หากวันหนึ่งพืชพรรณบนโลกนี้สูญสิ้นไป ไม่ว่าจะด้วยภัยธรรมชาติ ปัญหาสภาพภูมิอากาศ หรือสงครามนิวเคลียร์ นี่คืออุโมงค์ลับใต้น้ำแข็งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับมวลมนุษยชาติอีกครั้ง
Svalbard คือสถานที่ที่อยู่เหนือสุดของโลก ตั้งอยู่ระหว่างประเทศนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ
สถานที่แห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 400 ฟุต หนาวเหน็บ เยือกแข็ง และมีความชื้นต่ำมาก
มันคือที่ตั้งของอุโมงค์เมล็ดพันธุ์พืชแห่งสฟาลบาร์ (Svalbard Global Seed Vault) อุโมงค์ลับที่สามารถเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชไว้ได้นานอย่างน้อย 200 ปี ในกรณีที่โลกนี้ไม่มีแหล่งพลังงานอีกต่อไป
อุโมงค์เมล็ดพันธุ์แห่งสฟาลบาร์ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสถาบันวิจัยต่างๆ มากกว่า 60 สถาบัน เพื่อรวบรวมเมล็ดพืชจากธนาคารเมล็ดพันธุ์ 1,500 แห่งทั่วโลก
ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับในกรณีที่ธนาคารเมล็ดพันธุ์ทุกแห่งบนโลกถูกทำลาย
ทำหน้าที่เก็บเมล็ดพันธุ์พืชทุกชนิดไว้ในกรณีที่เกิดพิบัติภัยหรือหายนะต่างๆ
เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับประชากรและเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติในอนาคต
การนำเมล็ดพันธุ์พืชเข้าไปใน Svalbard Global Seed Vault จะต้องผ่านการเอ็กซ์เรย์เพื่อให้แน่ใจว่าในกล่องบรรจุไม่มีสิ่งใดเจือปน
ภายนอกของอาคารนั้นสร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์
อุโมงค์ลับแห่งนี้จะเปิดออกเพียงปีละ 4 ครั้ง เพื่อนำเมล็ดพันธุ์เข้ามาเก็บรักษาเพิ่มเติม
ภายในมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาและมีประตูนิรภัย 5 ชั้น
บริเวณโดยรอบก็เป็นแหล่งอาศัยของหมีขั้วโลก ซึ่งเป็นเกราะป้องกันภัยชั้นดี
อุณหภูมิภายในอุโมงค์อยู่ -18 องศาเซลเซียส เพื่อเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ได้นานหลายพันปี
การขนส่งเมล็ดพันธุ์เข้าสู่ห้องเก็บที่อยู่ลึกที่สุดภายในอุโมงค์
มีเมล็ดพืชพันธุ์มากกว่า 860,000 ชนิด แต่ละชนิดมีจำนวนอย่างน้อย 500 เมล็ด
และมีพื้นที่มากพอที่จะเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ได้มากถึง 2 พันล้านเมล็ด
เมล็ดพันธุ์จะถูกบรรจุไว้ในถุงฟอยล์และเก็บไว้ในกล่องที่ปิดสนิท
ในปี 2005 ธนาคารเมล็ดพันธุ์ ICARDA Seed Bank ในซีเรีย ได้ทำการถอนเมล็ดพันธุ์พืชหลายชนิดออกไปจากอุโมงค์สฟาลบาร์หลังเกิดความเสียหายจากสงคราม
อย่างไรก็ตามแม้นี่จะเป็นจุดประสงค์หลักในการสร้างอุโมงค์เมล็ดพันธุ์แห่งนี้ขึ้น แต่ทุกคนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะไม่มีการถอนเมล็ดพันธุ์ใดๆ เพิ่มเติม เพราะนั่นหมายถึงโลกกำลังเกิดหายนะ และเมล็ดพันธุ์บางอย่างก็ไม่สามารถหามาทดแทนได้อีก
ที่มา: BusinessInsider
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.meekhao.com/news/svalbard-seed-bank
ภาพจาก “อุโมงค์แห่งสฟาลบาร์” แหล่งสำรองเมล็ดพันธุ์สำหรับวันสิ้นโลก!!
Svalbard คือสถานที่ที่อยู่เหนือสุดของโลก ตั้งอยู่ระหว่างประเทศนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ
สถานที่แห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 400 ฟุต หนาวเหน็บ เยือกแข็ง และมีความชื้นต่ำมาก
มันคือที่ตั้งของอุโมงค์เมล็ดพันธุ์พืชแห่งสฟาลบาร์ (Svalbard Global Seed Vault) อุโมงค์ลับที่สามารถเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชไว้ได้นานอย่างน้อย 200 ปี ในกรณีที่โลกนี้ไม่มีแหล่งพลังงานอีกต่อไป
อุโมงค์เมล็ดพันธุ์แห่งสฟาลบาร์ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสถาบันวิจัยต่างๆ มากกว่า 60 สถาบัน เพื่อรวบรวมเมล็ดพืชจากธนาคารเมล็ดพันธุ์ 1,500 แห่งทั่วโลก
ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับในกรณีที่ธนาคารเมล็ดพันธุ์ทุกแห่งบนโลกถูกทำลาย
ทำหน้าที่เก็บเมล็ดพันธุ์พืชทุกชนิดไว้ในกรณีที่เกิดพิบัติภัยหรือหายนะต่างๆ
เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับประชากรและเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติในอนาคต
การนำเมล็ดพันธุ์พืชเข้าไปใน Svalbard Global Seed Vault จะต้องผ่านการเอ็กซ์เรย์เพื่อให้แน่ใจว่าในกล่องบรรจุไม่มีสิ่งใดเจือปน
ภายนอกของอาคารนั้นสร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์
อุโมงค์ลับแห่งนี้จะเปิดออกเพียงปีละ 4 ครั้ง เพื่อนำเมล็ดพันธุ์เข้ามาเก็บรักษาเพิ่มเติม
ภายในมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาและมีประตูนิรภัย 5 ชั้น
บริเวณโดยรอบก็เป็นแหล่งอาศัยของหมีขั้วโลก ซึ่งเป็นเกราะป้องกันภัยชั้นดี
อุณหภูมิภายในอุโมงค์อยู่ -18 องศาเซลเซียส เพื่อเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ได้นานหลายพันปี
การขนส่งเมล็ดพันธุ์เข้าสู่ห้องเก็บที่อยู่ลึกที่สุดภายในอุโมงค์
มีเมล็ดพืชพันธุ์มากกว่า 860,000 ชนิด แต่ละชนิดมีจำนวนอย่างน้อย 500 เมล็ด
และมีพื้นที่มากพอที่จะเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ได้มากถึง 2 พันล้านเมล็ด
เมล็ดพันธุ์จะถูกบรรจุไว้ในถุงฟอยล์และเก็บไว้ในกล่องที่ปิดสนิท
ในปี 2005 ธนาคารเมล็ดพันธุ์ ICARDA Seed Bank ในซีเรีย ได้ทำการถอนเมล็ดพันธุ์พืชหลายชนิดออกไปจากอุโมงค์สฟาลบาร์หลังเกิดความเสียหายจากสงคราม
อย่างไรก็ตามแม้นี่จะเป็นจุดประสงค์หลักในการสร้างอุโมงค์เมล็ดพันธุ์แห่งนี้ขึ้น แต่ทุกคนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะไม่มีการถอนเมล็ดพันธุ์ใดๆ เพิ่มเติม เพราะนั่นหมายถึงโลกกำลังเกิดหายนะ และเมล็ดพันธุ์บางอย่างก็ไม่สามารถหามาทดแทนได้อีก
ที่มา: BusinessInsider [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้