Part 2.1 : Vienna I [Fascinating city]
1st Day Trip (April 29,2016)
By Kuk Wisarin
มาถึงตอนที่ 2.1 กันนะคะ เรามาถึงเวียนนาเมืองแรกของทริปกันแล้วค่ะ^^ เนื้อเรื่องจะต่อจากตอนแรกเลย ใครยังไม่ได้อ่านกลับไปดูได้ที่ลิ้งค์นี้เลย
แตะพื้นยุโรป...
หลังจากผ่านไปกว่า 6 ชม. เครื่องก็ลงแตะพื้นที่สนามบิน Flughafen Wien-Schwechat ที่เวียนนาเป็นที่เรียบร้อย (เย่ !! ได้มาอยู่บนผืนดินยุโรปสำเร็จแล้ว) เรามาถึงเวลา 7.00 น. ตามเวลาที่ออสเตรีย ก่อนลงเครื่องเขาแจก Mozart Chocolate ยี่ห้อยอดนิยมอย่าง Mirabell ขนมหวานขึ้นชื่อของออสเตรียด้วยค่ะ ซึ่งถือเป็นการดีที่จะได้ชิมก่อนซื้อเป็นของฝากกลับไป
เมื่อเราผ่าน ตม. มาแล้ว ก็เดินตามป้าย Exit and Baggage Claim เพื่อมารอรับกระเป๋าค่ะ ขั้นตอนดูได้ตามด้านล่างเลยนะคะ กุ๊กไม่ได้ถ่ายรูปตอนเดินมา ขออนุญาตเอามาจากเว็ปสนามบินแล้วกัน
บริเวณรับกระเป๋าค่ะ เช้าอยู่ คนเลยยังไม่เยอะ
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราเดินหาห้องน้ำในสนามบินสำหรับล้างหน้าแปรงฟันก่อนเข้าเมืองค่ะ ระหว่างทางผ่านประตูที่เปิดไว้ ลมเย็นยามเช้าพัดเข้ามา อากาศเย็นสบายเหมือนที่เราใฝ่ฝันถึง ช่วยตอกย้ำอีกทีว่าเรามาถึงที่นี่แล้วจริงๆ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกันค่ะ
จากสนามบินสู่ตัวเมือง Vienna...
วิธีเข้าเมืองก็มีอยู่หลายวิธี ดังนี้
1. รถไฟ S-Bahn สาย 7 ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ราคาคนละ 4.40 EUR (แนะนำ)
2. รถไฟด่วน City Airport Train (CAT) ใช้เวลาประมาณ 16 นาที ราคาคนละ 12 EUR (ไป-กลับ 19 EUR)
3. รถบัส แวะจอดตามจุดต่างๆถ้าใกล้ที่พักก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ ราคาคนละ 8 EUR
4. Taxi ราคาแพงสุดแต่สะดวกสุด
วิธีเดินมาขึ้นรถ เมื่อเรารับกระเป๋าเสร็จแล้ว หาประตูทางออก Exit สีเขียว ซึ่งจะนำเรามาสู่ Hall กลาง ที่มีร้านค้าต่างๆ ถ้าจะไปขึ้นรถไฟ S-Bahn สาย 7 หรือ รถไฟ CAT ให้เลี้ยวขวา (ตามภาพ) ถ้าจะขึ้น Taxi หรือรถบัสให้ออกประตูกลางตามภาพเลยนะคะ ซึ่งจะมีป้ายเห็นชัดเจนค่ะ หาง่าย ถ้าเราขึ้นรถไฟต้องเดินลงทางลาดไปชั้น 1 ค่ะ
หมายเหตุ : สำหรับใครที่ต้องการหาซื้อซิมการ์ดไว้โทรศัพท์หรือเล่นอินเตอร์เน็ตที่สนามบินเท่าที่เดินดูจะมีอยู่ร้านเดียวค่ะ ขออภัยจำชื่อร้านไม่ได้ แต่ลองดูราคาแล้วมีแต่ Packet แพงค่ะ ตัวเลือกไม่เยอะเท่าไหร่ แนะนำให้ไปดูในเมืองดีกว่านะคะ
เนื่องจากที่พักของเราใกล้กับสถานีรถไฟหลักอันหนึ่งคือ Praterstern Station ซึ่งรถไฟ S-Bahn สาย 7 จอดอยู่แล้วโดยไม่ต้องต่อรถไปอีก เราจึงเลือกนั่งรถไฟ S-Bahn สาย 7 ค่ะ สะดวก ราคาถูก ใช้เวลาไม่นาน
การซื้อตั๋วรถไฟ…
การซื้อตั๋วรถไฟนั้นเราสามารถซื้อได้ที่ตู้ใกล้ทางเข้าสถานีได้เลยค่ะ โดยตั๋วนี้จะต้องซื้อแยกนะคะ ไม่ได้รวมอยู่ในตั๋วรวมแบบ 24,48,72 ชั่วโมง ตอนที่เราไปถึงตู้พอดีเจอกรุ๊ปคนไทยประมาณ 7-8 คนกำลังซื้อตั๋วพอดี เขาเห็นหน้าเอเชียอย่างเราเลยถามว่าคนไทยหรือเปล่า พอรู้ว่าเป็นคนไทยก็ดีใจค่ะ พอดีเขากดซื้อตั๋วเกินมาเลยจะขอขายต่อให้เรา เราก็ยินดีค่ะ คุยกันได้นิดหน่อยเหมือนเขาอยู่ชมรมเดียวกันมาเที่ยวกัน (ส่วนใหญ่อายุกลางๆคน มีคนอายุน้อยไม่กี่คน) พอเขารู้ว่าเรามาเที่ยวกันเองครั้งแรก 2 คนก็ชมนะคะว่าเก่งจัง (ซึ่งตอนนั้นยังไม่ทราบชะตากรรมนะคะว่าจะรอดกันไหม 555)
เราตกลงจะขึ้นรถไฟเข้าเมืองไปด้วยกัน พอรถไฟมาเรารีบเดินไปขึ้นรถไฟกัน หนึ่งในพี่ผู้ชายในกลุ่มเขาก็ช่วยเรายกกระเป๋า(ซึ่งหนักมาก) ขึ้นให้ พอเรา 2 คนขึ้นเสร็จ ประตูดันปิด ถึงเวลารถออกพอดี สุดท้ายก็เลยไม่ได้ไปพร้อมกับพี่เขาค่ะ T_T เรายังไม่ได้กล่าวขอบคุณและบอกลาเลย ยังไงถ้าพวกพี่ๆได้เข้ามาอ่านก็ขอฝากขอบคุณมากๆมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
วิธีซื้อตั๋วรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง
แค่นี้ก็เรียบร้อยเราก็จะได้ตั๋วมา หน้าตาแบบนี้ค่ะ
วิธีซื้อตั๋วเดินทางภายในเวียนนา
วิธีการใช้เหมือนกับวิธีด้านบนเพียงแต่ตอนเลือกประเภทของตั๋วให้เลือกตั๋วที่เราต้องการ ที่นิยมคือแบบ 24/48/72 hrs. ก็แล้วแต่เวลาที่เราอยู่ที่นี่ สำหรับเราสองคนอยู่ที่เวียนนา 2 วันจึงซื้อตั๋วรวมแบบ 48 hrs. ซึ่งใช้เดินทางในระบบขนส่งสาธารณะได้ทั้งหมด ราคาคนละ 13.30 EUR หรือประมาณ 500 กว่าบาท
หมายเหตุ : หน้อจอแสดงผลของแต่ละเครื่องอาจไม่เหมือนกัน แต่หลักการใช้เหมือนกัน ให้หาปุ่มที่ต้องการให้เจอและเลือกให้ถูกก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ
ก่อนขึ้นรถอย่าลืม Validate ตั๋วก่อนทุกครั้งนะคะ ไม่ว่าจะขึ้นรถอะไรก็ตามค่ะ โดยเอาตั๋วสอดเข้าเครื่องตามภาพ โดยปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เดินสุ่มตรวจตั๋วอยู่แล้ว หากเราไม่ได้ซื้อตั๋วแอบขึ้นรถมา ถ้าถูกจับได้จะโดนปรับหลายเท่าเลยนะคะ ยังไงก็ทำให้ถูกต้องกันดีกว่าค่ะ
เครื่อง Validate ตั๋วจะอยู่ทางเข้าชานชลาสำหรับรถไฟและรถไฟใต้ดิน สำหรับรถรางและรถบัสจะอยู่ในรถ
สำหรับใครที่ต้องการขึ้นรถไฟด่วน CAT ก็สามารถซื้อตั๋วได้ที่บริเวณหน้าทางเข้าสถานี ความจริงมีตู้ขายตั้งแต่ที่บริเวณ Baggage Claim แล้วค่ะ โดยหน้าตาตู้จะเป็นสีเขียวเช่นเดียวกับขบวนรถค่ะ
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
[CR] [Review]ทริปตามฝัน@East Europe |Austria & Czech| Part 2.1 : Vienna I [Fascinating city]
มาถึงตอนที่ 2.1 กันนะคะ เรามาถึงเวียนนาเมืองแรกของทริปกันแล้วค่ะ^^ เนื้อเรื่องจะต่อจากตอนแรกเลย ใครยังไม่ได้อ่านกลับไปดูได้ที่ลิ้งค์นี้เลย
แตะพื้นยุโรป...
หลังจากผ่านไปกว่า 6 ชม. เครื่องก็ลงแตะพื้นที่สนามบิน Flughafen Wien-Schwechat ที่เวียนนาเป็นที่เรียบร้อย (เย่ !! ได้มาอยู่บนผืนดินยุโรปสำเร็จแล้ว) เรามาถึงเวลา 7.00 น. ตามเวลาที่ออสเตรีย ก่อนลงเครื่องเขาแจก Mozart Chocolate ยี่ห้อยอดนิยมอย่าง Mirabell ขนมหวานขึ้นชื่อของออสเตรียด้วยค่ะ ซึ่งถือเป็นการดีที่จะได้ชิมก่อนซื้อเป็นของฝากกลับไป
เมื่อเราผ่าน ตม. มาแล้ว ก็เดินตามป้าย Exit and Baggage Claim เพื่อมารอรับกระเป๋าค่ะ ขั้นตอนดูได้ตามด้านล่างเลยนะคะ กุ๊กไม่ได้ถ่ายรูปตอนเดินมา ขออนุญาตเอามาจากเว็ปสนามบินแล้วกัน
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราเดินหาห้องน้ำในสนามบินสำหรับล้างหน้าแปรงฟันก่อนเข้าเมืองค่ะ ระหว่างทางผ่านประตูที่เปิดไว้ ลมเย็นยามเช้าพัดเข้ามา อากาศเย็นสบายเหมือนที่เราใฝ่ฝันถึง ช่วยตอกย้ำอีกทีว่าเรามาถึงที่นี่แล้วจริงๆ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกันค่ะ
จากสนามบินสู่ตัวเมือง Vienna...
วิธีเข้าเมืองก็มีอยู่หลายวิธี ดังนี้
1. รถไฟ S-Bahn สาย 7 ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ราคาคนละ 4.40 EUR (แนะนำ)
2. รถไฟด่วน City Airport Train (CAT) ใช้เวลาประมาณ 16 นาที ราคาคนละ 12 EUR (ไป-กลับ 19 EUR)
3. รถบัส แวะจอดตามจุดต่างๆถ้าใกล้ที่พักก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ ราคาคนละ 8 EUR
4. Taxi ราคาแพงสุดแต่สะดวกสุด
วิธีเดินมาขึ้นรถ เมื่อเรารับกระเป๋าเสร็จแล้ว หาประตูทางออก Exit สีเขียว ซึ่งจะนำเรามาสู่ Hall กลาง ที่มีร้านค้าต่างๆ ถ้าจะไปขึ้นรถไฟ S-Bahn สาย 7 หรือ รถไฟ CAT ให้เลี้ยวขวา (ตามภาพ) ถ้าจะขึ้น Taxi หรือรถบัสให้ออกประตูกลางตามภาพเลยนะคะ ซึ่งจะมีป้ายเห็นชัดเจนค่ะ หาง่าย ถ้าเราขึ้นรถไฟต้องเดินลงทางลาดไปชั้น 1 ค่ะ
หมายเหตุ : สำหรับใครที่ต้องการหาซื้อซิมการ์ดไว้โทรศัพท์หรือเล่นอินเตอร์เน็ตที่สนามบินเท่าที่เดินดูจะมีอยู่ร้านเดียวค่ะ ขออภัยจำชื่อร้านไม่ได้ แต่ลองดูราคาแล้วมีแต่ Packet แพงค่ะ ตัวเลือกไม่เยอะเท่าไหร่ แนะนำให้ไปดูในเมืองดีกว่านะคะ
เนื่องจากที่พักของเราใกล้กับสถานีรถไฟหลักอันหนึ่งคือ Praterstern Station ซึ่งรถไฟ S-Bahn สาย 7 จอดอยู่แล้วโดยไม่ต้องต่อรถไปอีก เราจึงเลือกนั่งรถไฟ S-Bahn สาย 7 ค่ะ สะดวก ราคาถูก ใช้เวลาไม่นาน
การซื้อตั๋วรถไฟ…
การซื้อตั๋วรถไฟนั้นเราสามารถซื้อได้ที่ตู้ใกล้ทางเข้าสถานีได้เลยค่ะ โดยตั๋วนี้จะต้องซื้อแยกนะคะ ไม่ได้รวมอยู่ในตั๋วรวมแบบ 24,48,72 ชั่วโมง ตอนที่เราไปถึงตู้พอดีเจอกรุ๊ปคนไทยประมาณ 7-8 คนกำลังซื้อตั๋วพอดี เขาเห็นหน้าเอเชียอย่างเราเลยถามว่าคนไทยหรือเปล่า พอรู้ว่าเป็นคนไทยก็ดีใจค่ะ พอดีเขากดซื้อตั๋วเกินมาเลยจะขอขายต่อให้เรา เราก็ยินดีค่ะ คุยกันได้นิดหน่อยเหมือนเขาอยู่ชมรมเดียวกันมาเที่ยวกัน (ส่วนใหญ่อายุกลางๆคน มีคนอายุน้อยไม่กี่คน) พอเขารู้ว่าเรามาเที่ยวกันเองครั้งแรก 2 คนก็ชมนะคะว่าเก่งจัง (ซึ่งตอนนั้นยังไม่ทราบชะตากรรมนะคะว่าจะรอดกันไหม 555)
เราตกลงจะขึ้นรถไฟเข้าเมืองไปด้วยกัน พอรถไฟมาเรารีบเดินไปขึ้นรถไฟกัน หนึ่งในพี่ผู้ชายในกลุ่มเขาก็ช่วยเรายกกระเป๋า(ซึ่งหนักมาก) ขึ้นให้ พอเรา 2 คนขึ้นเสร็จ ประตูดันปิด ถึงเวลารถออกพอดี สุดท้ายก็เลยไม่ได้ไปพร้อมกับพี่เขาค่ะ T_T เรายังไม่ได้กล่าวขอบคุณและบอกลาเลย ยังไงถ้าพวกพี่ๆได้เข้ามาอ่านก็ขอฝากขอบคุณมากๆมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
วิธีการใช้เหมือนกับวิธีด้านบนเพียงแต่ตอนเลือกประเภทของตั๋วให้เลือกตั๋วที่เราต้องการ ที่นิยมคือแบบ 24/48/72 hrs. ก็แล้วแต่เวลาที่เราอยู่ที่นี่ สำหรับเราสองคนอยู่ที่เวียนนา 2 วันจึงซื้อตั๋วรวมแบบ 48 hrs. ซึ่งใช้เดินทางในระบบขนส่งสาธารณะได้ทั้งหมด ราคาคนละ 13.30 EUR หรือประมาณ 500 กว่าบาท
หมายเหตุ : หน้อจอแสดงผลของแต่ละเครื่องอาจไม่เหมือนกัน แต่หลักการใช้เหมือนกัน ให้หาปุ่มที่ต้องการให้เจอและเลือกให้ถูกก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ
ก่อนขึ้นรถอย่าลืม Validate ตั๋วก่อนทุกครั้งนะคะ ไม่ว่าจะขึ้นรถอะไรก็ตามค่ะ โดยเอาตั๋วสอดเข้าเครื่องตามภาพ โดยปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เดินสุ่มตรวจตั๋วอยู่แล้ว หากเราไม่ได้ซื้อตั๋วแอบขึ้นรถมา ถ้าถูกจับได้จะโดนปรับหลายเท่าเลยนะคะ ยังไงก็ทำให้ถูกต้องกันดีกว่าค่ะ
เครื่อง Validate ตั๋วจะอยู่ทางเข้าชานชลาสำหรับรถไฟและรถไฟใต้ดิน สำหรับรถรางและรถบัสจะอยู่ในรถ
สำหรับใครที่ต้องการขึ้นรถไฟด่วน CAT ก็สามารถซื้อตั๋วได้ที่บริเวณหน้าทางเข้าสถานี ความจริงมีตู้ขายตั้งแต่ที่บริเวณ Baggage Claim แล้วค่ะ โดยหน้าตาตู้จะเป็นสีเขียวเช่นเดียวกับขบวนรถค่ะ