มันไม่ใช่นิยายหรอก เป็นเรื่องจริงๆที่เจอเอง เมื่อลอยกระทงปีก่อนนู้นน
แต่ถ้าใครไม่เชื่อ ก้อคิดซะว่าอ่านนิยาย อ่านให้เพลินนะคะ
เรื่องเล่านี้ เราเคยลงไว้ในกระทู้เก่าแล้วล่ะ หลายวันแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปอ่าน เราเลยงอแง จะลงใหม่ 😂😂😂
เรื่องนี้เกิดเมื่อปลายปี 58 ค่ะ จำได้ว่าเป็นคืนหลังวันลอยกระทง
เราไปลอยกระทงที่บ้านสามีที่พิจิตรค่ะ ส่วนบ้านเราอยู่ชัยภูมิ สามีอยู่บ้านเราที่ชัยภูมิค่ะ
เวลากลับบ้านจะขับรถไปเองค่ะ เคยกลับรถตู้นะ แต่ถ้าไม่จำเป็น ไม่ไปรถตู้ค่ะ กลัว
น่ากลัวกว่าผีก็คนขับรถตู้นี่แหละค่ะ กลัวจะกลายเป็นผีซะเอง
ขับแบบให้คนนั่งได้อารมณ์เล่นรถไฟเหาะในสวนสนุก
ให้ความรู้สึกว่าขาหนึ่งอยู่บนโลกมนุษย์อีกข้างนึงอยู่ในนรก ทำใจนั่งไม่ลงอะ
มาเข้าเรื่องต่อนะคะ
วันนั้นแล้วก็แต่งตัวสวยไปลอยกระทงกับสามีที่บางไผ่ค่ะ เสร็จแล้วกลับมานอนเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ชัยภูมิค่ะ
ตั้งนาฬิกาปลุกตีหนึ่ง กะว่าถึงชัยภูมิก็จะเช้าพอดี สามีต้องไปทำงานต่อ
ออกจากบ้านมาก็ตีหนึ่งกว่ากว่าขับรถตามทางเปิดเพลงฟังไปเรื่อย
ปกติเวลาขึ้นรถเราจะหลับเลย แต่แปลกที่วันนั้นเราไม่ง่วงค่ะอาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งตื่น
สามีก็ขับรถไปช้าๆเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบอะไร เราเองก็นั่งร้องเพลงตามวิทยุในรถ
สวีทกันไปตามทางเพราะแสงจันทร์คืนนั้นมันสวยมาก สว่างจ้ามาก
พอจะถึงกลางทางช่วงขึ้นเขาแล้วเราก้อจะจำได้ว่าข้างทางมันจะมีศาลเยอะมาก
ตรงนั้นน่าจะเป็นช่วงรอยต่อก่อนถึงอำเภอภักดีชุมพลค่ะ เจอแจ๊คพอตก็ตรงนี้แหละ
ด้วยความที่มาบ้านสามีบ่อย พอช่วงจะถึงตรงที่มีศาลเยอะๆ เราก็จะหันหน้าหนีไปอีกทางค่ะ
ความปอดแหกล้วนๆเลยค่ะ เรากลัวจะเจออะไรแปลกแปลกที่ศาลก็เลยไม่กล้ามอง
ปรากฏว่าไม่ต้องมองศาลก็เจอค่ะคุณ
มาแบบครบเครื่อง เสื้อผ้าหน้าผม ขุ่นพระ!!!
ไหนจๆะมาแล้วทำไมถึงไม่เอาขามาด้วยอะ มาทำไมครึ่งท่อนน
เจอแบบกำลังสไลด์ตัวมาตามถนนอะค่ะ เกาะราวสะพานตรงขอบถนนลากตัวมาเลย
ตอนแรกที่เรามองไปไม่ได้มองช่วงล่างค่ะ เราคิดว่าคนเป็นอะไรหรือเปล่า รถเสียรึป่าว
เราคิดแค่ว่าเค้ายืนเกาะไหล่ทางโบกรถรึป่าว
เพราะมองแค่ด้านบนจนเค้าขยับไถลตัวมาแหละค่ะถึงเห็นว่าตัวเค้ามีแค่ครึ่งเดียว
เค้าใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนสั้น ทั้งตัวมีแค่นั้น มีมีแค่นั้นจริงๆ แล้วเค้าสไลด์มาตามถนนอะ
รถเรากะขับผ่านมาอะ เค้าไม่ได้มาแบบแว๊บๆหายอะ เค้าอยู่อย่างนั้นจนรถเราขับผ่านอะ
จากที่เราคุยกับสามีเราจ้อยๆมาตลอดทางเราก็เงียบ ปากสั่นค่ะ
สามีเราก็เงียบ เรานึกว่าสามีเราเห็นเหมือนที่เราเห็น แต่เราก็ไม่ได้ทักอะไรค่ะ
ตอนนั้นสติสตังเราไม่อยู่แล้ว จะสวดมนต์ก็จะสวดไม่ถูก
เอาโทรศัพท์มาเอาโทรศัพท์มาจะเปิด YouTube เปิดบทสวดก้อไม่มีสัญญาณ
เราได้แต่นั่งสั่นไปจนถึงด่านตำรวจ พอไปเห็นพอไปเห็นตำรวจ
เราบอกสามีจอดรถตรงนั้นเลย อย่างน้อยอยู่กับตำรวจก็อุ่นใจขึ้น
ตำรวจเค้าคงงงว่าทำไมเราถึงจอดตรงนั้นน้านนาน ไม่ออกรถซักที
เราได้สติเอาโทรศัพท์มาเปิด YouTube คาถาชินบัญชร
แล้วหันไปถามสามีว่าเธอเห็นเหมือนกันใช่ไหม สามีบอกเราว่า เห็นอะไรคับ?
สรุป เราเห็นคนเดียวอะ 😭😭😭😭
จากนั้นเราก็ไม่พูดอะไรแล้ว เราเปิดบทสวดมนต์มาตลอดทางจนสว่าง จนถึงบ้าน
กลับมาถึงบ้านเราก็เล่าให้สามีฟัง เล่าให้พ่อปู่ฟัง(พ่อสามี) พ่อสามีเป็นคนชอบเข้าวัดค่ะ ชอบปฏิบัติธรรม
รอบตัวเราจะมีแต่คนเข้าวัดเข้าวากัน ดีอะ มันอุ่นใจ อย่างน้อยมีคนคอยให้คำแนะนำมันก็อุ่นใจค่ะ
พ่อสามีบอกเค้าอาจจะให้เห็นเพราะอยากขอส่วนบุญ หรือเพราะต้องการสื่ออะไรกับเรากระมัง
เราก็นอยพอสมควร ไม่เข้าใจอยากบอกอะไรทำไมไม่แต่งเต็มยศลล่ะ
มาแค่ครึ่งท่อนแบบนี้ มันจี๊ดหัวใจ
วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำตานองเต็มสองแก้ม
แต่ถ้าใครไม่เชื่อ ก้อคิดซะว่าอ่านนิยาย อ่านให้เพลินนะคะ
เรื่องเล่านี้ เราเคยลงไว้ในกระทู้เก่าแล้วล่ะ หลายวันแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปอ่าน เราเลยงอแง จะลงใหม่ 😂😂😂
เรื่องนี้เกิดเมื่อปลายปี 58 ค่ะ จำได้ว่าเป็นคืนหลังวันลอยกระทง
เราไปลอยกระทงที่บ้านสามีที่พิจิตรค่ะ ส่วนบ้านเราอยู่ชัยภูมิ สามีอยู่บ้านเราที่ชัยภูมิค่ะ
เวลากลับบ้านจะขับรถไปเองค่ะ เคยกลับรถตู้นะ แต่ถ้าไม่จำเป็น ไม่ไปรถตู้ค่ะ กลัว
น่ากลัวกว่าผีก็คนขับรถตู้นี่แหละค่ะ กลัวจะกลายเป็นผีซะเอง
ขับแบบให้คนนั่งได้อารมณ์เล่นรถไฟเหาะในสวนสนุก
ให้ความรู้สึกว่าขาหนึ่งอยู่บนโลกมนุษย์อีกข้างนึงอยู่ในนรก ทำใจนั่งไม่ลงอะ
มาเข้าเรื่องต่อนะคะ
วันนั้นแล้วก็แต่งตัวสวยไปลอยกระทงกับสามีที่บางไผ่ค่ะ เสร็จแล้วกลับมานอนเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ชัยภูมิค่ะ
ตั้งนาฬิกาปลุกตีหนึ่ง กะว่าถึงชัยภูมิก็จะเช้าพอดี สามีต้องไปทำงานต่อ
ออกจากบ้านมาก็ตีหนึ่งกว่ากว่าขับรถตามทางเปิดเพลงฟังไปเรื่อย
ปกติเวลาขึ้นรถเราจะหลับเลย แต่แปลกที่วันนั้นเราไม่ง่วงค่ะอาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งตื่น
สามีก็ขับรถไปช้าๆเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบอะไร เราเองก็นั่งร้องเพลงตามวิทยุในรถ
สวีทกันไปตามทางเพราะแสงจันทร์คืนนั้นมันสวยมาก สว่างจ้ามาก
พอจะถึงกลางทางช่วงขึ้นเขาแล้วเราก้อจะจำได้ว่าข้างทางมันจะมีศาลเยอะมาก
ตรงนั้นน่าจะเป็นช่วงรอยต่อก่อนถึงอำเภอภักดีชุมพลค่ะ เจอแจ๊คพอตก็ตรงนี้แหละ
ด้วยความที่มาบ้านสามีบ่อย พอช่วงจะถึงตรงที่มีศาลเยอะๆ เราก็จะหันหน้าหนีไปอีกทางค่ะ
ความปอดแหกล้วนๆเลยค่ะ เรากลัวจะเจออะไรแปลกแปลกที่ศาลก็เลยไม่กล้ามอง
ปรากฏว่าไม่ต้องมองศาลก็เจอค่ะคุณ
มาแบบครบเครื่อง เสื้อผ้าหน้าผม ขุ่นพระ!!!
ไหนจๆะมาแล้วทำไมถึงไม่เอาขามาด้วยอะ มาทำไมครึ่งท่อนน
เจอแบบกำลังสไลด์ตัวมาตามถนนอะค่ะ เกาะราวสะพานตรงขอบถนนลากตัวมาเลย
ตอนแรกที่เรามองไปไม่ได้มองช่วงล่างค่ะ เราคิดว่าคนเป็นอะไรหรือเปล่า รถเสียรึป่าว
เราคิดแค่ว่าเค้ายืนเกาะไหล่ทางโบกรถรึป่าว
เพราะมองแค่ด้านบนจนเค้าขยับไถลตัวมาแหละค่ะถึงเห็นว่าตัวเค้ามีแค่ครึ่งเดียว
เค้าใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนสั้น ทั้งตัวมีแค่นั้น มีมีแค่นั้นจริงๆ แล้วเค้าสไลด์มาตามถนนอะ
รถเรากะขับผ่านมาอะ เค้าไม่ได้มาแบบแว๊บๆหายอะ เค้าอยู่อย่างนั้นจนรถเราขับผ่านอะ
จากที่เราคุยกับสามีเราจ้อยๆมาตลอดทางเราก็เงียบ ปากสั่นค่ะ
สามีเราก็เงียบ เรานึกว่าสามีเราเห็นเหมือนที่เราเห็น แต่เราก็ไม่ได้ทักอะไรค่ะ
ตอนนั้นสติสตังเราไม่อยู่แล้ว จะสวดมนต์ก็จะสวดไม่ถูก
เอาโทรศัพท์มาเอาโทรศัพท์มาจะเปิด YouTube เปิดบทสวดก้อไม่มีสัญญาณ
เราได้แต่นั่งสั่นไปจนถึงด่านตำรวจ พอไปเห็นพอไปเห็นตำรวจ
เราบอกสามีจอดรถตรงนั้นเลย อย่างน้อยอยู่กับตำรวจก็อุ่นใจขึ้น
ตำรวจเค้าคงงงว่าทำไมเราถึงจอดตรงนั้นน้านนาน ไม่ออกรถซักที
เราได้สติเอาโทรศัพท์มาเปิด YouTube คาถาชินบัญชร
แล้วหันไปถามสามีว่าเธอเห็นเหมือนกันใช่ไหม สามีบอกเราว่า เห็นอะไรคับ?
สรุป เราเห็นคนเดียวอะ 😭😭😭😭
จากนั้นเราก็ไม่พูดอะไรแล้ว เราเปิดบทสวดมนต์มาตลอดทางจนสว่าง จนถึงบ้าน
กลับมาถึงบ้านเราก็เล่าให้สามีฟัง เล่าให้พ่อปู่ฟัง(พ่อสามี) พ่อสามีเป็นคนชอบเข้าวัดค่ะ ชอบปฏิบัติธรรม
รอบตัวเราจะมีแต่คนเข้าวัดเข้าวากัน ดีอะ มันอุ่นใจ อย่างน้อยมีคนคอยให้คำแนะนำมันก็อุ่นใจค่ะ
พ่อสามีบอกเค้าอาจจะให้เห็นเพราะอยากขอส่วนบุญ หรือเพราะต้องการสื่ออะไรกับเรากระมัง
เราก็นอยพอสมควร ไม่เข้าใจอยากบอกอะไรทำไมไม่แต่งเต็มยศลล่ะ
มาแค่ครึ่งท่อนแบบนี้ มันจี๊ดหัวใจ