หัวหิน เป็นที่ที่เมื่อก่อนเราไปบ่อยมาก (สมัยที่ยังเที่ยวแบบคุณนาย นั่งร้านกาแฟเกร๋ๆ 555)
แต่หลังๆมานี้แทบจะไม่ได้ไปเลย ไม่รู้ทำไม นี่แหละ รอบนี้ได้โอกาสไปเที่ยวหัวหินอีกที เพราะเรื่องของเรื่อง เรานั่งดูหนังสั้นของ The One Card “จีบได้ แฟนตายแล้ว” แน่ะ! เคยดูกันช่ะ? ดังจะตาย แล้วมันมีฉากที่เค้าไปถ่ายที่บึงบัว เขาสามร้อยยอด เราก็เลย เฮ้ยยย สวยอ่ะ อยากไปๆ
พอลองเข้าไป search ข้อมูลดู โห...ถ้าไม่เอารถไปเองนี่ ไม่มีข้อมูลการเดินทางเข้าไปเลยอ่ะ เราก็เลยไม่เป็นไร ไปแล้วเดี๋ยวก็มีทางไปเอง 555
แรกเริ่มเลยทริปนี้นอกจากเรากับพี่ปุ่นแล้ว เราจะมี พี่ณดา เป็นผู้ร่วมทริปอีก 1 คน เราก็เลยแพลนกันไว้ว่าเราจะไปขึ้นรถไฟรอบ 9 โมงกัน ไปๆมาๆ ผู้ร่วมทริปเราได้ถอนตัวไปอย่างกระทันหัน 555 ละพอดีว่าคืนก่อนออกเดินทางเราต้องนั่งปั่นงานถึงตี 3 โอเค เหลือ 2 คนแล้วนี่ ชิลไป ไปรอบบ่ายโมงละกันนะ 555
Day1:
ปรากฎว่ากว่าพี่ปุ่นจะลากไผ่ให้ตื่นได้ก็ปาไป 11:30 แล้ว ไปถึงหัวลำโพงนี่เรียกว่าวิ่งกันตับแล่บ แต่แล้ว....ไม่ทันค่า!
เจ้าหน้าที่บอกว่าตั๋วเต็มหมดแล้ว แต่! “เหลือแต่ตั๋วยืนนะ จะเอามั้ย?” จุดนั้นแล้ว ความอยากไปสูงมาก “เอาค่ะ!”
ได้ตั๋วแล้วก็รีบวิ่งมาขึ้นรถไฟต่อ
ลูกไผ่: “ก็มีที่นั่งนี่คะ ทำไมเค้าบอกว่าที่เต็ม หรือว่าที่เค้าบอกว่าเต็มคือ ชั้น 1 กับชั้น 2 แต่ชั้น 3 ก็แล้วแต่ดวงว่าจะได้นั่งรึเปล่าไรงี้ป่ะคะ?”
พี่ปุ่น: “ไม่รู้เหมือนกันแฮะ”
เดินๆไปเจอที่นั่งว่างพอดี เลยถามคุณป้าฝั่งตรงข้ามว่า
ลูกไผ่: “ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยคะ”
คุณป้า: “ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเจ้ารึเปล่า นั่งไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเจ้าเค้ามาแล้วค่อยลุก”
ลูกไผ่: “ขอบคุณค่า”
นั่งได้แพพเดียวรถไฟก็ออก เริ่มมีคนมาขายข้าวบนรถไฟ ตอนนั้นหิวกันมาก เพราะยังไม่ได้ทานอะไรกันเลยตั้งแต่เช้า เห็นคนถือข้าวกล่องผัดกระเพราไข่ดาวมาพอดี
พี่ปุ่น: “เท่าไหร่ครับ”
คนขาย: “50”
ลูกไผ่: “กล่องละ 50 เหรอคะ”
คนขาย: “อืม”
เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าโดนหลอก! คือจริงๆมันกล่องละ 25 บาท บางเจ้าขายกล่องละ 20 ด้วยซ้ำ แหมะ พี่ หากินกันอย่างนี้เลยนะคะ (-“-)
พอรถวิ่งมาถึงสถานีบางซื่อ เจ้าของที่เค้าก็มา เง้อออ อ๋อออ เข้าใจแล้ว ตั๋วเต็มจริงๆ แต่ว่าคนจะทยอยขึ้นตามสถานีต่างๆ เราก็เลยมายืนกันตรงช่องตู้ระหว่างรถไฟ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่จริงๆ 555
ยืนไปได้ซักพัก มีพี่ขายสร้อยเค้าเดินผ่านมา
พี่คนขายสร้อย: “อ้าว น้องลงไหนกัน”
ลูกไผ่: “หัวหินค่ะ”
พี่คนขายสร้อย: “น้องเดินไปตู้ที่ 2 ที่นั่ง 36 นะ จะมีแฟนพี่นั่งร้อยสร้อยอยู่ ตรงนั้นว่างนั่งได้ พี่ซื้อตั๋วไว้ถึงปลายทาง แต่เดี๋ยวพี่ลงศาลายา”
เฮ้ยยย พี่เค้าน่ารักมากอ่ะ คือการมารถไฟเราก็ได้พบเจอคนหลายประเภท แล้วก็ได้เจอน้ำใจดีๆระหว่างเดินทางที่เราจะไม่มีทางเจอเลยถ้าขับรถมาเอง
เราก็เลยไม่ต้องยืนเมื่อยยาวเกือบ 5 ชั่วโมง ขอบคุณพี่มากนะค้า (>/l\<)
ประมาณ 6 โมงเย็นเราก็มาถึงสถานีหัวหิน ถึงซักที เย้! เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก หลับไปก็หลายตื่น 555
ที่นี้ก็หาทางไปโรงแรมกันล่ะนะ ป่ะ ไปงมทางไปกันข้างหน้า
คือเรานั่งหาที่พักกันระหว่างนั่งอยู่บนรถไฟ ตอนนั้นเราติดต่อที่ ‘บ้านทองมี’ จาก Airbnb แต่ว่าเค้ายังไม่ตอบจนกระทั่งเรามาถึงหัวหิน เดินออกมาจากสถานีเห็นมีรถประจำทางจอดอยู่เต็มเลย เราเลยเดินเข้าไปถามว่าถ้าไป ‘บ้านทองมี’ เท่าไหร่คะ
เค้าบอกว่าต้องเหมาไป ซึ่งแพงมาก เราก็เลยถามเค้าว่าถ้าไม่เหมามีวิธีเดินทางอย่างอื่นไปมั้ย พี่เค้าก็น่ารักบอกว่า งั้นต้องนั่งมอไซค์ไป ซึ่งวินมอไซค์จอดอยู่ข้างหลังนี้เอง! 555
- ค่าวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่บ้านทองมี คนละ 30 บาท
พอพี่วินส่งเราตรงหน้าตลาดทางเข้าโรงแรมแล้ว เจ้าของบ้านทองมีก็ chat ตอบเรามาพอดีว่า “ที่พักเค้าเต็มแล้ว” เง้ออออ
อ่ะ ไม่เป็นไร ทางที่ผ่านโรงแรมตรึมเลย เราก็เลยเดินถามโรงแรมแถวนั้น สรุปก็ได้ ‘โรงแรม Les Bobos’ ซึ่งอยู่เยื้องๆกับตลาดโต้รุ่งเล็ก ทำเลดี เดินทางง่ายเหมือนกัน
- ค่าที่พัก คืนละ 990 บาท เราพัก 2 คืน ก็ 1,980 บาท
ห้องพักที่นี่ค่อนข้างเล็กมาก ไม่ค่อยมีที่วางของ ที่สำคัญมีปลั๊กไฟแค่จุดเดียว
เราวางของเสร็จสรรพ ก็พากันออกเดินไปตลาดโต้รุ่งหัวหิน ไปหาอะไรทานกัน เพราะหิวโซกันมากแล้ว ตลาดก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง เดินแปปเดียวก็ถึง
วันนี้ตลาดก็คนเยอะเหมือนเดิม เราเดินกันจนสุดตลาดก็ยังไม่ได้ของกิน ไปได้นู้นนน ไก่ย่างตรงปลายตลาด เฮ้ย มันอร่อยมาก ไม่รู้นี่เราหิวกันหรืออะไร 555
ทานเสร็จก็เดินวนกลับไปในตลาด ได้ชุดใส่สบายๆชิลๆมาชุดนึง ที่สำคัญ ราคาแค่ตัวละ 100 เดียวเอง!
ทานของคาวกันมาแล้ว ก็แวะทางของหวานกันซะหน่อย เป็นรวมมิตร ใส่ 3 อย่าง 30 บาท
โอเค ตอนนี้กระเพาะของคาว ของหวานอิ่มกันถ้วนหน้าแล้ว ก็เดินเที่ยวตลาดกันต่อ เดี๋ยวนี้ตลาดเค้าขยายมาด้านข้างๆ มีเป็นตลาดเล็กๆอีกส่วนด้วยอ่ะ หรือปกติเค้าก็มีมานานแล้วแต่เราไม่รู้หว่า
ตรงตลาดเล็กนี้จะมีบ้านไม้ที่ให้คนเดินขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนได้ ข้างในก็ตกแต่งด้วยของเก่า คลาสสิคเชียว
เดินตลาดเล็กครบแล้ว เราก็ออกจากตลาดหัวหิน ข้ามถนนกลับมาเจอ ‘ร้านโกทิ’ ซึ่งยังคนเยอะตลอดกาลเหมือนเดิม 555
เราเดินสำรวจตามซอกซอยกันไปเรื่อยๆ ชิลๆ เจอร้านอาหารที่มีแต่ฝรั่งเยอะแยะเลย
ระหว่างทางก่อนกลับโรงแรม ไปเจอน้องหมาไซบีเรียนนอนแลบลิ้นอยู่หน้าร้าน นิ่งมาก 555 อย่างกะตุ๊กตา
Day2:
วันนี้เราตื่นกัน 10 โมงกว่าๆ เพราะวันนี้กะเที่ยวชิลๆกันในหัวหินเนี่ยแหละ
ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเดินลงมาทาน Breakfast ที่โรงแรมก่อนออกเที่ยวกัน ข้อดีของ Breakfast ที่นี่คือปิด 11:30 น. เราเลยไม่ต้องรีบตื่นลงมาทานแบบทุกที
อิ่มเรียบร้อยกันแล้ว ก็เดินออกมา กำลังตัดสินใจกันอยู่ว่าวันนี้จะเช่ามอเตอร์ไซค์ดีมั้ย แต่ดูจากที่ๆจะไป เราเห็นตรงกันว่า เช่าเถอะ! เราไปได้ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ห่างจากโรงแรมเรานิดหน่อย
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 24 ชั่วโมง (ไม่รวมน้ำมัน) 200 บาท
ถือว่าถูกกว่าตอนที่ภูเก็ตกับอยุธยาอีกนะเนี่ย
ร้านกาแฟน่ารักๆที่หัวหินมีเยอะมากกก เลือกไม่ถูกเลยว่าจะไปที่ไหน จนเราไปเจอที่นึงที่ ‘บ้านกาแฟหัวหิน @ อยู่เย็น-หัวหิน เฮ้ย วิวทะเล บรรยากาศดีน่าไป แต่
พี่ปุ่น: “ที่นี่ไกลเหมือนกันนะ เราว่าน่าจะไปตอนเกือบๆเย็นๆหน่อย ตอนนี้แดดร้อนอ่ะ”
โอเค ดับฝันกันไปร้านแรก T^T เราก็เบนมาที่ ‘ร้านชุบชีวา’ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ระหว่างทางเราเจอป้าย ‘ร้านอยู่เย็น’ เราก็เลยวกรถเข้าไป ด้านในติดทะเล ขวามือเป็นร้านอาหาร เราเลยรับลมถ่ายรูปกันพักนึง ละก็มุ่งหน้าสู่ ‘ร้านชุบชีวา’ กันต่อ
แพพเดียวเราก็ถึงร้าน วันนี้เงียบมาก แทบจะไม่มีคนเลย ที่ร้านมีทั้งส่วนที่เป็นห้องแอร์และส่วนที่นั่งในสวนด้านนอก
ส่วนด้านขวามือเป็นออฟฟิศ อย่าเผลอเดินไปเปิดประตูเค้าน้า
เรานั่งอยู่ที่ร้านพักใหญ่เลย เลือกหาที่ไปสำหรับวันนี้ สุดท้ายตัดสินใจกันว่า โอเค เดี๋ยวเราไป ‘ร้าน Tea House’ ที่น้องสาวเราแนะนำมา แต่ตอนนี้ยังอิ่มแน่นพุงกันอยู่ เราก็เลยว่าจะไปขี่รถเที่ยวในเมืองกันก่อน ขี่ไปขี่มา
พี่ปุ่น: “เอ้ย นี่ไงร้านป้าเจือ ที่เราบอก”
เราไปเจอร้านป้าเจือโดยบังเอิญ! ร้านป้าเจือเป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังของหัวหิน ที่พี่ปุ่นบอกเราตั้งแต่มาเหยียบหัวหินวันแรกว่าอยากมาทาน แต่จำไม่ได้ว่าร้านอยู่ไหน อ้าว (- -“)
ละโชคดีมาก ตรงที่ปกติร้านป้าเจือเนี่ยเค้าเข้าแถวต่อคิวกันซื้อเลยนะ แต่ตอนที่เรามา ไม่มีคนพอดี ดีใจจุง เราเลยจอดรถข้ามถนนเดินไปถาม
พี่ปุ่น: “ข้าวเหนียวมะม่วงชุดละเท่าไหร่ครับ”
คุณป้า: “120 บาทจ่ะ แต่ว่าข้าวเหนียวหมด กำลังทำอยู่นะ”
แง่วววว
พี่ปุ่น: “อีกนานมั้ยครับ”
คุณป้า: “ประมาณ 20 นาทีจ่ะ”
พี่ปุ่นหันมา “เอาไงดี รอป่าว”
ลูกไผ่: “แล้วแต่เลยอ่ะค่ะ”
พี่ปุ่น: “ไหนๆก็มาแล้ว รอก็ได้เนอะ เดี๋ยวไปเดินเล่นแถวๆนี้รอกัน”
ลูกไผ่: “โอเก!”
เราก็เลยจอดรถทิ้งไว้ที่หน้าร้านแล้วก็ไปเดินเล่นตามตรอกซอกซอยแถวนั้นกัน เอร้ย เพลินกว่านั่งอยู่ร้านกาแฟตั้งเยอะ
เดินๆไปก็ไปเจอตรอกๆนึง เป็นช่องลมพอดี ลมโกรก พัดมาชิลมาก มีโต๊ะร้านอาหารร้านนึงตั้งอยู่ริมกำแพง น่านั่งสุดๆ
เดินไปจนสุดทางถึงรู้ว่า อ้อ นี่มันทางเดินมาทะเลนี่นา ด้านบนทางเดินนั้นเป็นโขดหิน เห็นวิวทะเลกว้างๆ มีศาลเจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้วย
ตอนเราเดินขึ้นไปเจอคุณลุงคนนี้นั่งตากแดดวาดรูปอยู่ หูย ไม่ร้อนใช่มั้ยคะนี่ เราแอบเหล่ๆดูรูปที่คุณลุงวาด สวยเลยอ่ะ!
เดินไปเรื่อยๆเราก็เจอชายหาดหัวหินที่มีม้า เฮ้ย หัวหินมีหาดด้วย! เอ่อม...ขอโทษนะที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
เรามาทีไรนะ ก็เจอแต่แบบที่เป็นโขดหิน ไม่เคยเดินมาเจอที่เป็นชายหาดงี้เลย
ตรงนี้มีฝรั่งนอนอาบแดดกันเต็มเลย คาดว่าคงเป็นฝรั่งที่เค้าพักโรงแรมริมหาดแถวนี้แหละ
แต่ที่เด็ดสุดคือนี่! คุณลุงคนนี้!
เอ่อม ตอนที่เราไปนี่ก็แดดร้อนไม่ใช่เล่นนะ แต่คุณลุงนอนหลับอาบแดดอย่างสบายใจเฉิบเลย เห็นแล้วนี่นึกถึงปลาตากแห้งเลย
ชายหาดนี่เดินถ่ายรูปชิลใช้ได้เลย เราก็ไปปีนๆโขดหินถ่ายทะเลงี้ ซักพัก็ได้ยินเสียง
พี่ปุ่น: “ไผ่ติดแฟรมอ่ะ”
แล้วก็ยิ้ม ทำหน้าบอกประมาณว่า “ออกไป เราถ่ายคุณลุงฝรั่งอยู่!”
ลูกไผ่: “โอเคๆ ออกไปก็ได้ค่า!”
ตาหลอดดด เห็นฝรั่งพุงพลุ้ยใส่กางเกงว่ายน้ำเป็นไม่ได้ ชิชะ!
[CR] ทริป 3 วัน 2 คืน ตามหาทางไปบึงบัว เขาสามร้อยยอด
แต่หลังๆมานี้แทบจะไม่ได้ไปเลย ไม่รู้ทำไม นี่แหละ รอบนี้ได้โอกาสไปเที่ยวหัวหินอีกที เพราะเรื่องของเรื่อง เรานั่งดูหนังสั้นของ The One Card “จีบได้ แฟนตายแล้ว” แน่ะ! เคยดูกันช่ะ? ดังจะตาย แล้วมันมีฉากที่เค้าไปถ่ายที่บึงบัว เขาสามร้อยยอด เราก็เลย เฮ้ยยย สวยอ่ะ อยากไปๆ
พอลองเข้าไป search ข้อมูลดู โห...ถ้าไม่เอารถไปเองนี่ ไม่มีข้อมูลการเดินทางเข้าไปเลยอ่ะ เราก็เลยไม่เป็นไร ไปแล้วเดี๋ยวก็มีทางไปเอง 555
แรกเริ่มเลยทริปนี้นอกจากเรากับพี่ปุ่นแล้ว เราจะมี พี่ณดา เป็นผู้ร่วมทริปอีก 1 คน เราก็เลยแพลนกันไว้ว่าเราจะไปขึ้นรถไฟรอบ 9 โมงกัน ไปๆมาๆ ผู้ร่วมทริปเราได้ถอนตัวไปอย่างกระทันหัน 555 ละพอดีว่าคืนก่อนออกเดินทางเราต้องนั่งปั่นงานถึงตี 3 โอเค เหลือ 2 คนแล้วนี่ ชิลไป ไปรอบบ่ายโมงละกันนะ 555
Day1:
ปรากฎว่ากว่าพี่ปุ่นจะลากไผ่ให้ตื่นได้ก็ปาไป 11:30 แล้ว ไปถึงหัวลำโพงนี่เรียกว่าวิ่งกันตับแล่บ แต่แล้ว....ไม่ทันค่า!
เจ้าหน้าที่บอกว่าตั๋วเต็มหมดแล้ว แต่! “เหลือแต่ตั๋วยืนนะ จะเอามั้ย?” จุดนั้นแล้ว ความอยากไปสูงมาก “เอาค่ะ!”
ได้ตั๋วแล้วก็รีบวิ่งมาขึ้นรถไฟต่อ
ลูกไผ่: “ก็มีที่นั่งนี่คะ ทำไมเค้าบอกว่าที่เต็ม หรือว่าที่เค้าบอกว่าเต็มคือ ชั้น 1 กับชั้น 2 แต่ชั้น 3 ก็แล้วแต่ดวงว่าจะได้นั่งรึเปล่าไรงี้ป่ะคะ?”
พี่ปุ่น: “ไม่รู้เหมือนกันแฮะ”
เดินๆไปเจอที่นั่งว่างพอดี เลยถามคุณป้าฝั่งตรงข้ามว่า
ลูกไผ่: “ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยคะ”
คุณป้า: “ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเจ้ารึเปล่า นั่งไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเจ้าเค้ามาแล้วค่อยลุก”
ลูกไผ่: “ขอบคุณค่า”
นั่งได้แพพเดียวรถไฟก็ออก เริ่มมีคนมาขายข้าวบนรถไฟ ตอนนั้นหิวกันมาก เพราะยังไม่ได้ทานอะไรกันเลยตั้งแต่เช้า เห็นคนถือข้าวกล่องผัดกระเพราไข่ดาวมาพอดี
พี่ปุ่น: “เท่าไหร่ครับ”
คนขาย: “50”
ลูกไผ่: “กล่องละ 50 เหรอคะ”
คนขาย: “อืม”
เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าโดนหลอก! คือจริงๆมันกล่องละ 25 บาท บางเจ้าขายกล่องละ 20 ด้วยซ้ำ แหมะ พี่ หากินกันอย่างนี้เลยนะคะ (-“-)
พอรถวิ่งมาถึงสถานีบางซื่อ เจ้าของที่เค้าก็มา เง้อออ อ๋อออ เข้าใจแล้ว ตั๋วเต็มจริงๆ แต่ว่าคนจะทยอยขึ้นตามสถานีต่างๆ เราก็เลยมายืนกันตรงช่องตู้ระหว่างรถไฟ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่จริงๆ 555
ยืนไปได้ซักพัก มีพี่ขายสร้อยเค้าเดินผ่านมา
พี่คนขายสร้อย: “อ้าว น้องลงไหนกัน”
ลูกไผ่: “หัวหินค่ะ”
พี่คนขายสร้อย: “น้องเดินไปตู้ที่ 2 ที่นั่ง 36 นะ จะมีแฟนพี่นั่งร้อยสร้อยอยู่ ตรงนั้นว่างนั่งได้ พี่ซื้อตั๋วไว้ถึงปลายทาง แต่เดี๋ยวพี่ลงศาลายา”
เฮ้ยยย พี่เค้าน่ารักมากอ่ะ คือการมารถไฟเราก็ได้พบเจอคนหลายประเภท แล้วก็ได้เจอน้ำใจดีๆระหว่างเดินทางที่เราจะไม่มีทางเจอเลยถ้าขับรถมาเอง
เราก็เลยไม่ต้องยืนเมื่อยยาวเกือบ 5 ชั่วโมง ขอบคุณพี่มากนะค้า (>/l\<)
ประมาณ 6 โมงเย็นเราก็มาถึงสถานีหัวหิน ถึงซักที เย้! เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก หลับไปก็หลายตื่น 555
ที่นี้ก็หาทางไปโรงแรมกันล่ะนะ ป่ะ ไปงมทางไปกันข้างหน้า
คือเรานั่งหาที่พักกันระหว่างนั่งอยู่บนรถไฟ ตอนนั้นเราติดต่อที่ ‘บ้านทองมี’ จาก Airbnb แต่ว่าเค้ายังไม่ตอบจนกระทั่งเรามาถึงหัวหิน เดินออกมาจากสถานีเห็นมีรถประจำทางจอดอยู่เต็มเลย เราเลยเดินเข้าไปถามว่าถ้าไป ‘บ้านทองมี’ เท่าไหร่คะ
เค้าบอกว่าต้องเหมาไป ซึ่งแพงมาก เราก็เลยถามเค้าว่าถ้าไม่เหมามีวิธีเดินทางอย่างอื่นไปมั้ย พี่เค้าก็น่ารักบอกว่า งั้นต้องนั่งมอไซค์ไป ซึ่งวินมอไซค์จอดอยู่ข้างหลังนี้เอง! 555
- ค่าวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่บ้านทองมี คนละ 30 บาท
พอพี่วินส่งเราตรงหน้าตลาดทางเข้าโรงแรมแล้ว เจ้าของบ้านทองมีก็ chat ตอบเรามาพอดีว่า “ที่พักเค้าเต็มแล้ว” เง้ออออ
อ่ะ ไม่เป็นไร ทางที่ผ่านโรงแรมตรึมเลย เราก็เลยเดินถามโรงแรมแถวนั้น สรุปก็ได้ ‘โรงแรม Les Bobos’ ซึ่งอยู่เยื้องๆกับตลาดโต้รุ่งเล็ก ทำเลดี เดินทางง่ายเหมือนกัน
- ค่าที่พัก คืนละ 990 บาท เราพัก 2 คืน ก็ 1,980 บาท
ห้องพักที่นี่ค่อนข้างเล็กมาก ไม่ค่อยมีที่วางของ ที่สำคัญมีปลั๊กไฟแค่จุดเดียว
เราวางของเสร็จสรรพ ก็พากันออกเดินไปตลาดโต้รุ่งหัวหิน ไปหาอะไรทานกัน เพราะหิวโซกันมากแล้ว ตลาดก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง เดินแปปเดียวก็ถึง
วันนี้ตลาดก็คนเยอะเหมือนเดิม เราเดินกันจนสุดตลาดก็ยังไม่ได้ของกิน ไปได้นู้นนน ไก่ย่างตรงปลายตลาด เฮ้ย มันอร่อยมาก ไม่รู้นี่เราหิวกันหรืออะไร 555
ทานเสร็จก็เดินวนกลับไปในตลาด ได้ชุดใส่สบายๆชิลๆมาชุดนึง ที่สำคัญ ราคาแค่ตัวละ 100 เดียวเอง!
ทานของคาวกันมาแล้ว ก็แวะทางของหวานกันซะหน่อย เป็นรวมมิตร ใส่ 3 อย่าง 30 บาท
โอเค ตอนนี้กระเพาะของคาว ของหวานอิ่มกันถ้วนหน้าแล้ว ก็เดินเที่ยวตลาดกันต่อ เดี๋ยวนี้ตลาดเค้าขยายมาด้านข้างๆ มีเป็นตลาดเล็กๆอีกส่วนด้วยอ่ะ หรือปกติเค้าก็มีมานานแล้วแต่เราไม่รู้หว่า
ตรงตลาดเล็กนี้จะมีบ้านไม้ที่ให้คนเดินขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนได้ ข้างในก็ตกแต่งด้วยของเก่า คลาสสิคเชียว
เดินตลาดเล็กครบแล้ว เราก็ออกจากตลาดหัวหิน ข้ามถนนกลับมาเจอ ‘ร้านโกทิ’ ซึ่งยังคนเยอะตลอดกาลเหมือนเดิม 555
เราเดินสำรวจตามซอกซอยกันไปเรื่อยๆ ชิลๆ เจอร้านอาหารที่มีแต่ฝรั่งเยอะแยะเลย
ระหว่างทางก่อนกลับโรงแรม ไปเจอน้องหมาไซบีเรียนนอนแลบลิ้นอยู่หน้าร้าน นิ่งมาก 555 อย่างกะตุ๊กตา
Day2:
วันนี้เราตื่นกัน 10 โมงกว่าๆ เพราะวันนี้กะเที่ยวชิลๆกันในหัวหินเนี่ยแหละ
ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเดินลงมาทาน Breakfast ที่โรงแรมก่อนออกเที่ยวกัน ข้อดีของ Breakfast ที่นี่คือปิด 11:30 น. เราเลยไม่ต้องรีบตื่นลงมาทานแบบทุกที
อิ่มเรียบร้อยกันแล้ว ก็เดินออกมา กำลังตัดสินใจกันอยู่ว่าวันนี้จะเช่ามอเตอร์ไซค์ดีมั้ย แต่ดูจากที่ๆจะไป เราเห็นตรงกันว่า เช่าเถอะ! เราไปได้ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ห่างจากโรงแรมเรานิดหน่อย
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 24 ชั่วโมง (ไม่รวมน้ำมัน) 200 บาท
ถือว่าถูกกว่าตอนที่ภูเก็ตกับอยุธยาอีกนะเนี่ย
ร้านกาแฟน่ารักๆที่หัวหินมีเยอะมากกก เลือกไม่ถูกเลยว่าจะไปที่ไหน จนเราไปเจอที่นึงที่ ‘บ้านกาแฟหัวหิน @ อยู่เย็น-หัวหิน เฮ้ย วิวทะเล บรรยากาศดีน่าไป แต่
พี่ปุ่น: “ที่นี่ไกลเหมือนกันนะ เราว่าน่าจะไปตอนเกือบๆเย็นๆหน่อย ตอนนี้แดดร้อนอ่ะ”
โอเค ดับฝันกันไปร้านแรก T^T เราก็เบนมาที่ ‘ร้านชุบชีวา’ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ระหว่างทางเราเจอป้าย ‘ร้านอยู่เย็น’ เราก็เลยวกรถเข้าไป ด้านในติดทะเล ขวามือเป็นร้านอาหาร เราเลยรับลมถ่ายรูปกันพักนึง ละก็มุ่งหน้าสู่ ‘ร้านชุบชีวา’ กันต่อ
แพพเดียวเราก็ถึงร้าน วันนี้เงียบมาก แทบจะไม่มีคนเลย ที่ร้านมีทั้งส่วนที่เป็นห้องแอร์และส่วนที่นั่งในสวนด้านนอก
ส่วนด้านขวามือเป็นออฟฟิศ อย่าเผลอเดินไปเปิดประตูเค้าน้า
เรานั่งอยู่ที่ร้านพักใหญ่เลย เลือกหาที่ไปสำหรับวันนี้ สุดท้ายตัดสินใจกันว่า โอเค เดี๋ยวเราไป ‘ร้าน Tea House’ ที่น้องสาวเราแนะนำมา แต่ตอนนี้ยังอิ่มแน่นพุงกันอยู่ เราก็เลยว่าจะไปขี่รถเที่ยวในเมืองกันก่อน ขี่ไปขี่มา
พี่ปุ่น: “เอ้ย นี่ไงร้านป้าเจือ ที่เราบอก”
เราไปเจอร้านป้าเจือโดยบังเอิญ! ร้านป้าเจือเป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังของหัวหิน ที่พี่ปุ่นบอกเราตั้งแต่มาเหยียบหัวหินวันแรกว่าอยากมาทาน แต่จำไม่ได้ว่าร้านอยู่ไหน อ้าว (- -“)
ละโชคดีมาก ตรงที่ปกติร้านป้าเจือเนี่ยเค้าเข้าแถวต่อคิวกันซื้อเลยนะ แต่ตอนที่เรามา ไม่มีคนพอดี ดีใจจุง เราเลยจอดรถข้ามถนนเดินไปถาม
พี่ปุ่น: “ข้าวเหนียวมะม่วงชุดละเท่าไหร่ครับ”
คุณป้า: “120 บาทจ่ะ แต่ว่าข้าวเหนียวหมด กำลังทำอยู่นะ”
แง่วววว
พี่ปุ่น: “อีกนานมั้ยครับ”
คุณป้า: “ประมาณ 20 นาทีจ่ะ”
พี่ปุ่นหันมา “เอาไงดี รอป่าว”
ลูกไผ่: “แล้วแต่เลยอ่ะค่ะ”
พี่ปุ่น: “ไหนๆก็มาแล้ว รอก็ได้เนอะ เดี๋ยวไปเดินเล่นแถวๆนี้รอกัน”
ลูกไผ่: “โอเก!”
เราก็เลยจอดรถทิ้งไว้ที่หน้าร้านแล้วก็ไปเดินเล่นตามตรอกซอกซอยแถวนั้นกัน เอร้ย เพลินกว่านั่งอยู่ร้านกาแฟตั้งเยอะ
เดินๆไปก็ไปเจอตรอกๆนึง เป็นช่องลมพอดี ลมโกรก พัดมาชิลมาก มีโต๊ะร้านอาหารร้านนึงตั้งอยู่ริมกำแพง น่านั่งสุดๆ
เดินไปจนสุดทางถึงรู้ว่า อ้อ นี่มันทางเดินมาทะเลนี่นา ด้านบนทางเดินนั้นเป็นโขดหิน เห็นวิวทะเลกว้างๆ มีศาลเจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้วย
ตอนเราเดินขึ้นไปเจอคุณลุงคนนี้นั่งตากแดดวาดรูปอยู่ หูย ไม่ร้อนใช่มั้ยคะนี่ เราแอบเหล่ๆดูรูปที่คุณลุงวาด สวยเลยอ่ะ!
เดินไปเรื่อยๆเราก็เจอชายหาดหัวหินที่มีม้า เฮ้ย หัวหินมีหาดด้วย! เอ่อม...ขอโทษนะที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
เรามาทีไรนะ ก็เจอแต่แบบที่เป็นโขดหิน ไม่เคยเดินมาเจอที่เป็นชายหาดงี้เลย
ตรงนี้มีฝรั่งนอนอาบแดดกันเต็มเลย คาดว่าคงเป็นฝรั่งที่เค้าพักโรงแรมริมหาดแถวนี้แหละ
แต่ที่เด็ดสุดคือนี่! คุณลุงคนนี้!
เอ่อม ตอนที่เราไปนี่ก็แดดร้อนไม่ใช่เล่นนะ แต่คุณลุงนอนหลับอาบแดดอย่างสบายใจเฉิบเลย เห็นแล้วนี่นึกถึงปลาตากแห้งเลย
ชายหาดนี่เดินถ่ายรูปชิลใช้ได้เลย เราก็ไปปีนๆโขดหินถ่ายทะเลงี้ ซักพัก็ได้ยินเสียง
พี่ปุ่น: “ไผ่ติดแฟรมอ่ะ”
แล้วก็ยิ้ม ทำหน้าบอกประมาณว่า “ออกไป เราถ่ายคุณลุงฝรั่งอยู่!”
ลูกไผ่: “โอเคๆ ออกไปก็ได้ค่า!”
ตาหลอดดด เห็นฝรั่งพุงพลุ้ยใส่กางเกงว่ายน้ำเป็นไม่ได้ ชิชะ!