รีวิวหนัง Resident Evil The Final Chapter ฉากสุดท้ายของเกมซอมบี้



ความมาไกลของหนังชุด Resident Evil ทำให้หลายคนอาจลืมไปแล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเกมชื่อดังเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วอย่าง Biohazard บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า Resident Evil 1 แจ้งเกิดให้กับ มิลลา โยโววิช ในบท อลิซ หรือไม่ แต่ที่แน่ๆตัวละครนี้สร้างชื่อเสียงให้เธออย่างมาก ก่อนที่กระแสของหนังและเธอจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆตามจำนวนของภาคต่อที่เพิ่มขึ้น

จนในที่สุดค่ายหนังก็ขอทิ้งทวนด้วยการเข็นหนัง Resident Evil The Final Chapter หรือ Resident Evil 6 ออกมาโกยเงินเป็นเฮือกสุดท้ายในปี 2017 โดยเลือก พอล ดับเบิลยู. เอส. แอนเดอร์สัน ผู้กำกับและผู้เขียนบท Resident Evil 1 มากำกับภาคสุดท้ายของหนังเฟรนไชส์ซอมบี้ที่เขาเคยเริ่มต้นไว้เมื่อปี 2002เช่นเดียวกับนักแสดงในภาคก่อนๆหลายคนที่กลับมาส่งท้ายตัวละครของตัวเอง และร่วมอำลาหนัง

เนื้อเรื่องของ The Final Chapter ต่อเนื่องจากภาค Retribution เผ่าพันธุ์มนุษย์เหลือผู้รอดชีวิตไม่ถึง 6 พันคน ในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้หลากหลายพันธุ์ที่นับวันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ  อลิซ เป็นความหวังเดียวของมนุษยชาติกับการเดินทางสู่เมือง Raccoon City เพื่อเข้าไปจัดการกับผู้บริหาร The Umbrella Corporation ซึ่งอยู่เบื้องหลังหายนะของโลก

Resident Evil The Final Chapter เป็นหนังฉบับสูตรสำเร็จย่อยง่ายอีกเรื่องของฮอลลีวู้ด บทภาพยนตร์ฉาบฉวย เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย ตัวละครไร้มิติ (บางตัวดูเหมือนจะมีอะไร แต่ก็ไม่มี) แห้งแล้ง ขาดสีสัน เนื้อหาเดาได้แทบจะเกือบทั้งหมด ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์

ผู้กำกับเลือกที่จะจัดการการสรุปข้อมูลมหาศาลของทุกภาค รวมถึงเตือนความทรงจำของผู้ชมด้วยการเพิ่มฉากแฟลชแบ็คเข้ามามากมายเกินไป ทำให้หนังมีความยาวเกินพอดี น่าเบื่อ ขณะเดียวกันฉากแอ็คชั่นที่เป็นจุดขายก็ไม่สนุกเพราะไม่ต้องลุ้นเลย อลิซ เก่งเกินไป และดูเป็นอมตะ เธอมีความคล้ายกับตัวละครหลักในหนังซุปเปอร์ฮีโร่เกรดบี

การแสดงไม่มีใครโดดเด่นหรือมีสเน่ห์เลย แอบดีใจที่ มิลลา โยโววิช จะหลุดพ้นจากตัวละครตัวนี้ แม้ว่าภาพลักษณ์ของอลิสคงอยู่ติดตัวเธอไปอีกนานแสนนาน ส่วน แอลิ ลาร์เทอร์ ที่เล่นเป็น แคลร์ เรดฟิลด์ ภาคนี้ยังกะนักแสดงประกอบ ด้าน เอียน เกลน ซึ่งรับบท ดร.อเล็กซานเดอร์ ไอแซ็คส์ น่าจะติดอันดับหัวหน้าตัวร้ายที่โง่ที่สุดในโลกภาพยนตร์

Resident Evil The Final Chapter พยายามดำเนินเรื่องให้ออกแนวเป็นด่านๆเหมือนกับเกม ซึ่งจุดนี้ทำให้หนังยิ่งพังมากกว่าเดิม ดูเป็นการยัดเยียดเมมโมรี่ที่มีความทรงจำแย่ๆทั้งในอดีตกับปัจจุบันให้กับแฟนๆ  ภาคสุดท้ายของหนังซอมบี้ผีชีวะจึงแทบไม่มีอะไรน่าจดจำ ผู้ชมได้แต่โล่งอดถอนหายใจพลางคิดว่า จบเสียที

คะแนน 5.5/10

โดย นกไซเบอร์ https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่