การเดินทางภายในเมืองมีรถสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัสและรถรางเล็กที่เรียกว่า Street car ถ้าซื้อตั๋วรถไฟจะสามารถใช้ได้กับทั้งรถบัสและ Street car เพราะตั๋ว Street car จะราคาถูกกว่า เพื่อเป็นการประหยัดเราก็ซื้อแค่ตั๋วแบบวันเดียว 24 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 5 USD เรียกได้ว่าคุ้มค่าจ้าเพราะใช้ได้ครอบคลุมหมด หรือจะเลือกซื้อแบบ 7 วันแบบนี้ก็ได้ ราคาก็จะถูกลงไปอีก และอีกอย่างผู้คนที่นี่ก็ยังชอบปั่นจักรยานกันมาก เราเห็นได้จากภาพจักรยานที่จอดเต็มเมืองซึ่งเราสามารถเช่าเพื่อปั่นได้มีทั้งแบบชั่วโมงและแบบสัปดาห์ให้เลือก ราคาก็ไม่ได้โหดร้ายมากนัก หรือถ้าเอาแบบสบายๆหน่อยก็เรียก Taxi นี่แหละ Taxi ที่นี่เรียกว่า Radio cab หน้าตาน่ารักเชียวล่ะ
ถึงแล้ว Seattle วันแรกเราเข้าไปที่ Washington University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามมาก ถ้ามาช่วง Spring คงได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ แต่นั่นแหละนะ มาหน้าหนาวแถมฝนพรำก็ได้อารมณ์เหงาไปอีกแบบ แต่ยังไงก็ยังสวยอยู่ดี! เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเดินเล่นที่นั่นและเข้าไปชมห้องสมุดซึ่งเป็นห้องสมุดที่ใช้ถ่ายทำห้องสมุดในหนังเรื่อง Harry Potter ด้วย ให้ตาย เจ้าของกระทู้ไม่เคยรู้มาก่อน นางเป็นแฟนคลับแฮรี่ และตื่นเต้นมาก ฮ่าๆ
เช้าวันแรกที่ Seattle เราตื่นมาเพื่อเดินเล่นใน Park แถวบ้านเพื่อนซึ่งติดกับหาดที่เรียกว่า North beach และติดกับทางรถไฟ เหมือนเดินออกกำลังกายกันจากบ้านเพื่อนมานี่ สวยดีและน้ำเย็นมาก เอามือจุ่มน้ำนี่ให้อารมณ์แบบน้ำแข็งละลาย
จากนั้นเราก็นั่งรถบัสเข้าเมืองไปชมพิพิธภัณฑ์เครื่องบินหรือที่เรียกว่า Museum of flight เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองแรกที่ผลิต Boing ใน USA และยังคงเป็นกำลังสำคัญในการผลิตอยู่ ในพิพิธภัณฑ์ก็จะแบ่งเป็นส่วนของอวกาศ เครื่องบิน และประวัติศาสตร์สงครามต่างๆของโลก เรียกว่าได้ความรู้กันแน่นๆจัดเต็มทุกส่วน คือจริงๆควรใช้เวลาประมานวันเต็มๆถึงจะคุ้มค่ากับการเรียนรู้ที่นี่ ตั๋วเข้าน่าจะประมาน 25 เหรียญ แต่เราได้มาฟรีจากญาติโฮสที่เมืองนี้ ก็เลยประหยัดเงินแถมได้ความรู้และได้พกเพื่อนไปด้วยอีก ยิ้มแก้มแตก
เที่ยว Portland-Seattle 2 สัปดาห์หน้าหนาวฉบับผู้หญิงตัวคนเดียว :)
Portland เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านความฮิปปี้ฮิปสเตอร์มาก ไม่ว่าจะทั้งตัวเมืองและผู้คน ดูน่ารักและธรรมชาติดีในสายตาเรา และ Potland ยังอยู่ติด Seattle ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติก สวยงามและเจริญ ถือเป็นเมืองใหญ่ที่น่าอยู่อันดับต้นๆของอเมริกาด้วย เรากดจองตั๋วไปแบบไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มเลยและไม่ได้วางแผนจะไป Seattle ไว้ด้วย คิดว่าถ้าเงินพอคงไปได้ ทริปนี้ค่อนข้างประหยัด นอนโฮสเทล กินอยู่ง่ายๆ เอาเป็นว่าไม่พูดมากละตามมาดูกันเลยดีกว่าเนอะ
เราไปถึงพอร์ทแลนด์เช้าวันคริสต์มาส สิ่งแรกที่เราสัมผัสเมื่อเหยียบย่าง Portland ก็คือฝนปรอยๆและบรรยากาศสีเทา ครึ้มฟ้าครึ้มฝน พวกร้านต่างๆก็ปิดกันส่วนใหญ่ คือเหงามาก คิดในใจว่าเราคิดถูกรึเปล่าเนี้ยที่เลือกมานี่ และนี่เป็นเหตุผลที่น้อยคนนักเลือกจะมาเที่ยว Portland ในช่วงหน้าหนาว เพราะจริงๆหน้าร้อนจะมีกิจกรรมเด็ดๆเยอะมาก เช่น เทศกาลเบียร์ Saturday market ซึ่งเป็นตลาดที่มีของเก๋ๆให้ดูชมและจับจ่ายรวมถึงได้เจอศิลปินผู้สร้างสรรค์งานอาร์ตต่างๆด้วย
ช่วงที่เราไปนั้นอุณหภูมิอยู่ที่ -6 ถึง 6 องศาเซลเซียสและเจอทั้งลม ทั้งฝน รวมทั้งบรรยากาศเหงาๆ สมกับฉายาเมืองฝนจริงๆ แต่สิ่งที่เราชอบมากคือตึกรามบ้านช่องที่นี่เรียกได้ว่าฮิปจริงๆทั้งสีสัน การตกแต่ง ความเก่าแก่ หรือบางทีก็เพ้นท์กันบนกำแพงนั่นแหละ ตามป้ายต่างๆข้างทางโดยเฉพาะป้ายรถเมล์ หรือแม้กระทั่งถังขยะจะถูกแต่งแต้มสีสันและแปะสติ้กเกอร์เต็มไปหมด ร้านรวงบ้านเรือนก็น่ารักน่าดูชมมุงมิ้งสดใส เราคิดในใจว่าถึงบรรยากาศจะหม่นแค่ไหนเราก็ยังสุขได้อยู่นะเออ
การเดินทางภายในเมืองมีรถสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัสและรถรางเล็กที่เรียกว่า Street car ถ้าซื้อตั๋วรถไฟจะสามารถใช้ได้กับทั้งรถบัสและ Street car เพราะตั๋ว Street car จะราคาถูกกว่า เพื่อเป็นการประหยัดเราก็ซื้อแค่ตั๋วแบบวันเดียว 24 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 5 USD เรียกได้ว่าคุ้มค่าจ้าเพราะใช้ได้ครอบคลุมหมด หรือจะเลือกซื้อแบบ 7 วันแบบนี้ก็ได้ ราคาก็จะถูกลงไปอีก และอีกอย่างผู้คนที่นี่ก็ยังชอบปั่นจักรยานกันมาก เราเห็นได้จากภาพจักรยานที่จอดเต็มเมืองซึ่งเราสามารถเช่าเพื่อปั่นได้มีทั้งแบบชั่วโมงและแบบสัปดาห์ให้เลือก ราคาก็ไม่ได้โหดร้ายมากนัก หรือถ้าเอาแบบสบายๆหน่อยก็เรียก Taxi นี่แหละ Taxi ที่นี่เรียกว่า Radio cab หน้าตาน่ารักเชียวล่ะ
หลังจากสำรวจในเมืองกันพอหอมปากหอมคอเราก็เลือดเดินป่าขึ้นหน้า ฟีลอยากเดินป่าเดินเขาก็มา ฮ่า เมื่อหาข้อมูลได้ป่าที่ใกล้ที่สุดก็จัดไป เราเลือกนั่งรถไฟไปลงที่สถานีตรงสวนสัตว์เพื่อเดินเข้าสู่ Washington Park ซึ่งระยะทางก็ไม่ได้โหดมากนัก เรียกว่าเดินออกกำลังเอาเหงื่อนิดๆ ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเป็นระยะและอากาศหนาวมาก ป่าที่นี่มีมอสเขียวๆชุ่มๆขึ้นอยู่ข้างทางและเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมด รวมถึงมีละอองน้ำเล็กๆเกาะ คือเป็นบรรยากาศป่าฝนจริงๆ เราเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อไปทะลุที่ Forest Park และเดินต่อไปที่จุดชมวิวยอดฮิต Pittock Mansion จริงๆเราจะสามารถมองเห็นวิวเมืองพอร์ทแลนด์ได้จากจุดนี้ ตัว Pittock Mansion นั้นเราคิดว่าเหมือนปราสาทเก่าแก่ที่ตกแต่งสวยงาม มีค่าเข้าแต่เราไม่ได้เข้า แค่เดินชมวิวรอบๆ เพราะประหยัดตังค์ ฮ่าๆ จริงๆไม่เข้าก็แอบย่องดูรอบๆได้นะ แต่ถ้าใครมาเที่ยวแล้วไม่งกแบบเราก็เสียตังค์เข้าไปดูข้างในสวยๆได้จ้า
หืม รูปวิวเมืองพอร์ทแลนด์ท่ามกลางสายฝนนี่ให้หวนคิดถึงจุดชมวิวดอยสุเทพจังหวัดเชียงใหม่มากจ้า ฮ่า ๆ คล้ายกันเหลือเกินแม่คุณ
ถึงเวลาออกนอกเมืองกันบ้าง ด้วยความที่เรานอนโฮสเทลก็ทำให้ได้พบปะผู้คนมากมายหลายชาติ และได้เพื่อนสาวเกาหลีมาคนนึง เลยชวนกันเช่ารถออก Road trip แบบวันเดียวราคาอยู่ที่ประมาณ 48 USD ต่อวัน (หารกันแล้วตกประมาณ 25 USD ต่อคนต่อวันรวมค่าน้ำมัน) วันนั้นเราตั้งใจไปดูแม่น้ำ Columbia Gorge River, Mt.Hood และน้ำตก Mulnomah waterfall ซึ่งเป็นสถานที่ที่สองสาวเห็นพ้องต้องกันว่าอยากไปหลังจากกางข้อมูลเที่ยวของโฮสเทลดู แถมวันนั้นหิมะตกแถวภูเขาและน้ำตกด้วย เรียกว่าไปกันแบบไม่ได้หาข้อมูลกันเล้ย ทุลักทุเลกันหน่อยแต่ก็คุ้มเพราะว่าสวยมากจนต้องร้องกรี้ดในใจ ฮ่าๆ
และสุดท้ายเราก็ไม่ได้ไป Mt. Hood กัน เพราะว่าเย็นมากแล้วและหิมะตกเยอะมากวันนั้น เลยตัดสินใจและชมวิวกันข้างทางก่อนกลับเข้าใน Downtown ก็ได้เห็นบรรยากาศสวยๆริมแม่น้ำก่อนพระอาทิตย์ตกกัน โรแมนติกมากและสวยมาก มีความมุ้งมิ้งในการพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่สวยงามกันระหว่างเรากับเพื่อนสาวเกาหลีเป็นสิ่งประกอบฉาก เน่าจริง อันที่จริงแลกกันถ่ายรูปและแบตใกล้จะหมดทั้งแบตมือถือและแบตคนด้วย
เราใช้เวลาช่วงแรกอยู่ที่ Portland จนถึงวันที่ 29 ธันวาคมจึงออกเดินทางต่อไป Seattle เราวางแผนจะนอน Seattle แค่สามคืนและกลับมาพอร์ทแลนด์อีกครั้งในวันที่ 1 มกราคม การเดินทางไป Seattle จะมีรถไฟและรถบัสให้บริการ ส่วนเราเลือกรถบัสที่เรียกว่า Boltbus เพราะว่าราคาถูกสุดละไม่ใช่อะไร ตั๋วราคา 30 USD และใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆจ้า บรรยากาศก็นะ เหมือนนั่งรถเมล์แถวๆภาคเหนือบ้านเราเลย ความคิดถึงบ้านและเพ้อก็มา
ถึงแล้ว Seattle วันแรกเราเข้าไปที่ Washington University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามมาก ถ้ามาช่วง Spring คงได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ แต่นั่นแหละนะ มาหน้าหนาวแถมฝนพรำก็ได้อารมณ์เหงาไปอีกแบบ แต่ยังไงก็ยังสวยอยู่ดี! เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเดินเล่นที่นั่นและเข้าไปชมห้องสมุดซึ่งเป็นห้องสมุดที่ใช้ถ่ายทำห้องสมุดในหนังเรื่อง Harry Potter ด้วย ให้ตาย เจ้าของกระทู้ไม่เคยรู้มาก่อน นางเป็นแฟนคลับแฮรี่ และตื่นเต้นมาก ฮ่าๆ
เช้าวันแรกที่ Seattle เราตื่นมาเพื่อเดินเล่นใน Park แถวบ้านเพื่อนซึ่งติดกับหาดที่เรียกว่า North beach และติดกับทางรถไฟ เหมือนเดินออกกำลังกายกันจากบ้านเพื่อนมานี่ สวยดีและน้ำเย็นมาก เอามือจุ่มน้ำนี่ให้อารมณ์แบบน้ำแข็งละลาย
จากนั้นเราก็นั่งรถบัสเข้าเมืองไปชมพิพิธภัณฑ์เครื่องบินหรือที่เรียกว่า Museum of flight เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองแรกที่ผลิต Boing ใน USA และยังคงเป็นกำลังสำคัญในการผลิตอยู่ ในพิพิธภัณฑ์ก็จะแบ่งเป็นส่วนของอวกาศ เครื่องบิน และประวัติศาสตร์สงครามต่างๆของโลก เรียกว่าได้ความรู้กันแน่นๆจัดเต็มทุกส่วน คือจริงๆควรใช้เวลาประมานวันเต็มๆถึงจะคุ้มค่ากับการเรียนรู้ที่นี่ ตั๋วเข้าน่าจะประมาน 25 เหรียญ แต่เราได้มาฟรีจากญาติโฮสที่เมืองนี้ ก็เลยประหยัดเงินแถมได้ความรู้และได้พกเพื่อนไปด้วยอีก ยิ้มแก้มแตก
เสร็จจากนี่เราก็ไปเดินเล่นนิดหน่อยช่วงดึกๆก่อนเข้าโฮสเทล ที่นี่ของกินแพงกว่า Portland แถมค่าภาษีก็แพงกว่า แต่เราประหยัดค่าข้าวเช้าเพราะที่โฮสเทลมีให้จัดเต็มมาก ก็กินก่อนออกตะลอนทุกเช้า งกไปอีก
เช้าวันที่ 31 เราเริ่มถือแผนที่และออกเดิน จุดแรกไปที่ตลาดสดก่อน น่าจะเป็นตลาดสดแห่งเดียวที่นี่และที่อเมริกา! ฮ่าๆ บ้านเค้าไม่มีแบบบ้านเราอะเนอะ ตลาดนี้เปิดทั้งวันมีของสดของกินของแฮนด์เมดของฝาก และมีดนตรีสดให้ฟังอีกด้วย ถูกใจก็วางเงินลงกระป๋องให้นักดนตรีไป
จะมีแผงขายปลาและอาหารทะเลซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการโยนปลา ก่อนโยนเค้าจะตะโกนเป็นสัญญาณให้กันแกมหยอกล้อสนุกสนานแล้วโยน เป็นที่ตื่นเต้นวี้ดว้ายของคนซื้อมาก
บรรยากาศในตลาดก็สนุกสนาน มีของให้ชิมจากบางร้าน ถ้าอร่อยถูกใจก็ซื้อกันไป
[เดี๋ยวมาอัพต่อนะจ้ะ รอแป๊บ ]