ปมในวัยเด็ก เก็บตัวเกือบครึ่งปี เพราะครูประจำชั้น

สวัสดีค่ะ เตือนก่อนว่ากระทู้นี้ยาวค่ะเพราะ เรานึกไปด้วยพิมพ์ไปด้วยเรียบเรียงคำพูดไม่รู้ถูกไหม แต่อยากเล่าช่วงชีวิตนึงในวัยเด็กที่อาจจะให้แง่คิดกับหลายๆคนได้ค่ะ.  
         เรื่องที่เรา จะเล่าเป็นเรื่องตั้งแต่สมัยวัยเด็ก  ที่ทำให้เด็กร่าเริ่งกลายเป็นเด็กเก็บตัว เพราะคุณครูประจำชั้นท่านหนึ่งค่ะ  ตอนที่เราเริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาล1 ที่โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง วันแรกที่เรียนเราก็เหมือนเด็กทั่วไปที่งองแง ไม่อยากจากพ่อจากแม่ แต่พอผ่านไปสักพัก เราเริ่มปรับตัวได้  ร่าเริง ชอบแสดงออก ชอบเต้น เพลงมาลุกเต้นก่อนใคร 555+ นั้นคือช่วงอนุบาลค่ะ ครูประจำชั้นก็ใจดี มาก
         พอเริ่มเข้าชั้นประถม ตั้งแต่ป.1 ป.2 ป.3. จะมีจะมีการเปลี่ยนครูประจำชั้นทุกครั้งที่เลื่อนสายชั้น หรือไม่ก็ได้ครูคนเดิม  การเรียนของเราตอนนั้นเข้าขั้นโง่เลยค่ะ หัวอ่อนมาก เรียนตามเพื่อนไม่ทัน เกรดออกก็ได้ที่ท้ายๆ ถึงจะมีเพื่อนผู้ชายที่ได้เกรดน้อยกว่า แต่เราเป็นผู้หญิงก็รู้สึกอายค่ะ พ่อแม่มาประชุมผู้ปกครองทีไร คุณครูก็จะพูดเรื่องการเรียนที่แย่ของเรา ให้พ่อแม่รับทราบ แต่เราก็เรียนแบบโง่ๆมาตลอดจนถึง ป.5  เราได้ครูประจำชั้นคนใหม่ ขอเรียกครูท่านนี้ว่าครูพิมพ์นะคะ. ครูพิมพ์เป็นครูประจำชั้นเราช่วงป.5 และครูพิมพ์จะเป็นคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนถ้าไม่พอใจอะไร  ด้วยความที่เราหัวอ่อน แน่นอนค่ะ เราย่อมโดนครูด่าว่าประจำ แต่เราก็รู้สึกว่าครูจะเน้นเรามากกว่าคนอื่นๆในห้อง. มักจะโดนเปรียบเทียบกับเพื่อนในเรื่องการเรียน หรือถูกเอาไปพูดว่า"เหมาะกับเพื่อนผู้ชายคนนี้นะ โง่เหมือนกัน." เรามักโดนพูดในอายแบบนี้บ่อยๆค่ะ และยิ่งอาทิตย์ไหนที่ครูพิมพ์เป็นเวรยืนหน้าประตูโรงเรียนตอนเช้า เราจะเกร็งมาก  เพราะเวลาเราเดินไปสวัสดีครู ครูจะชอบพูดถึงเรา ให้เพื่อนครูที่ยืนด้วยกันฟัง ด้วยเสียงที่เราได้ยินชัดเจน ประมาณว่า "นี้ไง เด็กคนนี้ชื่อ.....  ที่ทำโจทย์ข้อแบบนี้ไม่ได้เลย ข้อง่ายแค่นี้ทำไม่ได้ ฉันนี้ปวดหัวมาก บราๆๆ ". และอีกหลายๆอย่างคะ ทุกครั้งเลย

         เราต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้  จนบางครั้งเราก็พยายามจะหลบหน้าครูพิมพ์ ด้วยการรอคนเดินมากลุ่มใหญ่ แล้วเราก็รีบเดินผ่านไปเร็วๆเพื่อหลบหน้าครู แต่ครูก็เห็นค่ะ. พร้อมพูดออกมาว่า "ดูสิยังไม่ยอมไหว้อีก". พอเข้าชั้นเรียนเท่านั้นแหละค่ะ โดนด่า โดนตี ต่อหน้าเพื่อนเหมือนเดิม.  แต่เราก็พยายามจะเป็นเด็กดีนะคะ เคยจะช่วยครูพิมพ์แกะกล่องนมเพื่อแจกเพื่อน แต่ถูกปฏิเสธด้วยอาการที่แสดงว่าไม่ต้องมายุ่ง เคยมีคนมาประเมินการเรียนการสอน เราถูกเชิญให้ไปตอบคำถามหน้าห้อง เราก็ตอบไม่ได้ เพราะเราอาย พูดไม่ออก ครูพิมพ์คงโมโหเรา ที่เราทำครูขายหน้า จึงเดินมาด้านหลังเราและตีหลังเรา ทั้งที่ คนประเมินก็ยืนมองอยู่ ครูทำท่าไม่พอใจมากๆ เราเริ่มหมดกำลังใจที่จะไปเรียน. นับวันเริ่มขาดเรียนมากขึ้น จนกระทั่งขาดไปเป็นอาทิตย์  และไม่ยอมไปเรียน. จนทางบ้านต้อง ปวดหัวกับเรา ทางโรงเรียนจึงให้ทางบ้านมาทำเรื่องลาออกให้เพราะเราขาดจนไม่สามารถสอบได้  ตอนนั้นเราได้ย้ายไปเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง แต่ก็ไปได้แค่วันเดียวค่ะ เพราะเราไม่พร้อม.
ไม่อยากเรียนจิงๆ จากนั้นก็เราไม่ยอมออกจากบ้าน. เก็บตัวในห้อง ชอบมุดตัวอยู่ใต้เตียง นานๆจะออกไปข้างนอก เป็นคนขี้อาย จนที่บ้านเป็นห่วงมาก. เราเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่กล้าออกไปเจอใครเกือบเทอมนึงคะ พ่อแม่ปรึกษากับญาติๆว่าจะทำยังไงให้เรายอมกับไปเรียนได้อีก พ่อจึงตัดสินใจให้ครูมาสอนที่บ้านเเบบส่วนตัว
            การที่เราได้เรียนแบบตัวต่อตัวนี้แหละค่ะ ทำให้เราเรียนเข้าใจมากขึ้น  ครูท่านนี้เป็นกันเองมากคะ ใจดี และสอนเข้าใจง่าย. เราดีใจทุกครั้งที่ครูท่านนี้มาสอน. สนุกกับการเรียนทุกครั้ง. เรียนไปหลายเดือนค่ะ จนเราพร้อมที่จะไปเรียนต่อ และได้ไปเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน.  แต่ต้องซ้ำชั้นป.5  อีกรอบเพราะที่โรงเรียนเก่าเราหยุดกลางคัน   ตอนนั้นตัวเราหมวยๆอวบๆอ้วนๆขาวจั๊วะ เพราะไม่ได้ออกจากบ้านมานาน ไปโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้านวันแรก พร้อมใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเก่าไปด้วย ย่อมเป็นที่ฮือฮาในโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้ แต่โรงเรียนใหม่แห่งนี้ ถึงจะเป็นโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้านแต่ก็ทำให้เราได้มีโอกาส ทำอะไรหลายๆอย่าง จากเด็กที่ไม่เคยได้มีโอกาสไปพูด ไปแสดงต่อหน้าผู้คน หรือเป็นหัวหน้า เราได้ทำหมด จนเราเป็นเด็กที่มีความมั่นใจขึ้นมาก พอเข้ามัธยมเรากลายเป็นเด็กกิจกรรมเต็มตัว คือชอบไปโรงเรียนค่ะ รู้สึกมีความรับผิดชอบมากขึ้น ด้วยหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจากคุณครู  การเรียนเราอยู่ในเกณฑ์ที่ดีคะ มีได้ท็อปของห้องบ้างไม่ได้บ้าง แต่เเน่นอนค่ะเราไม่เหมือนเดิม.
           ต้องขอบคุณพ่อกับแม่มากที่สุดค่ะ ไม่มีใครอยากให้ลูกๆต้องเจอปัญหาในวัยเรียน อยากให้ลูกมีความสุขกับการไปเรียน ทุกๆวัน ท่านจึงพยายามหาวิธีทุกอย่างให้เรากลับไปเรียน แต่ถ้าตอนนั่นถ้าเราไม่ออกจากโรงเรียนเก่า เราก็อาจจะเป็นยัยเด็กโง่  ที่ขี้อายแบบนั้นต่อไปก็ได้ค่ะ ปัจจุบันถึงแม้จะเรียนจบแล้วแต่ถ้าได้ขับรถผ่านโรงเรียนเดิมเราก็ยังมีอาการหวั่นๆเวลามองไปที่ประตูโรงเรียนนะค่ะ ถึงจะนานแล้วก็เถอะ555+. ครูพิมพ์ท่านก็น่าจะเกษียณแล้ว แต่เราไม่เคยคิดโกรธ หรือเกียจครู นะคะ เราเคารพครูทุกคน ที่สอนเรา แค่อยากพูดถึงพฤติกรรมของครูที่แสดงออกกับนักเรียนจนทำให้เด็กคนนึงมีปัญหาในจิตใจได้ เรื่องของเรา อาจช่วยให้ผู้ปกครองได้สังเกตุพฤติกรรมของลูกๆในการไปเรียน หรือการเข้าสังคมด้วยคะ

*******************************
ขอฝากไว้เท่านี้นะคะ ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวของเราค่ะอมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่