ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมานี้ประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดประเทศหนึ่งคือซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันที่เฟื่องฟูและสร้างความมั่งคั่งเป็นอย่างมากนั้นได้ช่วยพัฒนาประเทศ
แต่ภายใต้การพัฒนาที่เห็นได้ชัดเจนนั้นมีเรื่องน่าตกใจหลายอย่างเกี่ยวกับประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างเช่นความจริง 17 ข้อต่อไปนี้
ในเมืองหลวงของประเทศมีการซื้อขายอูฐวันละกว่า 100 ตัว
กรุงริยาดมีตลาดอูฐที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในตัวเมือง
โดยเฉลี่ยชาวซาอุดิอาระเบียอย่างน้อย 1 คนถูกประหารชีวิตวันเว้นวันในปี 2015
Amnesty International รายงานว่าในปี 2015 มีผู้ต้องโทษประหารกว่า 151 ราย และปีที่มีการประหารสูงสุดคือปี 1995
แหล่งน้ำมัน Ghawar มีปริมาณน้ำมันมากพอที่จะเติมลงไปในสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิกได้ 4,770,897 สระ
โดยมีน้ำมันประมาณ 75,000 ล้านบาร์เรล ซึ่งสระว่ายน้ำของโอลิมปิกนั้นบรรจุของเหลวได้สระละ 660,253.09 แกลลอน
ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่มีแม่น้ำ
ซาอุดิอาระเบียนั้นใหญ่เป็นอันดับที่ 13 ของโลก เป็นอันดับที่ 2 ของอาหรับ มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ 95 เปอร์เซ็นต์เป็นทะเลทราย และแม้จะไม่มีแม่น้ำแต่มีพื้นที่ติดกับอ่าวเปอร์เซียและทะเลแดงซึ่งสะดวกต่อการขนส่ง
สตรีชาวซาอุดิอาระเบียถูกห้ามไม่ให้ขับขี่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าแม้รัฐอิสลามอื่นๆ จะมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเกี่ยวกับสิทธิสตรีมากมายแต่ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศเดียวที่ผู้หญิงไม่สามารถทำใบขับขี่ได้ การขับรถจึงผิดกฎหมายสำหรับพวกเธอ
ซาอุดิอาระเบียมีประชากรมากกว่ารัฐเทกซัส แต่ค่า GDP ของเทกซัสนั้นเติบโตมากกว่าซาอุดิอาระเบีย 2 เท่า
ในปี 2013 ประชากรในซาอุดิอาระเบียมีประมาณ 28.8 ล้านคน ส่วนรัฐเทกซัสในสหรัฐฯนั้นมีประชากร 26.5 ล้านคน แต่ GDP หรือค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของซาอุดิอาระเบียอยู่ที่ 27 ล้านล้านบาทส่วนเทกซัสอยู่ที่ 50 ล้านล้านบาท แม้ว่าซาอุดิอาระเบียจะมีค่า GDP สูงเป็นอันดับที่ 19 ของโลก แต่ถ้ารัฐเทกซัสมีสถานะเป็นประเทศจะอยู่ที่อันดับ 13 ของโลก
อุตสาหกรรมปิโตรเลียมทำให้ค่า GDP ของซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้นกว่า 45% ทำให้มีค่ามากกว่าประเทศอิรัก โมร็อกโก รวันดา และตองการวมกัน
โดยปิโตรเลียมทำเงินให้ซาอุดิอาระเบียราว 12 ล้านล้านบาท ส่วน GDP ของอิรักคือ 8 ล้านล้านบาท โมร็อกโก 3.7 ล้านล้านบาท รวันดา 2 แสนล้านบาท 16,000 ล้านบาท
ขณะนี้ซาอุดิอาระเบียกำลังก่อสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลก
ชื่อตึก Jeddah Tower หรือรู้จักกันในชื่อ Kingdom Tower สูง 3,280 ฟุตหรือประมาณ 1 กิโลเมตร
ประมาณการกันว่าต้นทุนการสร้าง Kingdom Tower นั้นอยู่ที่ 44,000 ล้านบาท
มากกว่ารายได้ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ในปี 2014 ประมาณ 19.2 เท่าตัว
ชายแดนที่เป็นเส้นซิกแซ็กระหว่างซาอุดิอาระเบียและจอร์แดนนั้นลือกันว่าเป็นเพราะวินสตัน เชอร์ชิล สะอึก
มีข่าวลือว่าที่ชายแดนระหว่างสองประเทศมีรูปร่างแปลกประหลาดเพราะวินสตัน เชอร์ชิล วาดเส้นแบ่งหลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเข้าไปแล้วสะอึก
แรงงานเกือบ 60% ในซาอุดิอาระเบียเป็นชาวต่างชาติ
คนส่วนใหญ่ที่ทำงานในอุตสาหกรรมน้ำมันและการใช้แรงงานในซาอุดิอาระเบียเป็นคนที่มาจากประเทศอื่นและไม่ใช่มุสลิมแม้ว่าพิธีศพแบบไม่ใช่มุสลิมในซาอุดิอาระเบียจะถูกสั่งห้ามก็ตาม
ผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียมีส่วนร่วมด้านแรงงานเพียง 20% เท่านั้น น้อยที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก
Bill Gates เคยกล่าวถึงประเด็นที่ว่าซาอุดิอาระเบียจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ทางเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ได้หรือไม่ว่า “ถ้าคุณไม่ให้ผู้มีความสามารถอีกครึ่งประเทศทำงาน คุณก็ไม่มีวันเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจได้” ซึ่งผู้หญิงในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีอัตราส่วนร่วมที่ 47% เยอรมนี 54% และญี่ปุ่น 49%
ประชากรซาอุดิอาระเบียกว่า 47% อายุน้อยกว่า 24 ปี และมีผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีแค่ 5%
แม้ว่าจะเป็นประโยชน์ในด้านการพัฒนา แต่ในอนาคตจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นของเด็กอาจกลายเป็นอุปสรรค
ค่าการเติบโตของซาอุดิอาระเบียมาจากแหล่งทรัพยากร ไม่ใช่การผลิต
จากกราฟจะเห็นได้ว่าการเพิ่มผลผลิตและแรงงานนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
ซาอุดิอาระเบียมีแผนจะสร้าง 6 เมืองเศรษฐกิจ ที่เชื่อว่าจะเพิ่ม GDP ได้ 3.5 เท่าของประเทศเคนยา
โดย 6 เมืองเศรษฐกิจนี้จะเน้นด้านอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเพิ่ม GDP ได้ราว 5.4 ล้านล้านบาท ซึ่ง GDP ของเคนยานั้นอยู่ที่ราว 1.59 ล้านล้านบาท
รายจ่ายประจำปีด้านการทหารของซาอุดิอาระเบียมากกว่า GDP ของอัฟกานิสถาน 4 เท่า
ในปี 2014 รายจ่ายด้านทหารของซาอุดิอาระเบียอยู่ที่ 2.9 ล้านล้านบาท ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย โดย GDP ของอัฟกานิสถานอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท
รายได้มหาศาลจากอุตสาหกรรมน้ำมันทำให้ซาอุดิอาระเบียเริ่มใช้จ่ายอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ต่ำลงเรื่อยๆ จะทำให้เกิดความไม่มั่นคง
อุตสาหกรรมน้ำมันที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทำให้ซาอุดิอาระเบียเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่เกิดประโยชน์หลายอย่าง นโยบายการใช้จ่ายที่ไม่มีการควบคุมและราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ ในตลาดโลกอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ในอนาคต ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีผลกระทบให้เห็นกันบ้างแล้ว
ที่มา: BusinessInsider
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.meekhao.com/news/17-crazy-facts-saudi-ara
ความจริงน่าทึ่งของ ‘ซาอุดิอาระเบีย’ ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น “เศรษฐีน้ำมัน”
แต่ภายใต้การพัฒนาที่เห็นได้ชัดเจนนั้นมีเรื่องน่าตกใจหลายอย่างเกี่ยวกับประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างเช่นความจริง 17 ข้อต่อไปนี้
ในเมืองหลวงของประเทศมีการซื้อขายอูฐวันละกว่า 100 ตัว
กรุงริยาดมีตลาดอูฐที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในตัวเมือง
โดยเฉลี่ยชาวซาอุดิอาระเบียอย่างน้อย 1 คนถูกประหารชีวิตวันเว้นวันในปี 2015
Amnesty International รายงานว่าในปี 2015 มีผู้ต้องโทษประหารกว่า 151 ราย และปีที่มีการประหารสูงสุดคือปี 1995
แหล่งน้ำมัน Ghawar มีปริมาณน้ำมันมากพอที่จะเติมลงไปในสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิกได้ 4,770,897 สระ
โดยมีน้ำมันประมาณ 75,000 ล้านบาร์เรล ซึ่งสระว่ายน้ำของโอลิมปิกนั้นบรรจุของเหลวได้สระละ 660,253.09 แกลลอน
ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่มีแม่น้ำ
ซาอุดิอาระเบียนั้นใหญ่เป็นอันดับที่ 13 ของโลก เป็นอันดับที่ 2 ของอาหรับ มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ 95 เปอร์เซ็นต์เป็นทะเลทราย และแม้จะไม่มีแม่น้ำแต่มีพื้นที่ติดกับอ่าวเปอร์เซียและทะเลแดงซึ่งสะดวกต่อการขนส่ง
สตรีชาวซาอุดิอาระเบียถูกห้ามไม่ให้ขับขี่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าแม้รัฐอิสลามอื่นๆ จะมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเกี่ยวกับสิทธิสตรีมากมายแต่ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศเดียวที่ผู้หญิงไม่สามารถทำใบขับขี่ได้ การขับรถจึงผิดกฎหมายสำหรับพวกเธอ
ซาอุดิอาระเบียมีประชากรมากกว่ารัฐเทกซัส แต่ค่า GDP ของเทกซัสนั้นเติบโตมากกว่าซาอุดิอาระเบีย 2 เท่า
ในปี 2013 ประชากรในซาอุดิอาระเบียมีประมาณ 28.8 ล้านคน ส่วนรัฐเทกซัสในสหรัฐฯนั้นมีประชากร 26.5 ล้านคน แต่ GDP หรือค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของซาอุดิอาระเบียอยู่ที่ 27 ล้านล้านบาทส่วนเทกซัสอยู่ที่ 50 ล้านล้านบาท แม้ว่าซาอุดิอาระเบียจะมีค่า GDP สูงเป็นอันดับที่ 19 ของโลก แต่ถ้ารัฐเทกซัสมีสถานะเป็นประเทศจะอยู่ที่อันดับ 13 ของโลก
อุตสาหกรรมปิโตรเลียมทำให้ค่า GDP ของซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้นกว่า 45% ทำให้มีค่ามากกว่าประเทศอิรัก โมร็อกโก รวันดา และตองการวมกัน
โดยปิโตรเลียมทำเงินให้ซาอุดิอาระเบียราว 12 ล้านล้านบาท ส่วน GDP ของอิรักคือ 8 ล้านล้านบาท โมร็อกโก 3.7 ล้านล้านบาท รวันดา 2 แสนล้านบาท 16,000 ล้านบาท
ขณะนี้ซาอุดิอาระเบียกำลังก่อสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลก
ชื่อตึก Jeddah Tower หรือรู้จักกันในชื่อ Kingdom Tower สูง 3,280 ฟุตหรือประมาณ 1 กิโลเมตร
ประมาณการกันว่าต้นทุนการสร้าง Kingdom Tower นั้นอยู่ที่ 44,000 ล้านบาท
มากกว่ารายได้ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ในปี 2014 ประมาณ 19.2 เท่าตัว
ชายแดนที่เป็นเส้นซิกแซ็กระหว่างซาอุดิอาระเบียและจอร์แดนนั้นลือกันว่าเป็นเพราะวินสตัน เชอร์ชิล สะอึก
มีข่าวลือว่าที่ชายแดนระหว่างสองประเทศมีรูปร่างแปลกประหลาดเพราะวินสตัน เชอร์ชิล วาดเส้นแบ่งหลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเข้าไปแล้วสะอึก
แรงงานเกือบ 60% ในซาอุดิอาระเบียเป็นชาวต่างชาติ
คนส่วนใหญ่ที่ทำงานในอุตสาหกรรมน้ำมันและการใช้แรงงานในซาอุดิอาระเบียเป็นคนที่มาจากประเทศอื่นและไม่ใช่มุสลิมแม้ว่าพิธีศพแบบไม่ใช่มุสลิมในซาอุดิอาระเบียจะถูกสั่งห้ามก็ตาม
ผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียมีส่วนร่วมด้านแรงงานเพียง 20% เท่านั้น น้อยที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก
Bill Gates เคยกล่าวถึงประเด็นที่ว่าซาอุดิอาระเบียจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ทางเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ได้หรือไม่ว่า “ถ้าคุณไม่ให้ผู้มีความสามารถอีกครึ่งประเทศทำงาน คุณก็ไม่มีวันเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจได้” ซึ่งผู้หญิงในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีอัตราส่วนร่วมที่ 47% เยอรมนี 54% และญี่ปุ่น 49%
ประชากรซาอุดิอาระเบียกว่า 47% อายุน้อยกว่า 24 ปี และมีผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีแค่ 5%
แม้ว่าจะเป็นประโยชน์ในด้านการพัฒนา แต่ในอนาคตจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นของเด็กอาจกลายเป็นอุปสรรค
ค่าการเติบโตของซาอุดิอาระเบียมาจากแหล่งทรัพยากร ไม่ใช่การผลิต
จากกราฟจะเห็นได้ว่าการเพิ่มผลผลิตและแรงงานนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
ซาอุดิอาระเบียมีแผนจะสร้าง 6 เมืองเศรษฐกิจ ที่เชื่อว่าจะเพิ่ม GDP ได้ 3.5 เท่าของประเทศเคนยา
โดย 6 เมืองเศรษฐกิจนี้จะเน้นด้านอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเพิ่ม GDP ได้ราว 5.4 ล้านล้านบาท ซึ่ง GDP ของเคนยานั้นอยู่ที่ราว 1.59 ล้านล้านบาท
รายจ่ายประจำปีด้านการทหารของซาอุดิอาระเบียมากกว่า GDP ของอัฟกานิสถาน 4 เท่า
ในปี 2014 รายจ่ายด้านทหารของซาอุดิอาระเบียอยู่ที่ 2.9 ล้านล้านบาท ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย โดย GDP ของอัฟกานิสถานอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท
รายได้มหาศาลจากอุตสาหกรรมน้ำมันทำให้ซาอุดิอาระเบียเริ่มใช้จ่ายอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ต่ำลงเรื่อยๆ จะทำให้เกิดความไม่มั่นคง
อุตสาหกรรมน้ำมันที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทำให้ซาอุดิอาระเบียเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่เกิดประโยชน์หลายอย่าง นโยบายการใช้จ่ายที่ไม่มีการควบคุมและราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ ในตลาดโลกอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ในอนาคต ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีผลกระทบให้เห็นกันบ้างแล้ว
ที่มา: BusinessInsider [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้