[CR] One day trip ไปกับรถไฟปู๊นๆ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

จ๊ะเอ๋ ... ไม่รอช้า ร่ายเลยละกันนะ (ยาวหน่อยนะตัวเทอออ)

เราไปวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2560 ราคาตั๋ว 270 บาท ไป-กลับ
**หาข้อมูลเพิ่มมา ราคาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
1. 270 บาท (ไป-กลับ) สำหรับคนที่ขึ้นตั้งแต่สถานีกรุงเทพ – อยุธยา
2. 110 บาท (ไป-กลับ) สำหรับคนที่ขึ้นสระบุรีและแก่งคอย
3. 60 บาท (ไป-กลับ) สำหรับคนที่ขึ้นแค่ไปนั่งรถไฟลอยน้ำช่วงแก่งเสือเต้น และสันเขื่อน

เราเลือกขึ้นที่สถานทีหลักสี่ ใกล้บ้านๆ ซึ่งเวลาการมาถึงของรถไฟก็จะแตกต่างกันไป
รู้สึกว่าจะออกจากหัวละโพงเวลา 7.05 น. มาถึงหลักสี่ประมาณ 7.47 น. (ตามกำหนดการนะ เน้น!! ตามกำหนดการ) เพราะเมื่อถึงวันจริงแล้ว รถไฟมา 8.55 น. ค่าาาาา ก็ช้าไป 1 ชั่วโมงเบาเบา แต่ได้ข่าวว่ารอบก่อนหน้านี้ช้าไป 2 ชั่วโมง ก้เกิดการโวยวายของผู้โดยสารบางส่วนอยู่เหมือนกัน
เอาเป็นว่า เราก็พอรับได้ในระดับ 1 ชั่วโมงนี้
**อ้ะ แอบไปหารูปประกอบมา ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : ทีมนั่งรถไฟ กับนายแฮมมึน และ ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย


เอาล่ะ ขึ้นรถไฟกันเล๊ย!!! คือเราอ๊ะไปจองในรอบที่เค้าเพิ่มโบกี้ ก็เลยได้คันท้ายๆ มีทั้งหมดขบวนนั้นน่าจะ 14 คัน เราได้คันที่ 13


เราเลือกนั่งฝั่งซ้ายของขบวน เนื่องจากฝั่งขวาแดดจะเข้าตลอดไปจนถึงเขื่อน แอบเห็นก็น่าจะร้อนอยู่น้า แต่ .... ฝั่งขวาเมื่อถึงเขื่อนแล้ววิวจะสวยมากๆ คือเห็นเป็นโค้งน้ำชัดเจน แต่อีกรอบ! สุดท้ายแล้วเค้าก็ให้ลงไปถ่ายรูปอยู่ดี จึงแนะนำว่านั่งฝั่งซ้ายก็จะชิวๆไปค่ะ



นั่งแป๊ปเดียว ลมเย็นโดนหน้าไปเรื่อยๆ ก็ถึงอยุธยาและ !! พอถึงสถานีนี้ จะมีพี่ๆลุงๆป้าๆขึ้นมาขายของกิน มีทั้งข้าวเหนียวหมู แหนม ขนมสายไหม น้ำดื่ม



ราคาไม่แพง เท่าที่ขายตามภาคพื้นดินทั่วไป
ตรงนี้ก็ใช้เวลาไม่นาน ละก็นั่งกันต่อไป ชมวิวไปเรื่อยๆ เพลินๆ




คนแน่นเลย เต็มทู๊กที่นั่ง เหมือนหลังๆแบบใกล้จะถึง มีบัตรยืนด้วยนะ


อ่ะปาย ชมวิวไปเรื่อยๆเนอะเรา ยังไม่อยากหลับ กลัวจะเพลียเที่ยวไม่หนุก




นั่งอีกแพร๊บบบบเดียวก็ถึงสระบุรี จากตรงนี้ อากาศเริ่มดีน้า ลมเย็นๆอยู่เหมือนกัน คือไม่ได้เย็นมากหรอก แต่หากเทียบกับช่วงเวลาที่เกือบ 11 โมง ก็ถือว่าอากาศดีจนแหละแกรรรรรร

ละก็มีไกด์ถือทรโข่งมาอธิบายๆละก็แจกกำหนดการคร่าวๆ ซึ่งตามกำหนดเราควรถึงตรงเขื่อนประมาณ 10 โมง แต่เนื่องจากรถไฟมาล่าช้า เลยทำให้เราถึงตอนประมาณ 11 โมงกว่า (คือการถึงช้า มันก็จะมีผลต่ออากาศและความแดดดดดด!!! ยิ่งช้ายิ่งร้อนอะว่าง่ายๆ มิน่าล่ะ รอบก่อนที่เค้าช้าไป 2 ชั่วโมง คงถึงเขื่อนตอนเที่ยงตรง ซึ่งคงจะแบบร้อนมากมาย)

อ๊ะๆๆๆ ใกล้ถึงล๊าว ด้วยความที่เรานั่งด้านซ้ายชิมะ ก็มองไม่เห็นวิว เราเลยเดินไปตรงระหว่างรถอ้ะ ตรงทางขึ้นลง แอบชะเง้อถ่ายรูป ก็ได้วิวสวยนะเออออออ ...




คือพอเราเดินทางมาถึงป้ายเขื่อนป่าสักฯ เค้าก็จะขับเลยไปก่อนนะ เพื่อที่จะพาไปดูบริเวณทางข้ามเขื่อน จุดไฮไลท์นั่นแหละ
พอถึงปุ๊ปปปป เค้าก็ประกาศให้เราลงไปถ่ายรูปได้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ก็ถ่ายกันให้เต็มที่จ้า
รูปพีคๆที่ชอบถ่ายกันก็น่าจะเป็น ความโค้งของทางรถไฟที่มีน้ำในเขื่อนอยู่เบื้องใต้ และก็ด้านหน้ารถไฟ ส่วนมุมอื่นๆก็ตามที่สบายใจเลยจ้าาาา

ส่วนเราก็มีความใฝ่ฝันอยากถ่ายรูปกลางทางรถไฟแบบโล่งๆ ไร้คน ไร้รถไฟ เลยได้โอกาส เดินมาท้ายขบวน จัดซะโหน่ยยยยย

ระหว่างที่เราถ่ายกันอยู่ ก็มีพี่ๆที่เค้าแล่นเรือเล็กคอยดูแลความปลอดภัยด้วยนะ เผื่อใครมัวแต่เซลฟี่ มัวแต่ไลฟ์เฟสบุ๊ค จะตกตู๊มลงไปในน้ำ ก็จิได้ช่วยทันจย้าาาาาา


นี่แหนะมีการขึ้นไปบนโบกี้คนอื่นไปนั่งเก็กท่าซะด้วยเรา หารู้ไม่ ตรงนั้นน่ะหน้าห้องน้ำเลยยยยย มิน่าล่ะ หลิ่นมาดามหอมชื่นใจเจงเจง

พอถ่ายรูปได้ซักพัก พี่เค้าก็จะเรียกขึ้นรถ เพื่อที่จะย้อนกลับไปที่สถานีเขื่อนป่าสักฯที่เราผ่านมา
อ่ะทีนี้ต้องมีการเปลี่ยนหัวขบวนใหม่ อย่างที่บอกตอนแรกเราอยู่คันที่ 13 ก็วิ่งมาเป็นคันท้ายๆ แต่ตอนนี้จะสลับเป็นคันแรกๆน้าาา
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้เปรียบคือ เราจะถึงสถานีเขื่อนป่าสักฯก่อน (จริงๆก็ถึงพร้อมกันแหละ แต่ตรงคันของเรามันจอดตรงหน้าตลาดพอดี เดินไม่ไกล)


อ่ะ ที่เรารู้สึกว่าได้เปรียบที่เราอยู่คันท้ายๆ ก็ตรงที่ พอถึงใช่มะ เราก็รีบเดินไปหาอะไรกิน เพราะแอบอ่านรีวิวมาเหมือนกันว่าคนจะเยอะม๊ากกกกก
ก็เลยเดินดุ่มๆๆๆๆๆ ไปเลย ผ่านร้านอาหารด้านหน้าไป เพื่อมุ่งไปที่ศุนย์อาหารด้านหลัง เพราะเค้าบอกว่าศูนย์อาหารตรงนี้เค้ากำหนดเพดานราคา เพราะฉะนั้นอาหารจะมีราคาถูก ไม่แพงเหมือนตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ จะบอกว่าตรงนี้ เราควรรีบสั่งอาหารหาที่นั่งเลยนะ เพราะว่าคือตอนเรามาอะไม่มีคน แต่พอนั่งกินซักพัก หันไปอีกทีจะเบิ้ล คนต่อแถวยาวมากจ้าาาาาา เลยแบบ อ้ะ ไม่กินกะดะ ><

มาถึงตรงนี้ ไม่ได้ถ่ายรูปใดๆเลยค่ะ เนื่องจากหิวมากกกกกกกกกกกกกกกก 5555+ คือดีตรงที่ถึงปุ๊ป เราก็มุ่งไปสั่งอาหารปั๊ปแล้วบอก เดี๋ยวมาเอานะคะ
ไปสั่งที่อื่นต่อ แล้วรวบรับอาหารทีเดียว เรามาถึงแทบจะแรกๆเลย (คงเพราะกว่าที่คันแรกๆจะเดินมาถึง มันก็ใช้เวลาพอควรเลยนะ 14 คันอ่ะตัวเทออ)
เออนั่นแหละ พอเราได้อาหารเราก็มานั่งกิน ๆ คือทำเวลามาก เพราะอะไรรู้ป้ะ???? เพราะว่ามาถึงช้าไงงง แต่กลับเวลาเดิม!!!! มีเวลาเที่ยวน้อยลงอะ

อาหารไม่แพงนะ 2 คน 160 บาทรวมน้ำ (อ่านๆเยอะๆแบบไร้รูปไปเนอะ เพราะเราหิวจนไม่ได้ถ่ายรูปเลย 555)
ปล. ร้านน้ำมีการขายน้ำแข็งแบบบุฟเฟ่ด้วยอ่ะแกรรรร 2 บาท ตักได้ไม่อั้น แต่จะบอกว่าหนูก็กินแค่แก้วเดียวแหละค่ะ ไม่มีเวลาทั้งวันมานั่งตักน้ำแข็ง 555+

อ๊ะเคร๊ !!! อิ่มล๊าาาาาาา ลุยได้!
เริ่มต้นจากไปเช่ารถกอล์ฟจย้าาาา 2 ชั่วโมง 500 บาท ถ้าชั่วโมงเดียว 300 บาท คือเค้าบอกเราว่าถ้าเราจะขับไปสันเขื่อน ไปไหว้พระ ให้เช่า 2 ชั่วโมง เพราะชั่วโมงเดียวจะไม่ทัน อ๊ะ 2 ชั่วโมงก็ได้
ส่วนรถนำเที่ยวที่เป็นขบวนๆ เราไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่เหมือนกัน แต่ไม่ถึง 100 บาทต่อคน

พอได้รถแล้วเราก็ขับไปตามทางที่เค้าบอกเพื่อไปตรงสันเขื่อน แล้วจะมีพี่คนนำทางพาขับชมวิวไปเรื่อยๆ
ปล. ตอนขับขึ้นสันเขื่อน มีทางชันแบบชันมากๆ 1 ช็อตสั้นๆ เพื่อเป็นการทดสอบการขับขี่ด้วยนะ เหมือนขึ้นบันไดอ้ะแต่เป็นทางลาด
ทีนี้เราก็ขับตามพี่เค้าไปเรื่อยๆ เค้าจะให้ขับชิดซ้ายนะ อาจมีเปลี่ยนขวาซ้ายขวา เพื่อหลบรถบ้างอะไรบ้าง

ระหว่างขับขับก็จะมีรถนำเที่ยวขับสวนมาเป็นระยะๆ

เช่ารถกอล์ฟก็อิสระดีนะ ถ้าใครที่มากันหลายคน หารๆกันก็คุ้มดี อยากจอดถ่ายรูปตรงไหนก็จอด อันนี้พี่เค้าพามาตรงเส้นแบ่ง
ระหว่างสระบุรีกับลพบุรี เย้ ! ตอนนี้ได้ยืน 2 จังหวัดในวินาทีเดียวกัน อิอิ

ขับมาเรื่อยๆจนถึงหลวงปู่ใหญ่ป่าสัก มีจะมีดอกไม้ธูปเทียนให้ขึ้นไปสักการะบูชา สำหรับใครที่ถ่ายรูปเฉยๆ ไม่ได้ขึ้นไปไหว้ เสร็จแล้วก็สามารถขับรถกลับได้เลย ก็จะกลับทางด้านล่างเขื่อน โดยที่ไม่มีพี่เค้านำนะ กลับเองจย้าาาา ก็ขับไปเรื่อยๆอ่ะเนอะ ด้วยความเร็วแบบ ..... วิ่งยังเร็วกว่า 5555+
ไปกลับก็ร่วมชั่วโมงเหมือนกันนะ และนั่นคือทางที่เราจะต้องขับกลับกัน ตรงทางด้านล่างนั่นแหละ


พอขับกลับมาที่เดิมก็วนขับรถเล่นไปเรื่อยๆ ชมวิว จากนี้ตรงไม่ได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ คือขับอย่างเดียว ประมาณว่าอยากขับรถกอล์ฟ 555+
แถวๆนั้นก็จะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ บรรดาสวนดอกทานตะวัน ก็มีนะ แต่ดอกเล็กๆและน้อยมาก อาจเพราะอากาศเนอะ
ส่วนที่บอกว่ามีสวนสตอเบอรรี่ ที่เราเจอคืออันนี้ เรียกสวนสตอเบอรี่มั้ยน้าาาา อ้ะ ใช่ก็ด้ะ แต่ไม่มีผลนะมีแต่ใบ เป็นซุ้มๆเล็กๆ
หรืออาจมีที่อื่นแต่เราหาไม่เจอ ไม่รู้สิ


แล้วก็มาเดินซื้อของฝาก พวกหนังปลาทอด ไส้กรอก น้ำมะนาว ก็อร่อยดีนะ คือประทับใจตรงที่ไม่แพงอ้ะ ไม่ขูดรีด
ขากลับก่อนเดินไปรถไฟ (ซึ่งนัดตอน 15.00 น.) มีบรรดาคุณยายมาเต้นรำให้ดูดั้วะะะะ


สรุปน้าาาาาา
1.ใครที่จะไป มีเปิดอีกเดือน กพ น้า
2. แนะนำว่านั่งฝั่งซ้ายดีกว่าฝั่งขวา เพราะไม่ร้อน ฝั่งขวาขาไปแดดเข้าร้อนอยู่ แต่ฝั่งขวาตอนรถไฟข้ามเขื่อนมันจะวิวสวยกว่า แต่สุดท้ายก็ต้องลงไปถ่ายรูปอยู่ดี
3. พอถึง เดินไปด้านในเลยมีศูนย์อาหาร รีบไปรีบสั่งเลยไม่งั้นถ้ามัวช้าคนจะเยอะมากกกกกกกกกก ปล อาหารไม่แพง นี่กิน2คนตก160฿
4. เรานั่งคันที่13 คันท้ายๆ แต่ตอนย้อนมาจอดเพื่อลงที่สถานีเขื่อนมันจะถึงก่อน ได้ลงก่อนและวิ่งไปศูนย์อาหารก่อน
5. เราเช่ารถกอล์ฟ 2 ชั่วโมง 500฿ ถ้าเช่าแค่ชั่งโมงเดียวจะไปเที่ยวตรงสันเขื่อนไม่ทัน
6. นั่งรถไฟหลังตรง90องศานอนลำบากมาก5555 เอาหมอนรองคอไปด้วยก็ดี เราเอากระเป๋าใบใหญ่สะพายหลังไปใบเดียว ใส่ของอัดไปเลย ทั้งกล้องทั้งข้าวของ จะได้ไม่พะลุงพะลัง เออแล้วก็เอาผ้าปิดปากไปใส่ตอนนั่งรถไฟด้วย ฝุ่นกุตูร์มากค่าาาาาา
7. แต่สถานที่เที่ยวตรงเขื่อนไม่ค่อยมีอะไร ทุ่งทานตะวันก็ไม่ได้เยอะ คือคงเพราะอากาศมันร้อนแล้ว ไม่ค่อยสวย ที่ว่ามีสวนสตอเบอรี่ มีแต่ต้นจ้าาาา ผลไม่ออก มีอยู่ซุ้มเล็กๆ นอกนั้นก็ไม่มีไร เราขับวนไปมาแค่สันเขื่อน ไหว้พระ ละก้อชมวิว บลาๆๆๆ
8. สรุป ก็ดีนะ ไม่แพง นั่งชิวๆ สำหรับคนไม่คิดไรมาก ไปนั่งรถไฟเล่นก็ผ่อนคลายดี หยิบกระเป๋าละออกมาจากบ้าน ไปเที่ยวไปเปิดหูเปิดตา การออกเที่ยวไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ แค่มีความอยากและเวลา
หวังว่าคงมีประโยชน์กับใครบ้างน้า

จบสวัสดีจ้ะ....
ชื่อสินค้า:   รถไฟขบวนนำเที่ยว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่