เรื่องเก่าเล่าอดีต (๒)

กระทู้สนทนา
เรื่องเก่าเล่าอดีต (๒)

จากนิตยสารต่วยตูน

เพื่อนบ้าน

" เพทาย "

เมื่อครั้งที่อพยพจากตรอกโรงเรียนนายร้อย มาเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔ นั้น ที่ดินดังกล่าวยังเป็นที่ว่างอยู่เป็นส่วนมาก เมื่อปลูกบ้านจึงต้องทำรั้วทั้งสี่ด้าน โดยไม่มีเพื่อนบ้านอยู่ชิดติดกันเลย ต่อมาอีกนานจึงมีผู้มาปลูกบ้านเคียงกันทั้งสามด้าน ส่วนด้านหน้าบ้านของผมหันไปทางทิศเหนือ เดิมนั้นเป็นทางเดินแคบ ๆ บนพื้นดินมีแผ่นซีเมนต์สี่เหลี่ยมวางเป็นระยะ เหมือนทางเดินระหว่างสวนสมัยก่อน ต่อมาจึงมีการโรยกรวด และราดยางบาง ๆ

ในระยะหลังที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถี่ขึ้น พรรคที่ครองกรุงเทพมหานคร จึงจัดการราดยางอย่างดีให้เหมือนถนนใหญ่ แต่รถแล่นได้คันเดียวเพราะแคบเท่าเดิม

เพื่อนบ้านทางซ้ายหรือตะวันตก ได้ขอเปลี่ยนรั้วเก่าแก่ของบ้านผมใหม่ สมัยที่ไม้ยังหาง่ายและราคาไม่แพงเป็นทอง เขาจึงเอาไม้ฝามาตีเรียงเป็นรั้วตลอดแนว แต่ลงท้ายก็ผุพังโย้เย้ ผมจึงขอเปลี่ยนเป็นรั้วสังกะสีและก่ออิฐเป็นฐาน จึงอยู่จนถึงบัดนี้

ส่วนตัวเจ้าของบ้าน มีลูกชายหญิงหลายคน เมื่อโตขึ้นเขาก็แยกย้ายกันมีครอบครัวไปหมดเหลือแต่แม่ ก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีตลอดมาแม้จะแบ่งห้องให้เช่า เมื่อเจ้าบ้านได้ถึงแก่กรรม ผู้เช่าก็อยู่กันเป็นอิสระ คราวนี้ริมรั้วบ้านผมด้านนั้น จึงกลายเป็นที่ทิ้งเศษขยะ มีไม้จิ้มลูกชิ้น ถุงพลาสติก ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซองบุหรี่ เป็นต้น เกลื่อนอยู่ทุกวัน คงจะไม่ได้ซื้อตะกร้าทิ้งผงมาใช้

ทางด้านหลังหรือทิศใต้ เดิมก็เป็นบ้านอยู่อาศัยธรรมดา ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกันนัก เพราะออกจากบ้านคนละทาง ต่อมามีเถ้าแก่มาซื้อทำเป็นหอพัก ซอยห้องเสียถี่ยิบทั้งชั้นล่างชั้นบน แล้วก็ทำห้องน้ำส่วนกลางเรียงเป็นแถว ด้านที่ติดกับรั้วบ้านผม โดยรื้อรั้วออก เอาผนังห้องน้ำห้องส้วมเป็นอาณาเขตไปเลย

เมื่อมีคนอยู่มากใช้น้ำมาก น้ำเสียก็ซึมเข้ามาในบ้านผม ต้องทำทางระบายน้ำใหม่ให้แข็งแรง จึงค่อยยังชั่ว แต่ถังใส่น้ำในห้องน้ำเหล่านั้นฉาบปูนไม่ดี จึงมีน้ำรั่วซึมหรือไหลริน มาทางด้านที่ติดกับบ้านผม แต่มันก็ไหลลงรางระบายน้ำไป บอกให้แก้ไขก็ไม่ทำ ก็ไม่ว่าอะไรจะได้อาศัยน้ำนั้นล้างท่อเสียเลย ไม่เปลืองน้ำบ้านเรา

ทางด้านขวาหรือทิศตะวันออก เจ้าของบ้านมีความเจริญมากขึ้น ก็ย้ายไปอยู่ตึกในหมู่บ้านที่มีชื่อเสียง ทิ้งบ้านไว้ก็ไม่ค่อยมีคนเช่าเพราะหลังใหญ่มาก มาเมื่อไม่นานนี่เอง มีผู้เช่ารายใหญ่ มาซ่อมแซมดัดแปลงตกแต่งทาสี ติดเครื่องปรับอากาศ เสร็จ แล้วขึ้นป้ายว่าเป็นสถานนวดเพื่อสุขภาพ และขอเปลี่ยนรั้วเก่าของผม เป็นสังกะสีชุบสีเขียวเข้ากับตัวบ้าน แต่สร้างรั้วเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นห้องน้ำห้องส้วมเหมือนบ้านข้างหลัง ผมก็ไม่ว่ากระไร เพราะนวดโบราณไม่ได้ใช้น้ำมากมายนัก ถึงไหลมาก็ลงทางระบายน้ำซึ่งทำไว้รอบบ้านอยู่แล้ว

แต่อยู่มาเป็นเดือน ก็ไม่มีผู้ขี้เมื่อยเข้ามานวด สืบทราบว่าหมอนวดไม่ยอมมา เพราะแท้จริงเป็นที่สำหรับแอบเล่นการพนัน ชนิดใดบ้างผมก็ไม่มีความรู้ ก็คอยดูว่าเมื่อไรจะมีการเล่นไล่จับกันบ้าง เพราะอยู่ห่างจากสถานีตำรวจไม่ถึงกิโลเมตร

กลางดึกคืนหนึ่งผมกำลังหลับสนิท ก็เกิดมีเสียงดังกึกก้องขึ้น อย่างกับดินถล่มฟ้าทลาย งงอยู่เป็นครู่หนึ่งจึงจับทิศได้ ว่ามาจากด้านขวานี้เอง จึงเปิดหน้าต่างห้องออกไปดู เห็นมีคนวิ่งจากข้างในบ้านออกมาที่ชาน ซึ่งติดกับหลังคาเฉลียงชั้นล่างของผม แล้วก็กระโดดเข้ามาวิ่งบนหลังคา ซึ่งทำด้วยกระเบื้องลอนคู่นั้น แล้วก็โดดหายไปคนละทิศละทาง เหลืออยู่คนเดียวนั่งกอดเข่าตัวสั่นเป็นลูกนก แอบซอกข้างประตู หน้าตาจะเป็นอย่างไรมองไม่เห็นเพราะมันมืด เข้าใจว่าจะเป็นโรคกลัวความสูง

ผมจึงปิดหน้าต่าง ลงไปดูหน้าบ้านข้างล่าง หลายคนได้โดดข้ามรั้วหน้าบ้านออกไปในซอยแล้ว แต่ยังเหลืออีกสองสามคนบอกคุณลุงช่วยเปิดประตูด้วย ขืนผมเปิดออกไปแล้วจ๊ะเอ๋กับตำรวจที่มารออยู่ ผมมิลำบากไปด้วยหรือ ผมจึงบอกว่ามายังไงก็หาทางไปเอาเอง พวกผู้ชายก็กัดฟันปีนประตูบ้านออกไป เหลือผู้หญิงอีกคนหนึ่งเอามือขวากุมมือซ้ายไว้ไม่ยอมปีน ผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเข้าบ้านปิดประตูเสีย ปล่อยไปตามกรรม

แต่อีกไม่นานก็มีคนมาเรียกที่ประตูบ้าน ผมออกไปดูปรากฎว่าเป็นผู้เช่ารายใหญ่นั้นเอง ขอร้องให้เปิดประตู ผมก็ไขกุญแจประตูรั้วเปิดออก เขาก็เข้ามาบอกว่าไม่มีอะไร เข้าใจผิดกันนิดหน่อย แล้วก็เรียกชื่อผู้หญิงที่ยังอยู่ในบ้านผม เธอก็โผล่ออกมาจากหลังบ้าน ปรากฎว่ามือข้างซ้ายมีบาดแผล เข้าใจว่าสังกะสีรั้วจะบาดเอาเมื่อตอนลงมาจากข้างบน ผู้เช่าขอบอกขอบใจผม แล้วก็พากันกลับไป

รุ่งขึ้นเขาก็พาช่างมาซ่อมรั้วสังกะสีที่พับงอ กับหลังคากระเบื้องของผม ที่แตกทะลุไปสามแผ่น และทำรั้วสังกะสีปิดรอบชานที่ยื่นเข้ามาชิดบ้านผม ตามที่ผมขอร้อง จะหนีไปทางไหนก็เชิญ อย่ามาทำให้ผมเดือดร้อนด้วย

ต่อมามีการลบป้ายสถานนวดเพื่อสุขภาพ แล้วเปิดเป็นห้องอาหาร ตอนค่ำมีดนตรีเป็นอิเลคโทนตัวเดียว แต่เสียงดังสนั่น เพราะสถานที่นั้นเป็นบ้านฝาไม้ผสมกับกระเบื้องเรียบ เสียงบรรเลงและเสียงร้องก็พอประมาณ แต่เสียงจังหวะนี่กระทุ้งเอาฝาบ้านผมถึงสั่นเสทือน ต้องเดินไปขอร้องให้เบาลงหน่อย เขาก็ว่าจะพยายามป้องกันไม่ให้เสียงออกมาทางบ้านผม แสดงว่าเขาคงไม่ลดเสียงของเขา

แต่ดนตรีนี้บรรเลงอยู่ไม่นานนัก ก็เงียบเสียงไป เพราะคนเข้ามากินอาหารไม่พอค่าจ้างนักดนตรีนักร้อง เงียบอยู่ไม่นาน ก็เปลี่ยนเป็นคาราโอเกะ ชนิดที่เป็นตู้หยอดเงิน แล้วก็มีภาพสวยงามปรากฎในจอ กับมีเนื้อร้องด้านล่างของจอ ผู้ที่ต้องการจะร้องเองก็ลดหรือปิดเสียงร้องในเทปเหลือแต่ทำนอง แล้วก็ถือไมโครโฟนร้องไปตามสบาย

คราวนี้มีทั้งเสียงดังของจังหวะ และเสียงร้องที่ไม่ไพเราะ ของผู้ที่ชอบร้องเพลงเวลาแก่ดีกรี มีทั้งร้องไม่ทันทำนอง ร้องคล่อมจังหวะ เสียงเพี้ยนไปคนละคีย์ ยิ่งเป็นเพลงที่ผมรู้จักดี ยิ่งเหนื่อยใจลุ้นกันเท่าไรก็ไม่เข้าร่องเข้ารอยสักที เมื่อทนฟังไม่ไหวก็ต้องเดินไปขอร้องกันอีก ท่านผู้จัดการก็ดีใจหายรับรองว่าจะหันตู้ไปทางอื่นไม่ให้ตรงมาทางบ้านผม และลดระดับเสียงลงบ้าง จึงค่อยยังชั่วลงนิดหน่อย คือมีแต่เสียงร้องที่ปร่า ๆ แปร่ง ๆ ลอยมาเป็นพัก ๆ เมื่อฟังนาน ๆ เข้า ก็เกิดมุทิตาและอุเบกขา พอที่จะหลับตาลงได้ และไม่นานนักก็เกิดความเคยชิน รอให้ง่วงแล้วค่อยนอนก็สามารถที่จะหลับไปโดยไม่ยากนัก

อยู่มาได้อีกนาน นอนหลับสบายดี เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาเพื่อนบ้านบอกว่า มีตำรวจมาล้อมจับนักการพนันที่บ้านนั้น ได้ไปเกือบยี่สิบคน เพราะหนีไม่รอดเลย ตำรวจรอดักหมดทุกทาง และไม่มีพลัดมาทางบ้านผมให้ตกใจตื่นเลย คงจะเป็นเพราะรั้วสังกะสีที่ทำใหม่นั่นเอง…. สาธุ

พระอาจารย์ชื่อดังที่วัดทางปทุมธานี เคยเทศน์เอาไว้ว่า เพียงแต่เราอนุโมทนาด้วยกับผู้ที่ทำบุญ เราก็ได้บุญแล้ว แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีผู้ทำบาปแล้วได้ทุกข์ เช่นเขาจับโจรเอาไปเข้าคุก หรือวิสามัญฆาตกรรม แล้วเราพลอยดีใจด้วย ท่านว่าเป็นการอนุโมทนาบาป เราก็จะได้รับผลเป็นบาปด้วย

แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะ.....สาธุ.

##########

จากนิตยสาร ต่วยตูน
ธันวาคม ๒๕๔๐ ปักษ์หลัง


วางเมื่อ ๗ มี.ค.๕๖
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่