เรื่องที่โดนคุณหมอเอายายัดตรูดนี่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ7ปีที่แล้ว ขอแบ่งเรื่องเล่าเป็น2พาร์ทนะคะ
พาร์ทแรกเอาเรื่องทำไมถึงเรียกตัวเองว่าขี้ข้าก่อน แล้วเหตุการณ์ทำไมถึงได้ไปเป็นมาดามเนาะ ....
เรื่องมันยาว ใครแค่อยากรู้คุณหมอเอายายัดตรูดหนูทำไม ข้ามไป พาร์ท2เลยค่ะ
ทำไมถึงเรียกว่าตัวเป็นขี้ข้านะเหรอเพราะเราทำงานให้กับเจ้านายฝรั่งคนอังกฤษ เปิดบริษัทสอนดำน้ำ
อันนี้เป็นเรื่องก่อน7นี้นานมากนะคะตอนเราเข้ามาทำงานใหม่ๆ เรามีหน้าที่ล้างเรือ ชงกาแฟเก็บแก้วกาแฟ
วิ่งซื้อของทำความห้องน้ำห้องพักทุกอย่างในเรือและในออฟฟิศ เพื่อแลกกับการเรียนดำน้ำฟรี และเจ้านายสอนภาษาอังกฤษให้ฟรี
เราก็เอาใจเจ้านายเราสุดๆ เรียกหาเมื่อไหร่ก็ได้ อยากกินอะไรวิ่งหาให้
ทำให้เจ้านายเราติดนิสัย ขรี้ไม่ออก เยี่ยวไม่ออกก็เรียกหาแต่เราอย่างเดียว นายผู้หญิงก็บ่นเราทำสามีเธอเสียนิสัย
นางว่า เนี่ย!เหลืออย่างเดียวที่ไม่ได้ทำให้ก็คือกดชักโครกให้ตอนมันขี้เสร็จนี่แหละ..
แต่งานดำน้ำ มันมีเป็นฤดู ทำได้แค่ 6เดือน อีก 6เดือนก็ตกงานกันไป เพราะมรสุมเข้า ออกเรือไม่ได้ และต้องมีการพักฟื้นประการังด้วย
บางบริษัทก็ปล่อยลอยแพลูกน้อง ส่วนบริษัทเจ้านายเราจ้างให้พนักงานสำคัญๆถือตำแหน่ง จ่ายเงินเดือนครึ่งหนึ่ง
ระหว่างนี้จะไปหางานทำที่ไหนก็ได้ แต่ก่อนเปิดฤดูท่องเที่ยว 1เดือนต้องกลับมาเตรียมงาน เตรียมความเรียบร้อยของเรือทัวร์
บางโลว์ซีซั่นก็ได้งานดี บางโลว์ไปไม่รอดก็กลับไปเกาะแม่กิน
บางทีก็เกาะเจ้านายมันนั่นแหละ 3เดือน เกาะแม่อีก2เดือน รอดตายไปอีกปี...
ช่วงฤดูท่องเที่ยวเราได้เงินดีมาก รวมเบี้ยเลี้ยง รวมทิปแล้วเดือนๆเกือบ6หมื่นบาทก็มี สมัยเกือบสิบปีที่แล้วนะ
เราส่งให้แม่เรา 60%ของรายได้เลย(ไม่รวมติปรายวันนะ) แต่บางปีซบเซาได้เดือนละ2หมื่นกว่าๆก็หรูแล้ว
เราทำงานกับเจ้านายเรามา ได้12ปีกว่าๆก่อนแต่งงาน ก็ ล้มลุกคลุกคลานกันมา ทั้งผลกระทบจากโดนสึนามิ
โดนผลกระทบจากโรคไขหวัดซาร์ โดนผลกระทบเรื่องระเบิด โดนอะไรไม่รู้มั่วไปหมด
คือก่อนจะเปิดฤดูท่องเที่ยวทีไร มันต้องมีเรื่องให้ปวดหัวทุกที จนหลอน ได้แต่คิดว่า แม-ร่งปีนี้จะโดนอะไรอีกว่ะ
โอ้ค๊าาา! ไข้หวัดนกก็มาค๊าาา! เราก็เข้าใจนายเรานะ เลยพยายามทำกันเอง ไม่จ้างพนักงานมาก
เราโชคดีที่ว่า พนักงานเราอยู่กันเป็นแบบครอบครัวใหญ่ ทั้งกัปตันเรือ ช่างเครื่อง คนขับรถ แม่ครัว
จะไม่มีใครยึดว่า ฉันใหญ่ ฉันมาก่อน แต่ใครมีอะไรก็ช่วยกัน กัปตันเรืออาจต้องได้ขี้นมาขับรถส่งลูกค้า
หรือเราต้องโดดไปช่วยล้างเรือ แม้แต่ต้องขับรถบรรทุกน้ำมันเรือเราก็ต้องทำ ทำให้ครอบครัวนี้สนิทกันมาก
บางทีก็มากเกินจนความเกรงใจไม่ค่อยมี ใครคิดอะไรก็พูดแบบนั้น บางทีอยากจะบอกว่าคิดถึงใจตรูบ้าง ตรูฟังอยู่น๊ะ
หลังจากทำงานได้ประมาณ 3ปี เราขึ้นมาครองตำแหน่ง "เจนเนรัลเบ้" คือใหญ่สุด รองจากเจ้านาย กฎของบริษัทเรามีแค่ 2ข้อก็คือ
ข้อ1.ให้จำไว้ใครใหญ่ไม่ใหญ่ไม่รู้ แต่"เจ้บีต้องถูกเสมอ"
ข้อ 2. ใครข้องใจให้กลับไปอ่านข้อ1.ใหม่ 5555
เพราะเจ้านายเรายึดเราเป็นหลัก ใครผิดใครถูกไม่รู้ ที่รู้ๆคือเราโดนด่าอยู่คนเดียว จริงๆนะเจ้านายเราไม่เคยด่าลูกน้องคนอื่นๆเลย
ไม่เล้ยจริงๆ แต่เรานี่ได้กิน (Fu*k)"ฟักต้มไก่มันทุกวัน! วันดีคืนดี มันแถม (Fu*k)ฟักต้มไก้ใส่มะนาวดองทรงเครื่องให้อีก"
คือจัดให้ชุดใหญ่เลย!
เคยถีบเราลงรถก็มี! บางทีโมโหอะไรมาไม่รู้ ขับรถไปก็บ่นๆด่าๆ เราก็เถียงๆๆ ก็คนไม่ผิดนี่หว่า
ที่ทำเนี่ยทำตามคำสั่งยูทั้งน้าาาน คือถ้ามันผิดมันก็ผิดตั้งแต่คนสั่งป่ะ?!? พอเถียงไม่ขึ้น มันจอดรถเข้าข้างทาง หันมาจ้องหน้าเรา
แล้วตะคอกว่า " Get the out of my car NOW !!" ประมาณว่าไสหัวลงจากรถกรรรู เดี๋ยวนี้
!!! คือหนุผิดอัลรายยยย........
เอออ.. ไปก็ด้ายยย อยู่ทำไมละค๊าาาา โดนไล่แล้วนี่ เลือดทรนงในตัวยังมี เราก็กระโดดลง (คือขาเรามันสั้นอ่ะเลยต้องกระโดด)
กระแทกประตูปิดดังปัง!! อีเจ้านายก็ออกรถพรืดดดดไป ทิ้งเราให้ยืนทำมิวสิคอยู่คนเดียว
ที่เห็นทำปากขมุบขมิบ ไม่ได้ร้องเพลงน๊ะ แต่กำลังแช่งมัน ไอ้เจ้านายบ้า!!!
บางที นางก็ถอยกลับมารับ บางทีมันก็ทิ้งให้โบกรถกลับเอง ขึ้นอยู่กลับเหตุการณ์ความรุนแรงตอนทะเลาะกันว่ามีขนาดกี่ริกเตอร์
แต่ก็มีหลายๆที ที่เราก็แกล้งลืมนางไว้ที่ปั๊มน้ำมัน >//< ( ถ้าเป็นจังหวะที่เราเป็นคนขับนะ)
แต่ถึงเราจะตำแหน่งโตขึ้น แต่เราก็ยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืองานเยอะกว่าเดิม เพราะเราเป็นไดว์มาสเตอร์แล้ว
ก็ต้องลงดำน้ำด้วย ดูแลลูกค้าด้วย ดูแลเอกสารออฟฟิศ ตอบอีเมล์ จัดการบุคกิ้ง คือเราทำหมด ไม่รู้ผ่านมาได้ยังไงตอนนั้น
ทุกๆวันก่อนนอนก็ภาวนาว่าตื่นมาพรุ่งนี้ขอให้แยกร่างได้ พอร่างมันแยกไม่ได้ก็บริหารเวลาเอา
เช่นถ้าวันไหนเราต้องลงดำน้ำ ตอนเช้าเราก็ออกไปรับลูกค้าให้เร็วขึ้น เอาใบวางบิลไปด้วย
ก็แวะวางบิลเอเย่นใกล้ๆหรือวางบิลโรงแรมระแวกนั้นก่อนรับลูกค้า กลับขึ้นมาจากเรือตอนเย็นก็ขับรถเอาลูกค้าไปส่งโรงแรม
ระหว่างทางก็โทรนัดเอเย่นขอแวะเก็บตังค์ ระหว่างขากลับก็แวะส่งเอกสารให้สำนักงานบัญชี
กลับมาค่อยล้างอุปกรณ์ คือถามว่ามันลำบากไหม มันก็ไม่ได้สบายอ่ะนะ แต่มันเป็นความเคยชินไปแล้วเลยไม่รู้สึกลำบากอะไร
เรามีคนขับรถ แต่ตอนเช้าเขาต้องรับอาหาร รับผลไม้ รับสต๊าฟฝรั่ง ขนอุปกรณ์ดำน้ำไปลงในเรือให้พร้อม ก่อนลูกค้าจะมาถึง
ตอนเย็นต้องทำน้ำมันเรือให้เสร็จก่อนท่าเรือจะปิด ไม่งั้นรถน้ำมันออกไม่ได้ ถ้าให้ส่งลูกค้าด้วยไม่ทันค่ะ..
ตื่นตีห้าครึ่ง เข้างาน 6โมงเช้า เลิกมัน 4ทุ่มมันทุ๊กกกกกวัน... นอนตอนไหนไม่รู้ขึ้นอยู่ว่าออฟฟิศกับเอกสารเละเทะแค่ไหน......
นี่คือประวัติชีวิตขี้ข้าคร่าวๆของเรา .........
จนเมื่อ 7ปีที่แล้ว เป็นช่วงหน้าโลว์ซีซัน ฤดูท่องเที่ยวปิดไปแล้ว หลังจากกลับเยี่ยมแม่ แกาะคนแก่กินสักพัก
เราก็ตระเวณหางานเสริมทำเพื่อความอยู่รอด เพื่อนช่วนมาดำน้ำโชว์ที่สิงคโปร์ เราได้เจอกับสามีเราที่นี่ ทีงานดำน้ำโชว์
จริงๆเราไปทำงานล้างตู้ปลาโชว์! ทำอยู่ตรงที่เซนโทซ่า สามีเราไปประชุมเรื่องงานของบริษัทเขาที่นั่น ..
หลังจากทักทายทำการพูดคุย เล่นตัวนิดสงวนท่าทีหน่อย เราก็ตัดสินใจแลกเบอร์กัน คุยกันได้ 4วัน ได้กินกาแฟ 4แก้ว กับดินเนอร์1มื้อ
คุณชายของเราก็บินกลับไปทำงานเขาที่ศรีลังกา ส่วนเราอยู่ล้างคราบขี้ปลาที่สิงคโปร์ต่อไป
ประมาณอีกเดือนหนึ่งต่อมาเราต้องกลับเมืองไทยแล้วเพราะเจ้านายตามให้กลับไปดูแลเรื่องเอาเรือขึ้นซ่อมบำรุงปีนั้นได้คิวจากคานเรือเร็ว
เป็นจังหวะเดียวกับคุณชายก็ส่งข้อความมาถามว่า อีก 10วัน เขาจะไปประชุมที่กรุงเทพ เราว่างพอที่จะไปดื่มกาแฟกับเขาไหม ..
อ๋ายยย ตอนนั้นกำลังต้องกลับเมืองไทยไปทำงานพอดี
หลังจากนัดวันกันเป็นอย่างดี เราก็วางแผนบอกเจ้านายเราเลื่อนๆวันบินออกไปให้ตรงกับผู้ชาย บอกเจ้านายว่า
เนี่ยไฟล์สิงค์โปร์-ภูเก็ตมันเต็มหมดเลย มีแต่บินตรงแพงๆ (เจ้านายเราแอบขี้เหนียว555) เราต้องบินไปเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพนะ
ยูก็จ่ายเท่าเดิมนั่นแหละเดี๋ยวไอจ่ายส่วนต่างเอง น้านนนน!!ลงทุนค๊าเพื่อผู้ชาย!
เจ้านายก็ยอม บอกยังไงก็ได้เราต้องมาถึงภูเก็ตภายในวันนั้นวันนี้
ก็กำหนดกันเป็นวันเดียวกับผู้ชายมา เราก็โอเครๆ คิดว่าถ้าเราบินแต่เช้ามืดเราจะได้มีเวลากินข้าวกับผู้ชายหลายๆชั่วโมง ...
จัดการจองตั๋วเลยค๊าาา.....รอไรละคะ
ยาวแล้วเดี๋ยวขอต่อใน คอมเม้นถัดไปนะคะ
** ปล. มาเพิ่มเติม
คือมีเพื่อนๆหน้าไมค์-หลังไมค์มาเชียร์ให้เขียนเรื่อง ตอนเจอกับสามี แบบว่าอยากฟินอีก
เราอยู่กันมาปีนี้เข้าปีที่7แล้ว เรื่องมันยาว ดราม่าก็เยอะ กลัวเพื่อนๆจะเบื่อเอาอะค่ะ ..
แต่เรามีวีรกรรมของคุณสามีมาฝาก เป็นกระทู้เก่าๆที่เคยเขียนแฉนางไว้นานแล้ว ลองอ่านดูนะคะ
https://ppantip.com/topic/30996510 :เมื่องนางอยากเอาใจภรรยาที่ป่วยอย่างเรา! หายป่วยจนไม่กล้าป่วยอีกเลย!
https://ppantip.com/topic/33840735 :เมื่อนางอยากช่วยทำความสะอาดบ้านค่ะ สะอาดจริงไหม ไปดูกันได้ค่ะ
เมื่อขี้ข้าอย่างหนู ต้องไปเป็นมาดามมือใหม่ที่ศรีลังกา แล้วโดนคุณหมอเอายา"ยัดตรูด"
พาร์ทแรกเอาเรื่องทำไมถึงเรียกตัวเองว่าขี้ข้าก่อน แล้วเหตุการณ์ทำไมถึงได้ไปเป็นมาดามเนาะ ....
เรื่องมันยาว ใครแค่อยากรู้คุณหมอเอายายัดตรูดหนูทำไม ข้ามไป พาร์ท2เลยค่ะ
ทำไมถึงเรียกว่าตัวเป็นขี้ข้านะเหรอเพราะเราทำงานให้กับเจ้านายฝรั่งคนอังกฤษ เปิดบริษัทสอนดำน้ำ
อันนี้เป็นเรื่องก่อน7นี้นานมากนะคะตอนเราเข้ามาทำงานใหม่ๆ เรามีหน้าที่ล้างเรือ ชงกาแฟเก็บแก้วกาแฟ
วิ่งซื้อของทำความห้องน้ำห้องพักทุกอย่างในเรือและในออฟฟิศ เพื่อแลกกับการเรียนดำน้ำฟรี และเจ้านายสอนภาษาอังกฤษให้ฟรี
เราก็เอาใจเจ้านายเราสุดๆ เรียกหาเมื่อไหร่ก็ได้ อยากกินอะไรวิ่งหาให้
ทำให้เจ้านายเราติดนิสัย ขรี้ไม่ออก เยี่ยวไม่ออกก็เรียกหาแต่เราอย่างเดียว นายผู้หญิงก็บ่นเราทำสามีเธอเสียนิสัย
นางว่า เนี่ย!เหลืออย่างเดียวที่ไม่ได้ทำให้ก็คือกดชักโครกให้ตอนมันขี้เสร็จนี่แหละ..
แต่งานดำน้ำ มันมีเป็นฤดู ทำได้แค่ 6เดือน อีก 6เดือนก็ตกงานกันไป เพราะมรสุมเข้า ออกเรือไม่ได้ และต้องมีการพักฟื้นประการังด้วย
บางบริษัทก็ปล่อยลอยแพลูกน้อง ส่วนบริษัทเจ้านายเราจ้างให้พนักงานสำคัญๆถือตำแหน่ง จ่ายเงินเดือนครึ่งหนึ่ง
ระหว่างนี้จะไปหางานทำที่ไหนก็ได้ แต่ก่อนเปิดฤดูท่องเที่ยว 1เดือนต้องกลับมาเตรียมงาน เตรียมความเรียบร้อยของเรือทัวร์
บางโลว์ซีซั่นก็ได้งานดี บางโลว์ไปไม่รอดก็กลับไปเกาะแม่กิน
บางทีก็เกาะเจ้านายมันนั่นแหละ 3เดือน เกาะแม่อีก2เดือน รอดตายไปอีกปี...
ช่วงฤดูท่องเที่ยวเราได้เงินดีมาก รวมเบี้ยเลี้ยง รวมทิปแล้วเดือนๆเกือบ6หมื่นบาทก็มี สมัยเกือบสิบปีที่แล้วนะ
เราส่งให้แม่เรา 60%ของรายได้เลย(ไม่รวมติปรายวันนะ) แต่บางปีซบเซาได้เดือนละ2หมื่นกว่าๆก็หรูแล้ว
เราทำงานกับเจ้านายเรามา ได้12ปีกว่าๆก่อนแต่งงาน ก็ ล้มลุกคลุกคลานกันมา ทั้งผลกระทบจากโดนสึนามิ
โดนผลกระทบจากโรคไขหวัดซาร์ โดนผลกระทบเรื่องระเบิด โดนอะไรไม่รู้มั่วไปหมด
คือก่อนจะเปิดฤดูท่องเที่ยวทีไร มันต้องมีเรื่องให้ปวดหัวทุกที จนหลอน ได้แต่คิดว่า แม-ร่งปีนี้จะโดนอะไรอีกว่ะ
โอ้ค๊าาา! ไข้หวัดนกก็มาค๊าาา! เราก็เข้าใจนายเรานะ เลยพยายามทำกันเอง ไม่จ้างพนักงานมาก
เราโชคดีที่ว่า พนักงานเราอยู่กันเป็นแบบครอบครัวใหญ่ ทั้งกัปตันเรือ ช่างเครื่อง คนขับรถ แม่ครัว
จะไม่มีใครยึดว่า ฉันใหญ่ ฉันมาก่อน แต่ใครมีอะไรก็ช่วยกัน กัปตันเรืออาจต้องได้ขี้นมาขับรถส่งลูกค้า
หรือเราต้องโดดไปช่วยล้างเรือ แม้แต่ต้องขับรถบรรทุกน้ำมันเรือเราก็ต้องทำ ทำให้ครอบครัวนี้สนิทกันมาก
บางทีก็มากเกินจนความเกรงใจไม่ค่อยมี ใครคิดอะไรก็พูดแบบนั้น บางทีอยากจะบอกว่าคิดถึงใจตรูบ้าง ตรูฟังอยู่น๊ะ
หลังจากทำงานได้ประมาณ 3ปี เราขึ้นมาครองตำแหน่ง "เจนเนรัลเบ้" คือใหญ่สุด รองจากเจ้านาย กฎของบริษัทเรามีแค่ 2ข้อก็คือ
ข้อ1.ให้จำไว้ใครใหญ่ไม่ใหญ่ไม่รู้ แต่"เจ้บีต้องถูกเสมอ"
ข้อ 2. ใครข้องใจให้กลับไปอ่านข้อ1.ใหม่ 5555
เพราะเจ้านายเรายึดเราเป็นหลัก ใครผิดใครถูกไม่รู้ ที่รู้ๆคือเราโดนด่าอยู่คนเดียว จริงๆนะเจ้านายเราไม่เคยด่าลูกน้องคนอื่นๆเลย
ไม่เล้ยจริงๆ แต่เรานี่ได้กิน (Fu*k)"ฟักต้มไก่มันทุกวัน! วันดีคืนดี มันแถม (Fu*k)ฟักต้มไก้ใส่มะนาวดองทรงเครื่องให้อีก"
คือจัดให้ชุดใหญ่เลย!
เคยถีบเราลงรถก็มี! บางทีโมโหอะไรมาไม่รู้ ขับรถไปก็บ่นๆด่าๆ เราก็เถียงๆๆ ก็คนไม่ผิดนี่หว่า
ที่ทำเนี่ยทำตามคำสั่งยูทั้งน้าาาน คือถ้ามันผิดมันก็ผิดตั้งแต่คนสั่งป่ะ?!? พอเถียงไม่ขึ้น มันจอดรถเข้าข้างทาง หันมาจ้องหน้าเรา
แล้วตะคอกว่า " Get the out of my car NOW !!" ประมาณว่าไสหัวลงจากรถกรรรู เดี๋ยวนี้
!!! คือหนุผิดอัลรายยยย........
เอออ.. ไปก็ด้ายยย อยู่ทำไมละค๊าาาา โดนไล่แล้วนี่ เลือดทรนงในตัวยังมี เราก็กระโดดลง (คือขาเรามันสั้นอ่ะเลยต้องกระโดด)
กระแทกประตูปิดดังปัง!! อีเจ้านายก็ออกรถพรืดดดดไป ทิ้งเราให้ยืนทำมิวสิคอยู่คนเดียว
ที่เห็นทำปากขมุบขมิบ ไม่ได้ร้องเพลงน๊ะ แต่กำลังแช่งมัน ไอ้เจ้านายบ้า!!!
บางที นางก็ถอยกลับมารับ บางทีมันก็ทิ้งให้โบกรถกลับเอง ขึ้นอยู่กลับเหตุการณ์ความรุนแรงตอนทะเลาะกันว่ามีขนาดกี่ริกเตอร์
แต่ก็มีหลายๆที ที่เราก็แกล้งลืมนางไว้ที่ปั๊มน้ำมัน >//< ( ถ้าเป็นจังหวะที่เราเป็นคนขับนะ)
แต่ถึงเราจะตำแหน่งโตขึ้น แต่เราก็ยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืองานเยอะกว่าเดิม เพราะเราเป็นไดว์มาสเตอร์แล้ว
ก็ต้องลงดำน้ำด้วย ดูแลลูกค้าด้วย ดูแลเอกสารออฟฟิศ ตอบอีเมล์ จัดการบุคกิ้ง คือเราทำหมด ไม่รู้ผ่านมาได้ยังไงตอนนั้น
ทุกๆวันก่อนนอนก็ภาวนาว่าตื่นมาพรุ่งนี้ขอให้แยกร่างได้ พอร่างมันแยกไม่ได้ก็บริหารเวลาเอา
เช่นถ้าวันไหนเราต้องลงดำน้ำ ตอนเช้าเราก็ออกไปรับลูกค้าให้เร็วขึ้น เอาใบวางบิลไปด้วย
ก็แวะวางบิลเอเย่นใกล้ๆหรือวางบิลโรงแรมระแวกนั้นก่อนรับลูกค้า กลับขึ้นมาจากเรือตอนเย็นก็ขับรถเอาลูกค้าไปส่งโรงแรม
ระหว่างทางก็โทรนัดเอเย่นขอแวะเก็บตังค์ ระหว่างขากลับก็แวะส่งเอกสารให้สำนักงานบัญชี
กลับมาค่อยล้างอุปกรณ์ คือถามว่ามันลำบากไหม มันก็ไม่ได้สบายอ่ะนะ แต่มันเป็นความเคยชินไปแล้วเลยไม่รู้สึกลำบากอะไร
เรามีคนขับรถ แต่ตอนเช้าเขาต้องรับอาหาร รับผลไม้ รับสต๊าฟฝรั่ง ขนอุปกรณ์ดำน้ำไปลงในเรือให้พร้อม ก่อนลูกค้าจะมาถึง
ตอนเย็นต้องทำน้ำมันเรือให้เสร็จก่อนท่าเรือจะปิด ไม่งั้นรถน้ำมันออกไม่ได้ ถ้าให้ส่งลูกค้าด้วยไม่ทันค่ะ..
ตื่นตีห้าครึ่ง เข้างาน 6โมงเช้า เลิกมัน 4ทุ่มมันทุ๊กกกกกวัน... นอนตอนไหนไม่รู้ขึ้นอยู่ว่าออฟฟิศกับเอกสารเละเทะแค่ไหน......
นี่คือประวัติชีวิตขี้ข้าคร่าวๆของเรา .........
จนเมื่อ 7ปีที่แล้ว เป็นช่วงหน้าโลว์ซีซัน ฤดูท่องเที่ยวปิดไปแล้ว หลังจากกลับเยี่ยมแม่ แกาะคนแก่กินสักพัก
เราก็ตระเวณหางานเสริมทำเพื่อความอยู่รอด เพื่อนช่วนมาดำน้ำโชว์ที่สิงคโปร์ เราได้เจอกับสามีเราที่นี่ ทีงานดำน้ำโชว์
จริงๆเราไปทำงานล้างตู้ปลาโชว์! ทำอยู่ตรงที่เซนโทซ่า สามีเราไปประชุมเรื่องงานของบริษัทเขาที่นั่น ..
หลังจากทักทายทำการพูดคุย เล่นตัวนิดสงวนท่าทีหน่อย เราก็ตัดสินใจแลกเบอร์กัน คุยกันได้ 4วัน ได้กินกาแฟ 4แก้ว กับดินเนอร์1มื้อ
คุณชายของเราก็บินกลับไปทำงานเขาที่ศรีลังกา ส่วนเราอยู่ล้างคราบขี้ปลาที่สิงคโปร์ต่อไป
ประมาณอีกเดือนหนึ่งต่อมาเราต้องกลับเมืองไทยแล้วเพราะเจ้านายตามให้กลับไปดูแลเรื่องเอาเรือขึ้นซ่อมบำรุงปีนั้นได้คิวจากคานเรือเร็ว
เป็นจังหวะเดียวกับคุณชายก็ส่งข้อความมาถามว่า อีก 10วัน เขาจะไปประชุมที่กรุงเทพ เราว่างพอที่จะไปดื่มกาแฟกับเขาไหม ..
อ๋ายยย ตอนนั้นกำลังต้องกลับเมืองไทยไปทำงานพอดี
หลังจากนัดวันกันเป็นอย่างดี เราก็วางแผนบอกเจ้านายเราเลื่อนๆวันบินออกไปให้ตรงกับผู้ชาย บอกเจ้านายว่า
เนี่ยไฟล์สิงค์โปร์-ภูเก็ตมันเต็มหมดเลย มีแต่บินตรงแพงๆ (เจ้านายเราแอบขี้เหนียว555) เราต้องบินไปเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพนะ
ยูก็จ่ายเท่าเดิมนั่นแหละเดี๋ยวไอจ่ายส่วนต่างเอง น้านนนน!!ลงทุนค๊าเพื่อผู้ชาย!
เจ้านายก็ยอม บอกยังไงก็ได้เราต้องมาถึงภูเก็ตภายในวันนั้นวันนี้
ก็กำหนดกันเป็นวันเดียวกับผู้ชายมา เราก็โอเครๆ คิดว่าถ้าเราบินแต่เช้ามืดเราจะได้มีเวลากินข้าวกับผู้ชายหลายๆชั่วโมง ...
จัดการจองตั๋วเลยค๊าาา.....รอไรละคะ
ยาวแล้วเดี๋ยวขอต่อใน คอมเม้นถัดไปนะคะ
** ปล. มาเพิ่มเติม
คือมีเพื่อนๆหน้าไมค์-หลังไมค์มาเชียร์ให้เขียนเรื่อง ตอนเจอกับสามี แบบว่าอยากฟินอีก
เราอยู่กันมาปีนี้เข้าปีที่7แล้ว เรื่องมันยาว ดราม่าก็เยอะ กลัวเพื่อนๆจะเบื่อเอาอะค่ะ ..
แต่เรามีวีรกรรมของคุณสามีมาฝาก เป็นกระทู้เก่าๆที่เคยเขียนแฉนางไว้นานแล้ว ลองอ่านดูนะคะ
https://ppantip.com/topic/30996510 :เมื่องนางอยากเอาใจภรรยาที่ป่วยอย่างเรา! หายป่วยจนไม่กล้าป่วยอีกเลย!
https://ppantip.com/topic/33840735 :เมื่อนางอยากช่วยทำความสะอาดบ้านค่ะ สะอาดจริงไหม ไปดูกันได้ค่ะ