คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ที่ คห 1 ตอบมาผิดทั้งนั้น ประการแรกคุณยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า resident visa คืออะไร? เอาข้อมูลมาจากไหนที่ว่า "มันไม่มีวีซ่า สำหรับงานดูแลผู้สูงอายุนะคะ" ข้อเท็จจริงคือ ตำแหน่งงานที่เกี่ยวกับสุขภาพไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ถือว่าเป็นงานที่ตลาดงานเยอรมนียังขาดแคลนและจะออกวีซ่าทำงานให้แก่อาชีพเหล่านี้ จะอยู่ในประเภทที่เรียกว่า Langfristig Aufenthaltsberechtigten หรือ long-term resident-EC โดยที่สามารถยื่นขอได้จากประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่
และเงื่อนไขการขอวีซ่าเพื่อเข้ามาทำงานประเภทนี้เองที่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งว่า ผู้ยื่นขอวีซ่าจะต้องมีหลักฐานทดสอบความรู้เยอรมันในระดับอย่างน้อยที่สุดคือ B2 เช่นเดียวกับการขอวีซ่านักเรียน
ฉะนั้นที่ คห 1 บอกว่า "ขึ้นอยู่กับว่า ที่ๆ คุณจะไปนั้น ใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่หรือเปล่า" จึงไม่ถูกต้องอีก เพราะถึงแม้ว่าที่ๆ ต่างชาติจะไปทำงานนั้นจะพูดภาษาอังกฤษล้วนก็ตาม ต่างชาติคนนั้นก็จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันอยู่ดีเพื่อที่จะไปขอวีซ่าได้
แสดงว่า คห 1 ขาดการติดตามข่าวสารบ้านเมืองที่กระทรวงเศรษฐกิจได้จัดทำโครงการนำร่องโดยการนำผู้ดูแลจากประเทศนอก อียู คือ จากจีนและเวียตนาม เข้ามาฝึกอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุในเยอรมนีตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา รูปข้างล่างคือ ผู้ดูแลผู้สูงอายุชาวเวียตนาม ที่ได้รับวีซ่าเข้ามารับการฝึกอบรมเพื่อทำงานผู้ดูแล ผู้สูงอายุ ส่วนรูปแรกเป็นกราฟจำนวนเปอร์เซนต์ (สีเทา) ที่ต่างชาตินอกประเทศนอก อียู เข้ามาทำงานด้วยวีซ่าทำงานในเยอรมนีในปัจจุบัน
ในกรณีของ จขกท ซึ่งจบพยาบาลและต้องการเข้ามาทำงานด้านนี้ในเยอรมนีก็สามารถขอวีซ่าเข้ามาได้ ซึ่งการขอยื่นขอวีซ่าจะต้องการให้คุณไปขอการยอมรับในประกาศนียบัตรหรือปริญญามาเสียก่อน ขั้นตอนนี้คุณสามารถสอบถามจากสถานทูตเยอรมันได้
ฉะนั้นการเตรียมตัวในขณะนี้ควบคู่ไปกับการเรียนพยาบาลของคุณคือ การเรียนภาษาเยอรมันและสอบให้ได้ระดับ B2 สำหรับระดับความรู้ภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขการขอวีซ่า แต่ถ้าคุณมีความรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ อีก นั่นถือเป็นข้อได้เปรียบของคุณเองในการหางานทำ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.welt.de/wirtschaft/article131627058/Die-neuen-Altenpfleger-kommen-aus-Asien.html
และเงื่อนไขการขอวีซ่าเพื่อเข้ามาทำงานประเภทนี้เองที่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งว่า ผู้ยื่นขอวีซ่าจะต้องมีหลักฐานทดสอบความรู้เยอรมันในระดับอย่างน้อยที่สุดคือ B2 เช่นเดียวกับการขอวีซ่านักเรียน
ฉะนั้นที่ คห 1 บอกว่า "ขึ้นอยู่กับว่า ที่ๆ คุณจะไปนั้น ใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่หรือเปล่า" จึงไม่ถูกต้องอีก เพราะถึงแม้ว่าที่ๆ ต่างชาติจะไปทำงานนั้นจะพูดภาษาอังกฤษล้วนก็ตาม ต่างชาติคนนั้นก็จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันอยู่ดีเพื่อที่จะไปขอวีซ่าได้
แสดงว่า คห 1 ขาดการติดตามข่าวสารบ้านเมืองที่กระทรวงเศรษฐกิจได้จัดทำโครงการนำร่องโดยการนำผู้ดูแลจากประเทศนอก อียู คือ จากจีนและเวียตนาม เข้ามาฝึกอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุในเยอรมนีตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา รูปข้างล่างคือ ผู้ดูแลผู้สูงอายุชาวเวียตนาม ที่ได้รับวีซ่าเข้ามารับการฝึกอบรมเพื่อทำงานผู้ดูแล ผู้สูงอายุ ส่วนรูปแรกเป็นกราฟจำนวนเปอร์เซนต์ (สีเทา) ที่ต่างชาตินอกประเทศนอก อียู เข้ามาทำงานด้วยวีซ่าทำงานในเยอรมนีในปัจจุบัน
ในกรณีของ จขกท ซึ่งจบพยาบาลและต้องการเข้ามาทำงานด้านนี้ในเยอรมนีก็สามารถขอวีซ่าเข้ามาได้ ซึ่งการขอยื่นขอวีซ่าจะต้องการให้คุณไปขอการยอมรับในประกาศนียบัตรหรือปริญญามาเสียก่อน ขั้นตอนนี้คุณสามารถสอบถามจากสถานทูตเยอรมันได้
ฉะนั้นการเตรียมตัวในขณะนี้ควบคู่ไปกับการเรียนพยาบาลของคุณคือ การเรียนภาษาเยอรมันและสอบให้ได้ระดับ B2 สำหรับระดับความรู้ภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขการขอวีซ่า แต่ถ้าคุณมีความรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ อีก นั่นถือเป็นข้อได้เปรียบของคุณเองในการหางานทำ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.welt.de/wirtschaft/article131627058/Die-neuen-Altenpfleger-kommen-aus-Asien.html
แสดงความคิดเห็น
ดูแลผู้สูงอายุ เยอรมัน