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตราย
2. ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
3. ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
ในส่วนของมาตรานี้ต้องว่ากันให้ครบถ้วนทั้ง 3 กรณี โดยจะเห็นได้ว่า
1. มีการละเมิดสิทธิ์
- จากการเข้ามาพยายามยื้อยุดฉุดกระชากลุงวิศวะในรถ ในขณะที่ลุงวิศวะพยายามข้อร้องให้หยุด
2. เป็นภยันตรายที่ใกล้มาถึงตัว
- มีการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อบุคคลในรถ
3. ได้กระทำการพอสมควรแก่เหตุ
- ลุงวิศวะได้พยายามเจรจาแล้วแต่ไม่เป็นผล อีกทั้งวัยรุ่นที่ล้อมรถอยู่นั้นมีจำนวนมาก และเป็นวัยรุ่น
ซึ่งในรถลุงวิศวะมีเด็ก ภริยา และแม่อยู่ด้วย จึงตัดสินใจหยิบอาวุธปืนที่พกมาด้วยยิงออกไป 1 นัด
เพื่อหยุดยั้งอันตรายที่เกิดขึ้น ซึ่งในสถานการณ์ดังกล่าว
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ลุงวิศวะได้กระทำการอันสมควรแก่เหตุ
ซึ่งได้พยายามหยุดยั้งด้วยคำพูดแล้วไม่เป็นผล จึงได้ใช้อาวุธปืนในการหยุดปัญหาดังกล่าว
และได้มีการยิงออกไป 1 นัด โดยไม่สามารถเล็งเห็นผลต่อเป้าหมายที่ยิงได้
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ลุงไม่มีความผิด ในบทนี้
.................................................................................
ปล. #1 หากลุงออกมาจากรถแล้วไล่ยิงเด็กแบบที่สังคมออนไลน์ต้องการจริงๆ
ในส่วนนี้ลุงวิศวะผิดเต็มๆ ในข้อหาพยายามฆ่า หรือ เจตนาฆ่าได้
ปล. #2 หากลุงยิงปืนใส่รถตอนที่ขับปาดไปปาดมานั้น ในส่วนนี้ลุงก็ผิดเต็มๆ
เพราะไม่ใช่ภัยที่ใกล้ถึงตัว และไม่ใช่การป้องกันโดยสมควรแก่เหตุ
ปล. #3 ต่างกรรมต่างวาระ ลุงมีความผิดในการพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะจริง
ซึ่งก็ต้องรับผิดในส่วนนี้ไปครับ
ปล. #4 ทั้งหมดที่เขียนมานี้เป็นเพียงความเห็นของนักศึกษากฎหมายคนหนึ่งเท่านั้น เพื่อเป็นประโยชน์
ไม่มากก็น้อยในการที่จะทำให้คนที่ได้อ่านและไม่รู้เรื่องในวิชากฎหมาย ได้แนวทางในการหาคำตอบ
และการนำกฎหมายมาใช้ครับ
ขอบคุณครับ........