Hamdü Sena Bilgin วัย 11 ขวบกับ Tomi สุนัขของเธอ
ช่วยเหลือชีวิตแม่แพะกับลูกน้อยของแม่แพะ
เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ นอกเมือง Rize ในตุรกี
ครอบครัวของเธอเลี้ยงแพะไว้เพื่อขายน้ำนม
Hamdü Sena กับ Tomi สุนัข
มักจะไปด้วยกันเคียงข้างกันตลอดเวลา
สุนัขจะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล ป้องกัน
และนำทางฝูงแพะของครอบครัวเธอ
วันหนึ่ง เธอได้ยินเสียงแพะร้องอยู่ห่างไกลมาก
ท่ามกลางขุนเขาที่หิมะหนาวเย็นรอบ ๆ ตัวเธอ
แล้วเธอก็พบว่าแพะตัวหนึ่งกำลังคลอดลูกแพะ
Hamdü Sena เกรงว่าแพะกับลูกแพะน่าจะอ่อนแอเกินไป
จนไม่สามารถเดินกลับคอกพักที่บ้านของเธอได้
ดังนั้น เธอจึงให้การช่วยเหลือสัตว์ทั้งคู่อย่างชาญฉลาด
“ หลังจากแพะคลอดลูกแล้ว
หนูรีบไล่ต้อนฝูงแพะกลับบ้านไปก่อน
แล้วหนูรีบเข้าบ้านเพื่อพาเป้มาสองใบพร้อมกับ Tomi
เพื่อมาแบกแม่แพะกับลูกแพะ "
เป้ทั้งสองใบนี้ปกติเป็นกระเป๋า
สำหรับใส่หนังสือกับอุปกรณ์การเรียน
ก็ถูกถ่ายหนังสือกับข้าวของออกมาก่อน
เพื่อใช้สำหรับการขนส่งแพะทั้งคู่นี้
เธอแบกแม่แพะบนหลังเธอ
ส่วน Tomi แบกลูกแพะจากเป้สะพายหลัง
ทั้งคู่ต่างถึงบ้านอย่างปลอดภัย
ภาพถ่ายเหล่านี้พี่ชายวัย 15 ขวบเป็นคนถ่ายภาพ
" Tomi เป็นสุนัขที่ดีและมันฉลาดมาก
หิมะค่อนข้างหนา ทำให้หนูเกือบหมดแรง
แต่มันก็คุ้มค่ากับการทำครั้งนี้ "
Hamdü Sena
เรื่องราวของเธอมีการแพร่หลายกันไปทั่ว
หลายคนต่างชื่นชอบเด็กสาวน้อยรายนี้
ที่แสดงออกถึงความรักสัตว์อย่างเป็นรูปธรรม
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/BtMQnx
https://goo.gl/XlJblQ
เรื่องเล่าไร้สาระ
จากการสอบถามเพื่อนมุสลิม
มีภริยาเป็นคนมุสลิมปากีสถาน
การห้ามเลี้ยงสุนัขของคนมุสลิม
แล้วแต่มัซฮับซาฟีอี
สำนักคิดทางศาสนา เรื่องข้อห้ามต่าง ๆ
ที่มีการตีความทางศาสนาอิสลาม
และเรื่องแบบนี้ส่วนหนึ่งขึ้นกับอำนาจ
การปกครองของเจ้านครรัฐในอดีตด้วย
เพราะในชะรีอะห์ มีการบัญญัติไว้ว่า
สิ่งไหนที่เป็นอันตรายกับมนุษย์
และพระเจ้าได้ห้ามไว้ไม่ควรทำ
ในยุคสมัยนั้นหยูกยาและวัคซีนรักษาโรคยังไม่มีส่วนหนึ่ง
คนตายและบาดเจ็บจากสุนัขกัดแล้ว ค่อนข้างทรมานมาก
ทำให้เจ้าสำนักคิด(มัซฮับซาฟีอี)
บางท่านสอนสั่งศานุศิษย์ว่า ห้ามเลี้ยงสุนัขไปเลย
หรือสอนสืบต่อ ๆ กันมา/ตีความว่า
ถ้าถูกน้าลายสุนัขต้องมือหรืออวัยวะบางส่วน
ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำที่ผสมกับทราย
ล้างออกอย่างน้อย 7 ครั้งจึงจะหาย
หมายเหตุ
แถวบ้านจะหาทรายจากแม่น้ำหรือชายหาด
ซึ่งหาได้ง่ายมากและรู้สึกว่าสะอาดกว่าดิน
บางคนก็เก็บทรายสะสมไว้ในบ้าน
แม้ว่าในชารีอะห์จะบอกว่าใช้ดินก็ตาม
ข้อสังเกตทะเลทรายในอาหรับ
จะมีทรายมากกว่าดินในแถบนั้น
แต่ในอัฟกานีสถาน/ปากีสถาน/ตะวันออกกลางบางแห่ง
ผู้นับถือศาสนาอิสลามทั้งนิกายสุหนี่กับชีอะห์
ต่างก็เลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้านกับดูแลฝูงสัตว์
ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดแบบชาวมุสลิมในไทยบางแห่ง
ที่เคยเจอตามสวนชาวบ้านมุสลิมภาคใต้
ในสมัยก่อนจะเลี้ยงลิงล่ามเชือกไว้ยาวมาก
นัยว่าไว้เฝ้าบ้านกับเก็บมะพร้าวส่วนหนึ่ง
รวมทั้งเขี้ยวในปากมันน่ากลัวและดุร้ายกว่าสุนัขเสียอีก
มีนิทานเรื่องหนึ่งของศาสนาอิสลาม
ที่เล่าว่า มีสตรีคนหนึ่งเป็นคนบาปมาก่อน
แต่เมื่อเห็นสุนัขชราหิวโหยน้ำเลยเอาน้ำมาให้สุนัขดื่ม
ต่อมา เมื่อเธอตายไป เธอก็ได้ขึ้นสวรรค์
แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้รังเกียจสุนัขแต่อย่างใด
เพราะส่วนหนึ่งสัตว์ทุกชนิดในโลก
ต่างเป็นผลงานสร้างสรรค์ของพระเจ้า
เด็กหญิงตุรกีวัย 11 ขวบกับสุนัขช่วยเหลือแม่แพะกับลูกแพะ
ช่วยเหลือชีวิตแม่แพะกับลูกน้อยของแม่แพะ
เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ นอกเมือง Rize ในตุรกี
ครอบครัวของเธอเลี้ยงแพะไว้เพื่อขายน้ำนม
Hamdü Sena กับ Tomi สุนัข
มักจะไปด้วยกันเคียงข้างกันตลอดเวลา
สุนัขจะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล ป้องกัน
และนำทางฝูงแพะของครอบครัวเธอ
วันหนึ่ง เธอได้ยินเสียงแพะร้องอยู่ห่างไกลมาก
ท่ามกลางขุนเขาที่หิมะหนาวเย็นรอบ ๆ ตัวเธอ
แล้วเธอก็พบว่าแพะตัวหนึ่งกำลังคลอดลูกแพะ
Hamdü Sena เกรงว่าแพะกับลูกแพะน่าจะอ่อนแอเกินไป
จนไม่สามารถเดินกลับคอกพักที่บ้านของเธอได้
ดังนั้น เธอจึงให้การช่วยเหลือสัตว์ทั้งคู่อย่างชาญฉลาด
“ หลังจากแพะคลอดลูกแล้ว
หนูรีบไล่ต้อนฝูงแพะกลับบ้านไปก่อน
แล้วหนูรีบเข้าบ้านเพื่อพาเป้มาสองใบพร้อมกับ Tomi
เพื่อมาแบกแม่แพะกับลูกแพะ "
เป้ทั้งสองใบนี้ปกติเป็นกระเป๋า
สำหรับใส่หนังสือกับอุปกรณ์การเรียน
ก็ถูกถ่ายหนังสือกับข้าวของออกมาก่อน
เพื่อใช้สำหรับการขนส่งแพะทั้งคู่นี้
เธอแบกแม่แพะบนหลังเธอ
ส่วน Tomi แบกลูกแพะจากเป้สะพายหลัง
ทั้งคู่ต่างถึงบ้านอย่างปลอดภัย
ภาพถ่ายเหล่านี้พี่ชายวัย 15 ขวบเป็นคนถ่ายภาพ
" Tomi เป็นสุนัขที่ดีและมันฉลาดมาก
หิมะค่อนข้างหนา ทำให้หนูเกือบหมดแรง
แต่มันก็คุ้มค่ากับการทำครั้งนี้ "
Hamdü Sena
เรื่องราวของเธอมีการแพร่หลายกันไปทั่ว
หลายคนต่างชื่นชอบเด็กสาวน้อยรายนี้
ที่แสดงออกถึงความรักสัตว์อย่างเป็นรูปธรรม
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/BtMQnx
https://goo.gl/XlJblQ
เรื่องเล่าไร้สาระ
จากการสอบถามเพื่อนมุสลิม
มีภริยาเป็นคนมุสลิมปากีสถาน
การห้ามเลี้ยงสุนัขของคนมุสลิม
แล้วแต่มัซฮับซาฟีอี
สำนักคิดทางศาสนา เรื่องข้อห้ามต่าง ๆ
ที่มีการตีความทางศาสนาอิสลาม
และเรื่องแบบนี้ส่วนหนึ่งขึ้นกับอำนาจ
การปกครองของเจ้านครรัฐในอดีตด้วย
เพราะในชะรีอะห์ มีการบัญญัติไว้ว่า
สิ่งไหนที่เป็นอันตรายกับมนุษย์
และพระเจ้าได้ห้ามไว้ไม่ควรทำ
ในยุคสมัยนั้นหยูกยาและวัคซีนรักษาโรคยังไม่มีส่วนหนึ่ง
คนตายและบาดเจ็บจากสุนัขกัดแล้ว ค่อนข้างทรมานมาก
ทำให้เจ้าสำนักคิด(มัซฮับซาฟีอี)
บางท่านสอนสั่งศานุศิษย์ว่า ห้ามเลี้ยงสุนัขไปเลย
หรือสอนสืบต่อ ๆ กันมา/ตีความว่า
ถ้าถูกน้าลายสุนัขต้องมือหรืออวัยวะบางส่วน
ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำที่ผสมกับทราย
ล้างออกอย่างน้อย 7 ครั้งจึงจะหาย
หมายเหตุ
แถวบ้านจะหาทรายจากแม่น้ำหรือชายหาด
ซึ่งหาได้ง่ายมากและรู้สึกว่าสะอาดกว่าดิน
บางคนก็เก็บทรายสะสมไว้ในบ้าน
แม้ว่าในชารีอะห์จะบอกว่าใช้ดินก็ตาม
ข้อสังเกตทะเลทรายในอาหรับ
จะมีทรายมากกว่าดินในแถบนั้น
แต่ในอัฟกานีสถาน/ปากีสถาน/ตะวันออกกลางบางแห่ง
ผู้นับถือศาสนาอิสลามทั้งนิกายสุหนี่กับชีอะห์
ต่างก็เลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้านกับดูแลฝูงสัตว์
ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดแบบชาวมุสลิมในไทยบางแห่ง
ที่เคยเจอตามสวนชาวบ้านมุสลิมภาคใต้
ในสมัยก่อนจะเลี้ยงลิงล่ามเชือกไว้ยาวมาก
นัยว่าไว้เฝ้าบ้านกับเก็บมะพร้าวส่วนหนึ่ง
รวมทั้งเขี้ยวในปากมันน่ากลัวและดุร้ายกว่าสุนัขเสียอีก
มีนิทานเรื่องหนึ่งของศาสนาอิสลาม
ที่เล่าว่า มีสตรีคนหนึ่งเป็นคนบาปมาก่อน
แต่เมื่อเห็นสุนัขชราหิวโหยน้ำเลยเอาน้ำมาให้สุนัขดื่ม
ต่อมา เมื่อเธอตายไป เธอก็ได้ขึ้นสวรรค์
แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้รังเกียจสุนัขแต่อย่างใด
เพราะส่วนหนึ่งสัตว์ทุกชนิดในโลก
ต่างเป็นผลงานสร้างสรรค์ของพระเจ้า