วางหมาก

วางหมาก



“วันนี้โจชัวร์ได้ออกไปไหนไหมครับ”  ผมสอบถามพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์  เพื่อความแน่ใจว่าเพื่อนของผมยังอยู่ที่ห้อง

“คุณหมายถึงเพื่อนที่พักกับคุณเหรอคะ  ยังไม่เห็นค่ะ...ฉันเพิ่งทำงานได้สามอาทิตย์  ยังไม่เคยเห็นเขาออกมาจากห้องเลยค่ะ  อันที่จริงฉันไม่รู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง”  เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น  ทำให้ผมเดาว่าโจชัวร์คงกำลังยุ่งกับการเขียนนิยายจนไม่ได้ออกไปไหนเลยในช่วงที่ผ่านมา  ซึ่งก็ดี...เพราะผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขาอยู่

ผมชื่อ อีธาน สมิธ เป็นตำรวจแผนกสืบสวน  เกิดวันที่สิบเดือนสิบปีหกศูนย์  อายุสามสิบห้าปี  หน้าที่คือตามแกะรอยและจับไอ้ชั่วสักคนหรือสักพวกที่...ทำผิดกฎหมาย  โดยเฉพาะคดีฆ่าคนตาย  ถ้ามีศพถูกฆาตกรรมในเมืองนี้นอกจากเจ้าหน้าที่นิติเวช...ก็คงจะเป็นผมนี่แหละที่ใครต่อใครจะต้องเห็นในที่เกิดเหตุอยู่บ่อยครั้ง

แน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของอาชญากรในเมืองนี้สักเท่าไหร่  ไม่ใช่เพราะชอบออกลูกบู๊ควงปืนทะลายรังคนร้าย  ตอนที่พวกมันสูดโคเคน  และเล่นไพ่โป๊กเกอร์บนโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยเปลือกถั่วที่ใช้แกล้มเบียร์  เหมือนอย่างในหนังหรอกนะ  

แต่เพราะหากพวกมันคนไหนทำผิดในคดีที่ผมรับผิดชอบ  จะไม่มีใครรอดพ้นและลอยนวลจากมือผมไปได้

ซองเอกสารสามซองที่ผมถืออยู่ในขณะขึ้นลิฟต์ไปห้องพัก  มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมซึ่งกำลังถูกกล่าวถึงมากที่สุดในตอนนี้...ฆาตกรเอ๊กซ์...




“อีธานเหรอ  เปิดเข้ามาเลย”  หลังจากเคาะประตูไปสามครั้ง “โจชัวร์” เพื่อนร่วมห้องของผมก็ให้เสียง

“วันนี้นายกลับเร็วนะ”  หมอนี่กล่าวทักทายผมขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์  คงเป็นนิยายเรื่องใหม่กระมัง

“เปล่าหรอก...ฉันอยากสรุปคดีนี้กับนาย  แล้วกลับไปทำงานต่อ”  ผมดึงเก้าอี้มานั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของโจชัวร์พร้อมวางซองเอกสารลงเบื้องหน้า  “นายกำลังเขียนนิยายอย่างนั้นเหรอ”

เขาถอดแว่นละสายตาออกจากสิ่งที่ทำและเงยหน้ามามองที่ผม  “ให้เดาไหมว่าคดีไหน”

“ก็ลองดู...”  

เพื่อนร่วมห้องผมคนนี้ชื่อเต็มว่า โจชัวร์  พาร์เลอร์ เป็นนักเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวน  ผลงานเรียกได้ว่าหาตัวจับยาก  ในหลายๆ คดีความเห็นของเขานำผมไปสู่การจับกุมคนร้ายได้  หมอนี่จึงเป็นที่ปรึกษาผมเสมอในหลายๆ คดีที่เจอเข้ากับทางตัน

“เจ้าฆาตกรเอ๊กซ์สินะ”

ผมพยักหน้า  “เอาล่ะเรามาเริ่มใหม่กันอีกครั้ง”

...

“ใครเป็นโทรแจ้ง”  ผมถามหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาถึงจุดเกิดเหตุก่อนหน้า  ในขณะที่เดินเข้าไปในห้องนอนเหยื่อ

“เพื่อนบ้านชื่อแมรี่ครับ  เธอบอกตื่นเช้ามาก็พบจดหมายเขียนด้วยเลือดเหน็บไว้ที่ประตูบ้านของเธอ”

“จดหมายเขียนว่าไง”  ในใจผมมีลางสังหรณ์ว่ากำลังเจอกับฆาตกรที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว  เพราะภาพเบื้องหน้าคือ คริสติน  เฮิร์บ  ผิวขาว อายุยี่สิบแปด ห้าฟุตเจ็ด นอนอยู่บนเตียงคล้ายกับคนกำลังนอนหลับทั่วไป  และที่สำคัญเธอสวมชุดนอนด้วยความเรียบร้อย...เกินกว่าจะเป็นศพในคดีฆาตกรรม  

“จดหมายเขียนชื่อเหยื่อ  และเบอร์โทรสถานีตำรวจครับ”

“แค่นั้นเหรอ”  หลังจากสวมถุงมือยาง  ผมก็เริ่มสำรวจศพเพื่อหาสาเหตุการตาย  และได้พบกับ... “มีแผลคล้ายถูกของมีคมแทงทะลุหน้าอก  เดาว่าน่าจะตัดขั้วหัวใจพอดี  เหยื่อคงขาดใจตายในไม่กี่นาที”

“เอ่อ...คือ  ผู้หมวดครับในจดหมายคล้ายมีลงชื่อไว้ท้ายข้อความเป็นรูปกากบาท”  ตำรวจนายหนึ่งยื่นซองพลาสติกที่บรรจุจดหมายเลือดนั้นให้ผมดู

“มีใครสอบถามเพื่อนบ้านเหยื่อหรือยังว่าเมื่อคืนมีใครได้ยินเสียงแปลกๆ บ้างไหม”

“ครับผู้หมวดไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรเลยครับ”

ผมเดินสำรวจภายในบ้าน  ทุกอย่างดูเรียบร้อยไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือการงัดแงะ  มันปกติจนน่าแปลกใจ  

...

“หลังจากนั้นนายก็เรียกคนใกล้ชิดของเหยื่อไปสอบสวน  แล้ววันนี้นายได้อะไรเพิ่มงั้นเหรอ”  โจชัวร์เริ่มมีคำถาม  

“...ไม่มี  ยังเป็นข้อมูลเดิมๆ  อาวุธที่ใช้คาดว่าจะเป็นมีดขนาดสิบสองหุน  ยาวไม่ต่ำกว่าหนึ่งฟุต  แทงจากด้านหลังตัดขั้วหัวใจ  และเป็นไปได้ว่า...ขณะที่เหยื่อถูกแทงคนร้ายใช้มืออุดปากเธอไว้ด้วย  เจ้าหมอนี่น่าจะถนัดซ้ายเพราะรูที่แทงมันเยื้องไปด้านขวาของทรวงอก  ซึ่งเป็นไปได้มากว่าคนร้ายจะรู้เรื่องทางการแพทย์เป็นอย่างดี”  จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุทำให้ผมสันนิษฐานไปอย่างนั้น

“ฉันให้ความเห็นไปว่า คนร้ายจับเหยื่ออาบน้ำก่อนจะแต่งตัวให้และอุ้มเธอขึ้นไปนอนบนเตียง  เพราะแทบไม่มีรอยเลือดบนที่นอนเลย  ฆาตกรต้องเป็นผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย  และเหยื่อถูกตัดเล็บ  มีความเป็นไปได้ว่าตอนขัดขืนเธออาจจะข่วนโดนคนร้าย  ที่สำคัญพฤติกรรมเลือดเย็นขนาดนี้คงไม่มีใครร่วมมือด้วย  เป็นไปได้มากที่คนร้ายจะมีแค่คนเดียว”  ประโยคสุดท้ายที่โจชัวร์พูดฟังดูมีน้ำหนักมาก  เพราะการกระทำแบบนี้มันคล้ายกับพวกวิกลจริต  ถ้าหากคนร้ายมีมากกว่าหนึ่ง  คงเป็นเรื่องตลกที่ขำกันไม่ออกแน่ๆ  หากพระเจ้าจะบันดาลให้คนวิปริตแบบนี้มาเจอกัน

“ใช่...ทั้งหมดนั้นทำให้ฉันคิดว่าคนร้ายต้องรู้จักกับเหยื่อ  มีความรู้ทางการแพทย์เพราะวิธีฆ่า  ลงมือคนเดียวและเป็นผู้ชายเพราะสิ่งที่นายบอก  ที่สำคัญหมอนี้ฉลาด  อันตราย  และใจเย็นมาก  มากพอจะใช้เวลาอยู่กับศพนานพอสมควรหลังการฆ่า  เพื่อทำลายทุกอย่างที่จะสืบไปถึงตัวมันได้”  ผมสรุปสิ่งที่เราสองคนช่วยกันวิเคราะห์ออกมา

โจชัวร์พยักหน้าน้อยๆ  “หวยก็เลยไปออกที่หมอศัลยกรรม  แฟนหนุ่มของเหยื่อที่ชื่อ เอ็ดเวิร์ด  และหมอนี่ไม่มีพยานยืนยันสถานที่อยู่ในวันเกิดเหตุ”

...

“คุณชื่อ  เอ็ดเวิร์ด  บราวน์  เป็นหมอศัลยกรรม  แปลว่าคุณรู้ใช่ไหมว่าจะใช้มีดแทงตรงจุดไหนบนร่างกายคนเรา  แล้วทำให้ตายเร็วที่สุด”  ผมจ้องตาผู้ต้องสงสัยที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะในห้องสอบสวน

“ผมรู้ว่าคุณอยากให้ผมพูดว่า  ผมนี่แหละเป็นคนฆ่าคริสติน  แต่เสียใจด้วยที่ความจริงมันจะไม่เป็นแบบนั้น  เพราะผมไม่ได้ฆ่าเธอ”  อาจเพราะการศึกษาที่สูงของหมอนี่  จึงทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเข้าใจสถานการณ์ตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่ง

“ฟังฉันนะเพื่อน  การที่นายเป็นหมอมีจุดยืนทางสังคมที่ดี  มันไม่ได้ช่วยให้นายมีอภิสิทธ์อะไรเหนือกว่าผู้ต้องสงสัยของฉันทุกคนที่ถูกสอบสวนในที่ของฉัน  เพราะฉะนั้นอย่ามาตีสำนวน  ฉันต้องการแค่ความจริง  ไม่ใช่คำพูดเล่นลิ้นปัญญาอ่อนที่อย่างมากก็แค่ทำให้ตัวนายเองและฉันเสียเวลา  ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเราทั้งคู่”  ผมเริ่มอารมณ์ขุ่นขึ้นมานิดๆ

“เอาล่ะ...นายจะเริ่มตอบให้ตรงคำถามได้หรือยัง”  

“ผมต้องการทนาย”

...

“ในบรรดาคนใกล้ชิดเหยื่อทั้งหมด  หมอเอ็ดเวิร์ดมีคุณสมบัติที่ตรงกับคนร้ายมาก  แรงจูงใจก็มีเพราะคริสตินเพิ่งตีจากเขาได้ไม่ถึงอาทิตย์  ถึงขนาดที่เหยื่อไปแจ้งความเอาไว้ว่ากำลังถูกเจ้าหมอนี่ตามรังควาญอยู่  และที่สำคัญไม่มีใครยืนยันได้ว่าหมอนี่อยู่ที่ไหนในช่วงเกิดเหตุ”  สิ่งที่โจชัวร์เอ่ยคือข้อสันนิษฐานที่เราเห็นตรงกัน

“แต่ทุกอย่างก็พังลง  เพราะเกิดคดีที่สอง”  ผมดึงรูปถ่ายออกจากซองเอกสารส่งให้คู่หูไป

“ใช่...มันเกิดขึ้นในขณะที่เอ็ดเวิร์ดถูกสอบสวนอยู่  เขาเลยรอดตัวไปได้”  แว่นของโจชัวร์ถูกหยิบมาใช้อีกครั้งเพื่อดูสิ่งที่ผมยื่นให้

“อแมนด้า  คอลล์เกอร์  ห้าฟุตหก  อายุสิบเก้า  ผิวขาวอยู่บ้านคนเดียวครอบครัวไปต่างเมือง   ยังไม่ปิดเทอมเธอเลยไปด้วยไม่ได้  ศพนอนบนเตียงในชุดนอน  พบรอยของมีคมแทงทะลุหน้าอก  และมีมีดเปื้อนเลือดขนาดสิบสองหุนอยู่ที่หัวเตียงคาดว่าน่าจะเป็นอาวุธสังหาร  ประตูหน้าต่างไม่พบร่องรอยการบุกรุก  เหมือนเหยื่อรายแรกเปี๊ยบ  ยกเว้นอย่างเดียวไม่ถูกตัดเล็บ”  ผมทวนข้อมูลเหยื่อรายที่สองให้เขาฟัง

“เรื่องพวกนั้นฉันรู้แล้ว  นึกว่านายมีอะไรใหม่”  รูปสภาพศพและที่เกิดเหตุถูกโจชัวร์ดูผ่านๆ

“มีสิ...สาเหตุการตายยังไงล่ะ”  สีหน้าของอีกฝ่ายดูสนใจขึ้นหลังจากคำพูดของผมถูกเอ่ยออกไป

“ยังไง”

“เหยื่อไม่ได้ตายเพราะถูกแทง  แต่ตายเพราะร่างกายขาดน้ำตาลจนเกิดอาการช็อค”  ผมให้ข้อมูลที่เพิ่งได้รับจากแผนกนิติเวช

“นายจะบอกฉันว่าเหยื่อตายแล้วจึงพบกับฆาตกร  ไม่สิ...ต้องไม่ใช่แบบนั้น  คนร้ายวางแผนฆ่าเธอก่อนจัดฉากงั้นเหรอ  ทำไมต้องทำแบบนั้น  อ้อ...นึกออกแล้ว  เพราะเขาจะสามารถยืนยันที่อยู่ของตัวเองได้  หากทำให้เหยื่อตายได้ด้วยวิธีวางยาหรืออะไรสักอย่าง  แล้วมาจัดฉากให้เหมือนกับการฆ่ารายแรกก่อนเช้าก็ได้  ถ้าเป็นอย่างนั้น...เอ็ดเวิร์ดก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่”  ความคิดรอบด้านของโจชัวร์ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง

“ถูกต้อง...เขายังสามารถเป็นคนร้ายได้โดยไม่ได้ขยับไปไหนเลย  ในขณะที่เหยื่อกำลังขาดใจตายอย่างเงียบๆ ด้วยตัวเอง”  ยิ่งคุยกับโจชัวร์มากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเขามากขึ้นเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่