คิดผิดมหันต์ที่คิดว่า บ.เก่าจะรับเข้าทำงานแม้เราจะประวัติดีลาออกตามกฏแค่ไหนก็ตาม

--สวัสดีครับ
ใครที่รักและทำงานเพื่อ บ. และ เจ้านาย เคยโดนบ้างครับ เรื่องมีอยุ่ว่า ตอนทำงาน เราตั้งใจทำงานดี เพื่อนๆ ที่ทำงานเจ้านายชื่นชมดี ย้ำเสมอว่า เราคือคนสำคัญ  วันนึง อยู่ๆ ย้าย กลับเข้าสำนักงานใหญ่ ทำงานนั่งโต๊ะ โดนจี้งาน เดินไปไหนไม่ได้เลย  จากที่เคยทำงาน ชิลๆบริหารงานเองจัดสรรงานสาขาเอง ตอนนี้ กลายเป็นพนักงาน โดนจี้ งาน ซ้ำๆ ตลอดเวลา แถมที่ทำงาน ก็ไกลจากเดิมมาก ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ค่าตำแหน่งที่เคยได้ ก็โดน งดทั้งหมด จึงตัดสินใจลาออก แบบถูกกฏ ครับ แจ้งล่วงหน้า 1 เดือน ยังทำงานเต็มที่ ด้วยสปริต เช่นเดิม  จากการที่ทราบว่า เรา มีความสุขจากการทำงาน สาขา และเป็น ผช หัวหน้าแผนก มากกว่างานนั้นโต่ะ ทำเอกสาร จึงทำให้ ลาออกมาเปิด ร้าน น้ำ ขายของแต่ด้วยทำเล ไม่ดี ทำเท่าไหร่ได้แค่ทุน กำไร ไม่เกิด จึง ตัดสินใจ หางานใหม่ ด้วยอายุที่มาก 35 สมัครที่ไหน ก็ ยาก ด้วยความสามารถ เราด้วยกระมั้ง ที่มันก่ำกึ่งระหว่าง สกิลหัว หน้ากับ เจ้าหน้าที่ เลยทำให้ บ.หลายๆแห่ง ไม่ติดต่อมาเลย เงินเดือนก็ไม่ได้เรียกสูงนะครับ 2 นิดๆเท่านั้นแต่ทำไมหางานยากจึง จนไปได้ที่แถวลาดกระบัง มันไกลมากๆ ครับ จากที่ผมพักอาศัยจึง ไม่ได้ไปทำ ครับ จึงตัดสินใจโทรหาหัวหน้าเก่าที่สำนึกงาน เพื่อ จะลงสาขาใกล้บ้านที่เคยทำแล้วมีความสุขดี  เจอ พนักงานผุ้ช่วยครับ สอบถามไป เขาบอกว่า ว่างอยู่ ผมจึงเริ่ม มีความหวังครับ  แต่ พอ ได้ขอคุยกับหัวหน้าเก่าที่เรา เคารพ แล้ว มองเขาคือ พี่คนนึง คำตอบทีได้คือ  ... เต็มครับ ไม่รับ ไม่มีที่ว่าง.. น้ำเสียง เย็นชา ไม่มีเยื่อใยเลยครับ ทั้งๆที่สมัยก่อนเราทำงานให้เขา ปรึกษางาน เคารพ เชื่อฟังเขา แต่พอเราออกมา กลายเป็น ว่า ปฏิเสธเรา ทันที รุ้สึกหมดกำลังใจมากครับ(ไม่คิดว่าพี่เขาจะหน้าเนื้อใจเสือได้ขนาดนี้) เหมือน หมดศักดิ์ศรี เลย แล้วที่สำคัญคือ ไม่นึกว่าจะโดนตอบกลับมาแบบนี้ มันคิดได้แบบเดียวใช่ไหมครับ ว่า เขาไม่เอาเรา ไม่ใช่ ว่าไม่มี ที่ตำแหน่งว่าง เสียใจครับแล้วคิดผิดมากที่ติดต่อ กลับไปทั้งๆที่ ลาออกมาแล้ว แต่ด้วยที่ว่าตอนนั้น เราคิดว่าที่นี่มีความสุขจึง คิดว่าพอมีโอกาศแล้วด้วยว่าเราประวัติดีแถมอยู่ช่วยงานอีก เดือนนึงเต็มๆ ก่อนลาออก เพราะ ถ้าเป็นคนอื่น คง ได้เงิน แล้วออกทันทีด้วยซ้ำ ผมคิดผิดใช่ไหมครับที่มองอะไรในแง่ดีเกินไป คนในแง่ที่ ว่าเขาจะเห็นค่า ของเราความดีที่เคยทำงานให้   หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติขององค์กรอยู่แล้วครับ ที่ เห็นเราเป็นแค่ ฟันเฟืองหมดประโยชน์ใช้สอยก็ เมินเฉย  ยิ่งช่วงนี้เจอมรสุม พ่อป่วย เข้า รพ. ด้วยประกันชีวิตที่ส่งจนครบ ดันมาตัด อนุสํญญาทิ้ง ทั้งๆที่ คนแก่ ต้องการ การคุ้มครองเรือ่งค่ารักษาพยาบาลไม่ใช่หรอ แต่ พอเราจะใช้ประกันไม่คุ้มครอง ผมงี้ อึ้งเลยครับ เขาว่ากันว่า ปีนี้ ปีทองสำหรัง คนเกิดปีวอก แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนปีชง ซะงั้น ชีวิตผกผันมาก แต่อย่างนึงที่เรียนรู้ แล้วเตือนตัวเอง เสมอ คือ  หากลาออกจากงานที่ไหนแล้วต่อให้เราทำงานดี ซื้อสัตย์ แค่ไหน ถ้าเราออกมา ไม่ว่าจะจนตรอกแค่ไหนอย่าไปของาน หัวหน้าเก่า หรือบริษัท เก่าทำเด็ดขาด เพราะนอกจากเราจะเสีย ความรุ้สึก แต่มันหมายถึงเราเอาศักดิ์ศรีไปให้เขาถ่มน้ำลายรดใส่ เรียบร้อยแล้ว และบอกตัวเองเสมอว่า  องค์กรทำงานแลกเงิน พอจบ อย่ารักองกร  ขอบคุณที่อ่านจนจบ เดี่ยวต้องไปเยี่ยม พ่อที่ รพ. แล้ว  ขอบคุณมากครับ        

  ปล- นี่เป็นประสบการณ์ ส่วนตัวที่พบประสบณ์โดยตรง ที่อื่นอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้ ดังนั้น เรื่องนี้ผม แชร์เพื่อไว้เป็นวิทยาทานการเรียนรุ้สำหรับ เพื่อนที่ทุ่มเทเพื่อ บ. จนลืม ตัวเองหรือคนรอบข้าง ไม่มีมีเจตนา ที่จะเหมารวม องค์กร อื่นๆแต่อย่างใด และเป็นกำลังใจให้ตัวเองแล้ว เพื่อนๆที่เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับผมนะครับเข้มแข็ง ต่อไปนะครับ                                      
                                                                                                   **ศรัทธาที่สิ้นสูญ กับดวงจันทร์ที่ดับลงพร้มกับโชคชะตา**
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่