Split (M. Night Shyamalan, 2016) คะแนน B
#ไม่สปอย
By Form Corleone
" ไม่เพียงแค่เล่าเรื่องราวให้เราหวาดระแวงตัวละครเพียงแค่นั้น ตัวหนังยังวิพากษ์การเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมของสังคมอีกด้วย " หนังเล่าเรื่องราวของชายที่มี 23 บุคลิก และกำลังรอการเปิดเผยบุคลิกสุดท้าย เรื่องย่อดูตามตัวอย่างได้เลย หรือจะไม่ดูตัวอย่างเลยแล้วเข้าไปด้วยข้อมูลเป็นศูนย์ที่สุดก็อาจจะทำให้รับรู้หรือสัมผัสความรู้สึกของหนังได้มากอยู่เหมือนกัน บรรยากาศของหนังนั้นชวนให้เราหวาดระแวงตัวละครอยู่ตลอดเวลา ร่วมถึงระวังตัวอยู่ทุกขณะคืองานสไตล์ 'M. Night Shyamalan' เพราะพี่แกชอบเล่นหนังหักมุมจนทำให้เราคอยระวังตัวว่าจะมาไม้ไหน วิธีสร้างอารมณ์ร่วมของหนังคงไม่ใช่การลุ้นระทึกตลอดเวลาหรืออาศัยซาว์ดหนักๆทำให้ใจเต้นแรงๆ สำหรับ 'Split' คือการค่อยๆพาเราซึมซับไปกับพฤติกรรมต่างๆของตัวละครเรื่อยๆ ไม่เพียงทั้งผู้กระทำหรือคนถูกกระทำ หนังพยายามโฟกัสในส่วนพฤติกรรมของตัวละครแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัดที่ทำให้บางมุมบางฉากที่ควรจะย้ำให้หนักๆกลับปล่อยผ่านไปเรื่อยๆ มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง เพราะนี้แหละคือสไตล์ของ 'M. Night Shyamalan' หนังมีสไตล์ชัดเจนมาก ยึดทำหนังแนวนี้ต่อไปจะดีที่สุด เพราะเคยแหวกแนวแล้วจบไม่เคยสวยสักเรื่อง อาทิเช่น The Last Airbender, After Earth เป็นต้น
จุดที่ทำให้เราดูได้สนุกและชอบกว่าฉากไล่ล่าในหนังคือการเล่นในประเด็นของการวิพากษ์วิธีเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ชอบที่ไม่เพียงแค่เราจะเข้าใจตัวตนทางฝั่งของผู้กระทำเท่านั้นเรายังได้เรียนรู้มุมมองของฝั่งผู้ถูกกระทำด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่โอเคและสนุกมากๆ หนังมีเวลาให้ใช้อย่างเต็มที่และสำหรับเราไม่เปลืองเวลาในการเล่าตรงส่วนนั้น ทำได้พอเหมาะ+เข้าใจข้อความที่ตัวผู้กำกับต้องการจะสื่อมา แนวคิดเรื่องจิตวิทยาของการเอาตัวรอดหรือการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อรักษาชิ้นส่วนที่อ่อนแอให้ดำรงอยู่อย่างปลอดภัยดูเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก แต่หนังกลับสอดแทรกได้อย่างน่ายินดี แน่นอนที่สุดคือการแสดงของ 'James McAvoy' ที่ให้การแสดงที่ดีมากๆ เชื่อว่าเขากำลังอยู่ในบุคลิกหลายๆแบบได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังจดจำพฤติกรรมต่างๆเหล่านั้นได้ในท้ายสุดว่าเขากำลังเป็นใครกัน ณ ตอนนั้น ถือเป็นการแสดงที่ดีมาก ส่วน 'Anya Taylor-Joy' เด็กสาวคนนี้คือชอบมาตั้งแต่ตอนแสดงเรื่อง 'The Witch' คือมีเอกลักษณ์และโดดเด่นมากๆ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด 'Split' ได้ให้ประเด็นของคนหลายบุคลิกที่อยู่บนพื้นฐานที่สามารถเข้าใจได้ แง่มุมของคนหลายบุคลิกนั้นอาจเกิดมาจาก สภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่ การปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัยในสังคม สิ่งเหล่านี้อาจเป็นที่มาของความแปรปรวนทางอารมณ์ ตัวหนังยังอิงหลักวิทยาศาสตร์เล็กน้อยเพื่อให้ดูมีข้อมูลน่าเชื่อถือ ไม่ใช่แต่งเติมในส่วนของกายภาพภายนอกของตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว แม้หนังจะมีบางช่วงบางมุมที่เราไม่ชอบ แต่แง่มุมทั้งหมดทั้งมวลของหนังยังคงให้ความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ดูจบแล้วคงต้องลองกลับไปสำรวจตัวเองดูว่าในแต่ละวันเราแสดงพฤติกรรมออกมาแบบไหนบ้าง แล้วเราแสดงพฤติกรรมแบบนั้นในสถานที่ไหนหรือถ้าวันหนึ่งเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่โหดร้ายสุดขีด เราจะปกป้องชีวิตของเราด้วยการแสดงพฤติกรรมแบบไหนออกมา จนถึงวันนั้นตัวตนในมุมที่ลึกที่สุดของเราอาจจะแสดงออกมาก็ได้..
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Split (M. Night Shyamalan, 2016) เขียนโดย Form Corleone
#ไม่สปอย
By Form Corleone
" ไม่เพียงแค่เล่าเรื่องราวให้เราหวาดระแวงตัวละครเพียงแค่นั้น ตัวหนังยังวิพากษ์การเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมของสังคมอีกด้วย " หนังเล่าเรื่องราวของชายที่มี 23 บุคลิก และกำลังรอการเปิดเผยบุคลิกสุดท้าย เรื่องย่อดูตามตัวอย่างได้เลย หรือจะไม่ดูตัวอย่างเลยแล้วเข้าไปด้วยข้อมูลเป็นศูนย์ที่สุดก็อาจจะทำให้รับรู้หรือสัมผัสความรู้สึกของหนังได้มากอยู่เหมือนกัน บรรยากาศของหนังนั้นชวนให้เราหวาดระแวงตัวละครอยู่ตลอดเวลา ร่วมถึงระวังตัวอยู่ทุกขณะคืองานสไตล์ 'M. Night Shyamalan' เพราะพี่แกชอบเล่นหนังหักมุมจนทำให้เราคอยระวังตัวว่าจะมาไม้ไหน วิธีสร้างอารมณ์ร่วมของหนังคงไม่ใช่การลุ้นระทึกตลอดเวลาหรืออาศัยซาว์ดหนักๆทำให้ใจเต้นแรงๆ สำหรับ 'Split' คือการค่อยๆพาเราซึมซับไปกับพฤติกรรมต่างๆของตัวละครเรื่อยๆ ไม่เพียงทั้งผู้กระทำหรือคนถูกกระทำ หนังพยายามโฟกัสในส่วนพฤติกรรมของตัวละครแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัดที่ทำให้บางมุมบางฉากที่ควรจะย้ำให้หนักๆกลับปล่อยผ่านไปเรื่อยๆ มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง เพราะนี้แหละคือสไตล์ของ 'M. Night Shyamalan' หนังมีสไตล์ชัดเจนมาก ยึดทำหนังแนวนี้ต่อไปจะดีที่สุด เพราะเคยแหวกแนวแล้วจบไม่เคยสวยสักเรื่อง อาทิเช่น The Last Airbender, After Earth เป็นต้น
จุดที่ทำให้เราดูได้สนุกและชอบกว่าฉากไล่ล่าในหนังคือการเล่นในประเด็นของการวิพากษ์วิธีเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ชอบที่ไม่เพียงแค่เราจะเข้าใจตัวตนทางฝั่งของผู้กระทำเท่านั้นเรายังได้เรียนรู้มุมมองของฝั่งผู้ถูกกระทำด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่โอเคและสนุกมากๆ หนังมีเวลาให้ใช้อย่างเต็มที่และสำหรับเราไม่เปลืองเวลาในการเล่าตรงส่วนนั้น ทำได้พอเหมาะ+เข้าใจข้อความที่ตัวผู้กำกับต้องการจะสื่อมา แนวคิดเรื่องจิตวิทยาของการเอาตัวรอดหรือการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อรักษาชิ้นส่วนที่อ่อนแอให้ดำรงอยู่อย่างปลอดภัยดูเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก แต่หนังกลับสอดแทรกได้อย่างน่ายินดี แน่นอนที่สุดคือการแสดงของ 'James McAvoy' ที่ให้การแสดงที่ดีมากๆ เชื่อว่าเขากำลังอยู่ในบุคลิกหลายๆแบบได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังจดจำพฤติกรรมต่างๆเหล่านั้นได้ในท้ายสุดว่าเขากำลังเป็นใครกัน ณ ตอนนั้น ถือเป็นการแสดงที่ดีมาก ส่วน 'Anya Taylor-Joy' เด็กสาวคนนี้คือชอบมาตั้งแต่ตอนแสดงเรื่อง 'The Witch' คือมีเอกลักษณ์และโดดเด่นมากๆ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด 'Split' ได้ให้ประเด็นของคนหลายบุคลิกที่อยู่บนพื้นฐานที่สามารถเข้าใจได้ แง่มุมของคนหลายบุคลิกนั้นอาจเกิดมาจาก สภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่ การปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัยในสังคม สิ่งเหล่านี้อาจเป็นที่มาของความแปรปรวนทางอารมณ์ ตัวหนังยังอิงหลักวิทยาศาสตร์เล็กน้อยเพื่อให้ดูมีข้อมูลน่าเชื่อถือ ไม่ใช่แต่งเติมในส่วนของกายภาพภายนอกของตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว แม้หนังจะมีบางช่วงบางมุมที่เราไม่ชอบ แต่แง่มุมทั้งหมดทั้งมวลของหนังยังคงให้ความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ดูจบแล้วคงต้องลองกลับไปสำรวจตัวเองดูว่าในแต่ละวันเราแสดงพฤติกรรมออกมาแบบไหนบ้าง แล้วเราแสดงพฤติกรรมแบบนั้นในสถานที่ไหนหรือถ้าวันหนึ่งเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่โหดร้ายสุดขีด เราจะปกป้องชีวิตของเราด้วยการแสดงพฤติกรรมแบบไหนออกมา จนถึงวันนั้นตัวตนในมุมที่ลึกที่สุดของเราอาจจะแสดงออกมาก็ได้..
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/