สวัสดีค่ะ คือเราก็เคยแชร์ประสบการ์ทำนองนี้ไปแล้วครั้งนึง ถึงสุดท้ายจะไม่ได้จบด้วยเรื่องฟินๆ แต่ก็ถือเป็นเรืองราวดีๆที่ได้เกิดขึ้นกับเรา
เราก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีประสบการณ์ประมาณนึงกับการเดทหนุ่มผ่านโปรแกรมtinder ซึ่งนับรวมๆตอนนี้ ก็ได้ทั้งหมด 8 คน ในระยะเวลา 1 ปีค่ะ
ซึ่งคนที่จริงจังๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 คน ที่เหลือจะเป็นแนวเดทขำๆ แนว Hangout กินข้าวด้วยกันแค่ 2-3 มื้อ แล้วก็เกิดอาการ คุณไม่ได้ไปต่อค่ะ 5555
โดยหนุ่มที่เราเดท มีหลายชาติมากค่ะ ยกเว้นชาติไทย ไม่ว่าจะ เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเล ฮ่องกง ไม่ใช่เราไม่ชอบหนุ่มไทยนะคะ แต่หนุ่มไทยเองก็ไม่ค่อยจะชอบหรือได้ Match กับเราเลย แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบแนว ฝ เท่าไร แอบกลัวค่ะ
เข้าเรื่องเลยละกันนะ หนุ่มคนนี้ เป็นเป็นหนุ่มคน 6 ที่เราเดทด้วย เราและเค้าได้ถูก Match กัน ตั้งแต่ประมาณกลางๆเดือนสิงหา 59 ตอนช่วงที่เราไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ ซึ่งพอแมชกันแล้วเราก็ไม่ได้ทักทายเค้า เค้าก็ไม่ได้มาทักเราเช่นกัน เราก็ไม่ได้สนใจเท่าไร เพราะเราก็มีคนที่แมชอีกเยอะ และ มีคนที่คุยๆด้วยช่วงนั้น
จนช่วงกลางเดือน ตค. อยู่ๆวันนึงเค้าก็ทักเรามาค่ะ แล้วพอเราเห็นระยะทางระหว่างเค้ากับเราประมาณ 700กว่ากิโลเมตร ซึ่งแปลว่า เค้าต้องอยู่ในประเทศไทยแน่ๆ (แอพนี้บอกว่าระหว่างเรากับคนที่แมชอยู่ห่างกันกิโลด้วยค่ะ) เราก็คิดว่าเค้าอาจจะแค่คิดว่าเราเป็นคนไทยเลยอยากหาเพื่อนHangout แต่หารู้ไม่ ชั้นอยู่กทม ย่ะ ไกลแกมาได้ตั้ง 700 กว่าโล 5555
แต่เค้าก็มาทักทายเราแบบสุภาพเรียบร้อย คุยกันไม่กี่ประโยคแต่เราก็รู้สึกคลิกเลย ถึงแม้ถ้าจะพูดถึงรูปลักษณ์จะไม่ใช่สเปคเราเท่าไร แต่ตอนที่เราเห็นเค้าตอนแรกที่เลือกก็แค่เพราะดูเป็นหนุ่มนักกีฬาดี พอดีชอบผู้ชายสปอร์ตแมนน่ะค่ะ
เราก็คุยกันไปได้ทุกวันประมาณ2-3วัน แล้วมีเหตุที่เราต้องไปประชุมงานที่เหนือพอดี แล้วไปจังหวัดเดียวกับที่เค้ากำลังอยู่เลย คือ เชียงใหม่ ซึ่งเค้าก็ไปทำงานเช่นกันค่ะ โดยเค้าไปทำงาน อาทิตย์กว่าๆ แต่ตอนช่วงที่เราไปเราก็คุยแชทกันตลอดเวลาแต่สุดท้ายเราไม่ได้เจอกันนะคะ เพราะเค้าบอกว่างานเค้าเองก็ปลีกตัวมาไม่ได้ ส่วนของเราเองก็ปลีกตัวไปไมได้เช่นเดียวกัน แต่เราก็กลับมากทม โดยเวลาไล่เลี่ยกันมากๆเลยค่ะ แต่เรากลับกันทางรถบัสทั้งคู่ เลยไม่มีเวลาให้เจอกันได้ แต่ระหว่างนั้นเราก็คุยกันตลอดๆ ในโปรแกรมแชท จนสุดท้ายเราเองต้องเป็นฝ่ายขอwhatsapp มาเพื่อคุยกับเค้าสะดวกขึ้นค่ะ
ระหว่างนั้นเค้าก็บินกลับประเทศเค้าไป แต่เราก็ยังแชทคุยกันเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่วันธรรมงานเราจะไม่คุยกันเยอะมากนัก เพราะต่างคนต่างก็งานยุ่ง แล้วงานของเค้าคือเค้าเป็นทหารค่ะ เป็นครูที่ฝึกพลทหารอีกที พวกหนุ่มๆสิงคโปร์พอายุ 21 ทุกคนต้องไปเข้าค่ายฝึกอบรมเป็นตำรวจ ทหาร เพื่อฝึกไว้ป้องกันประเทศชาติ หรือที่เรียกว่า National Service โดยฝึก 2 ปี โดยพ่อหนุ่มของเราเป็นครูที่ฝึกหนุ่มๆพวกนี้อีกทีค่ะ
ระหว่างนั้นเราก็คุยกัน เวลาคุยเราค่อนข้างคลิกกันนะคะ แต่แอบเลวค่ะ คือเรายังไม่ถูกสเปครูปร่างหน้าตาเค้าเท่านั้นเอง เลยไม่ได้อินมากนัก
แต่มีวันนึงประมาณกลางๆเดือน พย เค้าก็บอกเราว่าอยากไป กทม (แต่เค้าไม่ได้บอกนะคะ ว่ามาเพื่อมาเจอเรา ) เค้ามากับแก๊งเพื่อนๆอีกร่วม 10 คนได้ แต่เค้าก็บอกเราก่อนแล้วว่า คงไม่ได้เจอยูเท่าไรนะ หรือถ้าเราเจอกัน แล้วเพื่อนๆไอจะมาด้วยได้มั้ย เราก็คิดว่าเค้าคงแค่อยากหาเพื่อนแฮงค์ หรือ อยากเจอเราเพื่อเลี้ยงขอบคุณ เพราะก่อนมาเราก็ช่วยเค้าหาบ้านใน airbnb แล้วเค้าถามอะไรเกี่ยวกับ กทม เราก็ช่วยบอกเค้าตลอด เพราะตลอดเวลาที่เราคุยกัน เค้าไม่ได้ออกแนวเฟลิร์ตเราเลย คุยกันแบบเพื่อนหวังดีต่อกันแนวนั้นมากกว่า
ตัดภาพมาวันที่เราเจอกัน..... วันนั้นเป็นวันอาทิตย์
เราก็นัดกันประมาณ บ่าย2 ที่เซนทรัลเวิร์ล เพระาเค้าบอกช่วงเช้าเค้าจะไปเดินแพตตินั่มกับเพื่อนก่อน เราเลยบอกว่างั้นเจอที่นี่ละกัน สะดวกยูดี
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ทำงานแป๊บค่ะ
แชร์ประสบการ์เดทหนุ่มต่างชาติผ่าน Tinder
เราก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีประสบการณ์ประมาณนึงกับการเดทหนุ่มผ่านโปรแกรมtinder ซึ่งนับรวมๆตอนนี้ ก็ได้ทั้งหมด 8 คน ในระยะเวลา 1 ปีค่ะ
ซึ่งคนที่จริงจังๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 คน ที่เหลือจะเป็นแนวเดทขำๆ แนว Hangout กินข้าวด้วยกันแค่ 2-3 มื้อ แล้วก็เกิดอาการ คุณไม่ได้ไปต่อค่ะ 5555
โดยหนุ่มที่เราเดท มีหลายชาติมากค่ะ ยกเว้นชาติไทย ไม่ว่าจะ เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเล ฮ่องกง ไม่ใช่เราไม่ชอบหนุ่มไทยนะคะ แต่หนุ่มไทยเองก็ไม่ค่อยจะชอบหรือได้ Match กับเราเลย แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบแนว ฝ เท่าไร แอบกลัวค่ะ
เข้าเรื่องเลยละกันนะ หนุ่มคนนี้ เป็นเป็นหนุ่มคน 6 ที่เราเดทด้วย เราและเค้าได้ถูก Match กัน ตั้งแต่ประมาณกลางๆเดือนสิงหา 59 ตอนช่วงที่เราไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ ซึ่งพอแมชกันแล้วเราก็ไม่ได้ทักทายเค้า เค้าก็ไม่ได้มาทักเราเช่นกัน เราก็ไม่ได้สนใจเท่าไร เพราะเราก็มีคนที่แมชอีกเยอะ และ มีคนที่คุยๆด้วยช่วงนั้น
จนช่วงกลางเดือน ตค. อยู่ๆวันนึงเค้าก็ทักเรามาค่ะ แล้วพอเราเห็นระยะทางระหว่างเค้ากับเราประมาณ 700กว่ากิโลเมตร ซึ่งแปลว่า เค้าต้องอยู่ในประเทศไทยแน่ๆ (แอพนี้บอกว่าระหว่างเรากับคนที่แมชอยู่ห่างกันกิโลด้วยค่ะ) เราก็คิดว่าเค้าอาจจะแค่คิดว่าเราเป็นคนไทยเลยอยากหาเพื่อนHangout แต่หารู้ไม่ ชั้นอยู่กทม ย่ะ ไกลแกมาได้ตั้ง 700 กว่าโล 5555
แต่เค้าก็มาทักทายเราแบบสุภาพเรียบร้อย คุยกันไม่กี่ประโยคแต่เราก็รู้สึกคลิกเลย ถึงแม้ถ้าจะพูดถึงรูปลักษณ์จะไม่ใช่สเปคเราเท่าไร แต่ตอนที่เราเห็นเค้าตอนแรกที่เลือกก็แค่เพราะดูเป็นหนุ่มนักกีฬาดี พอดีชอบผู้ชายสปอร์ตแมนน่ะค่ะ
เราก็คุยกันไปได้ทุกวันประมาณ2-3วัน แล้วมีเหตุที่เราต้องไปประชุมงานที่เหนือพอดี แล้วไปจังหวัดเดียวกับที่เค้ากำลังอยู่เลย คือ เชียงใหม่ ซึ่งเค้าก็ไปทำงานเช่นกันค่ะ โดยเค้าไปทำงาน อาทิตย์กว่าๆ แต่ตอนช่วงที่เราไปเราก็คุยแชทกันตลอดเวลาแต่สุดท้ายเราไม่ได้เจอกันนะคะ เพราะเค้าบอกว่างานเค้าเองก็ปลีกตัวมาไม่ได้ ส่วนของเราเองก็ปลีกตัวไปไมได้เช่นเดียวกัน แต่เราก็กลับมากทม โดยเวลาไล่เลี่ยกันมากๆเลยค่ะ แต่เรากลับกันทางรถบัสทั้งคู่ เลยไม่มีเวลาให้เจอกันได้ แต่ระหว่างนั้นเราก็คุยกันตลอดๆ ในโปรแกรมแชท จนสุดท้ายเราเองต้องเป็นฝ่ายขอwhatsapp มาเพื่อคุยกับเค้าสะดวกขึ้นค่ะ
ระหว่างนั้นเค้าก็บินกลับประเทศเค้าไป แต่เราก็ยังแชทคุยกันเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่วันธรรมงานเราจะไม่คุยกันเยอะมากนัก เพราะต่างคนต่างก็งานยุ่ง แล้วงานของเค้าคือเค้าเป็นทหารค่ะ เป็นครูที่ฝึกพลทหารอีกที พวกหนุ่มๆสิงคโปร์พอายุ 21 ทุกคนต้องไปเข้าค่ายฝึกอบรมเป็นตำรวจ ทหาร เพื่อฝึกไว้ป้องกันประเทศชาติ หรือที่เรียกว่า National Service โดยฝึก 2 ปี โดยพ่อหนุ่มของเราเป็นครูที่ฝึกหนุ่มๆพวกนี้อีกทีค่ะ
ระหว่างนั้นเราก็คุยกัน เวลาคุยเราค่อนข้างคลิกกันนะคะ แต่แอบเลวค่ะ คือเรายังไม่ถูกสเปครูปร่างหน้าตาเค้าเท่านั้นเอง เลยไม่ได้อินมากนัก
แต่มีวันนึงประมาณกลางๆเดือน พย เค้าก็บอกเราว่าอยากไป กทม (แต่เค้าไม่ได้บอกนะคะ ว่ามาเพื่อมาเจอเรา ) เค้ามากับแก๊งเพื่อนๆอีกร่วม 10 คนได้ แต่เค้าก็บอกเราก่อนแล้วว่า คงไม่ได้เจอยูเท่าไรนะ หรือถ้าเราเจอกัน แล้วเพื่อนๆไอจะมาด้วยได้มั้ย เราก็คิดว่าเค้าคงแค่อยากหาเพื่อนแฮงค์ หรือ อยากเจอเราเพื่อเลี้ยงขอบคุณ เพราะก่อนมาเราก็ช่วยเค้าหาบ้านใน airbnb แล้วเค้าถามอะไรเกี่ยวกับ กทม เราก็ช่วยบอกเค้าตลอด เพราะตลอดเวลาที่เราคุยกัน เค้าไม่ได้ออกแนวเฟลิร์ตเราเลย คุยกันแบบเพื่อนหวังดีต่อกันแนวนั้นมากกว่า
ตัดภาพมาวันที่เราเจอกัน..... วันนั้นเป็นวันอาทิตย์
เราก็นัดกันประมาณ บ่าย2 ที่เซนทรัลเวิร์ล เพระาเค้าบอกช่วงเช้าเค้าจะไปเดินแพตตินั่มกับเพื่อนก่อน เราเลยบอกว่างั้นเจอที่นี่ละกัน สะดวกยูดี
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ทำงานแป๊บค่ะ