หนาวหน้าวเริ่มมาเยือนอีกรอบในช่วงเดือนมกราคม คนมีคู่ก็ต้องออกไปค้นหาความหนาวเย็น
เพื่อที่จะได้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนหันมากอดกันสร้างคนอบอุ่น ^^
จังหวัดเชียงใหม่ เรียกได้ว่าเป็นอันดับแรกๆที่เรานึกถึง หนาวนี้เราาสองคนจึงพกกล้องตัวโปรด แล้วออกเดินทางกันโลดดดด!!!!
#กิ่วแม่ปาน #เชียงใหม่ #นิมมาน #ดอยชัวญ่า #ดอยสุเทพ #เที่ยวเชียงใหม่ #หน้าหนาว #เที่ยวดอย #มหานิยม #มหานิยมท่องเที่ยว
เราออกเดินทาง จากสนามบินดอนเมือง กทม. ช่วงเวลาประมาณ เที่ยงวัน ผู้คนไม่มากมายนัก เพราะเราเลือกเดินทางในช่วงวันธรรมดา จึงทำให้ง่ายต่อการเดินทาง พอมาถึงที่สนามบินก็เชคอินตามปกติ แต่พวกเราสองคนมาถึงก่อนเวลา เลยทำให้มีเวลาเก็บภาพบริเวณเกท ระหว่างรอขึ้นเครื่อง
ปล.รูปนี้เนื่องจากมีเวลาน้อย ไปกันแค่สองคน เลยตั้งกับเก้าอี้ในสนามบินซะเลย ได้มาแว้วว 1 รูป
“Thai Lion Air” สายการบินที่เราสองคนเลือกใช้บริการ ด้วยการจองตั๋วล่วงหน้าเดือนกว่าๆ ได้ตั๋วราคาถูกใจ ส่วนเรื่องบริการ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็พอไปได้ นั่งชิลๆแปปเดียวก็ถึงที่หมาย แถมมีขนมขบเคี้ยวให้กินเพลินๆบนเครื่องอีกด้วย
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่ช่วงบ่ายๆ เราเลือกใช้รถสองแถวแดง เพื่อเดินทางไปยังที่พัก เราแจ้งชื่อที่พักกับพี่คนขับ พร้อมกับถามราคาว่าคนละเท่าไหร่ครับ?? ถ้าหากราคาไม่แพงมากก็กระโดดขึ้นรถเลยครับ เราสองคน จ่ายคนละ 50 บาท เพื่อไปยังนิมมานย่านดัง
ปล.สองแถวแดงเชียวใหม่ ก็ถ่ายรูปชิคๆได้นะ
ระหว่างทาง ก็แชะภาพชิคๆ บนรถสองแถวแดงสักหน่อย ถ่ายยากนิดนึง เพราะพี่คนขับก็น่าจะเป็นญาติกับพลขับรถเมล์สาย 8 ใน กทม.นี่แหละ
R 1 คือโรงแรมย่านนิมมานที่เราเลือกพัก ราคาไม่แพง แค่คืนละ 900 บาทเท่านั้น ทุกอย่างครบครัน ห้องใหม่ ใกล้ปากซอย
ปล.รูปนี่ตั้งกับโต๊ะหน้าล๊อบบี้แล้วถ่ายเลย 555+
ขนของเข้าที่พักเสร็จ มีเวลาว่างนิดหน่อย จึงเดินไปที่ “ร้าน iberry” ร้านกาแฟแบ๊วๆ ของ “โน้ส อุดม” มีหลากหลายเมนูให้เลือก ทั้ง เครื่องดื่ม ไอติม ขนมต่างๆ รสชาติน่ารักถูกใจ บรรยากาศในร้านกว้างขวาง มีตุ๊กตาจมูกโตสีชมพูคอยต้อนรับอยู่หน้าร้าน คนที่มาส่วนใหญ่เน้นถ่ายรูปเช็คอินเนี่ยแหละ เริ่ดสุดแล้ว
เห็นถ้วยเล็กๆแบบนี้ ราคาไม่เล็กตามนะครับ แต่ก็เอาเถอะมาทั้งที ขอชิมแล้วเชคอินหน่อยละกัน^^
มุมประจำ จะพลาดได้ยังไงละครับ ปล.รูปนี้รบกวนให้พี่ผู้หญิงที่เค้ามาถ่าย จัดการแชะภาพให้เรา ><
หลังจากอิ่มกับไอติม เราก็เดินมาที่ Think Park มีเสื้อผ้าแฟชั่น มากมาย ชิคๆ คูลๆ อากาศเย็นๆสัก 18 องศา กำลังเดินสบายเลยแหละ หาอะไรกินเสร็จก็กลับห้องนอน พรุ่งนี้เตรียมขึ้นดอยกัน เย้!!
เนื่องจากนั่งเครื่องบินมา ก็ต้องหารถเช่า เพื่อขึ้นดอย // เราเลือกใช้บริการรถเช่า T-carrent ในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของร้านนนี้ใจดีมาก รถหมดแล้ว แต่ก็ยังมอบรถที่ตัวเองขับให้เราไปใช้เลย บอกเลยร้านนี้ไม่เหมือนใคร ไม่ต้องมีมัดจำ แถมราคาเช่าเพียงวันละ 900 บาทเท่านั้น มีค่าประกัน 100 บาท (เผื่อเกิดอุบัติเหตุ) เราจึงตัดสินใจเช่าสองวันเพื่อขึ้นดอย...
ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ช่วงสายๆ ขับรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ระยะทาง 70 กิโลเมตร เส้นทางมุ่งหน้ามาทางดอยอินทนนท์ ดอยชัวญ่า สถานที่ ที่หลายๆคนอยากที่จะเดินทางมาพัก โดยเฉพาะการกางเต้นท์นอน ชมวิวในยามเย็นและยามค่ำ ยามเย็นเราก็จะได้เห็นน้ำตก ยามค่ำชาวเขาก็จะเปิดไฟให้กับพืชผัก ไฟก็จะเรียงสวยงามตามไหล่เขา ฟินสุดๆ
เย้ๆๆๆ กางเต้นท์เสร็จแล้วว นำสิ่งของที่ไม่สำคัญมากใส่ไว้ในเต้นท์ได้เลย เต้นท์ที่เราเลือกเป็นเต้นท์สำหรับ 2-3 คน ราคาเพียง 300 บาท เท่านั้น บอกได้เลยว่า ขนาดช่วงเย็น อากาศก็เริ่มหนาวจนต้องใส่เสื้อกันหนาวแล้วครับ สัก 15 องศาน่าจะได้ // ปล.อีกเช่นเคย ตั้งกล้องกับกระเป๋าเดินทาง 555+
ขอเก็บภาพกับวิวตอนกลางวันสักหน่อยฮ่ะ
เสร็จจากการกางเต้นท์ เราก็มุ่งหน้าไปยังโครงการหลวง ดอยอินทนนท์ อยู่ห่างจากดอยชัวญ่าประมาณ 1 กิโลมตรเท่านั้น มีมุมชิคๆให้ถ่ายรูปเพียบเล๊ย
นี่คือส่วนทางเดินไปยังน้ำตกสิริภูมิ ซึ่งอยู่ติดกับโครงการหลวง ลองไปดูสิ มีอะไรน่าสนใจไหม
เดินมาสัก 300 เมตร ตลอดสองข้างทาง อากาศจะเย็นมาก เนื่องจากปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ถึงแว้ววว น้ำตกสิริภูมิ ปล.น้ำตกนี่แหละที่เรามองเห็นจากดอยชัวญ่า 555
น้ำตกเล็กๆ แต่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปได้นะ
ระหว่างทางกลับโครงการหลวงไปยังดอยชัวญ่า ก็จะมีสวนสนอยู่ทางขวามือ คุณสามารถแวะเข้าไปถ่ายรูปได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
แสงเย็นๆบวกกับทิวต้นสน โอ้วพระเจ้าาา
กลับมายังที่พัก นั้นก็คือเต้นท์ของเรา เริ่มหิวกันแล้ว รอบๆที่พักก็จะมีหมูกระทะมาขาย ชุดละ 400 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมาก อร่อยด้วย อีกอย่างหมูกระทะนี่แหละที่จะมาสร้างความอบอุ่นให้กับเต้นท์ของเรา 555 กินอิ่มรีบนอน พรุ่งนี้เจอกันกิ่วแม่ปานนนนน
ออกจากที่พักดอยชัวญ่า 05.00 น. เพื่อมาชมแสงแรกจากดวงพระอาทิตย์ ที่ริมถนนใกล้ๆกับกิ่วแม่ปาน อากาศตอนนี้น่าจะไม่เกิน 7-8 องศา หนาวควันออกปากเลยแหละ...
ฟินสุดๆไปเลย กว่าจะหามุมถ่ายได้ ยากพอสมควรเพราะคนมารอเยอะเหมือนกัน เรียกได้ว่า"จกตา"กันอยู่สักพัก 55+
มาแว้ววววว แสงแรกที่รอคอย เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายมานิสนึง ภาพที่ถ่ายอาจจะไม่สวยมาก แต่พวกเราสองคนอยากบอกว่า ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง แล้วมันประสบความสำเร็จ 555+ อาจจะดูเว่อ แต่โคตรคุ้มกับการตื่นตี 5 จากนั้น เราสองคนก็เดินกลับเข้าไปจุดพักของกิ่วแม่ปาน เพื่อเติมพลังด้วยโจ๊กร้อนๆ ก่อนจะออกเดินทางสู่เส้นทางธรรมชาติ และดูทะเลหมอก
นี่คือเส้นทางธรรมชาติที่เราเดินเข้าไป ก่อนหน้านี้เราจะต้องใช้บริการไกด์นำทาง ไกด์ 1 คน 200 บาท เท่านั้นเอง หากเจอคนที่มาน้อยเหมือนกันก็รวมก๊วนกับเค้าแล้วหารค่าไกด์ไปเล๊ยยย
ด้านหลังแฟนผม ก็คือ น้องเก่ง ไกด์ประจำก๊วนของเรา (น้องเก่งสมชื่อจริงๆอธิบายทุกอย่างที่ขวางหน้า 55+)
นี่แหละ คือผู้ร่วมเดินทาง พี่ภัทและแฟน เป็นคนที่เราเรียกมาหารค่าไกด์นำทาง สรุปก็ตกคนละ 50 บาท พี่สองคนนี้ดีมากๆเลย แชะภาพเราตลอดทาง เราก็เลยขอแชะภาพพี่ๆเค้าคืนซะเลย จนต้องมีการแลกไลน์เพื่อส่งรูปกันเลยทีเดียว 555
ปล.รูปนี้ น้องเก่ง ไกด์สุดหล่อของเราเป็นคนกดชัตเตอร์ บริการทุกอย่าง แม้กระทั่งน้ำดื่ม
แบร่!!!! อากาศด้านในหนาวเย็น เสื้อกันหนาวต้องพกไปด้วยเด้อ ไม่งั้นมีสั่นไปทั้งตัว
เส้นทางธรรมชาติ เส้นทางนี้ระหว่างทางจะพบน้ำตก ชื่อน้ำตกอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ ฮ่าา แต่รู้ว่ามีระเบียงให้ออกไปถ่ายรูป แวะสิครับ รออะไร
เดินมาประมาณ 2 กม. ใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว ไม่ใช่สุดยอดแบบนั้นนะ 555+ เป็นสุดยอดดอยของกิ่วแม่ปาน อากาศยังหนาวเหน็บอยู่เลย
ใกล้จะถึงยอดกิ่วแม่ปานแล้ว มุมนี้ก็สวยน่าเก็บภาพเหมือนกันครับ ขอสักแชะละกัน (นี่แฟนผมง่วง หรืออะไรกันแน่เนี่ยย 555+)
เย้ เย้ ถึงสักที จุดชมทะเลหมอกของกิ่วแม่ปาน หลายคนคงอาจจะอยากถ่ายรูปแบบที่ไปนั่งห้อยขาตรงระเบียง แต่เราสองคนกลัวความสูงจึงขอถ่ายแบบปลอดภัย แต่ได้อารมณ์คล้ายๆกัน ^^ (เหมือนเช่นเคยครับ คนเยอะ "จกตา"ใส่กันอยู่สักพัก กว่าจะได้รูปสวยๆ 55+)
เอาไปดูกันชัดๆ หลังโดนแผนผมแย่งซีนอยู่ตลอดทาง นี่คือโฉมหน้า เด็กหนุ่ม ไกด์น้ำเที่ยวกิ่วแม่ปาน น้องเก่ง อธิบายทุกอย่างที่เป็นความรู้ ขอบคุณน้องเก่งที่คอยเป็นช่างภาพให้เราด้วย
ขับรถลงจาก "กิ่วแม่ปาน" เราก็มุ่งหน้าเข้าสู่ความเจริญอีกครั้งระหว่างทางที่ขับรถกลับเข้ามาตัวเมืองเชียงใหม่ มี "แกรนด์แคนย่อน" ที่เที่ยวยอดฮิตให้แวะซะด้วย ลงจากรถปุ๊ป หลังแทบไหม้ ถึงแม้อากาศจะเย็น แต่แดดแรงจ๊าดดด
ค่าเข้าแกรนด์แคนย่อน คนละ 50 บาท จะลงไปเล่นน้ำสีเขียวมรกตก็ได้ แต่เราเลือกที่จะเข้าไปหามุมถ่ายภาพชิคๆ เพื่ออัฟเฟสบุ๊ค 5555 (เอาวะ!! ไม่คุ้มก็ต้องคุ้ม) "ถ่ายยับ อัพโซเชียล"
ขับรถต่อไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อขึ้นไปไหว้พระที่ดอยสุเทพ บอกได้เลยว่า ผ่านหลายโค้งมาก เราสองคนเกือบอ้วกกันเลยทีเดียว หากใครไม่มีรถก็สามารถจ้างรถสองแถวแดงขึ้นไปก็ได้นะ ยิ่งหลายคนหารค่าโดยสารกันก็ยิ่งถูก (ปล.ผมขับเอง ลงจากรถนี่โลกหมุนเลยครับ เพราะขนาดลานจอดรถ ยังเอียงตามแนวภูเขา)
กราบสักการะพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล
กว่าจะได้รูปด้านล่าง ที่พวกคุณๆเห็นกันเนี่ย ใช้ความสามารถในการถ่ายรูปอย่างเดียวคงไม่ได้ถ่าย เราต้องใช้ทั้งภาษามือ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ เพื่อสื่อสารให้ นักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ เห็นใจพวกเราบ้าง ขอแค่ภาพเดียว ถ่ายกันอยู่เกือบ 10 นาที 55555555+
ยัง ยังไม่จบ รออ่านต่อในคอมเม้นท์ เด่วจะจัดการลงให้สักครู่นะครับ
[CR] เที่ยวเชียงใหม่ ผลัดกันถ่ายก็ได้นะ ตอน "กิ่วแม่ปาน สราญหัวใจ"
ปล.รูปนี้เนื่องจากมีเวลาน้อย ไปกันแค่สองคน เลยตั้งกับเก้าอี้ในสนามบินซะเลย ได้มาแว้วว 1 รูป
“Thai Lion Air” สายการบินที่เราสองคนเลือกใช้บริการ ด้วยการจองตั๋วล่วงหน้าเดือนกว่าๆ ได้ตั๋วราคาถูกใจ ส่วนเรื่องบริการ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็พอไปได้ นั่งชิลๆแปปเดียวก็ถึงที่หมาย แถมมีขนมขบเคี้ยวให้กินเพลินๆบนเครื่องอีกด้วย
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่ช่วงบ่ายๆ เราเลือกใช้รถสองแถวแดง เพื่อเดินทางไปยังที่พัก เราแจ้งชื่อที่พักกับพี่คนขับ พร้อมกับถามราคาว่าคนละเท่าไหร่ครับ?? ถ้าหากราคาไม่แพงมากก็กระโดดขึ้นรถเลยครับ เราสองคน จ่ายคนละ 50 บาท เพื่อไปยังนิมมานย่านดัง
ปล.สองแถวแดงเชียวใหม่ ก็ถ่ายรูปชิคๆได้นะ
ระหว่างทาง ก็แชะภาพชิคๆ บนรถสองแถวแดงสักหน่อย ถ่ายยากนิดนึง เพราะพี่คนขับก็น่าจะเป็นญาติกับพลขับรถเมล์สาย 8 ใน กทม.นี่แหละ
R 1 คือโรงแรมย่านนิมมานที่เราเลือกพัก ราคาไม่แพง แค่คืนละ 900 บาทเท่านั้น ทุกอย่างครบครัน ห้องใหม่ ใกล้ปากซอย
ปล.รูปนี่ตั้งกับโต๊ะหน้าล๊อบบี้แล้วถ่ายเลย 555+
ขนของเข้าที่พักเสร็จ มีเวลาว่างนิดหน่อย จึงเดินไปที่ “ร้าน iberry” ร้านกาแฟแบ๊วๆ ของ “โน้ส อุดม” มีหลากหลายเมนูให้เลือก ทั้ง เครื่องดื่ม ไอติม ขนมต่างๆ รสชาติน่ารักถูกใจ บรรยากาศในร้านกว้างขวาง มีตุ๊กตาจมูกโตสีชมพูคอยต้อนรับอยู่หน้าร้าน คนที่มาส่วนใหญ่เน้นถ่ายรูปเช็คอินเนี่ยแหละ เริ่ดสุดแล้ว
เห็นถ้วยเล็กๆแบบนี้ ราคาไม่เล็กตามนะครับ แต่ก็เอาเถอะมาทั้งที ขอชิมแล้วเชคอินหน่อยละกัน^^
มุมประจำ จะพลาดได้ยังไงละครับ ปล.รูปนี้รบกวนให้พี่ผู้หญิงที่เค้ามาถ่าย จัดการแชะภาพให้เรา ><
หลังจากอิ่มกับไอติม เราก็เดินมาที่ Think Park มีเสื้อผ้าแฟชั่น มากมาย ชิคๆ คูลๆ อากาศเย็นๆสัก 18 องศา กำลังเดินสบายเลยแหละ หาอะไรกินเสร็จก็กลับห้องนอน พรุ่งนี้เตรียมขึ้นดอยกัน เย้!!
เนื่องจากนั่งเครื่องบินมา ก็ต้องหารถเช่า เพื่อขึ้นดอย // เราเลือกใช้บริการรถเช่า T-carrent ในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของร้านนนี้ใจดีมาก รถหมดแล้ว แต่ก็ยังมอบรถที่ตัวเองขับให้เราไปใช้เลย บอกเลยร้านนี้ไม่เหมือนใคร ไม่ต้องมีมัดจำ แถมราคาเช่าเพียงวันละ 900 บาทเท่านั้น มีค่าประกัน 100 บาท (เผื่อเกิดอุบัติเหตุ) เราจึงตัดสินใจเช่าสองวันเพื่อขึ้นดอย...
ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ช่วงสายๆ ขับรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ระยะทาง 70 กิโลเมตร เส้นทางมุ่งหน้ามาทางดอยอินทนนท์ ดอยชัวญ่า สถานที่ ที่หลายๆคนอยากที่จะเดินทางมาพัก โดยเฉพาะการกางเต้นท์นอน ชมวิวในยามเย็นและยามค่ำ ยามเย็นเราก็จะได้เห็นน้ำตก ยามค่ำชาวเขาก็จะเปิดไฟให้กับพืชผัก ไฟก็จะเรียงสวยงามตามไหล่เขา ฟินสุดๆ
เย้ๆๆๆ กางเต้นท์เสร็จแล้วว นำสิ่งของที่ไม่สำคัญมากใส่ไว้ในเต้นท์ได้เลย เต้นท์ที่เราเลือกเป็นเต้นท์สำหรับ 2-3 คน ราคาเพียง 300 บาท เท่านั้น บอกได้เลยว่า ขนาดช่วงเย็น อากาศก็เริ่มหนาวจนต้องใส่เสื้อกันหนาวแล้วครับ สัก 15 องศาน่าจะได้ // ปล.อีกเช่นเคย ตั้งกล้องกับกระเป๋าเดินทาง 555+
ขอเก็บภาพกับวิวตอนกลางวันสักหน่อยฮ่ะ
เสร็จจากการกางเต้นท์ เราก็มุ่งหน้าไปยังโครงการหลวง ดอยอินทนนท์ อยู่ห่างจากดอยชัวญ่าประมาณ 1 กิโลมตรเท่านั้น มีมุมชิคๆให้ถ่ายรูปเพียบเล๊ย
นี่คือส่วนทางเดินไปยังน้ำตกสิริภูมิ ซึ่งอยู่ติดกับโครงการหลวง ลองไปดูสิ มีอะไรน่าสนใจไหม
เดินมาสัก 300 เมตร ตลอดสองข้างทาง อากาศจะเย็นมาก เนื่องจากปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ถึงแว้ววว น้ำตกสิริภูมิ ปล.น้ำตกนี่แหละที่เรามองเห็นจากดอยชัวญ่า 555
น้ำตกเล็กๆ แต่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปได้นะ
ระหว่างทางกลับโครงการหลวงไปยังดอยชัวญ่า ก็จะมีสวนสนอยู่ทางขวามือ คุณสามารถแวะเข้าไปถ่ายรูปได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
แสงเย็นๆบวกกับทิวต้นสน โอ้วพระเจ้าาา
กลับมายังที่พัก นั้นก็คือเต้นท์ของเรา เริ่มหิวกันแล้ว รอบๆที่พักก็จะมีหมูกระทะมาขาย ชุดละ 400 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมาก อร่อยด้วย อีกอย่างหมูกระทะนี่แหละที่จะมาสร้างความอบอุ่นให้กับเต้นท์ของเรา 555 กินอิ่มรีบนอน พรุ่งนี้เจอกันกิ่วแม่ปานนนนน
ออกจากที่พักดอยชัวญ่า 05.00 น. เพื่อมาชมแสงแรกจากดวงพระอาทิตย์ ที่ริมถนนใกล้ๆกับกิ่วแม่ปาน อากาศตอนนี้น่าจะไม่เกิน 7-8 องศา หนาวควันออกปากเลยแหละ...
ฟินสุดๆไปเลย กว่าจะหามุมถ่ายได้ ยากพอสมควรเพราะคนมารอเยอะเหมือนกัน เรียกได้ว่า"จกตา"กันอยู่สักพัก 55+
มาแว้ววววว แสงแรกที่รอคอย เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายมานิสนึง ภาพที่ถ่ายอาจจะไม่สวยมาก แต่พวกเราสองคนอยากบอกว่า ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง แล้วมันประสบความสำเร็จ 555+ อาจจะดูเว่อ แต่โคตรคุ้มกับการตื่นตี 5 จากนั้น เราสองคนก็เดินกลับเข้าไปจุดพักของกิ่วแม่ปาน เพื่อเติมพลังด้วยโจ๊กร้อนๆ ก่อนจะออกเดินทางสู่เส้นทางธรรมชาติ และดูทะเลหมอก
นี่คือเส้นทางธรรมชาติที่เราเดินเข้าไป ก่อนหน้านี้เราจะต้องใช้บริการไกด์นำทาง ไกด์ 1 คน 200 บาท เท่านั้นเอง หากเจอคนที่มาน้อยเหมือนกันก็รวมก๊วนกับเค้าแล้วหารค่าไกด์ไปเล๊ยยย
ด้านหลังแฟนผม ก็คือ น้องเก่ง ไกด์ประจำก๊วนของเรา (น้องเก่งสมชื่อจริงๆอธิบายทุกอย่างที่ขวางหน้า 55+)
นี่แหละ คือผู้ร่วมเดินทาง พี่ภัทและแฟน เป็นคนที่เราเรียกมาหารค่าไกด์นำทาง สรุปก็ตกคนละ 50 บาท พี่สองคนนี้ดีมากๆเลย แชะภาพเราตลอดทาง เราก็เลยขอแชะภาพพี่ๆเค้าคืนซะเลย จนต้องมีการแลกไลน์เพื่อส่งรูปกันเลยทีเดียว 555
ปล.รูปนี้ น้องเก่ง ไกด์สุดหล่อของเราเป็นคนกดชัตเตอร์ บริการทุกอย่าง แม้กระทั่งน้ำดื่ม
แบร่!!!! อากาศด้านในหนาวเย็น เสื้อกันหนาวต้องพกไปด้วยเด้อ ไม่งั้นมีสั่นไปทั้งตัว
เส้นทางธรรมชาติ เส้นทางนี้ระหว่างทางจะพบน้ำตก ชื่อน้ำตกอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ ฮ่าา แต่รู้ว่ามีระเบียงให้ออกไปถ่ายรูป แวะสิครับ รออะไร
เดินมาประมาณ 2 กม. ใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว ไม่ใช่สุดยอดแบบนั้นนะ 555+ เป็นสุดยอดดอยของกิ่วแม่ปาน อากาศยังหนาวเหน็บอยู่เลย
ใกล้จะถึงยอดกิ่วแม่ปานแล้ว มุมนี้ก็สวยน่าเก็บภาพเหมือนกันครับ ขอสักแชะละกัน (นี่แฟนผมง่วง หรืออะไรกันแน่เนี่ยย 555+)
เย้ เย้ ถึงสักที จุดชมทะเลหมอกของกิ่วแม่ปาน หลายคนคงอาจจะอยากถ่ายรูปแบบที่ไปนั่งห้อยขาตรงระเบียง แต่เราสองคนกลัวความสูงจึงขอถ่ายแบบปลอดภัย แต่ได้อารมณ์คล้ายๆกัน ^^ (เหมือนเช่นเคยครับ คนเยอะ "จกตา"ใส่กันอยู่สักพัก กว่าจะได้รูปสวยๆ 55+)
เอาไปดูกันชัดๆ หลังโดนแผนผมแย่งซีนอยู่ตลอดทาง นี่คือโฉมหน้า เด็กหนุ่ม ไกด์น้ำเที่ยวกิ่วแม่ปาน น้องเก่ง อธิบายทุกอย่างที่เป็นความรู้ ขอบคุณน้องเก่งที่คอยเป็นช่างภาพให้เราด้วย
ขับรถลงจาก "กิ่วแม่ปาน" เราก็มุ่งหน้าเข้าสู่ความเจริญอีกครั้งระหว่างทางที่ขับรถกลับเข้ามาตัวเมืองเชียงใหม่ มี "แกรนด์แคนย่อน" ที่เที่ยวยอดฮิตให้แวะซะด้วย ลงจากรถปุ๊ป หลังแทบไหม้ ถึงแม้อากาศจะเย็น แต่แดดแรงจ๊าดดด
ค่าเข้าแกรนด์แคนย่อน คนละ 50 บาท จะลงไปเล่นน้ำสีเขียวมรกตก็ได้ แต่เราเลือกที่จะเข้าไปหามุมถ่ายภาพชิคๆ เพื่ออัฟเฟสบุ๊ค 5555 (เอาวะ!! ไม่คุ้มก็ต้องคุ้ม) "ถ่ายยับ อัพโซเชียล"
ขับรถต่อไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อขึ้นไปไหว้พระที่ดอยสุเทพ บอกได้เลยว่า ผ่านหลายโค้งมาก เราสองคนเกือบอ้วกกันเลยทีเดียว หากใครไม่มีรถก็สามารถจ้างรถสองแถวแดงขึ้นไปก็ได้นะ ยิ่งหลายคนหารค่าโดยสารกันก็ยิ่งถูก (ปล.ผมขับเอง ลงจากรถนี่โลกหมุนเลยครับ เพราะขนาดลานจอดรถ ยังเอียงตามแนวภูเขา)
กราบสักการะพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล
กว่าจะได้รูปด้านล่าง ที่พวกคุณๆเห็นกันเนี่ย ใช้ความสามารถในการถ่ายรูปอย่างเดียวคงไม่ได้ถ่าย เราต้องใช้ทั้งภาษามือ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ เพื่อสื่อสารให้ นักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ เห็นใจพวกเราบ้าง ขอแค่ภาพเดียว ถ่ายกันอยู่เกือบ 10 นาที 55555555+
ยัง ยังไม่จบ รออ่านต่อในคอมเม้นท์ เด่วจะจัดการลงให้สักครู่นะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น