วันที่ 2 ของการเดินทาง ::: หลักสูตร 2 วัน 1 คืน 4 ซ่าท้าตะลุยเมืองย่างกุ้ง 2 วัน 1 คืน ค่าใช้จ่ายคนละ 3,035 บาท รวมที่พัก ค่ารถในย่างกุ้ง ค่าเข้าชมวัด ค่าชเครื่องสักการะ ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบิน
วันที่ 2 : 1. เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) 2. เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี 3. เทพกระซิบ หรือ เนี๊ยะนานหน่วย 4. พระนอนตาหวาน(Chauk Htat Gui Pagoda) 5. พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) 6. ทะเลสาบกันดอว์จี (Kandawgyi Lake)7.พระธาตุเขี้ยวแก้ว วัดชเวตอเมียต (Swe Taw Myat Padoda) 8. วัดพระหินขาว ( Lawka Chantha Abhaya Labha Muni) ค่าเข้าชมฟรี 9. โรงช้างเผือก (Elephant Park) ค่าเข้าชมฟรีและ 10 . วัด อะไรก็ไม่รู้ อ่านชื่อไม่ออก
กินอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมแล้วออกเดินทาง กันดีกว่า 08.19 น.
บรรยากาศยามเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
ที่พัก
รถแท็กซี่ที่จ้างไว้วันละ 54,00 จั๊ด ก็มารับพวกเราที่หน้า โรงแรม M.G.M Hotel
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
ที่แรกที่พวกเราจะไป คือ เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ (เส้นผม) ของพระพุทธเจ้า ที่นี่เสียค่าเข้า 24,000 จั๊ด พอเข้าไปด้านในก็จะพบกับแสงสีทองสว่างไสว เป็นทางเดินวนเข้าไปเพื่อเข้าไปราบสักการะพระเกศาธาตุ ระหว่างทางด้านในก็จะเป็นช่องเป็นหลืบ มีพุทธศาสนิกชนมานั่งสวดมนต์ ข้างๆ ทางเดิน เป็นที่เก็บพระพุทธรูปและโบราณวัตถุ คาดว่า เป็นสิ่งของที่นำมาบูชาพระเกศาธาตุ เป็นพุทธบูชา เดินวนไป ก็จะมาออกทางที่ออกที่เข้าไปเมื่อตอนขาเข้า เสร็จแล้วก็เดินออกไปด้านนอก พระเจดีย์ ก็จะเป็นทางเดินไปเทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี เทพที่คนไทย ไปขอพรกัน ไปถึงตอนเช้า ประชาชนยังไม่มากนัก จัดหาเครื่องสักการะบูชา อันมีมะพร้าวทอง เป็นของหลัก ราคา ชุดละ 10,000 จั๊ด ไปด้วยกันไหว้ด้วยกัน ชุดเดียวพอ พร้อมแบ้ง 20 จำนวน 2 ใบ ม้วนเป็นกรวย สำหรับไปอธิษฐานขอพร เมื่อไปถึงหน้าเทพทันใจ จะมีเจ้าหน้าที่ของทางวัด หรือบ้านเราเรียกว่า มัคนายก คอยทำพิธีให้ เอาเงินใส่ไปในมือเทพทันใจ อธิษฐานเสร็จ มัคนายก ก็ดึงให้เรา 1 ใบ พร้อมกับใบไม้ในถาดเครื่องสักการะ เก็บมาเป็นที่ระลึก ส่วนแบ้ง 20 อีก 1 ใบ มอบให้กับทางเทพทันใจ เสร็จแล้วเดินออกมาถ่ายรูปลงกระดาษ คล้ายกับการทำหนังสือเดินทาง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไม เพราะเป็นกระดาษ A4 พับครึ่ง ไม่ได้มีความคงทน จากนั้นก็เดินข้ามถนน ไปที่เทพกระซิบ เขาบอกว่า เป็นบริวารของพญานาค ให้กระซิบผ่าน เทพกระซิบ จะได้ไป บอกพญานาค ให้พรนี้สำเร็จ ขาว่ากันอย่างนั้น เสียค่าเข้าไปด้านใน 4,000 จั๊ด (เครื่องสักการะอันมีผ้าสไบและนมไวตามิล) พอกระซิบเสร็จ ก็มีคนเอาผ้าสไบมาให้อีกผืน(คล้ายผ้าสามสีบ้านเรา) เสียเงินอีกแล้วครับ คนละ 1,000 จั๊ด) ก็ต้องจ่าย เพราะเขายื่นใส่มือแล้วนี่ให้ทำอะไรก็ต้องทำ เหมือนเวลาคนต่างชาติมาบ้านเรา เราก็ยื่นใส่มือเขาทุกอย่าง สักการะเทพกระซิบเสร็จแล้วก็ลงมาด้านล่าง จะมีคนมาถามว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า จากนั้นก็จะพาไปที่จุดจำหน่ายวัตถุมงคล ถ้านึกไม่ออก ลองนึกถึงเวลาเราไปไหว้หลวงพ่อโสธร จะมีคนโบกให้จอดรถ แล้วพาไปซื้อดอกไม้ ธูปเทียน ทอง และขนมจาก แต่ที่พม่าแตกต่างกันคือ เป็นร้านจำหน่ายเทพทันใจ ย้ำว่า เป็นร้านจำหน่ายเทพทันใจ ขายดีมากสำหรับคนไทย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นของปลอม และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ใช่เทพทันใจ เพราะที่ด้านหลังของเหรียญหรือด้านหลังของเทพทันใจ มีภาษาไทย กำกับไว้ ลองคิดดูเถิด พม่าเอาใจคนไทยขนาดไหน จะซื้อไม่ซื้อนั้น ตามแต่ใจปรารถนา ของปลอมไม่มี ของแท้ไม่รู้ เดินพิจารณาดูสักพักก็ขึ้นรถเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป
เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
ทีมงาน4ซ่าท้าตะลุย
จุดนี้ไกด์บอกว่าศักดิ์สิทธิ์
สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
พุทธศาสนิกชนมานั่งสวดมนต์
ด้านในองค์พระเจดีย์
เดอะแก๊งค์
ทางเดินไปสู่วิหารเทพทันใจ
เครื่องสักการะชุดละ 10,000 จั๊ด
ถวายเครื่องสักการะ
พระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gui Pagoda) : หวานสมคำล่ำลือ เป็นพระพุทธไสยยาสน์องค์ใหญ่ นอนคล้ายกับคนนอนตะแคง ปลายพระบาทซ้อนกัน จีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ ประดิษฐานอยู่ในวิหาร ทางขึ้นนั้นมี 2 ทาง แบบเดินขึ้นมา กับเอารถไปจอดด้านหน้าวิหารได้เลย วัดนี้ไม่เสียค่าเข้าชม มีเพียงแค่บูชาดอกไม้ ธูปเทียนและเครื่องสักการะ รวมทั้งทำบุญค่าฝากรองเท้า บรรยากาศภายในวิหาร โล่ง โปร่งสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก เหมาะแก่การนั่งสวดมนต์ภาวนา (พระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gui Pagoda) และ พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) อยู่ตรงข้ามกัน
พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ทรงเครื่องจักพรรดิ์ ถ้าในบ้านเราก็เหมือนวัดหน้าพระเมรุราชิการาม พระนครศรีอยุธยา รอบองค์พระ มีพระประจำวันเกิดสำหรับสรงน้ำ รวมทั้งด้านข้างมีภาพพระพุทธเจ้าพร้อมอัครสาวกเป็นภาพนูนสูง ลอยออกมาจากผนัง วัดนี้ไม่เสียค่าเข้าชม แล้วแต่ทำบุญตามศรัทธา (พระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gui Pagoda) และ พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) อยู่ตรงข้ามกัน
ทะเลสาบกันดอว์จี (Kandawgyi Lake) เสียค่าเข้า 3,600 จั๊ด ขับรถเข้าไปเพื่อถ่ายภาพ เรือการะเวก เป็นภัตตาคารอาหารนานาชาติ แต่ไม่ได้เข้าไปกิน เพราะได้ข่าวว่าแพงมาก เพียงแค่แวะถ่ายภาพด้านหน้า แล้วขับรถตรงไปถ่ายภาพบรรยากาศกับทะเลสาบซึ่งมองเห็นพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เสร็จแล้วก็ออกไปหาข้าวกินกันกินข้าวกินปลาเรียบร้อย มื้อนี้หมดไป 42,800 จั๊ด ขนมหวาน มี ฟักเชื่อมแบบแห้ง และน้ำตาลอ้อย
พระธาตุเขี้ยวแก้ว วัดชเวตอเมียต (Swe Taw Myat Padoda) ค่าเข้าชม 8,000 จั๊ด ภายในองค์เจดีย์งดงาม ไม่ต้องเดินขึ้นไปสูง มองดูจากด้านนอก คล้ายกับวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม จังหวัดร้อยเอ็ด เพียงแต่ไม่ต้องไปเดินวนขึ้นไปเท่านั้นเอง ด้านในเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์ที่บรรจุพระเขี้ยวแก้ว (ปล. ไม่แน่ใจว่า ใช่พระเขี้ยวแก้วองค์จริงหรือไม่) รอบนอกจะพระพุทธรูปประจำวันเกิดประดิษฐานอยู่ แต่ปางนั้นจะไม่เหมือนกับประเทศไทย
วัดพระหินขาว ( Lawka Chantha Abhaya Labha Muni) ค่าเข้าชมฟรี เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่แกะสลักจากหินอ่อนทั้งก้อน ประทับอยู่ในตู้กระจก มีทางเดินขึ้นลงวิหาร 2 ด้าน มีหลังคาลดหลั่นคลุมทางเดินและมีช่วงพัก ต่างจากประเทศไทย บันไดส่วนใหญ่จะทำยาวไปเลย ไม่มีจุดพัก ไหว้พระเสร็จแล้ว ด้านข้างจะมีศาลาที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทหินอ่อน (ไม่เรียกว่ามณฑปเพราะไม่มีเรือนยอด) วัดนี้ ควรถอดรองเท้าไว้ในรถแล้วเดินขึ้นไป (ปล.ยืมข้อความจากเน็ตพระหินอ่อนสร้างในสมัยนายพลตานฉ่วยมีการขุดพบหินอ่อนก้อนใหญ่ที่สุดที่ยะไข่ จึงได้มีการแกะสลักบางส่วนและจัดส่งมาที่ย่างกุ้งแกะสลักโดยช่างชาวเมืองมัณฑะเลย์ นำมาแกะสลักจนแล้วเสร็จเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งพระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระหัตถ์ยกขึ้นหันฝ่าพระหัตถ์ออกจากองค์ หมายถึงการไล่ศัตรูและประทานความเจริญรุ่งเรือง พระหินอ่อน จะถูกนำเก็บไว้ในห้องกระจกติดแอร์เพราะหินอ่อนถ้าโดนอากาศร้อนจะแตก )
โรงช้างเผือก (Elephant Park) ค่าเข้าชมฟรี มีช้างเผือกจำนวน 3 ช้าง ยังมีชีวิตอยู่นะจ๊ะ
วัด อะไรก็ไม่รู้ อ่านชื่อไม่ออก ตอนแรกที่คนขับรถพามาถึง เขาก็พยายามอธิบายให้เราทราบว่าพามาดูอะไร เพราะเห็นมีแต่เจดีย์ แต่เขาก็อธิบายไม่ถูก แต่สิ่งที่เราเห็นคือ พระที่พม่า ทำงานกันเยอะมาก ทาสีวัด ทำงานอื่นๆ ไม่ค่อยนอนในช่วงบ่าย เขาถามหาพระสงฆ์รูปหนึ่งกับพระในวัด เพื่อจะพาเราไปชมสิ่งหนึ่งในวัด ซึ่งในใจเราคิดว่า ต้องเป็นพระพุทธรูปสำคัญ หรือไม่ก็หอพระทองคำ หรือหอเก็บรวบรวมพระพุทธรูปจำนวนมาก แต่พวกเราก็ยังไม่ได้คำตอบ จนพระที่ดูแลพร้อมด้วยแม่ชี มาถึง เปิดกุญแจสถานที่นั้น คล้ายๆ กุฏิเจ้าอาวาสเมืองไทย ที่เป็นแบบ 2 ชั้น แล้วนำพาพวกเราเข้าไป ชั้นล่างเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปและเทพ ตั้งรายรอบผนัง ขนาดเท่ามนุษย์ จากนั้นพวกเราก็เดินขึ้นด้านบน ซึ่งทางขึ้นเป็นบันได แบบตรงขึ้น ไม่มีจุดพัก หากขึ้นไม่ดีหัวจะชนคานด้านบน เมื่อไปถึงด้านบน เราก็พบกับบุษบกที่บรรจุโลงแก้วของพระเถระ ซึ่งปิดทองทั้งร่าง นี่แหละ คือ ที่มาของสิ่งบางอย่างที่เขาอยากให้เราได้ไปชม แต่เขาอธิบายไม่ถูก จนเราได้ไปเห็น และแปลความหมายได้ว่า ศพไม่เน่าไม่เปื่อย ซึ่งหากในประเทศไทย ศพพระเถระเยอะมาก แต่ในประเทศพม่าคงจะเป็นเรื่องแปลกและเรื่องอัศจรรย์ แต่ก็ไม่มีใครเล่ารายละเอียดได้ จนเขาชี้ไปที่ภาพวาด ตั้งแต่หลวงพ่อองค์นี้ มาปฏิสนธิ จนได้บวชเรียน แล้วมาสร้างเจดีย์ จึงอาจจะกล่าวได้ว่า พระเถระรูปนี้ เป็นพระสงฆ์สำคัญ เช่นเดียวกับหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม สังขละบุรี กาญจนบุรี
ขอบคุณ Thank you คนขับรถที่พาเราไปหลายสถานที่ พร้อมทั้งบริการอย่างดี ทั้งเรื่องการไหว้พระ การหาอาหารให้กิน และการดูแลต่าง รวมทั้งการเข้าชมสถานที่บางแห่งที่ไม่เคยมีคนไปชม
4 ซ่าท้าตะลุย เมืองย่างกุ้ง ภาค 1
https://ppantip.com/topic/36072883
[CR] 4 ซ่าท้าตะลุย เมืองย่างกุ้ง ภาค 2 ตอนจบ
วันที่ 2 : 1. เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) 2. เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี 3. เทพกระซิบ หรือ เนี๊ยะนานหน่วย 4. พระนอนตาหวาน(Chauk Htat Gui Pagoda) 5. พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) 6. ทะเลสาบกันดอว์จี (Kandawgyi Lake)7.พระธาตุเขี้ยวแก้ว วัดชเวตอเมียต (Swe Taw Myat Padoda) 8. วัดพระหินขาว ( Lawka Chantha Abhaya Labha Muni) ค่าเข้าชมฟรี 9. โรงช้างเผือก (Elephant Park) ค่าเข้าชมฟรีและ 10 . วัด อะไรก็ไม่รู้ อ่านชื่อไม่ออก
กินอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมแล้วออกเดินทาง กันดีกว่า 08.19 น.
บรรยากาศยามเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
อาหารเช้า
ที่พัก
รถแท็กซี่ที่จ้างไว้วันละ 54,00 จั๊ด ก็มารับพวกเราที่หน้า โรงแรม M.G.M Hotel
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
เพื่อนร่วมทางที่แสนใจดี พูดไทยได้ ค่ารถไม่แพง
ที่แรกที่พวกเราจะไป คือ เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ (เส้นผม) ของพระพุทธเจ้า ที่นี่เสียค่าเข้า 24,000 จั๊ด พอเข้าไปด้านในก็จะพบกับแสงสีทองสว่างไสว เป็นทางเดินวนเข้าไปเพื่อเข้าไปราบสักการะพระเกศาธาตุ ระหว่างทางด้านในก็จะเป็นช่องเป็นหลืบ มีพุทธศาสนิกชนมานั่งสวดมนต์ ข้างๆ ทางเดิน เป็นที่เก็บพระพุทธรูปและโบราณวัตถุ คาดว่า เป็นสิ่งของที่นำมาบูชาพระเกศาธาตุ เป็นพุทธบูชา เดินวนไป ก็จะมาออกทางที่ออกที่เข้าไปเมื่อตอนขาเข้า เสร็จแล้วก็เดินออกไปด้านนอก พระเจดีย์ ก็จะเป็นทางเดินไปเทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี เทพที่คนไทย ไปขอพรกัน ไปถึงตอนเช้า ประชาชนยังไม่มากนัก จัดหาเครื่องสักการะบูชา อันมีมะพร้าวทอง เป็นของหลัก ราคา ชุดละ 10,000 จั๊ด ไปด้วยกันไหว้ด้วยกัน ชุดเดียวพอ พร้อมแบ้ง 20 จำนวน 2 ใบ ม้วนเป็นกรวย สำหรับไปอธิษฐานขอพร เมื่อไปถึงหน้าเทพทันใจ จะมีเจ้าหน้าที่ของทางวัด หรือบ้านเราเรียกว่า มัคนายก คอยทำพิธีให้ เอาเงินใส่ไปในมือเทพทันใจ อธิษฐานเสร็จ มัคนายก ก็ดึงให้เรา 1 ใบ พร้อมกับใบไม้ในถาดเครื่องสักการะ เก็บมาเป็นที่ระลึก ส่วนแบ้ง 20 อีก 1 ใบ มอบให้กับทางเทพทันใจ เสร็จแล้วเดินออกมาถ่ายรูปลงกระดาษ คล้ายกับการทำหนังสือเดินทาง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไม เพราะเป็นกระดาษ A4 พับครึ่ง ไม่ได้มีความคงทน จากนั้นก็เดินข้ามถนน ไปที่เทพกระซิบ เขาบอกว่า เป็นบริวารของพญานาค ให้กระซิบผ่าน เทพกระซิบ จะได้ไป บอกพญานาค ให้พรนี้สำเร็จ ขาว่ากันอย่างนั้น เสียค่าเข้าไปด้านใน 4,000 จั๊ด (เครื่องสักการะอันมีผ้าสไบและนมไวตามิล) พอกระซิบเสร็จ ก็มีคนเอาผ้าสไบมาให้อีกผืน(คล้ายผ้าสามสีบ้านเรา) เสียเงินอีกแล้วครับ คนละ 1,000 จั๊ด) ก็ต้องจ่าย เพราะเขายื่นใส่มือแล้วนี่ให้ทำอะไรก็ต้องทำ เหมือนเวลาคนต่างชาติมาบ้านเรา เราก็ยื่นใส่มือเขาทุกอย่าง สักการะเทพกระซิบเสร็จแล้วก็ลงมาด้านล่าง จะมีคนมาถามว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า จากนั้นก็จะพาไปที่จุดจำหน่ายวัตถุมงคล ถ้านึกไม่ออก ลองนึกถึงเวลาเราไปไหว้หลวงพ่อโสธร จะมีคนโบกให้จอดรถ แล้วพาไปซื้อดอกไม้ ธูปเทียน ทอง และขนมจาก แต่ที่พม่าแตกต่างกันคือ เป็นร้านจำหน่ายเทพทันใจ ย้ำว่า เป็นร้านจำหน่ายเทพทันใจ ขายดีมากสำหรับคนไทย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นของปลอม และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ใช่เทพทันใจ เพราะที่ด้านหลังของเหรียญหรือด้านหลังของเทพทันใจ มีภาษาไทย กำกับไว้ ลองคิดดูเถิด พม่าเอาใจคนไทยขนาดไหน จะซื้อไม่ซื้อนั้น ตามแต่ใจปรารถนา ของปลอมไม่มี ของแท้ไม่รู้ เดินพิจารณาดูสักพักก็ขึ้นรถเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป
เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
ทีมงาน4ซ่าท้าตะลุย
จุดนี้ไกด์บอกว่าศักดิ์สิทธิ์
สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
พุทธศาสนิกชนมานั่งสวดมนต์
ด้านในองค์พระเจดีย์
เดอะแก๊งค์
ทางเดินไปสู่วิหารเทพทันใจ
เครื่องสักการะชุดละ 10,000 จั๊ด
ถวายเครื่องสักการะ
พระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gui Pagoda) : หวานสมคำล่ำลือ เป็นพระพุทธไสยยาสน์องค์ใหญ่ นอนคล้ายกับคนนอนตะแคง ปลายพระบาทซ้อนกัน จีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ ประดิษฐานอยู่ในวิหาร ทางขึ้นนั้นมี 2 ทาง แบบเดินขึ้นมา กับเอารถไปจอดด้านหน้าวิหารได้เลย วัดนี้ไม่เสียค่าเข้าชม มีเพียงแค่บูชาดอกไม้ ธูปเทียนและเครื่องสักการะ รวมทั้งทำบุญค่าฝากรองเท้า บรรยากาศภายในวิหาร โล่ง โปร่งสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก เหมาะแก่การนั่งสวดมนต์ภาวนา (พระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gui Pagoda) และ พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) อยู่ตรงข้ามกัน
พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ทรงเครื่องจักพรรดิ์ ถ้าในบ้านเราก็เหมือนวัดหน้าพระเมรุราชิการาม พระนครศรีอยุธยา รอบองค์พระ มีพระประจำวันเกิดสำหรับสรงน้ำ รวมทั้งด้านข้างมีภาพพระพุทธเจ้าพร้อมอัครสาวกเป็นภาพนูนสูง ลอยออกมาจากผนัง วัดนี้ไม่เสียค่าเข้าชม แล้วแต่ทำบุญตามศรัทธา (พระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gui Pagoda) และ พระทรงเครื่อง วัดงาทัตจี( Nga Htat Gyi Pagoda) อยู่ตรงข้ามกัน
ทะเลสาบกันดอว์จี (Kandawgyi Lake) เสียค่าเข้า 3,600 จั๊ด ขับรถเข้าไปเพื่อถ่ายภาพ เรือการะเวก เป็นภัตตาคารอาหารนานาชาติ แต่ไม่ได้เข้าไปกิน เพราะได้ข่าวว่าแพงมาก เพียงแค่แวะถ่ายภาพด้านหน้า แล้วขับรถตรงไปถ่ายภาพบรรยากาศกับทะเลสาบซึ่งมองเห็นพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เสร็จแล้วก็ออกไปหาข้าวกินกันกินข้าวกินปลาเรียบร้อย มื้อนี้หมดไป 42,800 จั๊ด ขนมหวาน มี ฟักเชื่อมแบบแห้ง และน้ำตาลอ้อย
พระธาตุเขี้ยวแก้ว วัดชเวตอเมียต (Swe Taw Myat Padoda) ค่าเข้าชม 8,000 จั๊ด ภายในองค์เจดีย์งดงาม ไม่ต้องเดินขึ้นไปสูง มองดูจากด้านนอก คล้ายกับวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม จังหวัดร้อยเอ็ด เพียงแต่ไม่ต้องไปเดินวนขึ้นไปเท่านั้นเอง ด้านในเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์ที่บรรจุพระเขี้ยวแก้ว (ปล. ไม่แน่ใจว่า ใช่พระเขี้ยวแก้วองค์จริงหรือไม่) รอบนอกจะพระพุทธรูปประจำวันเกิดประดิษฐานอยู่ แต่ปางนั้นจะไม่เหมือนกับประเทศไทย
วัดพระหินขาว ( Lawka Chantha Abhaya Labha Muni) ค่าเข้าชมฟรี เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่แกะสลักจากหินอ่อนทั้งก้อน ประทับอยู่ในตู้กระจก มีทางเดินขึ้นลงวิหาร 2 ด้าน มีหลังคาลดหลั่นคลุมทางเดินและมีช่วงพัก ต่างจากประเทศไทย บันไดส่วนใหญ่จะทำยาวไปเลย ไม่มีจุดพัก ไหว้พระเสร็จแล้ว ด้านข้างจะมีศาลาที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทหินอ่อน (ไม่เรียกว่ามณฑปเพราะไม่มีเรือนยอด) วัดนี้ ควรถอดรองเท้าไว้ในรถแล้วเดินขึ้นไป (ปล.ยืมข้อความจากเน็ตพระหินอ่อนสร้างในสมัยนายพลตานฉ่วยมีการขุดพบหินอ่อนก้อนใหญ่ที่สุดที่ยะไข่ จึงได้มีการแกะสลักบางส่วนและจัดส่งมาที่ย่างกุ้งแกะสลักโดยช่างชาวเมืองมัณฑะเลย์ นำมาแกะสลักจนแล้วเสร็จเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งพระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระหัตถ์ยกขึ้นหันฝ่าพระหัตถ์ออกจากองค์ หมายถึงการไล่ศัตรูและประทานความเจริญรุ่งเรือง พระหินอ่อน จะถูกนำเก็บไว้ในห้องกระจกติดแอร์เพราะหินอ่อนถ้าโดนอากาศร้อนจะแตก )
โรงช้างเผือก (Elephant Park) ค่าเข้าชมฟรี มีช้างเผือกจำนวน 3 ช้าง ยังมีชีวิตอยู่นะจ๊ะ
วัด อะไรก็ไม่รู้ อ่านชื่อไม่ออก ตอนแรกที่คนขับรถพามาถึง เขาก็พยายามอธิบายให้เราทราบว่าพามาดูอะไร เพราะเห็นมีแต่เจดีย์ แต่เขาก็อธิบายไม่ถูก แต่สิ่งที่เราเห็นคือ พระที่พม่า ทำงานกันเยอะมาก ทาสีวัด ทำงานอื่นๆ ไม่ค่อยนอนในช่วงบ่าย เขาถามหาพระสงฆ์รูปหนึ่งกับพระในวัด เพื่อจะพาเราไปชมสิ่งหนึ่งในวัด ซึ่งในใจเราคิดว่า ต้องเป็นพระพุทธรูปสำคัญ หรือไม่ก็หอพระทองคำ หรือหอเก็บรวบรวมพระพุทธรูปจำนวนมาก แต่พวกเราก็ยังไม่ได้คำตอบ จนพระที่ดูแลพร้อมด้วยแม่ชี มาถึง เปิดกุญแจสถานที่นั้น คล้ายๆ กุฏิเจ้าอาวาสเมืองไทย ที่เป็นแบบ 2 ชั้น แล้วนำพาพวกเราเข้าไป ชั้นล่างเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปและเทพ ตั้งรายรอบผนัง ขนาดเท่ามนุษย์ จากนั้นพวกเราก็เดินขึ้นด้านบน ซึ่งทางขึ้นเป็นบันได แบบตรงขึ้น ไม่มีจุดพัก หากขึ้นไม่ดีหัวจะชนคานด้านบน เมื่อไปถึงด้านบน เราก็พบกับบุษบกที่บรรจุโลงแก้วของพระเถระ ซึ่งปิดทองทั้งร่าง นี่แหละ คือ ที่มาของสิ่งบางอย่างที่เขาอยากให้เราได้ไปชม แต่เขาอธิบายไม่ถูก จนเราได้ไปเห็น และแปลความหมายได้ว่า ศพไม่เน่าไม่เปื่อย ซึ่งหากในประเทศไทย ศพพระเถระเยอะมาก แต่ในประเทศพม่าคงจะเป็นเรื่องแปลกและเรื่องอัศจรรย์ แต่ก็ไม่มีใครเล่ารายละเอียดได้ จนเขาชี้ไปที่ภาพวาด ตั้งแต่หลวงพ่อองค์นี้ มาปฏิสนธิ จนได้บวชเรียน แล้วมาสร้างเจดีย์ จึงอาจจะกล่าวได้ว่า พระเถระรูปนี้ เป็นพระสงฆ์สำคัญ เช่นเดียวกับหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม สังขละบุรี กาญจนบุรี
ขอบคุณ Thank you คนขับรถที่พาเราไปหลายสถานที่ พร้อมทั้งบริการอย่างดี ทั้งเรื่องการไหว้พระ การหาอาหารให้กิน และการดูแลต่าง รวมทั้งการเข้าชมสถานที่บางแห่งที่ไม่เคยมีคนไปชม
4 ซ่าท้าตะลุย เมืองย่างกุ้ง ภาค 1 https://ppantip.com/topic/36072883
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น