สวัสดีค่ะ ชาวพันทิป
ว่าด้วยเรื่องสีผม เนื่องจากเราเป็นคนเปลี่ยนสีผมบ่อย ทำให้มีครั้งนึงที่ต้องกัดสีผม เพราะทำสีอ่อน จากเดิมที่ย้อมสีเข้มมา
แต่พอทิ้งระยะไปสักพัก สีผมก็จะเริ่มเปลี่ยน และ กลายเป็นสีไม่เสมอกัน จะเห็นชัดมาก เวลาอยู่ในแสงสว่าง
ภาพนี้ คือ ตอนทำสีน้ำตาลเข้ม พอทิ้งไว้สักพัก ก็กลายเป็น ผม 3 สีอย่างที่เห็น
มีทั้งผมขึ้นใหม่สีดำ ช่วงกลางเป็นน้ำตาลเข้ม ช่วงปลายเป็นสีประกายทอง คล้ายๆสีสนิม
โดยส่วนนึง เพราะเราเคยกัดสีผมมา เลยต้องทำใจนิดนึงว่าสีอาจจะหลุดได้ง่าย และปลายผมก็แห้งมาก
ภาพนี้ เราทำสีผมใหม่ คราวนี้เลือกสีแดงออกม่วงๆ เลย
นี่เป็นรูปตอนที่เราทำสีมาใหม่ๆ ค่ะ สีนี้เราทำเอง
สักพัก สีที่ทำมาก็เริ่มหลุดไปเกือบหมดแล้วค่ะ
(ภาพนี้ที่ร้านขอถ่าย ก่อนทำไว้นะคะ แสงหน้าร้านจ้าไปนิด)
เป็นช่วงที่รู้สึกว่าสีผมไม่เสมอกันเอามากๆ แถมเวลาออกแดด ด้วยสีทองเหลืองๆ ยิ่งทำให้หน้าเราดูป่วย
เราตัดสินใจมาแก้สีผมกับช่างค่ะ เราคิดว่าทำเองกลัวจะไม่รอด มาร้านทำผมน่าจะดีกว่า
เรามาทำที่ LINNA ค่ะ อยู่แถวรามอินทรา เปิด google map ขับขึ้นทางด่วนมายาวๆค่ะ
โทรสอบถามที่ร้าน มีโปรโมชั่นพอดี ทำสีผมลด 30 % ก็เลยตัดสินใจไม่ยาก ตอนแรกที่โทรมาก็บอกช่างเลยค่ะ ว่าเราเป็นงานแก้สีผมเดิมด้วย
ซึ่งทางร้านก็แจ้งมาเลยว่า งานแก้จะใช้เวลาหน่อย ต้องเผื่อเวลาให้ช่างเลยค่ะ เราโอเคเพราะว่า อย่างน้อยให้แก้สีผมที่ตอนนี้แลดูพังหนัก
มาถึงร้านละจ้า
ขั้นแรก คือพูดคุยค่ะ ว่าสีที่คิดไว้คือสีอะไร จะแก้สีได้ไหม ช่างจับผมอยู่นาน ถามคำถามเยอะว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง
พร้อมกับอธิบายให้เราเข้าใจว่าทำไมสีผมเราถึงหลุดง่าย เพราะโดยส่วนนึง เราสระผมทุกวัน และ ชอบสระด้วยน้ำอุ่นด้วยนี่เป็นประเด็นหลักๆที่สีหลุดง่าย
แอบปลื้มกับความละเอียดของช่างนะคะ เพราะช่างถามถึงกิจกรรมที่เราทำ ออกกำลังกายไหม ปกติมัดผมหรือเปล่า ประมาณนี้
ว่าด้วยเรื่องสภาพผมเราก่อนนะคะ
- ผมเส้นเล็ก ปลายผมแห้ง ผมไม่มีน้ำหนัก
- สีผมไม่เสมอกัน และ สีหลุดง่าย เพราะต้องสระผมทุกวัน เพราะหนังศีรษะมันค่ะ ถ้าไม่สระจะมันมากจนทำให้ผมลีบ
ภาพผมก่อนทำค่ะ สีแดงของอิชั้น ได้กลายเป็นสีทองไปเรียบร้อย ภายใน 2 เดือน (ฮือ)
เลือกสีไม่ถูกเลยค่ะ แต่อยากได้สีที่เป็นธรรมชาติหน่อย
ช่างแนะนำสี Ash brown ผสม Chocolate ค่ะ เพราะเหมาะกับผิวขาวเหลืองอย่างเรา แถมเป็นสีที่ดูเป็นธรรมชาติ เผื่อเราไม่มีเวลามาเติมโคน สีนี้เวลามีผมขึ้นใหม่ก็จะไม่ดูแตกต่างกันมาก ถ่ายภาพสีมาให้ดูค่ะ เผื่อใครจะชอบสีแบบเรา
แต่ละสีจะมีค่าสีกำกับอยู่ เรื่องนี้ต้องยกให้ช่างผมเลยค่ะว่า ต้องใช้ค่าสีที่เท่าไหร่กับผมเรา
ก่อนเริ่มลงมือ ช่างสรุปขั้นตอนที่จะทำกับผมเรา ประมาณนี้
- จะไม่ล้างสีผมเดิมค่ะ ดีใจมาก เพราะการกัดสีผมสำหรับเราทรมานใจไม่น้อย
- ทำสีใหม่ แบบใช้เทคนิค Eclipting ของ AVEDA คือการใช้เทคนิคสีและแสง เพื่อดึงจุดเด่นบนใบหน้าเรา (ช่างพูดอย่างนี้จริงๆ)
ส่วนปลายผมที่เสียจนสีเหลืองมาก จะใช้เทคนิคนี้อำพรางสีแทนค่ะ
- ทำไฮไลท์สีอ่อนที่ผมชั้นใน
- ตัดหน้าม้าแก้ทรงเดิมที่ยาว และ เก็บปลายผมให้เข้าทรง
ใจพร้อม กายพร้อม ช่างพร้อม สีพร้อม ฟลอยด์พร้อม ลุยค่ะ
ขั้นที่ 1 ไฮไลท์ ผมด้านในก่อน ขั้นตอนนี้ช่างจะค่อยๆเกลี่ยผมเป็นช่อเล็กๆ ทีละช่อ เพื่อลงสี
ขั้นที่ 2 ลงสีผมด้านบน เหตุที่ไม่ลงสีทั้งหัวในขั้นนี้ เพราะปลายผมเราสีอ่อนมากแล้ว ช่างจะใช้เทคนิค Eclipting เพื่อพรางสีแทนค่ะ เราแทบไม่ได้กลิ่นสีเลยค่ะ ได้กลิ่นน้อยมาก ไม่รู้ว่าเพราะที่นี่ระบบระบายกลิ่นดี หรือ ว่าสี Aveda มีกลิ่นน้อยอยู่แล้ว แต่โดยรวมคือ ไม่ฉุน และไม่รู้สึกแสบหรือคันยิบๆอะไรเลย
ขั้นที่ 3 ล้างผมครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมลงสีทั้งหัว เริ่มเห็นสีเบาๆแล้ว
ก่อนเข้าขั้นตอนต่อไป ช่างจะลงน้ำมันที่รากผม และ นวดหนังศีรษะแบบเบาๆก่อน เป็นการปลอบประโลมเส้นผมก่อน คือ สบายหัวมาก อย่างกับทำสปาเลย เกือบหลับค่ะ ขั้นตอนนี้
มีรูปน้ำมันมาฝากค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ดีนะคะ
ขั้นที่ 4 ลงสีทั้งหัวค่ะ ช่างบอกว่า ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุด เพราะเป็นการเช็คประกายสีผมว่าต้องได้สีตามที่วางไว้
ขั้นตอนนี้ เราได้กลิ่นน้ำยานะคะ แต่เป็นกลิ่นที่ไม่แรงแบบที่เคยเจอมา ระหว่างรอช่างจะเดินมาเช็คงานตลอด
พอนาฬิกาดังปุ้ป ก็เตรียมล้างผมได้เลย
ระหว่างรอสี เราก็ไปเล่น tester อย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่างผมใช้ทำผมให้ลูกค้าที่มาที่ร้านนะคะ แต่เราก็สามารถลองเล่นได้ กิเลสเริ่มมาละ อยากได้ๆๆๆๆๆ
ชั้นวางอลังการงานสร้างมากค่ะ
พอล้างสีเสร็จ ก็เตรียมไดร์ผมกัน ช่างก็จะฉีดสเปรย์ และ ชะโลมครีมของ Aveda ให้ก่อนไดร์นะคะ เพื่อปกป้องผมจากความร้อนด้วย
ตอนไดร์ผม คือ มือช่างละมุนนุ่มดีต่อใจ ใช้หวีสางผมเราน้อยมาก คือ ช่างใช้มือค่อยๆจับ ค่อยๆไดร์ ระหว่างนี้เรารอลุ้นสีแบบสุดๆ
เสร็จแล้ว แตน แตน แต้น ภาพนี้หลังทำเสร็จใหม่
ถ่ายในที่แสงน้อย
ถ่ายในที่แสงสว่าง
สีไฮไลท์ด้านใน อันนี้คือ เรากรี้ดมาก พอช่างเปิดผมให้ดูในกระจก เราว้าวเลย ปลื้มค่ะ ชอบๆ
ถ่ายในแสงสว่าง
ถ่ายในมุมแสงน้อย
เวลาถักเปียค่ะ เพราะบางครั้งเราชอบเก็บผมแบบนี้ ช่างก็เลยเก็บผมให้ดูว่าจะเห็นสีประมาณนี้
ด้านหน้า ตามกระแสนิดนึง ช่างตัดหน้าม้าซีทรูให้ จากเดิมที่หน้าม้ายาวแล้ว สีจริงๆ คือ Ash brown ชัดกว่านี้มากนะคะ แต่พอถ่ายจากกล้องมือถือ และ แสงที่ร้านค่อนข้างนวล ก็เลยอาจจะเห็นสีไม่ชัด
เทียบภาพ ก่อน – หลังทำ
หลังจากทำสี 1 วัน สระผมไปครั้งแรก ไดร์ผมเอง
ขออวดหน้าม้าซีทรูสะหน่อย รูปนี้ถ่ายด้านแสงช่วงเที่ยงๆ แสงเยอะอยู่ค่ะ
ซูมสีใกล้ๆ
ด้านข้างเวลาโดนแดดจัดๆนะคะ จะเห็นเอฟเฟคต์ของสีผม ว่าเป็นการใช้เทคนิคของสีและแสงช่วย
ด้านหลัง
การดูแลสีผมที่ช่างแนะนำเรา คือ
หากต้องสระผมทุกวัน ต้องเลือกแชมพูสำหรับดูแลสีผม ซึ่งจำเป็นมาก
อย่าสระผมด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่น เพราะสีจะหลุดง่าย
สีผมที่ได้มา เราพอใจมากค่ะ และแก้ปัญหาเราตรงจุด แถมไฮไลท์เราก็ชอบมาก อยากมัดผมเลยช่วงนี้
สถานที่ ร้านบริการดีค่ะ สะอาดมาก ประทับใจค่ะ ช่างผมให้คำปรึกษาและคุยกับเราจนเราเข้าใจก่อนทำ ค่อนข้างสบายใจ และ
ผลิตภัณฑ์ของ LINNA เป็นของ AVEDA ทั้งหมด ยอมรับเลยค่ะว่าของเค้าดีจริง เพราะไม่มีกลิ่นแรง และ มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก
สำหรับเราให้ 9/10 เลย เพราะว่า ร้านจะอยู่ไกลสำหรับบางคนนะคะ
ที่นี่ต้องโทรจองคิวก่อนนะคะ เพราะว่าช่างแต่ละคนคิวค่อนข้างแน่น
[CR] รีวิว เปลี่ยนผมสีไม่เสมอกัน ให้เป็นสี ash brown แบบไม่ต้องกัดสีก็ได้นะเธอ (รูปเยอะ)
ว่าด้วยเรื่องสีผม เนื่องจากเราเป็นคนเปลี่ยนสีผมบ่อย ทำให้มีครั้งนึงที่ต้องกัดสีผม เพราะทำสีอ่อน จากเดิมที่ย้อมสีเข้มมา
แต่พอทิ้งระยะไปสักพัก สีผมก็จะเริ่มเปลี่ยน และ กลายเป็นสีไม่เสมอกัน จะเห็นชัดมาก เวลาอยู่ในแสงสว่าง
ภาพนี้ คือ ตอนทำสีน้ำตาลเข้ม พอทิ้งไว้สักพัก ก็กลายเป็น ผม 3 สีอย่างที่เห็น
มีทั้งผมขึ้นใหม่สีดำ ช่วงกลางเป็นน้ำตาลเข้ม ช่วงปลายเป็นสีประกายทอง คล้ายๆสีสนิม
โดยส่วนนึง เพราะเราเคยกัดสีผมมา เลยต้องทำใจนิดนึงว่าสีอาจจะหลุดได้ง่าย และปลายผมก็แห้งมาก
ภาพนี้ เราทำสีผมใหม่ คราวนี้เลือกสีแดงออกม่วงๆ เลย
นี่เป็นรูปตอนที่เราทำสีมาใหม่ๆ ค่ะ สีนี้เราทำเอง
สักพัก สีที่ทำมาก็เริ่มหลุดไปเกือบหมดแล้วค่ะ
(ภาพนี้ที่ร้านขอถ่าย ก่อนทำไว้นะคะ แสงหน้าร้านจ้าไปนิด)
เป็นช่วงที่รู้สึกว่าสีผมไม่เสมอกันเอามากๆ แถมเวลาออกแดด ด้วยสีทองเหลืองๆ ยิ่งทำให้หน้าเราดูป่วย
เราตัดสินใจมาแก้สีผมกับช่างค่ะ เราคิดว่าทำเองกลัวจะไม่รอด มาร้านทำผมน่าจะดีกว่า
เรามาทำที่ LINNA ค่ะ อยู่แถวรามอินทรา เปิด google map ขับขึ้นทางด่วนมายาวๆค่ะ
โทรสอบถามที่ร้าน มีโปรโมชั่นพอดี ทำสีผมลด 30 % ก็เลยตัดสินใจไม่ยาก ตอนแรกที่โทรมาก็บอกช่างเลยค่ะ ว่าเราเป็นงานแก้สีผมเดิมด้วย
ซึ่งทางร้านก็แจ้งมาเลยว่า งานแก้จะใช้เวลาหน่อย ต้องเผื่อเวลาให้ช่างเลยค่ะ เราโอเคเพราะว่า อย่างน้อยให้แก้สีผมที่ตอนนี้แลดูพังหนัก
มาถึงร้านละจ้า
ขั้นแรก คือพูดคุยค่ะ ว่าสีที่คิดไว้คือสีอะไร จะแก้สีได้ไหม ช่างจับผมอยู่นาน ถามคำถามเยอะว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง
พร้อมกับอธิบายให้เราเข้าใจว่าทำไมสีผมเราถึงหลุดง่าย เพราะโดยส่วนนึง เราสระผมทุกวัน และ ชอบสระด้วยน้ำอุ่นด้วยนี่เป็นประเด็นหลักๆที่สีหลุดง่าย
แอบปลื้มกับความละเอียดของช่างนะคะ เพราะช่างถามถึงกิจกรรมที่เราทำ ออกกำลังกายไหม ปกติมัดผมหรือเปล่า ประมาณนี้
ว่าด้วยเรื่องสภาพผมเราก่อนนะคะ
- ผมเส้นเล็ก ปลายผมแห้ง ผมไม่มีน้ำหนัก
- สีผมไม่เสมอกัน และ สีหลุดง่าย เพราะต้องสระผมทุกวัน เพราะหนังศีรษะมันค่ะ ถ้าไม่สระจะมันมากจนทำให้ผมลีบ
ภาพผมก่อนทำค่ะ สีแดงของอิชั้น ได้กลายเป็นสีทองไปเรียบร้อย ภายใน 2 เดือน (ฮือ)
เลือกสีไม่ถูกเลยค่ะ แต่อยากได้สีที่เป็นธรรมชาติหน่อย
ช่างแนะนำสี Ash brown ผสม Chocolate ค่ะ เพราะเหมาะกับผิวขาวเหลืองอย่างเรา แถมเป็นสีที่ดูเป็นธรรมชาติ เผื่อเราไม่มีเวลามาเติมโคน สีนี้เวลามีผมขึ้นใหม่ก็จะไม่ดูแตกต่างกันมาก ถ่ายภาพสีมาให้ดูค่ะ เผื่อใครจะชอบสีแบบเรา
แต่ละสีจะมีค่าสีกำกับอยู่ เรื่องนี้ต้องยกให้ช่างผมเลยค่ะว่า ต้องใช้ค่าสีที่เท่าไหร่กับผมเรา
ก่อนเริ่มลงมือ ช่างสรุปขั้นตอนที่จะทำกับผมเรา ประมาณนี้
- จะไม่ล้างสีผมเดิมค่ะ ดีใจมาก เพราะการกัดสีผมสำหรับเราทรมานใจไม่น้อย
- ทำสีใหม่ แบบใช้เทคนิค Eclipting ของ AVEDA คือการใช้เทคนิคสีและแสง เพื่อดึงจุดเด่นบนใบหน้าเรา (ช่างพูดอย่างนี้จริงๆ)
ส่วนปลายผมที่เสียจนสีเหลืองมาก จะใช้เทคนิคนี้อำพรางสีแทนค่ะ
- ทำไฮไลท์สีอ่อนที่ผมชั้นใน
- ตัดหน้าม้าแก้ทรงเดิมที่ยาว และ เก็บปลายผมให้เข้าทรง
ใจพร้อม กายพร้อม ช่างพร้อม สีพร้อม ฟลอยด์พร้อม ลุยค่ะ
ขั้นที่ 1 ไฮไลท์ ผมด้านในก่อน ขั้นตอนนี้ช่างจะค่อยๆเกลี่ยผมเป็นช่อเล็กๆ ทีละช่อ เพื่อลงสี
ขั้นที่ 2 ลงสีผมด้านบน เหตุที่ไม่ลงสีทั้งหัวในขั้นนี้ เพราะปลายผมเราสีอ่อนมากแล้ว ช่างจะใช้เทคนิค Eclipting เพื่อพรางสีแทนค่ะ เราแทบไม่ได้กลิ่นสีเลยค่ะ ได้กลิ่นน้อยมาก ไม่รู้ว่าเพราะที่นี่ระบบระบายกลิ่นดี หรือ ว่าสี Aveda มีกลิ่นน้อยอยู่แล้ว แต่โดยรวมคือ ไม่ฉุน และไม่รู้สึกแสบหรือคันยิบๆอะไรเลย
ขั้นที่ 3 ล้างผมครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมลงสีทั้งหัว เริ่มเห็นสีเบาๆแล้ว
ก่อนเข้าขั้นตอนต่อไป ช่างจะลงน้ำมันที่รากผม และ นวดหนังศีรษะแบบเบาๆก่อน เป็นการปลอบประโลมเส้นผมก่อน คือ สบายหัวมาก อย่างกับทำสปาเลย เกือบหลับค่ะ ขั้นตอนนี้
มีรูปน้ำมันมาฝากค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ดีนะคะ
ขั้นที่ 4 ลงสีทั้งหัวค่ะ ช่างบอกว่า ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุด เพราะเป็นการเช็คประกายสีผมว่าต้องได้สีตามที่วางไว้
ขั้นตอนนี้ เราได้กลิ่นน้ำยานะคะ แต่เป็นกลิ่นที่ไม่แรงแบบที่เคยเจอมา ระหว่างรอช่างจะเดินมาเช็คงานตลอด
พอนาฬิกาดังปุ้ป ก็เตรียมล้างผมได้เลย
ระหว่างรอสี เราก็ไปเล่น tester อย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่างผมใช้ทำผมให้ลูกค้าที่มาที่ร้านนะคะ แต่เราก็สามารถลองเล่นได้ กิเลสเริ่มมาละ อยากได้ๆๆๆๆๆ
ชั้นวางอลังการงานสร้างมากค่ะ
พอล้างสีเสร็จ ก็เตรียมไดร์ผมกัน ช่างก็จะฉีดสเปรย์ และ ชะโลมครีมของ Aveda ให้ก่อนไดร์นะคะ เพื่อปกป้องผมจากความร้อนด้วย
ตอนไดร์ผม คือ มือช่างละมุนนุ่มดีต่อใจ ใช้หวีสางผมเราน้อยมาก คือ ช่างใช้มือค่อยๆจับ ค่อยๆไดร์ ระหว่างนี้เรารอลุ้นสีแบบสุดๆ
เสร็จแล้ว แตน แตน แต้น ภาพนี้หลังทำเสร็จใหม่
ถ่ายในที่แสงน้อย
ถ่ายในที่แสงสว่าง
สีไฮไลท์ด้านใน อันนี้คือ เรากรี้ดมาก พอช่างเปิดผมให้ดูในกระจก เราว้าวเลย ปลื้มค่ะ ชอบๆ
ถ่ายในแสงสว่าง
ถ่ายในมุมแสงน้อย
เวลาถักเปียค่ะ เพราะบางครั้งเราชอบเก็บผมแบบนี้ ช่างก็เลยเก็บผมให้ดูว่าจะเห็นสีประมาณนี้
ด้านหน้า ตามกระแสนิดนึง ช่างตัดหน้าม้าซีทรูให้ จากเดิมที่หน้าม้ายาวแล้ว สีจริงๆ คือ Ash brown ชัดกว่านี้มากนะคะ แต่พอถ่ายจากกล้องมือถือ และ แสงที่ร้านค่อนข้างนวล ก็เลยอาจจะเห็นสีไม่ชัด
เทียบภาพ ก่อน – หลังทำ
หลังจากทำสี 1 วัน สระผมไปครั้งแรก ไดร์ผมเอง
ขออวดหน้าม้าซีทรูสะหน่อย รูปนี้ถ่ายด้านแสงช่วงเที่ยงๆ แสงเยอะอยู่ค่ะ
ซูมสีใกล้ๆ
ด้านข้างเวลาโดนแดดจัดๆนะคะ จะเห็นเอฟเฟคต์ของสีผม ว่าเป็นการใช้เทคนิคของสีและแสงช่วย
ด้านหลัง
การดูแลสีผมที่ช่างแนะนำเรา คือ
หากต้องสระผมทุกวัน ต้องเลือกแชมพูสำหรับดูแลสีผม ซึ่งจำเป็นมาก
อย่าสระผมด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่น เพราะสีจะหลุดง่าย
สีผมที่ได้มา เราพอใจมากค่ะ และแก้ปัญหาเราตรงจุด แถมไฮไลท์เราก็ชอบมาก อยากมัดผมเลยช่วงนี้
สถานที่ ร้านบริการดีค่ะ สะอาดมาก ประทับใจค่ะ ช่างผมให้คำปรึกษาและคุยกับเราจนเราเข้าใจก่อนทำ ค่อนข้างสบายใจ และ
ผลิตภัณฑ์ของ LINNA เป็นของ AVEDA ทั้งหมด ยอมรับเลยค่ะว่าของเค้าดีจริง เพราะไม่มีกลิ่นแรง และ มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก
สำหรับเราให้ 9/10 เลย เพราะว่า ร้านจะอยู่ไกลสำหรับบางคนนะคะ
ที่นี่ต้องโทรจองคิวก่อนนะคะ เพราะว่าช่างแต่ละคนคิวค่อนข้างแน่น