เรื่องมีอยู่ว่าเราเปิดร้านขายขนมกับหุ้นส่วนที่เป็นญาติห่างๆ (ห่างมาก) โดยญาติคนนี้เป็นคนลงเงินส่วนใหญ่ (เป็นหุ้นใหญ่นั่นเอง) แต่หุ้นส่วนใหญ่มีงานที่อื่นทำจึงไม่ได้มาบริหารร้าน แต่ให้เราเป็นคนจัดการทุกอย่าง
โดยหุ้นส่วนใหญ่นี้ ฝากลูกที่เป็นออทิสติก ให้มาทำงานในร้าน หน้าที่งานในร้านโดยหลัก คือ ล้างจาน ช่วยเราถูพื้นบางครั้ง
เด็กคนนี้เป็นออทิสติกแบบ ค่อนข้างจะรู้เรื่อง ดูแลตัวเองได้ เดินทางไปไหนมาไหนไกลๆ ไปต่างจังหวัดแล้วกลับบ้านเองได้ สื่อสารได้ สามารถสั่งซื้ออาหารกินได้ (น้ำหนักตัว 110+) และที่สำคัญเราบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ เด็กคนนี้ค่อนข้างมีนิสัยเจ้าเล่ห์ มักหาเหตุหลบเลี่ยงงานประจำ นึกไม่อยากทำงานก็ไม่มาเสียเฉยๆอย่างนั้น เคยหายไปเกือบเดือน โดยที่ทางบ้านเด็กก็ติดต่อไม่ได้ (ซึ่งพฤติกรรมหนีหายไปจากบ้าน แล้วก็กลับมาเองนี้ เด็กปฎิบัติบ่อยๆ ก่อนจะมาทำงานที่ร้าน)
บางครั้งออกไปก่อเรื่อง โขมยของร้านค้าที่อยู่ในละแวกร้านของเรา จนผู้เสียหายต้องมาบอกเราที่ร้าน ว่าเขาโดนโขมยมือถือดูจากกล้องวงจรปิดแล้ว เป็นเด็กคนนี้ทำ (มีรายละเอียด วิธีการโขมยด้วยนะ แต่เราขอข้ามไปก่อน)
บางครั้งก็ไปก่อความรำคาญให้ร้านอื่นๆ เราได้แต่ไปขอโทษ และอธิบายว่า เด็กเป็นออทิสติก จึงมีพฤติกรรมแปลก แล้วรับปากกับร้านรอบๆข้างว่า จะไม่ได้เด็กเข้าไปในร้านของเขาอีก ฯลฯ
บางครั้ง เด็กนั่งดูคลิปในมือถือ แล้วคงมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังที่ดู ยิ่งเป็นหนังสงคราม (สั่งแล้วว่าห้ามดู แต่คงชอบและเปิดดูประจำ) เด็กจะส่งเสียงเอะอะโวยวาย ด่าทอไปกับคลิป เราต้องคอยเปิดประตูหลังร้าน ไปห้ามส่งเสียงดัง
ที่เรารู้สึกแย่มากคือ บางครั้งเด็กไปอารมณ์พีค มาจากไหนไม่รู้ จะร้องไห้โหวกเหวกโวยวายเสียงดัง วิ่งหนีออกไปจากร้าน (แต่สุดท้ายก็กลับที่พักของตัวเองอ่ะนะ) คนมองทั้งตลาด
เคยหนีหายไปจากร้าน แล้วอยู่ๆก็โทร.เข้ามาหาเรา พอเรารับสายก็ส่งเสียงร้องไห้แบบกรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ แล้ววางหูไป (คุณเคยดูหนังบุปผาราตรีไหม sound เสียงผีร้องกรี๊ดๆหน่ะ ประมาณนั้น) น่าตกใจไหมล่ะ
เคยคุยกับหุ้นส่วน เรื่องลูกของเขา หุ้นส่วนใหญ่ก็พูดตรงๆว่า ที่เขาลงเงินทำร้านนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้ลูกออทิสติกของเขา มีที่ฝึกพฤติกรรม หัดใช้เวลาเหมือนคนปกติ นอนกลางคืน ตื่นกลางวัน ออกมาทำงาน ใช้เวลาอยู่ในร้าน ไม่ออกไปเดินทางเร่ร่อนแล้วโดน(บาทา)รุมสกรัม
บางครั้งเราตักเตือนเด็กในเรื่องงาน เด็กจะไม่พอใจ แล้วเอาไปฟ้องผู้ปกครอง ใส่ความเราต่างๆนานา หาว่าเราใช้เด็กขัดบ่อน้ำบ้างละ ทำงานหนักมากบ้างหล่ะ เราไปด่าว่าเด็กอย่างรุนแรงบ้างละ (ไม่ได้ด่า แต่ตอนนี้อยากด่าขึ้นมาจริงๆแล้ว) ดีที่หุ้นส่วนใหญ่ฟังหูไว้หู หรืออาจจะรู้พฤติกรรมของลูกตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่เคยมาต่อว่าเรา แค่เปรยๆให้เราเมตตาเด็กมันหน่อย
หลายครั้งที่เด็กคนนี้ อารมณ์พีค แล้วเหมือนจะอาละวาด จนเราแอบกลัวเหมือนกันว่า วันนึงมันจะลุกขึ้นมาทำร้ายเราไหม
ทุกวันนี้ใช้ กลยุทธ์ทางจิตวิทยาอยู่ว่า เราเป็นคนจ่ายเงินค่าแรง ในภาวะที่ไม่พีค เด็กค่อนข้างจะเกรงเราบ้าง แต่พีคขึ้นมาเมื่อไร ก็ด่าเราจากที่เราเป็นคน ก็กลายเป็น
ลงไปเลื้อยคลานได้เลย
ที่เล่ามานี้ ยังไม่ถึงครึ่งนะ เด็กคนนี้ทำงานที่ร้านมาเกือบ 3 ปีแล้ว (ตรูทนได้นานขนาดนี้เลยรึ)
ปัจจุบันนี้ เราค่อนข้างกังวล กับอารมณ์ของเด็ก ที่ขึ้นๆลงๆ
ที่เล่ามายาวเหยียด เพื่อถามดูว่า คนอื่นๆ ที่มีสมาชิกในบ้าน หรือคนใกล้ชิดเป็นออทิสติก หรือมีปัญหาทางสมองและอารมณ์ เขาทำใจ มีวิธีคิดปล่อยวาง อย่างไร
อยากทราบว่าคนที่ต้องใกล้ชิดกับคนที่มีปัญหาทางสมอง เขามีวิธีการทำใจอย่างไร
โดยหุ้นส่วนใหญ่นี้ ฝากลูกที่เป็นออทิสติก ให้มาทำงานในร้าน หน้าที่งานในร้านโดยหลัก คือ ล้างจาน ช่วยเราถูพื้นบางครั้ง
เด็กคนนี้เป็นออทิสติกแบบ ค่อนข้างจะรู้เรื่อง ดูแลตัวเองได้ เดินทางไปไหนมาไหนไกลๆ ไปต่างจังหวัดแล้วกลับบ้านเองได้ สื่อสารได้ สามารถสั่งซื้ออาหารกินได้ (น้ำหนักตัว 110+) และที่สำคัญเราบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ เด็กคนนี้ค่อนข้างมีนิสัยเจ้าเล่ห์ มักหาเหตุหลบเลี่ยงงานประจำ นึกไม่อยากทำงานก็ไม่มาเสียเฉยๆอย่างนั้น เคยหายไปเกือบเดือน โดยที่ทางบ้านเด็กก็ติดต่อไม่ได้ (ซึ่งพฤติกรรมหนีหายไปจากบ้าน แล้วก็กลับมาเองนี้ เด็กปฎิบัติบ่อยๆ ก่อนจะมาทำงานที่ร้าน)
บางครั้งออกไปก่อเรื่อง โขมยของร้านค้าที่อยู่ในละแวกร้านของเรา จนผู้เสียหายต้องมาบอกเราที่ร้าน ว่าเขาโดนโขมยมือถือดูจากกล้องวงจรปิดแล้ว เป็นเด็กคนนี้ทำ (มีรายละเอียด วิธีการโขมยด้วยนะ แต่เราขอข้ามไปก่อน)
บางครั้งก็ไปก่อความรำคาญให้ร้านอื่นๆ เราได้แต่ไปขอโทษ และอธิบายว่า เด็กเป็นออทิสติก จึงมีพฤติกรรมแปลก แล้วรับปากกับร้านรอบๆข้างว่า จะไม่ได้เด็กเข้าไปในร้านของเขาอีก ฯลฯ
บางครั้ง เด็กนั่งดูคลิปในมือถือ แล้วคงมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังที่ดู ยิ่งเป็นหนังสงคราม (สั่งแล้วว่าห้ามดู แต่คงชอบและเปิดดูประจำ) เด็กจะส่งเสียงเอะอะโวยวาย ด่าทอไปกับคลิป เราต้องคอยเปิดประตูหลังร้าน ไปห้ามส่งเสียงดัง
ที่เรารู้สึกแย่มากคือ บางครั้งเด็กไปอารมณ์พีค มาจากไหนไม่รู้ จะร้องไห้โหวกเหวกโวยวายเสียงดัง วิ่งหนีออกไปจากร้าน (แต่สุดท้ายก็กลับที่พักของตัวเองอ่ะนะ) คนมองทั้งตลาด
เคยหนีหายไปจากร้าน แล้วอยู่ๆก็โทร.เข้ามาหาเรา พอเรารับสายก็ส่งเสียงร้องไห้แบบกรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ แล้ววางหูไป (คุณเคยดูหนังบุปผาราตรีไหม sound เสียงผีร้องกรี๊ดๆหน่ะ ประมาณนั้น) น่าตกใจไหมล่ะ
เคยคุยกับหุ้นส่วน เรื่องลูกของเขา หุ้นส่วนใหญ่ก็พูดตรงๆว่า ที่เขาลงเงินทำร้านนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้ลูกออทิสติกของเขา มีที่ฝึกพฤติกรรม หัดใช้เวลาเหมือนคนปกติ นอนกลางคืน ตื่นกลางวัน ออกมาทำงาน ใช้เวลาอยู่ในร้าน ไม่ออกไปเดินทางเร่ร่อนแล้วโดน(บาทา)รุมสกรัม
บางครั้งเราตักเตือนเด็กในเรื่องงาน เด็กจะไม่พอใจ แล้วเอาไปฟ้องผู้ปกครอง ใส่ความเราต่างๆนานา หาว่าเราใช้เด็กขัดบ่อน้ำบ้างละ ทำงานหนักมากบ้างหล่ะ เราไปด่าว่าเด็กอย่างรุนแรงบ้างละ (ไม่ได้ด่า แต่ตอนนี้อยากด่าขึ้นมาจริงๆแล้ว) ดีที่หุ้นส่วนใหญ่ฟังหูไว้หู หรืออาจจะรู้พฤติกรรมของลูกตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่เคยมาต่อว่าเรา แค่เปรยๆให้เราเมตตาเด็กมันหน่อย
หลายครั้งที่เด็กคนนี้ อารมณ์พีค แล้วเหมือนจะอาละวาด จนเราแอบกลัวเหมือนกันว่า วันนึงมันจะลุกขึ้นมาทำร้ายเราไหม
ทุกวันนี้ใช้ กลยุทธ์ทางจิตวิทยาอยู่ว่า เราเป็นคนจ่ายเงินค่าแรง ในภาวะที่ไม่พีค เด็กค่อนข้างจะเกรงเราบ้าง แต่พีคขึ้นมาเมื่อไร ก็ด่าเราจากที่เราเป็นคน ก็กลายเป็น ลงไปเลื้อยคลานได้เลย
ที่เล่ามานี้ ยังไม่ถึงครึ่งนะ เด็กคนนี้ทำงานที่ร้านมาเกือบ 3 ปีแล้ว (ตรูทนได้นานขนาดนี้เลยรึ)
ปัจจุบันนี้ เราค่อนข้างกังวล กับอารมณ์ของเด็ก ที่ขึ้นๆลงๆ
ที่เล่ามายาวเหยียด เพื่อถามดูว่า คนอื่นๆ ที่มีสมาชิกในบ้าน หรือคนใกล้ชิดเป็นออทิสติก หรือมีปัญหาทางสมองและอารมณ์ เขาทำใจ มีวิธีคิดปล่อยวาง อย่างไร