ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าการแข่งขันในรุ่นโมโตทูจะเป็นอะไรที่แฟนๆโมโตจีพีหลายคนมองข้ามไป บางคนเลือกให้ช่วงนี้เป็นช่วงสำหรับพักเบรคจากรุ่น Moto3 เว้นไปทำธุระ ชงกาแฟก่อนที่จะถึงการแข่งรุ่น MotoGP ซะด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เมื่อตอนที่เปลี่ยนจากรุ่น 250 cc มาเป็น Moto2 ใหม่ๆนั้น รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่สนุกที่สุด (ซึ่งช่วงนั้นโมโตจีพีกำลังเจอวิกฤตพอดี) มีการแข่งขันที่ตื่นเต้นเร้าใจและมีผู้ชนะมากหน้าหลายตา
มีเฟรมต่างๆเข้าร่วมแข่งขันเกือบ 10 ยี่ห้อ แต่ในปีที่แล้วนั้น มีเพียง Kalex ที่ยึดครองเวทีของรุ่นนี้ไปอย่างเบ็ดเสร็จ มีเพียง Speed up ที่เป็นคู่แข่งตัวน้อยๆ ขณะที่เฟรมของ Tech3 นั้นก็เป็นแค่โปรเจคที่ทำเอามัน ทำเพราะใจรักเท่านั้น ไม่มีหวังในการลุ้นแชมป์ใดๆทั้งสิ้น
ฝูงรถ Moto2 กำลังลุยฝน
เนื่องจากในรุ่นโมโตทูนั้นไม่มีทีมโรงงาน ไม่มีรถจากโรงงานเข้าแข่ง ทำให้ความสนใจทั้งหมดจะตกไปอยู่ตัวนักแข่งเพียงอย่างเดียว ในช่วง หลังจากที่กฎเริ่มนิ่งรวมถึงข้อมูลในการพัฒนารถเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีทีมใหญ่ๆอยู่เพียง 3-4 ทีมเท่านั้นที่สามารถยืนระยะและได้ผลการแข่งขันที่ดี ทำให้พื้นที่ข่าวสำหรับรุ่นนี้นั้นน้อยลงๆไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าดูเผินๆแล้วก็จะดูเหมือนว่าการแข่งขันในรุ่นนี้ไม่ค่อยมีอะไร แต่การแข่งขันในรุ่น Moto2 นั้นมีสูงมาก ฝีมือของนักแข่งค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน กระทั่งนักแข่งในแถวหน้านั้น ในวันที่ขี่ได้ไม่ดีนั้น อันดับสามารถรูดกราวลงไปได้ 10 กว่าอันดับเอาได้ง่ายๆ นักแข่งที่ฝีมือดีจริงๆถึงจะขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม Top 5 ได้อย่างสม่ำเสมอ
ในส่วนของทีมแข่งในปีนี้ จะมีทีม Sky Racing Team VR46 เข้ามาร่วมวงด้วย ขณะที่อีกหนึ่งทีมแถวหน้าอย่าง Aki Ajo ก็จะเปลี่ยนไปใช้รถ KTM ภายใต้ทีม Red Bull KTM Ajo ซึ่งจริงๆก็ต้องถือว่าทีมในรุ่นนี้ มีทีมใหญ่หลายทีมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Páginas Amarillas HP 40, EG 0,0 Marc VDS, Kiefer Racing(Leopard Racing), Red Bull KTM Ajo, Dynavolt Intact GP, Forward Team, Interwetten, Federal Oil Gresini , Speed Up, Italtrans Racing Team, Sky Racing Team VR46 รวมไปถึงทีม Idemitsu Honda Team Asia
ทีม Sky VR46 รุ่น Moto2 และ Moto3
ข้อดีของรุ่นโมโตทูในตอนนี้คือมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ ใช้งบประมาณในการทำทีมต่ำที่สุดในบรรดาทั้ง 3 รุ่นในโมโตจีพี แต่มีข้อด้อยคือเครื่องยนต์ของเจ้า CBR600RR นั้นค่อนข้างจะเก่าแล้ว(แต่ก็ยังแรงอยู่นะ) ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ค่อนข้างจะล้าหลังกว่าโมโต 3 ทำให้การปรับตัวของนักแข่งจาก Moto3 – Moto2 – MotoGP นั้นไม่ต่อเนื่อง
นี่เป็นเหตุผลที่ทาง Dorna กำลังเร่งแก้ไขปัญหาตรงนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นในปี 2019 ถึงแม้ว่ารูปแบบของรถน่าจะยังคงเป็นเหมือนเดิม ที่จะใช้เครื่องยนต์จากผู้ผลิตเจ้าเดียว ไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นเหมือนโมโต 3 เหมือนที่แฟนๆส่วนหนึ่งเรียกร้อง (ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมา) แต่การเปลี่ยนเครื่องยนต์ก็น่าจะทำให้ระดับของการแข่งขันกลับขึ้นมาสูสีขึ้น อย่างน้อยก็ 2-3 ปี รวมถึงล่าสุดทาง Dorna นั้นได้เลือก Magneti Marelli ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกันกับในรุ่น MotoGP ให้เป็น standard ECU ของรุ่นโมโตทู เริ่มตั้งแต่ปี 2019 – 2021
Suter is back
แต่สำหรับฤดูกาล 2017 นั้น ดูเหมือนว่าทิศทางและแนวโน้มของการแข่งขันในรุ่นนี้จะเข้มข้นมากขึ้น เพราะว่า Kalex ที่เป็นเต้ย ยึดหัวหาดมา 2-3 ปีนั้น จะถูกท้าทายจากการกลับมาชิงบรรลังค์ของ Suter อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้นั้น ถือว่ามุ่งมั่นมากกว่าเดิม เรียกได้ว่าจัดชุดใหญ่ ไฟกระพริบเลยทีเดียว เนื่องจาก Suter เลือกที่จะทุ่มเทกับรถแค่ 4 คัน แถมทั้งทีม Kiefer Racing (Leopard Racing) และ Dynavolt Intact GP นั้นล้วนแต่เป็นทีมใหญ่ทั้งคู่ ส่วนตัวเชื่อว่ารถ Suter MMX2 นั้นน่าจะสร้างปัญหาให้กับ Kalex ได้ภายใน 3-4 สนามแรกอย่างแน่นอน
2016 Kalex Teams : ลูกค้าเพียง สนใจต่อคิวมั้ย
ส่วนรถ Moto2 ของ Kalex นั้นก็คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรกันมากนัก เพราะว่ากันว่าเป็นรถที่สมดุลย์ที่สุดในรุ่น ยิ่งตีตราแปะข้างตัวถึงรถว่า Made in Germany ด้วยแล้ว ก็พอจะรับประกันได้ว่าของเฮียแกดีจริงๆ แต่ข้อเสียของ Kalex คือเนื่องจากรถของตัวเองเป็นที่ต้องการของตลาด มีจำนวนลูกค้าเยอะ แต่ยังคงกำลังการผลิตไว้ที่เท่าเดิม ก็เลยต้องมีการแบ่งเกรดการให้บริการตามกำลังทรัพย์ของลูกค้า ทีมใหญ่ที่จ่ายตัวเลขที่สูงกว่า ก็จะได้รับชิ้นส่วนที่ใหม่กว่า ได้ทดสอบรถใหม่ก่อน ไล่เรียงลำดับกันลงไป เลยทำให้เกิดเป็นระบบลูกเมียหลวง เมียน้อยในบรรดาครอบครัวคาเล็กซ์ แฟมมิลี่
Speedup Moto2 Bike
ขณะที่ทีม Speed Up นั้น ถึงแม้ว่าจะมีรถเพียง 2 คัน หลังจากเสียทีมลูกค้าอย่าง QMMF Racing Team ที่เลิกทำทีมไป แต่ก็ยังถือว่าน่าจะยังรักษามาตรฐานเดิมของตัวเองเอาไว้ได้ ที่ในแต่ละปีนั้นต้องมีโพเดี่ยม ขณะที่อีกผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง KTM นั้น ถือว่าเป็นตัวปลุกไฟในรุ่นนี้ขึ้นมาเลยก็ว่าได้ เพราะการที่ KTM ตัดสินใจยอมรับเอาเครื่องยนต์เจ้าอื่นเข้ามาอยู่ในรถของตัวเองนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ เนื่องจาก KTM ต้องการที่จะปูทางให้นักแข่งตัวเองตั้งแต่ระดับจูเนียร์ไปจนถึงโมโตจี ให้ลื่นปรี๊ดๆเหมือนเน็ต 5G การกระโดดลงมาเล่นในรุ่น Moto2 ซึ่งเป็นอีก 1 จิ๊กซอที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงไม่ใช่แค่การลงมาเล่นๆแน่นนอน รับรองได้พี่แกเอาจริงแน่ๆ
KTM Moto2 Bike
ที่ผ่านมานั้น KTM เป็นพาร์ทเนอร์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับ Kalex โดยเฉพาะการร่วมมือกันพัฒนาระบบ WP Suspension จนถึงขนาดที่มีคนออกมากล่าวหาว่ารถโมโตทูของ KTM นั้นสืบสายเลือดมาจากเจ้า Kalex เลยทีเดียว(ลอกมาว่างั้น) แต่งานนี้ KTM ก็ให้สัญญาลูกผู้ชายกับ Kalex ว่าจะไม่ใช้งานช่างที่เคยไปทำงานให้กับคาเล็กซ์มาทำงานในทีม Moto2 ของตัวเอง ในฤดูกาลนี้ KTM อาจจะยังอยู่ระหว่างการพัฒนารถ ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวในปี 2018 เชื่อว่าเป้าหมายของ KTM ในปีนี้น่าจะอยู่ที่การคว้าโพเดี่ยมก่อน
[MotoGP]โมโต 2 ที่เคยรู้จักกำลังจะกลับมา? คาเล็กซ์ วันเมคเรซ กำลังจะหมดไป!
มีเฟรมต่างๆเข้าร่วมแข่งขันเกือบ 10 ยี่ห้อ แต่ในปีที่แล้วนั้น มีเพียง Kalex ที่ยึดครองเวทีของรุ่นนี้ไปอย่างเบ็ดเสร็จ มีเพียง Speed up ที่เป็นคู่แข่งตัวน้อยๆ ขณะที่เฟรมของ Tech3 นั้นก็เป็นแค่โปรเจคที่ทำเอามัน ทำเพราะใจรักเท่านั้น ไม่มีหวังในการลุ้นแชมป์ใดๆทั้งสิ้น
ฝูงรถ Moto2 กำลังลุยฝน
เนื่องจากในรุ่นโมโตทูนั้นไม่มีทีมโรงงาน ไม่มีรถจากโรงงานเข้าแข่ง ทำให้ความสนใจทั้งหมดจะตกไปอยู่ตัวนักแข่งเพียงอย่างเดียว ในช่วง หลังจากที่กฎเริ่มนิ่งรวมถึงข้อมูลในการพัฒนารถเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีทีมใหญ่ๆอยู่เพียง 3-4 ทีมเท่านั้นที่สามารถยืนระยะและได้ผลการแข่งขันที่ดี ทำให้พื้นที่ข่าวสำหรับรุ่นนี้นั้นน้อยลงๆไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าดูเผินๆแล้วก็จะดูเหมือนว่าการแข่งขันในรุ่นนี้ไม่ค่อยมีอะไร แต่การแข่งขันในรุ่น Moto2 นั้นมีสูงมาก ฝีมือของนักแข่งค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน กระทั่งนักแข่งในแถวหน้านั้น ในวันที่ขี่ได้ไม่ดีนั้น อันดับสามารถรูดกราวลงไปได้ 10 กว่าอันดับเอาได้ง่ายๆ นักแข่งที่ฝีมือดีจริงๆถึงจะขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม Top 5 ได้อย่างสม่ำเสมอ
ในส่วนของทีมแข่งในปีนี้ จะมีทีม Sky Racing Team VR46 เข้ามาร่วมวงด้วย ขณะที่อีกหนึ่งทีมแถวหน้าอย่าง Aki Ajo ก็จะเปลี่ยนไปใช้รถ KTM ภายใต้ทีม Red Bull KTM Ajo ซึ่งจริงๆก็ต้องถือว่าทีมในรุ่นนี้ มีทีมใหญ่หลายทีมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Páginas Amarillas HP 40, EG 0,0 Marc VDS, Kiefer Racing(Leopard Racing), Red Bull KTM Ajo, Dynavolt Intact GP, Forward Team, Interwetten, Federal Oil Gresini , Speed Up, Italtrans Racing Team, Sky Racing Team VR46 รวมไปถึงทีม Idemitsu Honda Team Asia
ทีม Sky VR46 รุ่น Moto2 และ Moto3
ข้อดีของรุ่นโมโตทูในตอนนี้คือมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ ใช้งบประมาณในการทำทีมต่ำที่สุดในบรรดาทั้ง 3 รุ่นในโมโตจีพี แต่มีข้อด้อยคือเครื่องยนต์ของเจ้า CBR600RR นั้นค่อนข้างจะเก่าแล้ว(แต่ก็ยังแรงอยู่นะ) ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ค่อนข้างจะล้าหลังกว่าโมโต 3 ทำให้การปรับตัวของนักแข่งจาก Moto3 – Moto2 – MotoGP นั้นไม่ต่อเนื่อง
นี่เป็นเหตุผลที่ทาง Dorna กำลังเร่งแก้ไขปัญหาตรงนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นในปี 2019 ถึงแม้ว่ารูปแบบของรถน่าจะยังคงเป็นเหมือนเดิม ที่จะใช้เครื่องยนต์จากผู้ผลิตเจ้าเดียว ไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นเหมือนโมโต 3 เหมือนที่แฟนๆส่วนหนึ่งเรียกร้อง (ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมา) แต่การเปลี่ยนเครื่องยนต์ก็น่าจะทำให้ระดับของการแข่งขันกลับขึ้นมาสูสีขึ้น อย่างน้อยก็ 2-3 ปี รวมถึงล่าสุดทาง Dorna นั้นได้เลือก Magneti Marelli ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกันกับในรุ่น MotoGP ให้เป็น standard ECU ของรุ่นโมโตทู เริ่มตั้งแต่ปี 2019 – 2021
Suter is back
แต่สำหรับฤดูกาล 2017 นั้น ดูเหมือนว่าทิศทางและแนวโน้มของการแข่งขันในรุ่นนี้จะเข้มข้นมากขึ้น เพราะว่า Kalex ที่เป็นเต้ย ยึดหัวหาดมา 2-3 ปีนั้น จะถูกท้าทายจากการกลับมาชิงบรรลังค์ของ Suter อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้นั้น ถือว่ามุ่งมั่นมากกว่าเดิม เรียกได้ว่าจัดชุดใหญ่ ไฟกระพริบเลยทีเดียว เนื่องจาก Suter เลือกที่จะทุ่มเทกับรถแค่ 4 คัน แถมทั้งทีม Kiefer Racing (Leopard Racing) และ Dynavolt Intact GP นั้นล้วนแต่เป็นทีมใหญ่ทั้งคู่ ส่วนตัวเชื่อว่ารถ Suter MMX2 นั้นน่าจะสร้างปัญหาให้กับ Kalex ได้ภายใน 3-4 สนามแรกอย่างแน่นอน
2016 Kalex Teams : ลูกค้าเพียง สนใจต่อคิวมั้ย
ส่วนรถ Moto2 ของ Kalex นั้นก็คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรกันมากนัก เพราะว่ากันว่าเป็นรถที่สมดุลย์ที่สุดในรุ่น ยิ่งตีตราแปะข้างตัวถึงรถว่า Made in Germany ด้วยแล้ว ก็พอจะรับประกันได้ว่าของเฮียแกดีจริงๆ แต่ข้อเสียของ Kalex คือเนื่องจากรถของตัวเองเป็นที่ต้องการของตลาด มีจำนวนลูกค้าเยอะ แต่ยังคงกำลังการผลิตไว้ที่เท่าเดิม ก็เลยต้องมีการแบ่งเกรดการให้บริการตามกำลังทรัพย์ของลูกค้า ทีมใหญ่ที่จ่ายตัวเลขที่สูงกว่า ก็จะได้รับชิ้นส่วนที่ใหม่กว่า ได้ทดสอบรถใหม่ก่อน ไล่เรียงลำดับกันลงไป เลยทำให้เกิดเป็นระบบลูกเมียหลวง เมียน้อยในบรรดาครอบครัวคาเล็กซ์ แฟมมิลี่
Speedup Moto2 Bike
ขณะที่ทีม Speed Up นั้น ถึงแม้ว่าจะมีรถเพียง 2 คัน หลังจากเสียทีมลูกค้าอย่าง QMMF Racing Team ที่เลิกทำทีมไป แต่ก็ยังถือว่าน่าจะยังรักษามาตรฐานเดิมของตัวเองเอาไว้ได้ ที่ในแต่ละปีนั้นต้องมีโพเดี่ยม ขณะที่อีกผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง KTM นั้น ถือว่าเป็นตัวปลุกไฟในรุ่นนี้ขึ้นมาเลยก็ว่าได้ เพราะการที่ KTM ตัดสินใจยอมรับเอาเครื่องยนต์เจ้าอื่นเข้ามาอยู่ในรถของตัวเองนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ เนื่องจาก KTM ต้องการที่จะปูทางให้นักแข่งตัวเองตั้งแต่ระดับจูเนียร์ไปจนถึงโมโตจี ให้ลื่นปรี๊ดๆเหมือนเน็ต 5G การกระโดดลงมาเล่นในรุ่น Moto2 ซึ่งเป็นอีก 1 จิ๊กซอที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงไม่ใช่แค่การลงมาเล่นๆแน่นนอน รับรองได้พี่แกเอาจริงแน่ๆ
KTM Moto2 Bike
ที่ผ่านมานั้น KTM เป็นพาร์ทเนอร์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับ Kalex โดยเฉพาะการร่วมมือกันพัฒนาระบบ WP Suspension จนถึงขนาดที่มีคนออกมากล่าวหาว่ารถโมโตทูของ KTM นั้นสืบสายเลือดมาจากเจ้า Kalex เลยทีเดียว(ลอกมาว่างั้น) แต่งานนี้ KTM ก็ให้สัญญาลูกผู้ชายกับ Kalex ว่าจะไม่ใช้งานช่างที่เคยไปทำงานให้กับคาเล็กซ์มาทำงานในทีม Moto2 ของตัวเอง ในฤดูกาลนี้ KTM อาจจะยังอยู่ระหว่างการพัฒนารถ ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวในปี 2018 เชื่อว่าเป้าหมายของ KTM ในปีนี้น่าจะอยู่ที่การคว้าโพเดี่ยมก่อน