พรายแห่งแสงจันทร์
เสียงรถไฟเทียบชาลชาลา หนุ่มสาวหลายคนเดินทางมาจากบ้านทั้งใกล้และไกล ต่างขนของลงจากรถไฟเพื่อจุดมุ่งหมายสำคัญ และแน่นอนเมืองแห่งการศึกษาและมหาจอมเวทย์ พรแห่งราชาจอมเวทย์ ได้ปกคลุมทั่วทั้งเมือง ทุกสิ่งล้วนสมหวัง และประสบผลสำเร็จ ทุกคนนั้นมีเส้นทางการศึกษาเพื่ออนาคตของตนเอง
“เปลวฟ้า เปลวฟ้า เปลวฟ้าโว้ย ตื่นได้แล้ว...!”
“ง...งือ ถึงแล้วหรอ”
“ก็ใช่ไง นายคิดจะนอนไปถึงไหนกันหะ”
“ก็ฉันมันพวกแพ้ยานพาหนะนี่น่า ขึ้นมานั่งทีไรก็ง่วงทุกที”
“นายอย่ามาอ้างเลยนายก็ง่วงตลอดเวลานั้นแหละ นี่ถ้าฉันไม่ปลุกนายคงไปโผล่อยู่เมืองไหนแล้วก็ไม่รู้”
“จ้าๆ ขอบคุณคร้าบ คุณแสงเทียน” ..... “ ยัยขี้บ่นเอ้ย ”
“มะกี้นายพูดว่าไงนะ”
“ไม่ได้พูดไรสักหน่อย”
“นายนี่ ! ..จริงๆเลย !”
ทั้งสองลงจากรถไฟแล้วเดินทางไปหาที่พักภายในเมือง ปราสาทจันทรา เป็นเมืองที่งดงามมากมีตึกแบ่ง เป็นโซนๆ แต่ละสถาบันจะมีอาณาเขตเป็นของตนเอง โดยมีใจกลางเมืองเป็นตึกสูงระฟ้า เป็นที่พักของราชาจอมเวทย์และเป็นโรงเรียนแห่งมหาจอมเวทชื่อดัง “วิหารแห่งสายใยศักดิ์สิทธิ์” นั่นเอง
และเมืองจะแบ่งเป็นสองฝั่งทิศเหนือจะเป็นโรงเรียนของมหาจอมเวทย์อื่นๆและตอนใต้ของเมืองจะเป็นโรงเรียนระดับที่ต่ำกว่าจอมเวทย์ก็สามารถเข้าเรียนได้
“ถึงสักทีเฮ้อ !” เปลวฟ้าถอยหายใจ
“เราเข้าไปเช่าห้องกันก่อนดีกว่า” แสงเทียนบอกเปลวฟ้า
“สวัสดีครับ ผมขอเช่าสองห้องครับ”
“ขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้ห้องของเราเต็มแล้วคะ”
“ว่าไงนะคะ ไม่มีห้องจริงๆหรอ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะที่นี้” แสงเทียนบ่น
“ต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงสถาบันต่างๆเปิดรับสมัครนักเรียน ห้องของเราจึงเต็มตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วคะ”
“เอ่อ ... พอจะแนะนำโรงแรมที่ยังว่างให้ผมได้ไหมครับ”
“กรุณารอสักครู่ นะคะ”
“ครับ”
เปลวฟ้าและแสงเทียน เดินมานั่งรอตรง ล็อบบี้
“บึ้มมมมม” เสียงระเบิดดังมาจากด้านหน้าของโรงแรม
“เกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย”
“อยากรู้เธอก็ไปดูสิเทียน” เปลวฟ้าพูดแนวรำคาญ
“ถ้างั้นเดี่ยวฉันมานะ” แสงเทียนลุกเดินไปดูเหมือนคนอื่นๆ
“เฮ้อ ง่วงจริงๆ เลย” เปลวฟ้าพูดกับตัวเอง
“กรี๊ดดดด....บึ้มม”
“เหะ เสียงกรี๊ดนี่มันคุ้นๆนะ....เอ่อ เฮ้ยเสียงแสงเทียนนี่หว่า”
เปลวฟ้ารีบลุกขึ้นไปดู เห็นคนสองคนกำลังต่อสู้กันแต่เขากำลังมองหาแสงเทียนแล้วเขาก็มองไปเห็นกลุ่มคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง เขาจึงเดินเข้าไปดูเขาเห็นแสงเทียนนอนอยู่บนพื้นในสภาพหมดสติ
“แสงเทียน! ... เธอเป็นไงบ้าง ทำใจดีๆนะ ใครก็ได้ตามหมอให้ผมที”
“คุณครับผมเป็นหมอ ขอดูอาการหน่อยครับ” ชายคนหนึ่งเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา
“ขอโทษนะครับช่วยวางเธอลงด้วยครับ” เปลวฟ้าที่ประคองเทียนอยู่ก็ค่อยๆวางเธอลง
“ผมต้องร่ายเวทย์ฟื้นฟูให้เธอก่อน”
“คุณเป็นนักเวทย์หรอครับ”
“ใช่แล้วครับ .... ภูติวารี ภูติพฤกษา อัญเชิญ!”
ภูติแห่งธาตุทั้งสองตน ปรากฏกายต่อหน้าเปลวฟ้า เป็นภูติตัวเล็กเท่าฝ่ามือภูติแห่งวารีมีออร่าสีฟ้า รูปร่างเป็นผู้หญิงลอยอยู่บนอากาศ ภูติแห่งพฤกษามีรูปร่างเป็นผู้ชายและมีออร่าสีเขียว
“พรแห่งการรักษา” ภูติทั้งสองปล่อยออร่าลงบนตัวแสงเทียนสักพักเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“เทียนเธอเป็นอะไรรึป่าว”
“ฉ..ฉันไม่เป็นอะไร ฉันเหมือนโดนลมกระแทกใส่ก่อนจะหมดสติไป”
“เธอไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว”
เมื่อแสงเทียนปลอดภัยแล้วเปลวฟ้าจึงหันกลับไปมองต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดผู้ชายสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อยทำให้เปลวฟ้าโกรธมาก
“แกคิดจะลองดีกับฉันใช่ไหม เวทย์น้ำของแกทำอะไรเวทย์สายลมของฉันไม่ได้หรอก เวทย์วายุ คมเคียวสายลม ฟิ้วว”
“โล่วารี ฉึบ ! ... แกแน่ใจได้ไง จนถึงตอนนี้แกก็ยังทำอะไรฉันไม่ได้เหมือนกันแหละน่า”
“เอ่อ พวกคุณครับ ช่วยหยุด..ต่อสู้กันก่อนได้ไหมครับ...คนอื่นเขาเดือดร้อน” เปลวฟ้าพูด แต่ทั้งสองคนก็ยังต่อสู้กันโดยที่ไม่ฟังเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฟิ้ววว ปึก! ปึก! อัก! แอ๊กก! ตุบ!” จอมเวทย์ทั้งสองร่วงลงไปก่อนกับพื้น “ให้ตายสิ อุส่าพูดดีๆ ทำไมไม่ฟังกันบ้างนะ” เปลวฟ้าเอ่ยขึ้นเนื่องจากเปลวฟ้าไม่ได้เรียนเวทย์ใดๆมาเลย เขาจึงฝึกฝนทักษะร่างกายทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนปกติมาก เพราะจอมเวทย์ส่วนมากจะเน้นไปที่ด้านทักษะพลังเวทย์
“เอ่อ ... ขอบคุณนายมากนะฉันว่าแถวนี้คงไม่มีใครจะต่อกรเจ้าสองคนนั้นได้เลยได้นายช่วยไว้จริงขอบคุณมาก ฉันชื่อ คาริอัส นะ เรียกฉันว่าคริสก็ได้” ชายผู้ที่ช่วยรักษาให้แสงเทียนเดินมาพูดกับเปลวฟ้าที่ยืนทำหน้าเซงอยู่ข้างจอมเวทย์ที่สลบ
“ผมชื่อเปลวฟ้านะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“นายเป็นนักเรียนใหม่ใช่ไหม แล้วจะสอบเข้าโรงเรียนไหนล่ะ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน โรงแรมจะนอนยังหาไม่ได้เลย แล้วยังมาเจอเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้อีก”
“อ่า เอาน่า ถ้างั้นนายไปพักที่คอนโดฉันไหม ฉันยังเหลือห้องอีกหลายห้องเลย”
“ไปค่า ๆ” เสียงดังมาจากด้านหลังเปลวฟ้า
“นี่เธอ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เนี่ย แล้วหายดีแล้วไง”
“หายแล้วย่ะ คริส เขารักษาฉันจนหายเป็นปลิดทิ้งเลย ... นายตกลงนะเราไปพักที่คอนโด คริสนะ นะ อีกอย่างเค้าก็ดูเป็นคนดี และเราจะได้ที่พักรึป่าวก็ยังไม่รู้เลย”
“เธอนี่มัน! ”
“เอาน่า ผมก็ พักอยู่คนเดียวอยู่แล้ว ผมอาจจะแนะนำโรงเรียนให้พวกนายด้วยก็ได้นะ”
“ขอบใจนายมากนะ” (ดีใจโว่ยยย...ได้นอนสักทีง่วงจะตายอยู่ละ)
จากนั้นทั้งสามก็เดินทางไปยังคอนโดของคริส
“เอาล่ะคอนโดของฉันอยู่ไม่ไกลจากนี้ไปเท่าไหร่เราจะเดินไปกันฉันจะแวะทำธุระด้วยถือว่าเดินชมเมืองและกันนะ”
ทั้งสามเดินไปภายในเมืองที่มีผู้คนมากมายเดินผ่านกันไปมาตอนนี้เวลาเริ่มตกเย็นไฟริมทางเริ่มให้แสงสว่างทำให้มองเห็นความสวยงามขอเมืองอีกแบบหนึ่งในยามค่ำคืน
“คริสเวทย์ของนายมันคืออะไรหรอ” แสงเทียนถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ เวทย์ของฉันเป็นเวทย์เฉพาะคนที่มีธาตุแห่งสรรพสิ่งสองธาตุเท่านั้นถึงจะมีได้และอีกอย่างฉันก็เป็นผู้ใช้ภูติอีกด้วยธาตุหลักของฉันคือวารีพ่อแม่ฉันบอกว่าฉันมีธาตุนี้ตั้งแต่เกิดหลังจากปลุกพลังฉันถึงได้ธาตุพฤกษามา”
“โห สุดยอดไปเลยอย่างนี้เวทย์อัคคีของฉันก็ทำอะไรนายไม่น่ะสิถึงพฤกษานายจะแพ้ทางแต่นายยังมีวารีคอยยับยั้ง” แสงเทียนพูดขึ้น
“ไม่ขนาดนั้นหรอกเวทย์ส่วนมาที่ฉันใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเวทย์สนับสนุนเวทย์ต่อสู้ของฉันจึงไม่ค่อยมี....เอ่อแล้วเปลวฟ้าเวทย์ของนายคืออะไรหรอตอนที่นายล้มพวกนั้นได้ฉันอึ้งไปเลย พวกนั้นลงไปนอนกองก่อนจะรู้ตัวสะอีก”
“(ฉึก...เห้อ)เอ่อ...พลังของฉันนะหรอ...ฟังดีๆนะ ...... ไม่มีพลัง!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! แล้วนายทำได้ยังไงที่จัดการนักเวทย์ตั้งสองคนได้ไวขนาดนั้น”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนั้นหงุดหงิดมากเลยเข้าไปโบกมันคนละที มันก็ลงไปกองอย่างที่นายเห็นนั้นแหละ”
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเลยนะเปลวฟ้าว่านายจะทำแบบนั้นได้” แสงเทียนสงสัย
“เอาเหอะน่าว่าแต่จะถึงยังเนี่ย...เราก็เดินมาสักพักแล้วนะ”
“ข้ามถนนข้างหน้าไปก็ถึงแล้วล่ะแต่ฉันขอทำธุระที่ร้านนี้สักครู่นะ”
ทั้งสามคนเดินเข้าร้านขายอุปกรณ์เวทย์ที่ดูเก่ามากๆ เพื่อทำธุระของคริส
“ยินดีต้อนรับท่านทั้งหลาย สนใจของชิ้นไหนเลือกชมได้เลยนะครับ อ่าว ! นั่นคริสใช่ไหม” ชายสูงอายุเจ้าของร้านพูดขึ้น
“ครับคุณลุง วันนี้ผมขอซื้อของตามนี่นะครับ”คริสยื่นกระดาษที่มีรายชื่อของต่างให้กับลุง
“ได้เลยรอสักครู่นะ”
ในขณะที่คริสกำลังรอของอยู่เปลวฟ้าและแสงเทียนก็เดินดูอุปกรณ์เวทย์ภายในร้าน ถึงร้านจะดูเก่าแต่อุปกรณ์และสิ่งของต่างๆรวมถึงคำภีย์เวทย์ภายในร้านดูทันสมัยและยังมีอาวุธเวทย์จากบ้านเกิดของเปลวฟ้าวางขายอยู่ที่นี้อีกด้วย
ใครที่ยังไม่ได้อ่านช่วงแรกกดตรงนี้เลยครับผม
https://ppantip.com/topic/35250272 บทนำ
https://ppantip.com/topic/35257847/comment2 บทที่1
สวัสดีครับนี่เป็นส่วนหนึ่งของตอนต่อของวิหารแห่งสายใยศักดิ์สิทธิ์นะครับใครอยากติดตามกดที่ตรงนี้เลย ผมเรียบเรียงไว้เรียบร้อยแล้วครับ
http://www.tunwalai.com/story/138847/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C
วิหารแห่งสายใยศักดิ์สิทธิ์
เสียงรถไฟเทียบชาลชาลา หนุ่มสาวหลายคนเดินทางมาจากบ้านทั้งใกล้และไกล ต่างขนของลงจากรถไฟเพื่อจุดมุ่งหมายสำคัญ และแน่นอนเมืองแห่งการศึกษาและมหาจอมเวทย์ พรแห่งราชาจอมเวทย์ ได้ปกคลุมทั่วทั้งเมือง ทุกสิ่งล้วนสมหวัง และประสบผลสำเร็จ ทุกคนนั้นมีเส้นทางการศึกษาเพื่ออนาคตของตนเอง
“เปลวฟ้า เปลวฟ้า เปลวฟ้าโว้ย ตื่นได้แล้ว...!”
“ง...งือ ถึงแล้วหรอ”
“ก็ใช่ไง นายคิดจะนอนไปถึงไหนกันหะ”
“ก็ฉันมันพวกแพ้ยานพาหนะนี่น่า ขึ้นมานั่งทีไรก็ง่วงทุกที”
“นายอย่ามาอ้างเลยนายก็ง่วงตลอดเวลานั้นแหละ นี่ถ้าฉันไม่ปลุกนายคงไปโผล่อยู่เมืองไหนแล้วก็ไม่รู้”
“จ้าๆ ขอบคุณคร้าบ คุณแสงเทียน” ..... “ ยัยขี้บ่นเอ้ย ”
“มะกี้นายพูดว่าไงนะ”
“ไม่ได้พูดไรสักหน่อย”
“นายนี่ ! ..จริงๆเลย !”
ทั้งสองลงจากรถไฟแล้วเดินทางไปหาที่พักภายในเมือง ปราสาทจันทรา เป็นเมืองที่งดงามมากมีตึกแบ่ง เป็นโซนๆ แต่ละสถาบันจะมีอาณาเขตเป็นของตนเอง โดยมีใจกลางเมืองเป็นตึกสูงระฟ้า เป็นที่พักของราชาจอมเวทย์และเป็นโรงเรียนแห่งมหาจอมเวทชื่อดัง “วิหารแห่งสายใยศักดิ์สิทธิ์” นั่นเอง
และเมืองจะแบ่งเป็นสองฝั่งทิศเหนือจะเป็นโรงเรียนของมหาจอมเวทย์อื่นๆและตอนใต้ของเมืองจะเป็นโรงเรียนระดับที่ต่ำกว่าจอมเวทย์ก็สามารถเข้าเรียนได้
“ถึงสักทีเฮ้อ !” เปลวฟ้าถอยหายใจ
“เราเข้าไปเช่าห้องกันก่อนดีกว่า” แสงเทียนบอกเปลวฟ้า
“สวัสดีครับ ผมขอเช่าสองห้องครับ”
“ขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้ห้องของเราเต็มแล้วคะ”
“ว่าไงนะคะ ไม่มีห้องจริงๆหรอ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะที่นี้” แสงเทียนบ่น
“ต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงสถาบันต่างๆเปิดรับสมัครนักเรียน ห้องของเราจึงเต็มตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วคะ”
“เอ่อ ... พอจะแนะนำโรงแรมที่ยังว่างให้ผมได้ไหมครับ”
“กรุณารอสักครู่ นะคะ”
“ครับ”
เปลวฟ้าและแสงเทียน เดินมานั่งรอตรง ล็อบบี้
“บึ้มมมมม” เสียงระเบิดดังมาจากด้านหน้าของโรงแรม
“เกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย”
“อยากรู้เธอก็ไปดูสิเทียน” เปลวฟ้าพูดแนวรำคาญ
“ถ้างั้นเดี่ยวฉันมานะ” แสงเทียนลุกเดินไปดูเหมือนคนอื่นๆ
“เฮ้อ ง่วงจริงๆ เลย” เปลวฟ้าพูดกับตัวเอง
“กรี๊ดดดด....บึ้มม”
“เหะ เสียงกรี๊ดนี่มันคุ้นๆนะ....เอ่อ เฮ้ยเสียงแสงเทียนนี่หว่า”
เปลวฟ้ารีบลุกขึ้นไปดู เห็นคนสองคนกำลังต่อสู้กันแต่เขากำลังมองหาแสงเทียนแล้วเขาก็มองไปเห็นกลุ่มคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง เขาจึงเดินเข้าไปดูเขาเห็นแสงเทียนนอนอยู่บนพื้นในสภาพหมดสติ
“แสงเทียน! ... เธอเป็นไงบ้าง ทำใจดีๆนะ ใครก็ได้ตามหมอให้ผมที”
“คุณครับผมเป็นหมอ ขอดูอาการหน่อยครับ” ชายคนหนึ่งเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา
“ขอโทษนะครับช่วยวางเธอลงด้วยครับ” เปลวฟ้าที่ประคองเทียนอยู่ก็ค่อยๆวางเธอลง
“ผมต้องร่ายเวทย์ฟื้นฟูให้เธอก่อน”
“คุณเป็นนักเวทย์หรอครับ”
“ใช่แล้วครับ .... ภูติวารี ภูติพฤกษา อัญเชิญ!”
ภูติแห่งธาตุทั้งสองตน ปรากฏกายต่อหน้าเปลวฟ้า เป็นภูติตัวเล็กเท่าฝ่ามือภูติแห่งวารีมีออร่าสีฟ้า รูปร่างเป็นผู้หญิงลอยอยู่บนอากาศ ภูติแห่งพฤกษามีรูปร่างเป็นผู้ชายและมีออร่าสีเขียว
“พรแห่งการรักษา” ภูติทั้งสองปล่อยออร่าลงบนตัวแสงเทียนสักพักเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“เทียนเธอเป็นอะไรรึป่าว”
“ฉ..ฉันไม่เป็นอะไร ฉันเหมือนโดนลมกระแทกใส่ก่อนจะหมดสติไป”
“เธอไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว”
เมื่อแสงเทียนปลอดภัยแล้วเปลวฟ้าจึงหันกลับไปมองต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดผู้ชายสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อยทำให้เปลวฟ้าโกรธมาก
“แกคิดจะลองดีกับฉันใช่ไหม เวทย์น้ำของแกทำอะไรเวทย์สายลมของฉันไม่ได้หรอก เวทย์วายุ คมเคียวสายลม ฟิ้วว”
“โล่วารี ฉึบ ! ... แกแน่ใจได้ไง จนถึงตอนนี้แกก็ยังทำอะไรฉันไม่ได้เหมือนกันแหละน่า”
“เอ่อ พวกคุณครับ ช่วยหยุด..ต่อสู้กันก่อนได้ไหมครับ...คนอื่นเขาเดือดร้อน” เปลวฟ้าพูด แต่ทั้งสองคนก็ยังต่อสู้กันโดยที่ไม่ฟังเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฟิ้ววว ปึก! ปึก! อัก! แอ๊กก! ตุบ!” จอมเวทย์ทั้งสองร่วงลงไปก่อนกับพื้น “ให้ตายสิ อุส่าพูดดีๆ ทำไมไม่ฟังกันบ้างนะ” เปลวฟ้าเอ่ยขึ้นเนื่องจากเปลวฟ้าไม่ได้เรียนเวทย์ใดๆมาเลย เขาจึงฝึกฝนทักษะร่างกายทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนปกติมาก เพราะจอมเวทย์ส่วนมากจะเน้นไปที่ด้านทักษะพลังเวทย์
“เอ่อ ... ขอบคุณนายมากนะฉันว่าแถวนี้คงไม่มีใครจะต่อกรเจ้าสองคนนั้นได้เลยได้นายช่วยไว้จริงขอบคุณมาก ฉันชื่อ คาริอัส นะ เรียกฉันว่าคริสก็ได้” ชายผู้ที่ช่วยรักษาให้แสงเทียนเดินมาพูดกับเปลวฟ้าที่ยืนทำหน้าเซงอยู่ข้างจอมเวทย์ที่สลบ
“ผมชื่อเปลวฟ้านะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“นายเป็นนักเรียนใหม่ใช่ไหม แล้วจะสอบเข้าโรงเรียนไหนล่ะ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน โรงแรมจะนอนยังหาไม่ได้เลย แล้วยังมาเจอเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้อีก”
“อ่า เอาน่า ถ้างั้นนายไปพักที่คอนโดฉันไหม ฉันยังเหลือห้องอีกหลายห้องเลย”
“ไปค่า ๆ” เสียงดังมาจากด้านหลังเปลวฟ้า
“นี่เธอ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เนี่ย แล้วหายดีแล้วไง”
“หายแล้วย่ะ คริส เขารักษาฉันจนหายเป็นปลิดทิ้งเลย ... นายตกลงนะเราไปพักที่คอนโด คริสนะ นะ อีกอย่างเค้าก็ดูเป็นคนดี และเราจะได้ที่พักรึป่าวก็ยังไม่รู้เลย”
“เธอนี่มัน! ”
“เอาน่า ผมก็ พักอยู่คนเดียวอยู่แล้ว ผมอาจจะแนะนำโรงเรียนให้พวกนายด้วยก็ได้นะ”
“ขอบใจนายมากนะ” (ดีใจโว่ยยย...ได้นอนสักทีง่วงจะตายอยู่ละ)
จากนั้นทั้งสามก็เดินทางไปยังคอนโดของคริส
“เอาล่ะคอนโดของฉันอยู่ไม่ไกลจากนี้ไปเท่าไหร่เราจะเดินไปกันฉันจะแวะทำธุระด้วยถือว่าเดินชมเมืองและกันนะ”
ทั้งสามเดินไปภายในเมืองที่มีผู้คนมากมายเดินผ่านกันไปมาตอนนี้เวลาเริ่มตกเย็นไฟริมทางเริ่มให้แสงสว่างทำให้มองเห็นความสวยงามขอเมืองอีกแบบหนึ่งในยามค่ำคืน
“คริสเวทย์ของนายมันคืออะไรหรอ” แสงเทียนถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ เวทย์ของฉันเป็นเวทย์เฉพาะคนที่มีธาตุแห่งสรรพสิ่งสองธาตุเท่านั้นถึงจะมีได้และอีกอย่างฉันก็เป็นผู้ใช้ภูติอีกด้วยธาตุหลักของฉันคือวารีพ่อแม่ฉันบอกว่าฉันมีธาตุนี้ตั้งแต่เกิดหลังจากปลุกพลังฉันถึงได้ธาตุพฤกษามา”
“โห สุดยอดไปเลยอย่างนี้เวทย์อัคคีของฉันก็ทำอะไรนายไม่น่ะสิถึงพฤกษานายจะแพ้ทางแต่นายยังมีวารีคอยยับยั้ง” แสงเทียนพูดขึ้น
“ไม่ขนาดนั้นหรอกเวทย์ส่วนมาที่ฉันใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเวทย์สนับสนุนเวทย์ต่อสู้ของฉันจึงไม่ค่อยมี....เอ่อแล้วเปลวฟ้าเวทย์ของนายคืออะไรหรอตอนที่นายล้มพวกนั้นได้ฉันอึ้งไปเลย พวกนั้นลงไปนอนกองก่อนจะรู้ตัวสะอีก”
“(ฉึก...เห้อ)เอ่อ...พลังของฉันนะหรอ...ฟังดีๆนะ ...... ไม่มีพลัง!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! แล้วนายทำได้ยังไงที่จัดการนักเวทย์ตั้งสองคนได้ไวขนาดนั้น”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนั้นหงุดหงิดมากเลยเข้าไปโบกมันคนละที มันก็ลงไปกองอย่างที่นายเห็นนั้นแหละ”
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเลยนะเปลวฟ้าว่านายจะทำแบบนั้นได้” แสงเทียนสงสัย
“เอาเหอะน่าว่าแต่จะถึงยังเนี่ย...เราก็เดินมาสักพักแล้วนะ”
“ข้ามถนนข้างหน้าไปก็ถึงแล้วล่ะแต่ฉันขอทำธุระที่ร้านนี้สักครู่นะ”
ทั้งสามคนเดินเข้าร้านขายอุปกรณ์เวทย์ที่ดูเก่ามากๆ เพื่อทำธุระของคริส
“ยินดีต้อนรับท่านทั้งหลาย สนใจของชิ้นไหนเลือกชมได้เลยนะครับ อ่าว ! นั่นคริสใช่ไหม” ชายสูงอายุเจ้าของร้านพูดขึ้น
“ครับคุณลุง วันนี้ผมขอซื้อของตามนี่นะครับ”คริสยื่นกระดาษที่มีรายชื่อของต่างให้กับลุง
“ได้เลยรอสักครู่นะ”
ในขณะที่คริสกำลังรอของอยู่เปลวฟ้าและแสงเทียนก็เดินดูอุปกรณ์เวทย์ภายในร้าน ถึงร้านจะดูเก่าแต่อุปกรณ์และสิ่งของต่างๆรวมถึงคำภีย์เวทย์ภายในร้านดูทันสมัยและยังมีอาวุธเวทย์จากบ้านเกิดของเปลวฟ้าวางขายอยู่ที่นี้อีกด้วย
ใครที่ยังไม่ได้อ่านช่วงแรกกดตรงนี้เลยครับผม
https://ppantip.com/topic/35250272 บทนำ
https://ppantip.com/topic/35257847/comment2 บทที่1
สวัสดีครับนี่เป็นส่วนหนึ่งของตอนต่อของวิหารแห่งสายใยศักดิ์สิทธิ์นะครับใครอยากติดตามกดที่ตรงนี้เลย ผมเรียบเรียงไว้เรียบร้อยแล้วครับ
http://www.tunwalai.com/story/138847/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C