เรื่องนี้ต้องขอย้อนอดีตไปนานเลยนะครับ ณ ตอนนั้น ผมเองก็อายุได้ ประมาณ 7-8ขวบ ปัจจุบันก็จะ ปาไป 50 แล้ว แต่ก็ยังจำได้ไม่เคยลืมเลย เพราะมันเจอสิ่งเหล่านี้มา จนไม่อยากเชื่อว่า "นี่เรา เจอแบบจังๆ แบบนี้เลยเหรอ" นี่เหรอที่เค้าเรียกว่า "ผี "
สมัยก่อนตอนที่ผมยังเด็กนั้น ผมมีครอบครัวอยู่กัน 5คน คือ พ่อ แม่ พี่ชาย ผม และน้องสาว ฐานะยากจน พ่อก็ทำงานขับแท็กซี่อย่างเดียว แม่ก็เลี้ยงลูก 3คน ไม่ได้ทำงานอะไร บ้านช่องที่อยู่ ก็อาศัยเช่าเค้าไปเป็นเดือนๆ และเรื่องที่เกิดขี้น .......ก็เกิดขี้นที่บ้านเช่า ที่ กรุงเทพฯ นี่เองครับ
ณ ตอนนั้น ผมอยู่บ้านเช่า ที่แถวถนนอุดมสุข ใกล้ๆกับ โรงงานธานินทร์ และไม่ต้องอธิบายความ มากนะครับว่า สมัยก่อน แถวนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับ ต่างจังหวัด ดีๆ พื้นทีส่วนใหญ่ก็จะเป็นทุ่งกว้าง หนองน้ำ ป่ากก ซะเป็นส่วนใหญ่ ครอบครัวผมก็ต้องอพยพตามพ่อที่ ต้องมาขับแท็กซึ่หากิน ก็เลยได้บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในจำนวน 3หลัง ในบริเวณเนื้อทีเดียวกัน (เนื้อทีค่อนข้างใหญ่ เป็นบ้านเดี่ยว เป็นหลังๆ อยู่ในพื้นทีเดียวกัน)
ขออธิบายเรื่องบ้าน 3หลังนี้ก่อน นะครับ จะได้เห็นภาพ กัน บ้านที่พ่อผมมาเช่าอยู่ อยู่ในซอยเล็ก ทางหินลูกรัง สองข้างทางเป็นหนองน้ำ หรือไม่ก็ต้นไม่ใหญ่ๆ หรือบางส่วนก็เป็นป่ากก ตลอดทั้งซอย และบ้านก็จะปลูกห่างๆกัน บ้านที่พ่อผมมาเช่า เจ้าของบ้านก็ได้ ซื้อที่เอาไว้ แล้ว ก็ปลูกบ้านของตัวเองไว้ด้านหน้า ส่วนบ้านเช่าสองหลัง ก็ปลูกไว้ด้านหลังอีก ที ซึ่งสองหลังนี้ เป็นบ้านไม้ ยกพื้นสูง เท่ากับว่า ข้างล่างไม่มีห้องอะไรเลย นอกจากห้องน้ำ เท่านั้น ต้องเดินขึ้นบันไดสูงๆ ไป แล้วไปเปิดประตูไม้ ที่ทำจากไม้เป็นแผ่น ๆ แล้วเปิดทับไป ทับมา เข้าไปในห้อง ก็เป็นห้องโล่งๆ ทั้งชั้น ไม่ได้กั้นแบ่งอะไรเลย ซึ่งบ้านเช่าสองหลังนี้ อยุ่ติดกัน สามารถที่จะเอาไม้แผ่นใหญ่ๆ วางพาดจากราวกันตก ของอีกบ้าน มาพาดอีกบ้าน เดินไปมาได้เลย
(แต่ส่วนใหญ่เค้าให้แมวเดินเล่นซะมากกว่า) อธิบายความบ้านของเจ้าของก่อน ลักษณะเป็นตึกปูน สีทึมๆ ถ้าสมัยนี้อาจจะเรียกว่า สไตล์ลอฟท์ ก็เป็นได้ บ้านเจ้าของบ้าน เค้าปลูกห่างจากรั้วบ้าน หลบเข้ามาข้างในอีกเยอะเลย เพราะฉนั้น มันจึงมีเนื้อที่เหลือหน้าบ้าน เท่ากับว่า ถ้าคนอยู่นอกรั้วบ้าน(รั้วบ้านสมัยก่อน ก็จะประมาณ เป็นรั้วหลวดหนาม เกี่ยวกับเสาปูน เป็นระยะ รอบพื้นที่อาณาเขต คงนึกภาพออกนะครับ) ก็จะมองเข้ามาเห็นบ้านเจ้าของก่อนเลย แต่ไม่สามารถมองเห็นบ้านเช่า สองหลัง ที่อยู่ถัดมาได้
แถวนั้น ในเวลากลางวัน จะเงียบมาก เพราะเนื่องจากบ้านอยุ่ห่างๆกัน ประกอบกับ แต่ละบ้านก็ออกไปทำมาหากิน กัน ช่วงเย็นๆหรือค่ำ ก็จะดูมีผู้คนเดินบนถนนบ้าง แต่ไม่มาก ณ ตอนนั้น ผมยังไม่เรียนหนังสือ รวมทั้งน้องสาวด้วย ส่วนพี่ชายก็ไปเรียนใกล้ๆบ้าน ส่วนบ้านเช่าอีกหลัง เป็นคนหนุ่ม รู้สึกเป็นคนใต้ ที่มีเช่าบ้านอยู่ และก็ไปทำงานด้วย ส่วนบ้านเจ้าของ ก็ออกไปทำงานด้วย ลูกๆเค้า ก็ไปเรียนหนังสือ กัน หมด สรุป....... คือ อยู่กัน 3คน คือ ผม น้องสาว และแม่ผม
เกริ่นมาซะยาว เดี่ยวจะเบื่อเสียก่อน แต่มันจำเป็นครับ ที่ต้องเล่าให้ฟัง เพราะจะได้นึกภาพออก ว่าสภาพบ้านเรือน ในสมัยนั้น ถึงจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ มันก็ไม่ต่างกับ ตจว.สักเท่าไหร่ เอาล่ะครับ .......เข้าเรื่องเลยนะ
เอาเรื่องบ้านของเจ้าของบ้านก่อนแล้วกัน!! อันนี้ก็หลอนๆเอาเรื่องเหมือนกัน
ในเมื่อ ผมกับ น้องสาว ยังไม่ไปโรงเรียน ในวัยเด็กสมัยนั้น คงทำอะไรไม่ดีไปกว่า วิ่งเล่นอยู่ในบ้าน หรือบริเวณบ้านสามหลังนั้น ส่วนใหญ่เราชอบวิ่งไปเล่นแถวหน้าบ้าน ของเจ้าของบ้าน หรือไม่ก็วิ่งมาหลังบ้าน และที่สำคัญ.....ชอบไปแอบดูตรงช่องลมของบ้านเจ้าของบ้าน อยากรู้ว่าในบ้านเค้ามีอะไรบ้าง เช่น โต๊ะ ทีวี โซฟา อะไรประมาณเนี้ย เพราะบ้านผมไม่มี แต่สิ่งที่มองเข้าไป ในบ้าน มันกลับเห็น มีคนยืนใส่ชุดขาวยาวมาก ยืนอยู่กลางบ้าน มองเท่าไหร่ ไม่เคยเห็นหัวซะที ให้น้องดู น้องก็บอกไม่เห็นเหมือนกัน ณ ตอนนั้น ก็พูดตามประสาเด็กว่า ผีหลอก แล้วก็วิ่งไปบอกแม่ที่อยุ่ที่บ้าน แม่ก็ไม่พูดอะไร ก็ได้แต่บอกว่าอย่าออกไปวิ่งเล่นนอกรั้วบ้านแค่นั้น เราก็ไม่คิดอะไร ก็มาเล่นกันต่อ โดยที่มองเข้าไป ก็เจอเหมือนเดิม
มีคนเดินอยู่บนถนนตอนเวลากลางวันๆ เค้าเจอแม่ผม เวลาแม่ผมออกไปนอกบ้าน เพื่อไปซื้อของ เค้าถามแม่ผมว่า ที่บ้านมีคนแก่อยู่ด้วยเหรอ เห็นนั่งหันหลังให้เค้า ผมขาวยาวถึงเอว เค้าก็ตะโกนทักทาย คนแก่คนนั้น ก็หันหน้ามายิ้มให้ นี่ก็ตอนกลางวันนะครับ แต่ถ้าเป็นช่วงหัวค่ำ คนเดินผ่านหน้าบ้าน แทบจะเห็นกันทุกคน เพราะเค้าก็เล่าให้ฟังกันแทบทุกคน แม่ผมก็บอกว่าไม่มีนะ เค้าอยู่กัน แค่ สามคนเอง และส่วนใหญ่ก็จะอยู่ด้านหลัง เอาซะชาวบ้านกลัวกันไปแถบๆ
มีครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ แรงมาก เล่นเอาตำรวจงง ชาวบ้านงง กันเลยครับ เพราะว่า มีชาวบ้านไปแจ้งตำรวจว่า บ้านของเจ้าของบ้าน บนชั้นสอง (ซึ่งบ้านของเจ้าของบ้าน ที่บอกว่าเป็นตึก หรือปูน แต่มีหน้าต่างกระจกรอบบ้านเลย อันนี้หมายถึงชั้นสองนะครับ) มีกลุ่มคนเดินไปมา บนบ้าน แต่งตัวแบบแปลก ๆ และเห็นมีควันลอยเต็มอยู่ในชั้นสองของตัวบ้าน น่าจะมีการมั่วสุม อะไรกันซักอย่าง (ณ ตอนนั้น เหมือนเดิม ทุกคนของทุกบ้าน ไปทำงาน ไปเรียนกันหมด เหลือแค่ สามคน) ชาวบ้านที่มาดู ก็รอดูจนตำรวจมา ก็ยังชึ้ให้ตำรวจดู แม่ผมก็ออกไปรับหน้า บอกว่า ไม่มีใครอยู่นะ เค้าไปทำงานกันหมด บ้านก็ปิดกุญแจล็อกไว้ แม่ต้องให้ตำรวจโทรไปหาที่ทำงานของเจ้าของบ้าน เพื่อมาเปิดบ้านให้ดู พอเข้าไปดู บนบ้าน กลับไม่พบอะไรทั้ง นั้น แม้แต่กลิ่นควัน ...
อันนี้แค่น้ำจิ้มๆ นะครับ คราวนี้เจอของจริง!!
มีอยู่วันหนึ่งจำได้ว่า เป็นช่วงเวลาเย็นๆประมาณ 5-6โมงเย็นเห็นจะได้ ผมกะน้องก็นั่งเล่นอยู่ตามขั้นบันได ส่วนแม่ผมก็นั่งด้วย ไม่แน่ใจว่านั่งสอนอ่านหนังสือ หรืออะไรกัน จำไม่ได้ พ่อผมก็ยังไม่กลับ พี่ชายก็ยังไม่ถึงบ้าน ส่วนบ้านเช่าอีกหลัง ผู้ชายที่ไปทำงานที่ผมบอกว่าเป็นคนใต้ที่มาเช่าอยู่ ก็อยู่ในบ้านแล้ว แต่อยู่ข้างบน เพราะกลับจากที่ทำงานมา ..... ซักพัก ไม่รู้แม่ผมเป็นอะไร นั่งอยู่ด้วยกันดีๆ ก็ลุกเดินขี้นบันได ไปบนชั้นสองของตัวบ้านและเดินเข้าห้องไป และหายไปอยู่ห้องนานมาก ผมกะน้องก็นั่งอยู่ ตรงขั้นบันได ก็ชวนกันเดินขึ้นบันได ไปตามแม่ แต่พอเข้าห้องไปแล้ว กลับไม่เจอแม่อยู่ในห้องเลย ทั้งๆที ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า บ้านบนชั้นสอง ไม่มีห้องอะไรอีกเลย นอกจากที่โล่งๆ เราก็ตกใจกัน ก็เลยวิ่งไปหาพี่ๆที่บ้านเช่าอีกหลัง บอกว่าแม่หายไปไหนไม่รู้ ให้ช่วยดูแม่หน่อย เค้าก็ออกมานอกห้องกัน ประมาณ 3-4คน แล้วก็มายืนมองไปทีบ้านของผม แต่เขาจับตัวผม กะ น้องไว้ ไม่ให้วิ่งกลับไปที่บ้านของผม และสิ่งที่เค้าเห็นกัน ............
มันคือซากศพ...ครับ ทีมันเดินได้ ลักษณะของมันก็คือ ตัวแห้งหนังติดกระดูก ดำๆ ผมเผ้ารุงรัง มองไม่เห็นหน้าตา แต่นุ่งผ้าถุงเก่าๆ คือประมาณว่า คนตายแล้ว แล้วเอาไปฝัง หลายเดือน แล้วเอาขึ้นมาอะไรประมาณเนี้ยครับ มันเดินออกจากห้องมา บนชั้นสองที่บ้านผม ที่แม่ผมหายไป มันมาหยุดพิงประตูไม้ที่เปิดอยู่ !!! แล้วมันก็อยู่แบบนั้น ครับ ...พี่อีกบ้านที่เค้าดูอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่าเค้ากลัวมั้ย หรืออะไร รู้แต่ว่า มีคนหนึ่ง เอาไม้ที่ผมบอกว่าทำเป็นสะพานข้ามไปมาระหว่างบ้าน ให้แมวเดิน เค้าเอาไม้อันนี้ ดันตัวมันครับ ผมเห็นพี่เค้าดันอยู่นานมาก .....สุดท้ายมันทำยังไงรู้มั้ยครับ มันเดินแบบ เซไป เซมา เข้าไปในห้องเหมือนเดิมครับ พอคราวนี้ มันหายเข้าไปในห้องแล้ว พวกพี่ๆ ก็รีบวิ่งกันมาแล้วขี้นบ้านผม เพื่อจะไปดูแม่ผมที่หายไป ปรากฎว่า แม่ผมหลับอยู่กลางห้อง โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถามว่าทำไมมานอนตรงนี้ แม่บอกว่าจะขึ้นมาเปิดไฟข้างบน แต่มันรู้สึกง่วงก็เลยนอน .....
จริงๆแล้ว มันมีเรื่องให้หลอนได้ทุกวันนะครับ แทบทุกวัน ที่เจอครับ เช่น ครอบครัวผมจะนอนกัน 5คน เรียงกันไป ผมตื่นขึ้นกลางดึก มองไปกลางบ้าน ผมเห็นอะไรรู้มั้ยครับ .....ผมเห็นมีคนผู้ชายหน้าตา หน้ากลัว กำลังก่อไฟ เขี่ยกองไฟ อยู่บนบ้านผมเนี่ยะ เค้าหันมามองผมด้วยนะ แต่ตอนนั้นผมก็กลัว ก็มุดคลุมโปงเลย เช้ามาเล่าให้พ่อแม่ฟัง เค้าก็ว่าผมหลอน ไปเอง เล่นหลอกผีกัน จนเก็บเอาไปฝัน
สุดท้ายครับ .....ย้ายออกทั้ง3หลังเลยครับ ขายทิ้งหมดทั้งบ้านพร้อมที่ มาดูเฉลยกัน ว่าเรื่องที่ผมเล่า เป็นยังไง
1.เจ้าของบ้านเช่า ก็เห็นพวกผีๆทั้งหลายนี่ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเล่าให้คนเช่าบ้านฟัง เพราะกลัวว่า จะกลัวกัน แต่เจ้าของบ้านไม่กลัวครับ เพราะเค้าถือศีล ทำบุญเยอะ เค้าบอกว่า บางทีเค้าเลิกงานตอนดึกๆ มันมาหาเค้าเลยในสภาพเป็นเงาดำๆ เดินตามเกาะแข้ง เกาะขา ขนาดนั้นเลย (อันนี้เค้าเล่าให้ฟังหลังจากย้ายออกมาหมดแล้ว ........แล้วเค้าไปซื้อที่ใหม่ แถวๆถนนสุขุวิท 101/1 แต่ไม่ได้อยู่ติดถนนนะครับ เข้าไปในซอย แล้วเชื่อมั้ยครับ ครอบครัวผม กับพี่บ้านเช่าอีกหลังหนึ่ง ก็ตามกันไปเช่าอยู่ ที่ใหม่ ที่เจ้าของบ้านปลูกเหมือนเดิม ทุกอย่าง.........แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาทีนี้ .....ผมดันมาเจอกุมารทองที่บ้านใหม่แห่งนี้ด้วยสิ.....สนุกกันเลยงานนี้ ถ้ามีโอกาศ ก็จะเล่าให้ฟังต่อนะครับ)
2.แปลกใจมากที่พ่อผม ไม่เคยเจอเลยซักตัวเดียว ทั้งๆที่พ่อผม กลับบ้านดึกๆ เพราะต้องขับแท็กซี่ และส่วนใหญ่จะกลับเป็นคนสุดท้ายของบ้านทั้งหมด สมัยนั้น 3-4ทุ่มนี่ก็วังเวงแล้วครับ และที่น่าแปลกใจมากที่สุดคือ พ่อผมซื้อหวย ทุกงวด ถูกทุกงวด ไม่รู้เป็นอะไร นึกเลขอะไรได้ ซื้อ ออกตรง ถามว่าทำไมผมถึงรู้ว่าพ่อถูกหวย เพราะว่าบ้านผม ลำพังพ่อขับรถแท็กซี่ ซึ่งเป็นรถเช่าด้วยนะ กับค่าใช้จ่ายอีก5ชีวิต มันไม่พออยู่แล้ว แต่พอถูกหวยขึ้นมา เป็นอันหยุดขับหากิน แล้วพาพวกผมไปเที่ยวบางแสนทุกทีเลย
3.พี่ชายผม ก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน และไม่ค่อยอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆเท่าไรนัก
4.เหตุการณ์ทั้งหมดที่ผมเล่ามา น้องสาวก็เป็นอีกคนที่อยู่กะผม เพราะงั้น เค้าจึงสามารถเล่าเรื่องนี้ได้ตรงกับผมทีเดียว
5.จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนถึงทุกวันนี้ ทำให้พ่อผมบ้าหวย(ปัจจุบันแก่แล้ว ลูกๆก็เลี้ยงไป)เพราะคงคิดว่าคงจะถูกเหมือนเมื่อก่อนมั้ง
อ้อ...เกือบลืมบอกไปอันนี้ แหล่ะ เป็นจุดสำคัญที่จะบอกว่าทำไม บ้านสามหลังนี้ ผีดุมาก .....เจ้าของบ้านเช่า เค้าไปหาพระอาจารย์ที่นับถือให้ดูให้ว่าทำไมที่ตรงนี้ ถึงเป็นแบบนี้ ก็ได้คำตอบว่า ที่เดิมๆ ตรงนั้น ไม่มีอะไรเลย ปกติมาก แต่ที่มันเกิดเหตุการณ์ก็เพราะ การไปเอาดินมาถมที่ตรงนั้น (ผมเข้าใจเองว่า ก่อนถมที่ปลูกบ้าน น่าจะเป็นหนองน้ำ ก็น่าจะเอาดินมาถมให้สูงๆเพื่อปลูกบ้าน)และดินที่ไปเอามาถมที่ มันเป็นดินที่มีพวกสัมภเวสีอยู่ เป็นจำนวนมาก และเป็นดินทีพวกสัมภเวสีที่เป็นพวกทหารเก่า หรือชาวบ้าน ล้มตายกัน...!! และฝังร่างลงไปในดิน ตามกาลเวลาแต่ วิญญาณยังไม่ไปไหน
ไว้ถ้ามีเวลาอีก จะมาเล่าภาคสองต่อให้ฟังนะครับ ที่ผมเกริ่นไว้ว่า มาเช่าบ้านอยู่ หลังที่สอง แล้วมาเจอกะ กุมารทอง บนห้องนอนของผมเอง อันนี้ พี่ชายผม กะผมเต็มๆครับ .......
ู้
ู
"มีใครเจอศพ หรือที่เรียก ว่า ผี...ตัวเป็นๆ มั้ยครับ " ถ้าจะบอกว่าผมเจอ จะเชื่อหรือเปล่าครับ !!!
สมัยก่อนตอนที่ผมยังเด็กนั้น ผมมีครอบครัวอยู่กัน 5คน คือ พ่อ แม่ พี่ชาย ผม และน้องสาว ฐานะยากจน พ่อก็ทำงานขับแท็กซี่อย่างเดียว แม่ก็เลี้ยงลูก 3คน ไม่ได้ทำงานอะไร บ้านช่องที่อยู่ ก็อาศัยเช่าเค้าไปเป็นเดือนๆ และเรื่องที่เกิดขี้น .......ก็เกิดขี้นที่บ้านเช่า ที่ กรุงเทพฯ นี่เองครับ
ณ ตอนนั้น ผมอยู่บ้านเช่า ที่แถวถนนอุดมสุข ใกล้ๆกับ โรงงานธานินทร์ และไม่ต้องอธิบายความ มากนะครับว่า สมัยก่อน แถวนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับ ต่างจังหวัด ดีๆ พื้นทีส่วนใหญ่ก็จะเป็นทุ่งกว้าง หนองน้ำ ป่ากก ซะเป็นส่วนใหญ่ ครอบครัวผมก็ต้องอพยพตามพ่อที่ ต้องมาขับแท็กซึ่หากิน ก็เลยได้บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในจำนวน 3หลัง ในบริเวณเนื้อทีเดียวกัน (เนื้อทีค่อนข้างใหญ่ เป็นบ้านเดี่ยว เป็นหลังๆ อยู่ในพื้นทีเดียวกัน)
ขออธิบายเรื่องบ้าน 3หลังนี้ก่อน นะครับ จะได้เห็นภาพ กัน บ้านที่พ่อผมมาเช่าอยู่ อยู่ในซอยเล็ก ทางหินลูกรัง สองข้างทางเป็นหนองน้ำ หรือไม่ก็ต้นไม่ใหญ่ๆ หรือบางส่วนก็เป็นป่ากก ตลอดทั้งซอย และบ้านก็จะปลูกห่างๆกัน บ้านที่พ่อผมมาเช่า เจ้าของบ้านก็ได้ ซื้อที่เอาไว้ แล้ว ก็ปลูกบ้านของตัวเองไว้ด้านหน้า ส่วนบ้านเช่าสองหลัง ก็ปลูกไว้ด้านหลังอีก ที ซึ่งสองหลังนี้ เป็นบ้านไม้ ยกพื้นสูง เท่ากับว่า ข้างล่างไม่มีห้องอะไรเลย นอกจากห้องน้ำ เท่านั้น ต้องเดินขึ้นบันไดสูงๆ ไป แล้วไปเปิดประตูไม้ ที่ทำจากไม้เป็นแผ่น ๆ แล้วเปิดทับไป ทับมา เข้าไปในห้อง ก็เป็นห้องโล่งๆ ทั้งชั้น ไม่ได้กั้นแบ่งอะไรเลย ซึ่งบ้านเช่าสองหลังนี้ อยุ่ติดกัน สามารถที่จะเอาไม้แผ่นใหญ่ๆ วางพาดจากราวกันตก ของอีกบ้าน มาพาดอีกบ้าน เดินไปมาได้เลย
(แต่ส่วนใหญ่เค้าให้แมวเดินเล่นซะมากกว่า) อธิบายความบ้านของเจ้าของก่อน ลักษณะเป็นตึกปูน สีทึมๆ ถ้าสมัยนี้อาจจะเรียกว่า สไตล์ลอฟท์ ก็เป็นได้ บ้านเจ้าของบ้าน เค้าปลูกห่างจากรั้วบ้าน หลบเข้ามาข้างในอีกเยอะเลย เพราะฉนั้น มันจึงมีเนื้อที่เหลือหน้าบ้าน เท่ากับว่า ถ้าคนอยู่นอกรั้วบ้าน(รั้วบ้านสมัยก่อน ก็จะประมาณ เป็นรั้วหลวดหนาม เกี่ยวกับเสาปูน เป็นระยะ รอบพื้นที่อาณาเขต คงนึกภาพออกนะครับ) ก็จะมองเข้ามาเห็นบ้านเจ้าของก่อนเลย แต่ไม่สามารถมองเห็นบ้านเช่า สองหลัง ที่อยู่ถัดมาได้
แถวนั้น ในเวลากลางวัน จะเงียบมาก เพราะเนื่องจากบ้านอยุ่ห่างๆกัน ประกอบกับ แต่ละบ้านก็ออกไปทำมาหากิน กัน ช่วงเย็นๆหรือค่ำ ก็จะดูมีผู้คนเดินบนถนนบ้าง แต่ไม่มาก ณ ตอนนั้น ผมยังไม่เรียนหนังสือ รวมทั้งน้องสาวด้วย ส่วนพี่ชายก็ไปเรียนใกล้ๆบ้าน ส่วนบ้านเช่าอีกหลัง เป็นคนหนุ่ม รู้สึกเป็นคนใต้ ที่มีเช่าบ้านอยู่ และก็ไปทำงานด้วย ส่วนบ้านเจ้าของ ก็ออกไปทำงานด้วย ลูกๆเค้า ก็ไปเรียนหนังสือ กัน หมด สรุป....... คือ อยู่กัน 3คน คือ ผม น้องสาว และแม่ผม
เกริ่นมาซะยาว เดี่ยวจะเบื่อเสียก่อน แต่มันจำเป็นครับ ที่ต้องเล่าให้ฟัง เพราะจะได้นึกภาพออก ว่าสภาพบ้านเรือน ในสมัยนั้น ถึงจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ มันก็ไม่ต่างกับ ตจว.สักเท่าไหร่ เอาล่ะครับ .......เข้าเรื่องเลยนะ
เอาเรื่องบ้านของเจ้าของบ้านก่อนแล้วกัน!! อันนี้ก็หลอนๆเอาเรื่องเหมือนกัน
ในเมื่อ ผมกับ น้องสาว ยังไม่ไปโรงเรียน ในวัยเด็กสมัยนั้น คงทำอะไรไม่ดีไปกว่า วิ่งเล่นอยู่ในบ้าน หรือบริเวณบ้านสามหลังนั้น ส่วนใหญ่เราชอบวิ่งไปเล่นแถวหน้าบ้าน ของเจ้าของบ้าน หรือไม่ก็วิ่งมาหลังบ้าน และที่สำคัญ.....ชอบไปแอบดูตรงช่องลมของบ้านเจ้าของบ้าน อยากรู้ว่าในบ้านเค้ามีอะไรบ้าง เช่น โต๊ะ ทีวี โซฟา อะไรประมาณเนี้ย เพราะบ้านผมไม่มี แต่สิ่งที่มองเข้าไป ในบ้าน มันกลับเห็น มีคนยืนใส่ชุดขาวยาวมาก ยืนอยู่กลางบ้าน มองเท่าไหร่ ไม่เคยเห็นหัวซะที ให้น้องดู น้องก็บอกไม่เห็นเหมือนกัน ณ ตอนนั้น ก็พูดตามประสาเด็กว่า ผีหลอก แล้วก็วิ่งไปบอกแม่ที่อยุ่ที่บ้าน แม่ก็ไม่พูดอะไร ก็ได้แต่บอกว่าอย่าออกไปวิ่งเล่นนอกรั้วบ้านแค่นั้น เราก็ไม่คิดอะไร ก็มาเล่นกันต่อ โดยที่มองเข้าไป ก็เจอเหมือนเดิม
มีคนเดินอยู่บนถนนตอนเวลากลางวันๆ เค้าเจอแม่ผม เวลาแม่ผมออกไปนอกบ้าน เพื่อไปซื้อของ เค้าถามแม่ผมว่า ที่บ้านมีคนแก่อยู่ด้วยเหรอ เห็นนั่งหันหลังให้เค้า ผมขาวยาวถึงเอว เค้าก็ตะโกนทักทาย คนแก่คนนั้น ก็หันหน้ามายิ้มให้ นี่ก็ตอนกลางวันนะครับ แต่ถ้าเป็นช่วงหัวค่ำ คนเดินผ่านหน้าบ้าน แทบจะเห็นกันทุกคน เพราะเค้าก็เล่าให้ฟังกันแทบทุกคน แม่ผมก็บอกว่าไม่มีนะ เค้าอยู่กัน แค่ สามคนเอง และส่วนใหญ่ก็จะอยู่ด้านหลัง เอาซะชาวบ้านกลัวกันไปแถบๆ
มีครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ แรงมาก เล่นเอาตำรวจงง ชาวบ้านงง กันเลยครับ เพราะว่า มีชาวบ้านไปแจ้งตำรวจว่า บ้านของเจ้าของบ้าน บนชั้นสอง (ซึ่งบ้านของเจ้าของบ้าน ที่บอกว่าเป็นตึก หรือปูน แต่มีหน้าต่างกระจกรอบบ้านเลย อันนี้หมายถึงชั้นสองนะครับ) มีกลุ่มคนเดินไปมา บนบ้าน แต่งตัวแบบแปลก ๆ และเห็นมีควันลอยเต็มอยู่ในชั้นสองของตัวบ้าน น่าจะมีการมั่วสุม อะไรกันซักอย่าง (ณ ตอนนั้น เหมือนเดิม ทุกคนของทุกบ้าน ไปทำงาน ไปเรียนกันหมด เหลือแค่ สามคน) ชาวบ้านที่มาดู ก็รอดูจนตำรวจมา ก็ยังชึ้ให้ตำรวจดู แม่ผมก็ออกไปรับหน้า บอกว่า ไม่มีใครอยู่นะ เค้าไปทำงานกันหมด บ้านก็ปิดกุญแจล็อกไว้ แม่ต้องให้ตำรวจโทรไปหาที่ทำงานของเจ้าของบ้าน เพื่อมาเปิดบ้านให้ดู พอเข้าไปดู บนบ้าน กลับไม่พบอะไรทั้ง นั้น แม้แต่กลิ่นควัน ...
อันนี้แค่น้ำจิ้มๆ นะครับ คราวนี้เจอของจริง!!
มีอยู่วันหนึ่งจำได้ว่า เป็นช่วงเวลาเย็นๆประมาณ 5-6โมงเย็นเห็นจะได้ ผมกะน้องก็นั่งเล่นอยู่ตามขั้นบันได ส่วนแม่ผมก็นั่งด้วย ไม่แน่ใจว่านั่งสอนอ่านหนังสือ หรืออะไรกัน จำไม่ได้ พ่อผมก็ยังไม่กลับ พี่ชายก็ยังไม่ถึงบ้าน ส่วนบ้านเช่าอีกหลัง ผู้ชายที่ไปทำงานที่ผมบอกว่าเป็นคนใต้ที่มาเช่าอยู่ ก็อยู่ในบ้านแล้ว แต่อยู่ข้างบน เพราะกลับจากที่ทำงานมา ..... ซักพัก ไม่รู้แม่ผมเป็นอะไร นั่งอยู่ด้วยกันดีๆ ก็ลุกเดินขี้นบันได ไปบนชั้นสองของตัวบ้านและเดินเข้าห้องไป และหายไปอยู่ห้องนานมาก ผมกะน้องก็นั่งอยู่ ตรงขั้นบันได ก็ชวนกันเดินขึ้นบันได ไปตามแม่ แต่พอเข้าห้องไปแล้ว กลับไม่เจอแม่อยู่ในห้องเลย ทั้งๆที ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า บ้านบนชั้นสอง ไม่มีห้องอะไรอีกเลย นอกจากที่โล่งๆ เราก็ตกใจกัน ก็เลยวิ่งไปหาพี่ๆที่บ้านเช่าอีกหลัง บอกว่าแม่หายไปไหนไม่รู้ ให้ช่วยดูแม่หน่อย เค้าก็ออกมานอกห้องกัน ประมาณ 3-4คน แล้วก็มายืนมองไปทีบ้านของผม แต่เขาจับตัวผม กะ น้องไว้ ไม่ให้วิ่งกลับไปที่บ้านของผม และสิ่งที่เค้าเห็นกัน ............
มันคือซากศพ...ครับ ทีมันเดินได้ ลักษณะของมันก็คือ ตัวแห้งหนังติดกระดูก ดำๆ ผมเผ้ารุงรัง มองไม่เห็นหน้าตา แต่นุ่งผ้าถุงเก่าๆ คือประมาณว่า คนตายแล้ว แล้วเอาไปฝัง หลายเดือน แล้วเอาขึ้นมาอะไรประมาณเนี้ยครับ มันเดินออกจากห้องมา บนชั้นสองที่บ้านผม ที่แม่ผมหายไป มันมาหยุดพิงประตูไม้ที่เปิดอยู่ !!! แล้วมันก็อยู่แบบนั้น ครับ ...พี่อีกบ้านที่เค้าดูอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่าเค้ากลัวมั้ย หรืออะไร รู้แต่ว่า มีคนหนึ่ง เอาไม้ที่ผมบอกว่าทำเป็นสะพานข้ามไปมาระหว่างบ้าน ให้แมวเดิน เค้าเอาไม้อันนี้ ดันตัวมันครับ ผมเห็นพี่เค้าดันอยู่นานมาก .....สุดท้ายมันทำยังไงรู้มั้ยครับ มันเดินแบบ เซไป เซมา เข้าไปในห้องเหมือนเดิมครับ พอคราวนี้ มันหายเข้าไปในห้องแล้ว พวกพี่ๆ ก็รีบวิ่งกันมาแล้วขี้นบ้านผม เพื่อจะไปดูแม่ผมที่หายไป ปรากฎว่า แม่ผมหลับอยู่กลางห้อง โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถามว่าทำไมมานอนตรงนี้ แม่บอกว่าจะขึ้นมาเปิดไฟข้างบน แต่มันรู้สึกง่วงก็เลยนอน .....
จริงๆแล้ว มันมีเรื่องให้หลอนได้ทุกวันนะครับ แทบทุกวัน ที่เจอครับ เช่น ครอบครัวผมจะนอนกัน 5คน เรียงกันไป ผมตื่นขึ้นกลางดึก มองไปกลางบ้าน ผมเห็นอะไรรู้มั้ยครับ .....ผมเห็นมีคนผู้ชายหน้าตา หน้ากลัว กำลังก่อไฟ เขี่ยกองไฟ อยู่บนบ้านผมเนี่ยะ เค้าหันมามองผมด้วยนะ แต่ตอนนั้นผมก็กลัว ก็มุดคลุมโปงเลย เช้ามาเล่าให้พ่อแม่ฟัง เค้าก็ว่าผมหลอน ไปเอง เล่นหลอกผีกัน จนเก็บเอาไปฝัน
สุดท้ายครับ .....ย้ายออกทั้ง3หลังเลยครับ ขายทิ้งหมดทั้งบ้านพร้อมที่ มาดูเฉลยกัน ว่าเรื่องที่ผมเล่า เป็นยังไง
1.เจ้าของบ้านเช่า ก็เห็นพวกผีๆทั้งหลายนี่ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเล่าให้คนเช่าบ้านฟัง เพราะกลัวว่า จะกลัวกัน แต่เจ้าของบ้านไม่กลัวครับ เพราะเค้าถือศีล ทำบุญเยอะ เค้าบอกว่า บางทีเค้าเลิกงานตอนดึกๆ มันมาหาเค้าเลยในสภาพเป็นเงาดำๆ เดินตามเกาะแข้ง เกาะขา ขนาดนั้นเลย (อันนี้เค้าเล่าให้ฟังหลังจากย้ายออกมาหมดแล้ว ........แล้วเค้าไปซื้อที่ใหม่ แถวๆถนนสุขุวิท 101/1 แต่ไม่ได้อยู่ติดถนนนะครับ เข้าไปในซอย แล้วเชื่อมั้ยครับ ครอบครัวผม กับพี่บ้านเช่าอีกหลังหนึ่ง ก็ตามกันไปเช่าอยู่ ที่ใหม่ ที่เจ้าของบ้านปลูกเหมือนเดิม ทุกอย่าง.........แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาทีนี้ .....ผมดันมาเจอกุมารทองที่บ้านใหม่แห่งนี้ด้วยสิ.....สนุกกันเลยงานนี้ ถ้ามีโอกาศ ก็จะเล่าให้ฟังต่อนะครับ)
2.แปลกใจมากที่พ่อผม ไม่เคยเจอเลยซักตัวเดียว ทั้งๆที่พ่อผม กลับบ้านดึกๆ เพราะต้องขับแท็กซี่ และส่วนใหญ่จะกลับเป็นคนสุดท้ายของบ้านทั้งหมด สมัยนั้น 3-4ทุ่มนี่ก็วังเวงแล้วครับ และที่น่าแปลกใจมากที่สุดคือ พ่อผมซื้อหวย ทุกงวด ถูกทุกงวด ไม่รู้เป็นอะไร นึกเลขอะไรได้ ซื้อ ออกตรง ถามว่าทำไมผมถึงรู้ว่าพ่อถูกหวย เพราะว่าบ้านผม ลำพังพ่อขับรถแท็กซี่ ซึ่งเป็นรถเช่าด้วยนะ กับค่าใช้จ่ายอีก5ชีวิต มันไม่พออยู่แล้ว แต่พอถูกหวยขึ้นมา เป็นอันหยุดขับหากิน แล้วพาพวกผมไปเที่ยวบางแสนทุกทีเลย
3.พี่ชายผม ก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน และไม่ค่อยอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆเท่าไรนัก
4.เหตุการณ์ทั้งหมดที่ผมเล่ามา น้องสาวก็เป็นอีกคนที่อยู่กะผม เพราะงั้น เค้าจึงสามารถเล่าเรื่องนี้ได้ตรงกับผมทีเดียว
5.จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนถึงทุกวันนี้ ทำให้พ่อผมบ้าหวย(ปัจจุบันแก่แล้ว ลูกๆก็เลี้ยงไป)เพราะคงคิดว่าคงจะถูกเหมือนเมื่อก่อนมั้ง
อ้อ...เกือบลืมบอกไปอันนี้ แหล่ะ เป็นจุดสำคัญที่จะบอกว่าทำไม บ้านสามหลังนี้ ผีดุมาก .....เจ้าของบ้านเช่า เค้าไปหาพระอาจารย์ที่นับถือให้ดูให้ว่าทำไมที่ตรงนี้ ถึงเป็นแบบนี้ ก็ได้คำตอบว่า ที่เดิมๆ ตรงนั้น ไม่มีอะไรเลย ปกติมาก แต่ที่มันเกิดเหตุการณ์ก็เพราะ การไปเอาดินมาถมที่ตรงนั้น (ผมเข้าใจเองว่า ก่อนถมที่ปลูกบ้าน น่าจะเป็นหนองน้ำ ก็น่าจะเอาดินมาถมให้สูงๆเพื่อปลูกบ้าน)และดินที่ไปเอามาถมที่ มันเป็นดินที่มีพวกสัมภเวสีอยู่ เป็นจำนวนมาก และเป็นดินทีพวกสัมภเวสีที่เป็นพวกทหารเก่า หรือชาวบ้าน ล้มตายกัน...!! และฝังร่างลงไปในดิน ตามกาลเวลาแต่ วิญญาณยังไม่ไปไหน
ไว้ถ้ามีเวลาอีก จะมาเล่าภาคสองต่อให้ฟังนะครับ ที่ผมเกริ่นไว้ว่า มาเช่าบ้านอยู่ หลังที่สอง แล้วมาเจอกะ กุมารทอง บนห้องนอนของผมเอง อันนี้ พี่ชายผม กะผมเต็มๆครับ .......
ู้
ู