[CR] ปลดปล่อยเวลาให้เดินช้าๆ ตามวิถีดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น ที่ จินยะ เรียวคัง


ถ้าเอ่ยชื่อประเทศ “ญี่ปุ่น” หลายๆ คนก็คงจะร้องว่า “โอ๊ย! อยากไปๆๆ” และเป้าหมายอันดับแรกๆ ก็คงหนีไม่พ้น โตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฮอกไกโด และเมืองชื่อคุ้นหูอีกเพียบ หรือบางคนก็ไปมาหลายรอบละ ไปแล้วไปอีก ไปจนไม่รู้จะเที่ยวที่ไหนละ เน้นไปกินช้อปล้วนๆ ก็เยอะแยะ  ใช่มั้ยล่ะ? 555

การไป “เที่ยวเอง” ญี่ปุ่นครั้งนี้ผมจึงอยากเสนอความเป็นญี่ปุ่นอีกแง่มุมหนึ่งที่เวลานึกถึงประเทศนี้แล้วจะต้องมีเรื่องนี้ติดอันดับเข้ามาในหัวสมองด้วยแน่ๆ นอกจากแง่มุมเรื่องของความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านต่างๆ ความน่ารักคิกขุของตัวการ์ตูนญี่ปุ่น อาหารการกินที่ถูกปากคนไทย แสงสีอันมีชีวิตชีวายามค่ำคืน  แง่มุมหรืออารมณ์ความรู้สึกที่ว่านั้นก็คือ “วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น” ครับ  
มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากสัมผัสให้ครบทุกฟีลลิ่งมากกว่าแค่การใช้ชีวิตเที่ยว กิน ช้อป ในเมืองใหญ่ซึ่งจะได้พบได้เจอแง่มุมปกติทั่วไปของญี่ปุ่นอยู่แล้ว

ทริปนี้ผมจึงเลือกไปพักผ่อนตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ เรียวคัง (旅館) เพื่อสัมผัสบรรยากาศสวนร่มรื่นสไตล์ญี่ปุ่นและแช่ออนเซ็นสุดแสนสบายผ่อนคลายจากการทำงานและเดินทางอย่างหนักหน่วงมาตลอดทั้งปีครับ


ที่พักแบบเรียวคังที่ผมเลือกก็คือ Jinya Ryokan (元湯陣屋) เรียวคังระดับ 5 ดาวในแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นคือทางตอนกลางของเกาะฮอนชู เกาะเดียวกับกรุงโตเกียวนี่แหละครับ  นอกจากที่นี่จะตั้งอยู่ในแหล่งน้ำแร่อันยอดเยี่ยมแล้ว ยังอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวอีกต่างหาก สามารถขับรถหรือนั่งรถไฟจากสถานี Shinjuku ตรงถึงสถานี Tsurumaki-onsen (ทสึรุมากิออนเซ็น) ได้เลย โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นครับ
แถมยังอยู่ไม่ไกลจากเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Hakone ช้อปปิ้งเอาท์เล็ตที่ Gotemba และจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่มีให้เลือกหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบ Ashi, เจดีย์แดง Chureito Pagoda, ทะเลสาบ Kawaguchi (Kawaguchiko) เป็นต้น
ออกจากโตเกียวมุ่งไปยังออนเซ็นเลยครับ เราเดินทางโดยรถไฟไปลงที่สถานี Tsurumaki-onsen แล้วเดินอีกราว 5 นาที
ประมาณ 11 โมงก็เข้าเช็คอินที่ Jinya Ryokan แต่ทางเรียวคังให้เช็คอินได้ตอนบ่ายสามครึ่ง เราจึงนั่งรับประทานอาหารกลางวันอร่อยๆ ก่อนเดินชมรอบๆ บริเวณ และขอให้พนักงานพาชมห้องพักประเภทต่างๆ เพื่อถ่ายรูปมาเขียนรีวิวมาให้ชมกันด้วยครับ ที่นี่มีพนักงานพูดภาษาอังกฤษและไทยได้ด้วยครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสารเลย
ถ้าลูกค้าไม่อยากเดินจากสถานีรถไฟ ทางเรียวคังก็มีบริการรถโรลส์-รอยซ์สุดหรูรับ-ส่งถึงที่ แต่ก็ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติมนะครับ ส่วนตัวผมยอมเดินก็ได้วะ ใกล้นิดเดียวเอง 555

นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถใช้บริการรถโรลส์-รอยซ์ไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ เช่น สนามบิน Narita, สนามบิน Haneda, Gotemba Premium Outlets เป็นต้น แต่ถ้าลูกค้ามากันเป็นกรุ๊ปใหญ่เกิน 5 คน ทางเรียวคังก็มีรถตู้บริการเช่นกัน โดยสามารถติดต่อที่รีเซ็ปต์ชั่นได้ตลอดเวลาครับ
มื้อกลางวันนี้เป็นเมนูเทมปุระครับ น่ากินโคตรๆ
จินยะคือที่พักแบบเรียวคังระดับ 5 ดาวในแหล่งออนเซ็นธรรมชาติที่ว่ากันว่าดีที่สุดของญี่ปุ่น น้ำพุร้อนของทสึรุมากินี้ผุดขึ้นมาจากตาน้ำใต้ภูเขาทันซาว่าซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่อุดมด้วยแคลเซียม ตั้งแต่สมัยโบราณมีความเชื่อว่าถ้าได้ดื่มน้ำที่มีประจุไอออนสูงจะสามารถบรรเทาอาการปวดไขข้อ อาการบาดเจ็บจากบาดแผล และโรคระบบทางเดินอาหารได้

เดินชมในบริเวณสวนสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งตอนนี้ใบไม้แดงแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว (ถ้ามาเร็วกว่านี้สัก 1-2 อาทิตย์คงจะสวยงามสุดๆ ไปเลยครับ)
พนักงานเล่าให้เราฟังว่าผู้สร้างการ์ตูนดังเรื่องโทโทโร่เพื่อนรัก นาม Miyazaki Hayao แห่งสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตวัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นอยู่ในจินยะนำบรรยากาศของที่นี่มาวาดเป็นฉากในการ์ตูนดังกล่าวหลายฉาก และชี้ให้ดูต้นโทโทโร่หรือต้นการบูรที่อยู่ตรงทางเข้าด้วย มิน่าตอนเดินไปห้องอาหารจึงเห็นกรอบรูปวาดโทโทโร่ที่มีลายเซ็นของคุณมิยาซากิซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านประธานของจินยะเรียวคังคนปัจจุบันตั้งอยู่
พนักงานสาวยังบอกให้เราลองดื่มน้ำแร่จากท่อไม้ไผ่ตรงนี้ด้วย รสชาติดีเลยครับ ไม่มีกลิ่นกำมะถันแรงเหมือนที่เมือง Karlovy Vary
สาธารณรัฐเช็กเลย
เธอเล่าต่อว่าในสมัยก่อนที่นี่เป็นที่นิยมของบรรดาซามูไรและทหารเนื่องจากความดีงามของน้ำแร่และไม้ไผ่คุณภาพเยี่ยมซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำลูกธนู ตรงล็อบบี้และทางเดินจึงมีอาวุธและข้าวของเครื่องใช้โบราณจัดแสดงไว้ให้ชม
ต่อไปเราจะพาทัวร์ห้องต่างๆ ของจินยะเรียวคังที่มีให้เลือกหลากหลายประเภท โดยห้องแบบ Standard มีราคาเริ่มต้นคืนละ 35,000 เยนต่อคนซึ่งถือเป็นราคาปกติทั่วไปของเรียวคังครับ ราคาจะสูงหรือต่ำกว่านี้ขึ้นอยู่กับว่ามีโปรโมชั่นหรือไม่และเลือกอาหารเย็นเป็นเมนูอะไรเพราะราคาห้องพักจะคิดรวมอาหารเช้าและอาหารเย็นไว้ด้วยเลย

ห้องประเภทนี้ไม่มีอ่างออนเซ็นส่วนตัวในห้องพัก แต่ลูกค้าสามารถใช้ Public Bath ที่มีให้เลือกทั้งแบบในร่มและกลางแจ้งได้ตามใจชอบ
เราได้ถ่ายแต่รูปห้องที่มีอ่างออนเซ็นส่วนตัวมาให้ชมกันนะครับ ห้องนี้วิวดีมากๆ ขอบอกว่าราคาอยู่ที่คืนละประมาณ 40,000 เยนต่อคนครับ หน้าตาเป็นแบบนี้
พาชมออนเซ็นรวมบ้างดีกว่า สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้เข้าพักที่นี่ก็สามารถมาแช่น้ำแร่ที่ Public Bath ในร่มและกลางแจ้งได้ โดยช่วงเวลาที่ราคาน่ารักที่สุดก็คือ 11.30-15.00 น. ตกคนละประมาณ 2,500 เยนเอง ถือว่าไม่แพงเลยครับ แช่ได้ตามใจอยาก จะแช่จนตัวเปื่อยเลยก็ได้ แต่จริงๆ ควรแช่ครั้งละประมาณ 20 นาทีแล้วก็ขึ้นมานั่งพักจิบชาอุ่นๆ ให้ดีต่อใจครับ
ออนเซ็นรวมในร่มเป็นอย่างนี่ ป้ายผ้าสีน้ำเงินคือของผู้ชาย ส่วนสีชมพูคือของผู้หญิง
ส่วนออนเซ็นกลางแจ้งดูเป็นธรรมชาติมากๆ ได้ฟีลดีจริงๆ ครับ
แหม่! น้ำใสแจ๋วเลย ต้องไม่สวมอะไรเลยลงไปแช่รวมกับคนอื่นด้วย ใจไม่กล้าพอครับ 555 คืนนี้เราจึงขอพักในห้องที่ดีที่สุดคือ VIP Room “Karikura-an” หรือ Luxury Villa ที่มีอ่างออนเซ็นส่วนตัวให้แช่ได้แบบไม่ต้องแคร์สายตาใคร ^^

พนักงานสาวหน้าใสผู้นี้จะเป็นคนพาเราไปที่ห้องพักซึ่งอยู่ในสวนด้านนอกอาคารครับ
ห้องพักส่วนตั๊วส่วนตัวที่มีบริเวณเป็นของตัวเองนี้คือห้องที่เลิศที่สุดของจินยะ ราคาห้องก็คืนละ 65,000-80,000 เยนต่อคน ขึ้นอยู่กับว่ามีโปรโมชั่นรึเปล่าและเลือกอาหารเย็นเป็นเมนูอะไรเช่นเดียวกับการเลือกพักที่ห้องแบบ Standard ครับ
เข้าไปดูบรรยากาศในห้องต่อเลย ห้องพักออกแบบอย่างเรียบง่ายตามสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่แลดูหรูหราสมราคาครับ ข้างในห้องหรือจะเรียกว่าเป็นบ้านหนึ่งหลังประกอบด้วยห้องต่างๆ คือ ห้องนั่งเล่นตรงกลางซึ่งเป็นห้องเดียวของจินยะที่มีหน้าต่างวงกลมไว้สำหรับถ่ายรูปเก๋ๆ ครับ
เดินไปที่ห้องน้ำ แค่เปิดประตูห้อง โถส้วมอัตโนมัติก็เปิดฝาเองเลย เลี้ยวไปที่ห้องอาบน้ำซึ่งเป็นทางเดินออกไปยังบ่อออนเซ็นส่วนตัว
ขออนุญาตแช่น้ำอุ่นๆ แป๊บนึงก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ อิอิ
ไปดูห้องนอนซึ่งอยู่ข้างในสุดบ้าง เตียงใหญ่เบอร์นี่!
มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วย และที่มินิบาร์มีกาแฟให้ชงดื่มไม่อั้น ในตู้เย็นแช่เครื่องดื่มนานาชนิดไว้เต็มให้แขกดื่มได้ฟรีไม่คิดตังค์เพิ่มครับ

หลังจากแช่ออนเซ็นจนสบายตัวแล้วก็ไปแฮฟดินเนอร์กันครับ แขกสามารถไปรับประทานอาหารเย็นได้ตั้งแต่ 6 โมงเย็น - 2 ทุ่ม โดยค่าอาหารมื้อเย็นนี้จะรวมอยู่ในราคาห้องพักตั้งแต่ตอนจองและเลือกเมนูแล้ว แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจอยากรับประทานเซ็ตเมนูที่แพงขึ้นก็สามารถจ่ายเงินเพิ่มได้เช่นกัน เมนูมื้อเย็นมีให้เลือกหลายเซ็ต ราคาตั้งแต่ 4,000 เยน ไปจนถึง 36,000 เยนเลย เชิญสั่งได้ตามกำลังทรัพย์ครับ
เซ็ตเมนูของเรานี้คือ Tokuzen Kaiseki ราคา 12,000 เยนครับ ประกอบด้วย Starter 1 อย่าง อาหารจานหลัก 6 อย่าง และปิดท้ายด้วยของหวาน
เราลองสั่งสาเกมาดื่ม 3 ช็อตด้วย รสชาติแรงดีครัช ดื่มหมดมีงงๆ ตึงๆ เรย
เชฟพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการปรุงอาหารตามแบบต้นตำรับดั้งเดิมโดยใช้น้ำพุร้อนธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งในการทำอาหารซึ่งจะช่วยเสริมรสชาติของวัตถุดิบให้อร่อยยิ่งขึ้น แล้วค่อยๆ เสิร์ฟทีละเมนูครับ  มื้อนี้พี่ไม่รีบ 555 นั่งละเลียดทุกเมนูแบบสโลว์ไลฟ์กว่า 2 ชั่วโมง ชิลล์สุดๆ ไปเลย

เดินกลับห้องพักไปพักผ่อนบนเตียงนุ่มๆ กว้างขวางชนิดกลิ้งไม่ตกเตียง 55
ถ้าอยากลองพักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ ที่จินยะเรียวคังก็สามารถเช็คราคาและจองห้องพักได้ที่ www.jinya-inn.com จะได้ราคาดีกว่าการจองผ่าน booking และ expedia นะครับ  และติดตาม Instagram ได้ที่ jinya_ryokan เพิ่งทำมาสดๆ ร้อนๆ เลยครับ

เช้าวันรุ่งขึ้น ทางเรียวคังจัดอาหารเช้าไว้บริการแขกที่เข้าพักโดยรวมราคาอยู่ในค่าห้องพักเรียบร้อยแล้วครับ มื้อเช้าวันนี้เป็นชุดใหญ่แบบนี้
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น เรียวคัง ออนเซ็น น้ำแร่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่