ทำตัวแบบนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัวรึเปล่าคะ?

ตัดสินใจมาตั้งกระทู้ถาม เพราะทนความสติแตกของตัวเองไม่ไหวค่ะ
ขอเกริ่นก่อนว่า เราไม่ใช่ผู้หญิงสวยนะคะ ไม่ได้หุ่นดีออกไปทางหุ่นหมีที่กำลังอินเทรน ออกแนวเตี้ยป้อม
มีน้ำมีนวลมีเนื้อมีหนังและมีไขมัน! (42-34-44ชอบม้าๆ ไม่ใช่!) และเราไม่ใช่ชะนีที่รวยค่ะ เป็นชะนีที่หาเช้ากินค่ำทั่วๆไปนี่แหล่ะ
เงินเดือนธรรมดาเลย 20k โดยประมาณจะมีเพิ่มนิดหน่อยก็แล้วแต่ว่าเดือนนั้นทำให้นายพิศวาสมากน้อยแค่ไหนแต่ไม่เกิน 25k แน่นอน
(นายนี่ก็ขุ่นพ่อเราเองค่ะ ทำงานธุรกิจที่บ้านแต่ไมมีสิทธิพิเศษอะไรทั้งสิ้น แบบว่ากว่าจะมีทุกวันนี้ได้อั้วทำของอั้วมาเอง
ถ้าลื้ออยากจะมีมั่งลื้อก็ต้องทำเอาเอง) ก็นั่นล่ะค่ะภายนอกคนรู้จักอาจจะคิดว่าโหเราสบายแน่ๆลูกเจ้าของ แต่ไม่ใช่เลย
เราออกมาเช่าห้องอยู่เองค่ะ และนั่งรถเมล์ไปทำงานซึ่งก็คือโฮมออฟฟิศบ้านขุ่นพ่อนั่นเอง
เหตุที่เราไม่อยู่บ้านเพราะเรากลัวว่าแม่เลี้ยงเราจะขาดใจตายค่ะ เลยออกมาอยู่เองเผื่อความสบายใจ
เจอกันแค่ในเวลางานก็พอแล้ว ถ้าถามว่าทำไมไม่ออกไปหางานที่อื่นด้วยเลย ก็ขอตอบว่าอยากช่วยป๊าค่ะ
นางก็อายุมากแล้วเนอะพี่เราเค้าก็แต่งงานมีครอบครัวแล้วและทำธุรกิจในครอบครัวของเค้าเอง
ก็เหลือแต่เราที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ช่วยป๊าวนไปค่ะ เกริ่นมาได้นานสองนาน ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ
เราเป็นชะนีที่กิเลสหนาค่ะ กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ลิปสติก สิ่งประทินผิวเพราะชอบให้ตัวหอม
ชอบแต่งห้องนอน ชอบให้ห้องหอมๆ เราเลยชอบสรรหาไอโน้นไอนี่ไอนั่น มาใช้กับตัวเองให้สภาพดูดีขึ้น(ธรรมดาของชะนีอยากสวย)
และชอบหาของตกแต่งเล็กๆมาแต่งห้องให้มันดูน่าอยู่ ซื้อน้ำหอมมาไว้ห้องให้หอมมมม เพราะเราเป็นคนไม่เที่ยวไหนค่ะ
จะมีบ้างก็นานๆทีไปทะเลคนเดียว ไปดูหนังคนเดียว เดินเล่นคนเดียวอะไรงี้ หยุดส่วนใหญ่ก็จะอยู่แต่ห้อง ติดผู้ชายในซีรี่ย์
นอนมาร์กหน้า ดูหนังอะไรวนไปเรื่อยเปื่อย และอีกอย่างคือเราไม่มีบัตรเครดิตนะคะ ของทุกอย่างเราจะเก็บเงินซื้อสดหมดค่ะ
อย่าเพิ่งตกใจไปเราไม่ได้ใช้ของแพงอะไร ไม่ได้ใช้กระเป๋าใบละหลายหมื่น จะใช้ก็แค่เกือบๆถึงหมื่นเท่านั้น เอาแค่ที่เราซื้อไหว
มันสบายมากเมื่อตอนยังโสดค่ะ เงินที่เก็บเราก็เก็บนะคะ แต่นอกเหนือจากเก็บคือไปลงที่กิเลสทั้งหลายของตัวเองล้วนๆ
เดี๋ยวกระเป๋าเดี๋ยวเครื่องสำอางสมบัติบ้า และสารพัดของกุ๊กกิ๊ก แต่ตอนนี้พอมีแฟนมันก็จะมี activity เพิ่มขึ้นมา
บอกก่อนว่าเรามีแฟนคนล่าสุดเมื่อสมัยเรียนมหาลัยเลยค่ะ มันนานซะจนลืมไปแล้วว่าเป็นยังไงแต่มันก็ไม่ได้
คิดอะไรยิบย่อยเท่าทุกวันนี้แน่ๆมันคงเป็นความรักไสยๆอยู่ แต่พอวันนี้มีสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์แฟนกลับเข้ามาในชีวิต
มันก็เลยงงๆว่าไอสิ่งที่เราทำอยู่มันดูว่าเราเห็นแก่ตัวไปมั้ย เรากับแฟนเจอกันเดือนละประมาณ2ครั้งค่ะ
เพราะค่อนข้างจะอยู่ไกลกัน(ในกรุงเทพนะแต่คนละซีกโลกเลย) เวลาเจอกันทีเค้าก็จะบอกนะว่าเดี๋ยวพี่เลี้ยงเองพี่จ่ายเอง
(เค้าแก่กว่าเราประมาณ3ปีค่ะ แฟนเราก็ไม่ได้รวยนะคะ เป็นพนักงานบริษัทก็ธรรมดาค่ะ เวลามาหาก็นั่งรถเมล์รถตู้มาหา)
แต่เราก็จะขอหารตลอด หรือไม่ก็ถ้าเค้าจ่ายค่าข้าวแล้ว เราก็จะจ่ายค่าตั๋วหนังประมาณนี้
เวลาเราไปเจอเครื่องสำอางออกใหม่สวยๆหรืออะไรเราก็จะชอบส่งให้เค้าดูว่าสีนี้สวยเนอะบลาๆ เค้าก็จะบอกว่าเอาสิพี่ซื้อให้
แต่เราก็ปฏิเสธตลอดค่ะ เพียงแค่เพราะรู้สึกว่ามันของเราเราใช้เองและเราไม่โอเค ถ้าเกิดว่าวันนึงต้องเลิกกันขึ้นมา
แล้วเค้ามาลำเลิกสิ่งที่เคยให้หรือทำให้ เลยคิดว่าอะไรที่เราอยากได้เราจะซื้อเอง แล้วมันเลยทำให้เราคิดว่า
ถ้าเค้ามาบอกว่าอยากได้อะไรเราก็คงไม่ซื้อให้นะเพราะว่าของเราอยากได้เราก็หาเอง
ถ้าเค้าอยากได้มาบ่นมาบอกเราได้แต่เราก็จะฟังเฉยๆไม่ซื้อให้ เพราะเราไม่ใช่สายเปย์ ไม่มีจะเปย์ว่าง่ายๆ 5555
เราเลี้ยงข้าวเลี้ยงหนังได้ไม่มีปัญหานะ จะมีซื้อให้ก็แค่วันเกิดเค้าเพราะเราคิดว่ามันเป็นวันของเค้าก็สมควรที่จะได้รับอะไรที่ดีต่อใจ
เราคิดว่าเราชอบยังไงเราก็ทำกับเค้าแบบนั้น ไม่ต้องมาเปย์ให้ชั้นเพราะชั้นก็ไม่มีปัญญาเปย์เธอประมาณนี้ล่ะค่ะ
เลยอยากถามว่าการที่เราทำแบบนี้ ทัศนคติของเราแบบนี้มันสุดโต่งไปมั้ยคะ? มันดูว่าเรางกไปรึเปล่าคะ?
ขอบคุณทุกคำตอบล่วงหน้านะคะ

ปล. ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้านะคะ ถ้าสะกดผิดยังไงจะมาแก้ไขคำใหม่ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่