หมายเหตุ ::: บทความข้างล่างนี้ไม่ใช่จขกท.เป็นผู้เขียน สำหรับผมถือเป็นบทความที่ดีสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ทั้งชีวิตจริงและชีวิตปลอมบนโลกไซเบอร์ครับ
ปรัชญา ว่าด้วย ระยะห่าง
... ความสัมพันธ์ เนิ่นนาน รักษาไว้
... จะคบใคร ให้ยั่งยืน ไม่ฝืนจิต
... ระยะห่าง ควบคุมไว้ ไม่ใกล้ชิด
... เคารพใน วิถีชีวิต กันและกัน
... ใกล้กัน ก็คิดถึง พึงประสงค์
... ห่างบ้าง จะเป็นไร ยังคงมั่น
... ห่างหาย มิเหินห่าง ความสัมพันธ์
... ห่างกัน เพียงกาย ระยะทาง
... ระยะห่าง จัดวาง ให้สมดุล
... เกื้อหนุน น้อมใจ ใสสว่าง
... ต่างคน ต่างมี เส้นทาง
... สะสาง เข้าใจ ไม่วุ่นวาย
... ฝึกฝน ประสบการณ์ จะสอนให้
... ได้เข้าใจ ระยะห่าง มีความหมาย
... ทางเดิน แห่งรัก มิเสื่อมคลาย
... ไม่ไกล ไม่ใกล้ ให้พอดี
... ผืนดิน ริมฝั่ง หาดกลางน้ำ
... เชื่อมต่อ ถึงกัน ได้ทุกที่
... น้ำเซาะ ซัดซาด นานแรมปี
... สิ่งที่ ธรรมดา กลับงดงาม
... เคยสังเกต หรือเคยรู้สึกไหมคะว่า การที่เรารู้จักหรือคบใครสักคน แล้วอยู่ๆ ความสัมพันธ์ก็ต้องมีจบลง จะได้เหตุผลใดก็ไม่อาจจะทราบได้นะคะ... นั่นคือความไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอน สาเหตหนึ่งเป็นเรื่องของ ระยะห่าง
... ระยะห่างถือเป็นศาสตร์และศิลป์ ในการจัดวางความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น แบบเพื่อน แบบแฟน แบบหุ้นส่วนทางธุรกิจ ... หากจะคบกับใครให้ยั่งยืน ต้องเรียนรู้ศิลปะการจัดระยะห่างให้เป็น
... แน่ะ ชีวิตเราต้องยุ่งยากกันขนาดนั้นเชียวหรือคะ ไม่งั้นเค้าจะเรียกว่า ศิลปะในการใช้ชีวิตฤา ... คนเปิดเผย ตรงไป ตรงมา ลูกทุ่งๆ บ้านน๊อก บ้านนอก และขวางโลกอย่างปู ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน เรียนรู้กันแล้ว
... ประการสำคัญคือ ควรปล่อยให้แต่ละคนมีวิถีชีวิตอย่างที่เป็น เป็นตัวของตัวเอง อย่างเป็นธรรมชาติ ... เข้าหาเมื่อคิดถึง ลึกซึ้งพอประมาณ ใช้งานเมื่อจำเป็น หากแต่ไม่จำเป็นต้องติดกันเป็นปาท่องโก๋ตลอดเวลา
... ไม่ยากใช่ไหมคะ ไม่ใกล้ ไม่ไกล ปล่อยให้แต่ละคนมีโลกส่วนตัวบ้าง มิงั้นจะพบจุดจบเช่นเคย ... ใกล้เกินอาจร้อน ถอยห่างมานิด ไอร้อนจะแปรเป็น กระไออุ่น หนุนเสริม ที่ต่างคนต่างโหยหา อยู่ในความทรงจำ ตราบนานเท่านาน
... ชิดใกล้เกินไป อาจเกิดความเบื่อหน่าย สุดท้ายต่างคนก็แยกย้าย เพื่อไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในเส้นทางอื่น ที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่า ... เพราะชีวิตคงมิน่าพิสมัยเท่าใดนักหากต้องผูกติดกับใครตลอดเวลา
... กล่าวได้ว่า การรักษาระยะห่างอย่างมีเทคนิค ถือเป็นเคล็ดลับการครองเรือน ครองรัก ที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้นะคะ ... (เรื่องนี้ต้องรอผู้มีประสบการณ์ใช้ชีวิตคู่ มายืนยันนะคะว่า เป็นอย่างไรกันหนอ)
... ศิลปะและทักษะระดับนี้ต้องฝึกฝน เคล็ดไม่ลับอยู่ที่ เวลาใกล้ชิดอย่าติดหนึบเป็นตังเม ในขณะเดียวกันเวลาขยับออกห่างก็ต้องโดยละม่อมละมุน ... โปรดอย่าหันหลังให้เสมือนจะวิ่งหนี (หน้าตั้ง) เพราะไม่เช่นนั้น ความรู้สึกหรือสายสัมพันธ์อันดี
... อาจจะสั่นคลอน สะสม จนแตกร้าว และขาดในที่สุด แน่นอนไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ ... พยายามใจเย็นๆ ค่อยๆ ดูจังหวะ ระยะจะโคน มีศิลปะในการจัดวางอย่างลงตัวและเหมาะสม ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาค่ะ
... หากยอมรับ เข้าใจ ความเป็นไป และธรรมชาติ ของกันและกันแล้ว เชื่อมั่นได้ว่า ... ไม่มีวันห่างไปหรือใกล้เกิน บนทางเดินแห่งรักและมิตรภาพ ... บนพื้นฐานของเหตุผลที่ให้อภัยกันได้เสมอ ขอเพียงสื่อกันจากก้นบึ้ง ใจถึงใจ
... ใครเคยกล่าวไว้ ผืนดินริมฝั่งกะหาดกลางน้ำ อาจเคยเชื่อมต่อถึงกัน แต่ครั้นถูกน้ำซัดเซาะนานวัน เปลี่ยนเป็นร่องลึก จากสิ่งที่ดูธรรมดา กลายเป็นสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติที่งดงามยิ่งนัก ...
ขอได้รับความขอบพระคุณจาก ลำตะคอง น้องอันดามัน ค่ะ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Boo / Nora IssaraP.
ที่มา
https://www.gotoknow.org/posts/309364
นานๆ แวะมาที ผมขอเอาบทความดีๆ มากฝากเพื่อนสมาชิกห้องราชดำเนินครับ ::: ปรัชญา ว่าด้วย ระยะห่าง :::
ปรัชญา ว่าด้วย ระยะห่าง
... ความสัมพันธ์ เนิ่นนาน รักษาไว้
... จะคบใคร ให้ยั่งยืน ไม่ฝืนจิต
... ระยะห่าง ควบคุมไว้ ไม่ใกล้ชิด
... เคารพใน วิถีชีวิต กันและกัน
... ใกล้กัน ก็คิดถึง พึงประสงค์
... ห่างบ้าง จะเป็นไร ยังคงมั่น
... ห่างหาย มิเหินห่าง ความสัมพันธ์
... ห่างกัน เพียงกาย ระยะทาง
... ระยะห่าง จัดวาง ให้สมดุล
... เกื้อหนุน น้อมใจ ใสสว่าง
... ต่างคน ต่างมี เส้นทาง
... สะสาง เข้าใจ ไม่วุ่นวาย
... ฝึกฝน ประสบการณ์ จะสอนให้
... ได้เข้าใจ ระยะห่าง มีความหมาย
... ทางเดิน แห่งรัก มิเสื่อมคลาย
... ไม่ไกล ไม่ใกล้ ให้พอดี
... ผืนดิน ริมฝั่ง หาดกลางน้ำ
... เชื่อมต่อ ถึงกัน ได้ทุกที่
... น้ำเซาะ ซัดซาด นานแรมปี
... สิ่งที่ ธรรมดา กลับงดงาม
... เคยสังเกต หรือเคยรู้สึกไหมคะว่า การที่เรารู้จักหรือคบใครสักคน แล้วอยู่ๆ ความสัมพันธ์ก็ต้องมีจบลง จะได้เหตุผลใดก็ไม่อาจจะทราบได้นะคะ... นั่นคือความไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอน สาเหตหนึ่งเป็นเรื่องของ ระยะห่าง
... ระยะห่างถือเป็นศาสตร์และศิลป์ ในการจัดวางความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น แบบเพื่อน แบบแฟน แบบหุ้นส่วนทางธุรกิจ ... หากจะคบกับใครให้ยั่งยืน ต้องเรียนรู้ศิลปะการจัดระยะห่างให้เป็น
... แน่ะ ชีวิตเราต้องยุ่งยากกันขนาดนั้นเชียวหรือคะ ไม่งั้นเค้าจะเรียกว่า ศิลปะในการใช้ชีวิตฤา ... คนเปิดเผย ตรงไป ตรงมา ลูกทุ่งๆ บ้านน๊อก บ้านนอก และขวางโลกอย่างปู ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน เรียนรู้กันแล้ว
... ประการสำคัญคือ ควรปล่อยให้แต่ละคนมีวิถีชีวิตอย่างที่เป็น เป็นตัวของตัวเอง อย่างเป็นธรรมชาติ ... เข้าหาเมื่อคิดถึง ลึกซึ้งพอประมาณ ใช้งานเมื่อจำเป็น หากแต่ไม่จำเป็นต้องติดกันเป็นปาท่องโก๋ตลอดเวลา
... ไม่ยากใช่ไหมคะ ไม่ใกล้ ไม่ไกล ปล่อยให้แต่ละคนมีโลกส่วนตัวบ้าง มิงั้นจะพบจุดจบเช่นเคย ... ใกล้เกินอาจร้อน ถอยห่างมานิด ไอร้อนจะแปรเป็น กระไออุ่น หนุนเสริม ที่ต่างคนต่างโหยหา อยู่ในความทรงจำ ตราบนานเท่านาน
... ชิดใกล้เกินไป อาจเกิดความเบื่อหน่าย สุดท้ายต่างคนก็แยกย้าย เพื่อไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในเส้นทางอื่น ที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่า ... เพราะชีวิตคงมิน่าพิสมัยเท่าใดนักหากต้องผูกติดกับใครตลอดเวลา
... กล่าวได้ว่า การรักษาระยะห่างอย่างมีเทคนิค ถือเป็นเคล็ดลับการครองเรือน ครองรัก ที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้นะคะ ... (เรื่องนี้ต้องรอผู้มีประสบการณ์ใช้ชีวิตคู่ มายืนยันนะคะว่า เป็นอย่างไรกันหนอ)
... ศิลปะและทักษะระดับนี้ต้องฝึกฝน เคล็ดไม่ลับอยู่ที่ เวลาใกล้ชิดอย่าติดหนึบเป็นตังเม ในขณะเดียวกันเวลาขยับออกห่างก็ต้องโดยละม่อมละมุน ... โปรดอย่าหันหลังให้เสมือนจะวิ่งหนี (หน้าตั้ง) เพราะไม่เช่นนั้น ความรู้สึกหรือสายสัมพันธ์อันดี
... อาจจะสั่นคลอน สะสม จนแตกร้าว และขาดในที่สุด แน่นอนไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ ... พยายามใจเย็นๆ ค่อยๆ ดูจังหวะ ระยะจะโคน มีศิลปะในการจัดวางอย่างลงตัวและเหมาะสม ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาค่ะ
... หากยอมรับ เข้าใจ ความเป็นไป และธรรมชาติ ของกันและกันแล้ว เชื่อมั่นได้ว่า ... ไม่มีวันห่างไปหรือใกล้เกิน บนทางเดินแห่งรักและมิตรภาพ ... บนพื้นฐานของเหตุผลที่ให้อภัยกันได้เสมอ ขอเพียงสื่อกันจากก้นบึ้ง ใจถึงใจ
... ใครเคยกล่าวไว้ ผืนดินริมฝั่งกะหาดกลางน้ำ อาจเคยเชื่อมต่อถึงกัน แต่ครั้นถูกน้ำซัดเซาะนานวัน เปลี่ยนเป็นร่องลึก จากสิ่งที่ดูธรรมดา กลายเป็นสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติที่งดงามยิ่งนัก ...
ขอได้รับความขอบพระคุณจาก ลำตะคอง น้องอันดามัน ค่ะ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Boo / Nora IssaraP.
ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/309364