เป็นความคิดเห็นของประชาชนคนหนึ่งที่ตามข่าว และอยากรู้ข้อเท็จจริง
(นั้นแหละ ว่าง่ายๆ)
ไม่ได้มีเจตนาจะหมิ่นประมาท หรือ กล่าวร้ายกับใครนะครับ
ผมพยายามรวบรวมข้อมูลที่แต่ละฝ่ายอ้างอิงมา พยายามเอาคำพูดที่มีหลักฐานและเอกสารรองรับว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ไม่เอาที่มันไม่มีหลักฐานพิสูจน์นะเพราะคำพูดมันเปลี่ยนแปลงกันได้ครับ
(ผมเองยังเคยบอกเพื่อนว่าจะคืนเงิน 2-3เดือน ตอนนี้ยังไม่คืนเลย)
กรณีถ้าครูเป็นแพะจริง นั้นก็แสดงว่ารถคันนี้ไม่ได้ขับชนจักรยานจนคนเสียชีวิต
ซึ่งจะเป็นแบบนั้นได้ก็คือทางพนักงานสอบสวนสืบสวนสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา
(ซึ่งเรื่องแบบนี้มันโดนฝั่งในใจของประชาชนมานานแล้วนะครับ)
เกี่ยวกับ
- สีที่ติดกับขาตะเกียบรถจักรยานไปตรงกับสีป้ายทะเบียน เพราะมีโอกาสน้อยมากที่จะไปตรงกัน
- รถมีรอยครูดเก่า แต่บอกว่าเป็นรอยใหม่
- ร่องรอยชนน่าจะอยู่ขวาเพราะรถจักรยานน่าจะอยู่เลนขวา แต่รถเป็นรอยทางด้านซ้าย
- พยานบอกว่าเป็นผู้ชายขับ แต่ไม่ได้ลงในสำนวนไว้
อันนี้ก็เป็นไปได้นะครับ ว่าหลักฐานที่สร้างขึ้นมาอาจจะเป็นข้อมูลเท็จ แล้วมีข้อมูลประกอบกันกับ
- เพื่อนครูเจอคนขับรถชนตัวจริงคือนายสับ ซึ่งขับรถสีเขียว ทะเบียน บค56 มุกดาหาร
- นายสับ ยอมรับว่าชนจริง
- เอกสารต่อทะเบียนขนส่ง มันผิดปกติไปตั้งแต่ปี 48 แสดงว่า นายสับ อาจจะไม่ใช้รถคันนั้นแล้ว ตั้งแต่ปี 48 เพราะไปขับรถชนคนเสียชีวิตมา ก็คงไม่กล้าเอารถมาใช้งาน
ซึ่งดูจากเอกสารหลักฐานเรื่องตัวรถและสีรถของ บค56 มุกดาหาร น่าจะสอดคล้องกับรถที่น่าจะชนจักรยานของผู้เสียชีวิต
แต่ก็ไม่สามารถมาพิสูจน์ได้ว่า เป็นสีเขียวตรงกับสีที่ติดขาตะเกียบหรือไม่ มีเพียงการยืนยันจากคำพูดของนายสับเท่านั้นว่าขับรถชนจริง
และสิ่งที่ดูขัดกันอีกอย่างก็คือ
ตอนเพื่อนครูบอกว่าไปติดต่อซื้อรถจากนายสับ เขาบอกว่าไม่ได้ใช้รถแล้ว เอาไปจอดทิ้งไว้ที่ป่าอ้อย
แต่คลิปนายสับ บอกว่าไปเอาซ้อนที่กระท่อมนา ซ่อนไว้สักระยะก็เอาไปซ่อม ไม่มีพูดถึงไปไว้ที่ป่าอ้อยเลย
แล้วเพื่อนครูเอาป่าอ้อยมาจากไหน ถ้าไม่ได้ฟังมาจากนายสับ?
นายสับน่าจะเป็นคนเล่านะว่าไปไว้ในป่าอ้อยก่อน เพราะตอนเล่าให้เพื่อนครูฟังยังเล่าเลย แล้วทำไมตอนนี้ไม่เล่า?
แม้เหตุการณ์มันนานมาแล้ว แต่เรื่องรายละเอียดตรงนี้มันน่าจะตรงกันนะ
(จะบอกว่าไปซ่อนป่าอ้อยก่อน แล้วค่อยเอาไปไว้ที่กระท่อมนาก็อาจเป็นได้)
ทำให้คำพูดมีน้ำหนักความน่าเชื่อถือลดลงเพราะน่าจะเล่าให้ละเอียดหรือคล้ายๆกัน
เพื่อนครูตามสืบไปเจอรถ
https://www.youtube.com/watch?v=7Nzb2blX7-Q
นายสับยอมรับว่าขับรถชนคนตายจริง
https://www.youtube.com/watch?v=p7a4ITqltxc&spfreload=10
กรณีถ้าครูเป็นแกะ
พนักงานพิสูจน์หลักฐานเป็นตามนั้นจริง
- สีที่ติดกับขาตะเกียบจะไปตรงกับสีป้ายทะเบียน อย่างที่บอกว่ามีโอกาสน้อยมากแต่มันก็เป็นไปได้ ในเอกสารสำนวนมีส่วนหนึ่งบอกว่า ทะเบียนมีรอยครูด แล้วป้ายทะเบียนก็มีหน้าหลัง ไม่มีเอกสารตรวจสอบป้ายทะเบียนด้านหลังด้วยว่าผิดปกติไหม?(ถ้าหากเขาสลับป้ายทะเบียนกัน)
- ด้านซ้ายรถมีรอยครูดเก่า และรอยใหม่จริง แต่ครูไม่สามารถแก้ต่างรอยใหม่ที่เกิดขึ้นได้เลย ซึ่งทางญาติที่ซื้อรถไปเองก็ยืนยันด้วยว่าเป็นรอยใหม่
- ที่ร่องรอยการชนอยู่ด้านซ้าย อาจเป็นเพราะรถจักรยานกำลังข้ามฝั่งหรือไม่ แล้วประกอบกับรถยนต์กำลังแซงกินเลนขวาไปก็เป็นไปได้ที่รถชนจักรยานทางด้านซ้าย ประกอบกับชันสูตรศพพบว่ามีร่องรอยบอกช้ำทางด้านซ้ายของผู้เสียชีวิตด้วยนะ
ซึ่งมันสอดคล้องกับรอยของรถทางด้านซ้าย เพราะผู้เสียชีวิตขี่จักรยานสวนทางมา ถ้าขับอยู่ในเลนด้านตัวเองจะไม่มีทางโดนกระแทกทางด้านซ้ายเลย ดังนั้นถ้าจะโดนชนทางด้านซ้ายได้ก็น่าจะเป็นไปได้ว่า ขี่ตัดหน้ากระชั้นชิดแล้วไม่พ้น หรือ ย้อนศรมาในอีกเลนหนึ่ง
อันนี้ไม่ได้จะแก้ต่างให้พิสูจน์หลักฐาน แต่มองในมุมความเป็นไปได้จริงๆนะครับ
ถ้าพิสูจน์หลักฐานนั้นจริงเรื่องรอยชนของรถ เรื่องคนขับรถตอนนั้นเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ประเด็นเลย เพราะยังไงรถคันนี้ก็ชนคนเสียชีวิตอยู่ดี แต่จะใครขับอีกเรื่องหนึ่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ดูแปลก
เอกสารการต่อทะเบียนที่ขนส่ง มีลักษณะผิดแปลกไปตั้งแต่ 21 กพ 48 ดูแล้วน่าจะเป็นการต่อที่ขนส่งที่อื่น แล้วมีการอัพเดรดข้อมูลออนไลน์การต่อทะเบียนลงในเอกสาร เพราะสังเกตุได้ว่ามีการเซ็นชื่อ 3 ปีซ้อนเลย ถ้าต่อที่ขนส่งมุกดาหารก็น่าจะต้องมีลายเซ็นกำกับด้านหลังทุกปี
แล้วถ้านายสับ ยังไม่ได้ขายรถก่อน มีค 48 ลักษณะการต่อทะเบียนของปี 48 ในวันที่ 21 กพ 48 นั้นมันก็น่าจะเหมือนๆปีที่ผ่านมาคือมีการเซ็นกำกับด้านท้าย
และจากปีก่อนๆ นายสับมักจะต่อทะเบียนล่าช้า แล้วทำไมปี 48 ถึงได้ต่อทะเบียนตรงช่วงวันหมดอายุละ?
ลักษณะการต่อทะเบียนของปี 48 มันจึงมีผิดปกติที่เคยทำมา
(มันก็พอเป็นไปได้นะว่า นายสับอาจจะมีเหตุไปต่อในที่อื่นมาก่อนก็ได้)
ในคลิปที่นายสับยอมรับนั้น
นายสับบอกว่าไม่ได้ใช้รถ บอกว่าเอาไปซ่อนไม่ได้ระบุว่านานแค่ไหน แล้วขายต่อให้ของเก่าแต่กลับมีการต่อทะเบียนหลังจากปี 48 อีกด้วย
ซึ่งอันนี้คนขายของเก่าอาจจะซื้อไปใช้แล้วต่อทะเบียนเองก็เป็นไปได้เหมือนกัน
แต่ก็มีข้อมูลสอดคล้องกับข้อมูลทะเบียนว่า คนรับซื้อไปตั้งแต่ก่อนและบอกว่าต่อทะเบียน 21 กพ 48
http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378531438/
กรณีนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคนสัมภาษณ์อาจจะรู้ข้อมูลก่อนก็ได้จึงพูดไปตามนั้น แต่ยังการต่อทะเบียนในปี48 ก็มีข้อผิดสังเกตุอยู่ดี
ผมเอาข้อมูลที่ฟังแล้วมาประกอบเหตุผลกันนะ มันไม่สอดคล้องกับสิ่งพวกเขาที่บอกมานะซึ่งรวมๆหลายอย่างแล้ว
มันจะกลายเป็นจับแพะชนแกะก็ได้นะ เพราะมันมีบางเรื่องที่แจ้งไม่ได้
- ครูมีคำพูดของพยานว่า คนขับเป็นผู้ชาย ซึ่งอันนี้มันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่ารถของครูจะไม่ได้ไปขับชน
- ครูไม่สามารถหาข้อโต้แย้งกับรอยทางซ้ายที่เกิดใหม่ได้ เพราะคนซื้อรถต่อไปเป็นญาติทางครูเองยังยืนยันว่าเป็นรอยใหม่
- ถ้าทางคนซื้อรถไปเป็นญาติของครูเอง ยังยืนยันเรื่องรอยครูดที่เกิดขึ้นใหม่ เอกสารของพิสูจน์หลักฐานมันดูน่าเชื่อถือว่าจริงขึ้นเยอะเลยนะครับ
ถ้าข้อมูลพิสูจน์หลักฐานว่ารถคันนั้นชนคนเสียชีวิตจริง ก็ไม่จำเป็นว่าคนขับจะต้องเป็นครูก็ได้ ซึ่งอันนี้จะบอกว่าไม่ใช่คนขับตัวจริงเป็นแพะ ก็ยังมองได้อยู่ดีนะ
แต่เพราะยังไงเจ้าของรถก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่ปฏิเสธหรือพาดพิงว่าใครเป็นคนขับในตอนนั้น
(เหมือนกรณีมีคนเอาปืนไปใช้ ถ้าไม่บอกว่าใครเอาไปใช้ เจ้าของปืนย่อมต้องรับผิดชอบเอง)
แล้วถ้าหลังจากถูกดำเนินคดีทางครูได้ไปค้นเจอว่ามีรถทะเบียนเดียวกัน สีสอดคล้องกันกับข้อมูลสีเขียวที่ตำรวจเจอ (ซึ่งมีโอกาสน้อยมากๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ) จึงได้มีการว่าจ้างให้ยอมรับผิดแทน
คือกรณีนี้ มันก็ขัดกับความรู้สึกนะ ว่าครูจะทำไปทำไม? แล้วนายสับทำแล้วได้อะไร?
ทำแล้วมีโอกาสติดคุกด้วยซ้ำ แล้วเงินชดเชยจากการติดคุกก็ไม่ได้มากมายเลยนะ
แล้วถ้ามีคนอื่นจ้างต้องใช้จำนวนเงินมากแค่ไหนละ? แล้วคนจ้างจะทำไปเพื่ออะไร?
อันนี้มันก็พิสูจน์ไม่ได้เลย เพราะมันเป็นความคิดและเหตุผลของแต่ละคนครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่อยากจะโยงเรื่องขบวนการรับจ้างติดคุกนะ ที่ สว.มุกดาหารบอก เพราะว่าท่านจำวันที่มีคนไปหาแม่นเกินไป ในฐานะคนดังในพื้นที่ น่าจะมีคนเข้าพบหาอยู่บ่อยครั้ง และก็คงมาหลายๆคนด้วย ไม่น่าจะจำวันที่ที่อ้างได้นะ ผมเองยังจำไม่ได้เลยว่า 30 พย ปีนั้นทำอะไรอยู่?
อันนี้ก็พิจารณาตามความเห็นส่วนตัวในข้อมูลหลักฐานที่เห็นนะ
ซึ่งบางท่านอาจจะคิดไม่สอดคล้องกันก็ได้ มีประเด็นไหนขัดแย้งก็ว่ากันดูครับถ้ามีข้อมูลที่พิสูจน์ได้หักล้างกัน ก็แจ้งได้ครับ ไม่เอาข้อมูลคำพูด คำปากที่พิสูจน์ไม่ได้
ผมไม่ได้จบกฏหมายดังนั้นการอ่านสำนวนอาจจะมีผิดพลาดไม่ตรงกับความเป็นจริงก็อาจเป็นได้
เลยพยายามหยิบส่วนสำคัญในเอกสารมาวิเคราะห์ครับ
ขอบคุณข้อมูลสำนวนครับ
https://www.facebook.com/thred.boon/posts/10154212510672011
เพิ่มเติมอีกประเด็น เรื่องการให้ปากคำของพยาน เพราะคำพูดมันเปลี่ยนได้
ที่ตอนแรกว่า บค56 สกลนคร ต่อมาบอกว่า มีแต่บอก บค56 ไม่ได้บอกจังหวัดนั้น
ในเอกสารการพยานให้ปากคำระบุว่า บค56 สกลนคร แล้วพยานก็เซ็นต์รับทราบด้วย
อันนี้จะบอกว่า พนักงานสอบสวนระบุไปเองได้หรือไม่?
ก็เป็นไปได้น่ะ ว่าระบุเอง แต่!!! ทำไมถึงระบุ จ.สกลนครละ เหตุเกิด จ.นครพนม
ถ้าพนักงานสอบสวนระบุเอง ก็น่าจะเป็น นครพนม มากกว่านะ
อีกอย่างหนึ่งถ้าเป็นการเดาสุ่มในการระบุจังหวัดว่า ทะเบียน บค56 จ.สกลนคร
พนักงานจะรู้ได้อย่างไรว่ามีรถทะเบียนนี้ใช้งานอยู่ ในช่วงการให้ปากคำของพยาน
เพราะยังไม่ได้ไปสืบหาเลยว่ารถทะเบียน บค56 มีจ.ไหนใช้อยู่บ้าง?
แล้วถ้าการให้ปากคำของพยานไขว่เขวแบบนี้ เรื่องการได้เห็นผู้ชายลงไปดูผู้เสียชีวิต ความน่าเชื่อถือก็ลดลงนะ
//เพิ่มเติม
ถ้าผมมีสมมุติฐานส่วนตัวเรื่องแรงจูงใจว่า..
เขามั่นใจในสิ่งที่พยานอ้างว่าเห็นผู้ชายลงมา
แล้วก็ยังมีนายสับ ที่ออกมายอมรับความผิดอีกด้วยละ
(อันนี้มันก็ยืนยันไม่ได้ว่าพยานเห็นจริงตั้งแต่ต้น หรือมาเปลี่ยนคำภายหลังที่รู้ว่านายสับเป็นคนใช้รถ บค56 มุกดาหาร
และมีข้อมูลบ่งบอกว่า เพื่อนครูที่ตามสืบหารถ บค56 มุกดาหาร ชื่อครูอ๋อง มีความสัมพันธ์รู้จักกับนายสับ วาปี เพราะทำอาชีพค้าไม้มาด้วยกัน
http://77jowo.tnews.co.th/contents/220710/)
ทำให้มีความมั่นใจมาก ที่จะรื้อขึ้นมาเพื่อให้ตนเองถูกตัดสินผิดพลาดได้หรือไม่ละ?
ถ้าชนะเรื่องอื่นๆก็จะตามกลับมาทั้งชื่อเสียงกลับคืน และยืนในสังคมได้เต็มที่
อายุงานราชการ (เงินเดือนด้วยหรือเปล่า ไม่ทราบนะ) และค่าชดเชยที่ถูกจองจำ
ซึ่งมันก็คุ้มกว่าที่จะถูกสังคมมองว่าขับรถชนคนตาย
อันนี้มันเป็นสมมุติฐานส่วนตัวของตัวเองที่คิดว่าจะเป็นไปได้นะครับ
แต่ก็ยังไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ยอมรับตั้งแต่ต้น เพราะการทำผิดฐานขับรถประมาทจริงๆ
มักจะเป็นโทษที่ไม่หนักมาก ขอเพียงจริงใจที่จะช่วยเหลือเหยื่อและชดใช้ค่าเสียหายให้ ก็พอทุเลาโทษได้นะ
ยุติธ้อน
*เพิ่มเติมเอกสาร
*แก้ไขคำ
*เพิ่มเติมข้อมูล
จากคดีครูจอมทรัพย์ จะเป็นจับแพะชนแกะได้หรือไม่ครับ(ความเห็นส่วนตัว)
ไม่ได้มีเจตนาจะหมิ่นประมาท หรือ กล่าวร้ายกับใครนะครับ
ผมพยายามรวบรวมข้อมูลที่แต่ละฝ่ายอ้างอิงมา พยายามเอาคำพูดที่มีหลักฐานและเอกสารรองรับว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ไม่เอาที่มันไม่มีหลักฐานพิสูจน์นะเพราะคำพูดมันเปลี่ยนแปลงกันได้ครับ
(ผมเองยังเคยบอกเพื่อนว่าจะคืนเงิน 2-3เดือน ตอนนี้ยังไม่คืนเลย)
กรณีถ้าครูเป็นแพะจริง นั้นก็แสดงว่ารถคันนี้ไม่ได้ขับชนจักรยานจนคนเสียชีวิต
ซึ่งจะเป็นแบบนั้นได้ก็คือทางพนักงานสอบสวนสืบสวนสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา(ซึ่งเรื่องแบบนี้มันโดนฝั่งในใจของประชาชนมานานแล้วนะครับ)
เกี่ยวกับ
- สีที่ติดกับขาตะเกียบรถจักรยานไปตรงกับสีป้ายทะเบียน เพราะมีโอกาสน้อยมากที่จะไปตรงกัน
- รถมีรอยครูดเก่า แต่บอกว่าเป็นรอยใหม่
- ร่องรอยชนน่าจะอยู่ขวาเพราะรถจักรยานน่าจะอยู่เลนขวา แต่รถเป็นรอยทางด้านซ้าย
- พยานบอกว่าเป็นผู้ชายขับ แต่ไม่ได้ลงในสำนวนไว้
อันนี้ก็เป็นไปได้นะครับ ว่าหลักฐานที่สร้างขึ้นมาอาจจะเป็นข้อมูลเท็จ แล้วมีข้อมูลประกอบกันกับ
- เพื่อนครูเจอคนขับรถชนตัวจริงคือนายสับ ซึ่งขับรถสีเขียว ทะเบียน บค56 มุกดาหาร
- นายสับ ยอมรับว่าชนจริง
- เอกสารต่อทะเบียนขนส่ง มันผิดปกติไปตั้งแต่ปี 48 แสดงว่า นายสับ อาจจะไม่ใช้รถคันนั้นแล้ว ตั้งแต่ปี 48 เพราะไปขับรถชนคนเสียชีวิตมา ก็คงไม่กล้าเอารถมาใช้งาน
ซึ่งดูจากเอกสารหลักฐานเรื่องตัวรถและสีรถของ บค56 มุกดาหาร น่าจะสอดคล้องกับรถที่น่าจะชนจักรยานของผู้เสียชีวิต
แต่ก็ไม่สามารถมาพิสูจน์ได้ว่า เป็นสีเขียวตรงกับสีที่ติดขาตะเกียบหรือไม่ มีเพียงการยืนยันจากคำพูดของนายสับเท่านั้นว่าขับรถชนจริง
และสิ่งที่ดูขัดกันอีกอย่างก็คือ
ตอนเพื่อนครูบอกว่าไปติดต่อซื้อรถจากนายสับ เขาบอกว่าไม่ได้ใช้รถแล้ว เอาไปจอดทิ้งไว้ที่ป่าอ้อย
แต่คลิปนายสับ บอกว่าไปเอาซ้อนที่กระท่อมนา ซ่อนไว้สักระยะก็เอาไปซ่อม ไม่มีพูดถึงไปไว้ที่ป่าอ้อยเลย
แล้วเพื่อนครูเอาป่าอ้อยมาจากไหน ถ้าไม่ได้ฟังมาจากนายสับ?
นายสับน่าจะเป็นคนเล่านะว่าไปไว้ในป่าอ้อยก่อน เพราะตอนเล่าให้เพื่อนครูฟังยังเล่าเลย แล้วทำไมตอนนี้ไม่เล่า?
แม้เหตุการณ์มันนานมาแล้ว แต่เรื่องรายละเอียดตรงนี้มันน่าจะตรงกันนะ
(จะบอกว่าไปซ่อนป่าอ้อยก่อน แล้วค่อยเอาไปไว้ที่กระท่อมนาก็อาจเป็นได้)
ทำให้คำพูดมีน้ำหนักความน่าเชื่อถือลดลงเพราะน่าจะเล่าให้ละเอียดหรือคล้ายๆกัน
เพื่อนครูตามสืบไปเจอรถ
https://www.youtube.com/watch?v=7Nzb2blX7-Q
นายสับยอมรับว่าขับรถชนคนตายจริง
https://www.youtube.com/watch?v=p7a4ITqltxc&spfreload=10
กรณีถ้าครูเป็นแกะ
พนักงานพิสูจน์หลักฐานเป็นตามนั้นจริง
- สีที่ติดกับขาตะเกียบจะไปตรงกับสีป้ายทะเบียน อย่างที่บอกว่ามีโอกาสน้อยมากแต่มันก็เป็นไปได้ ในเอกสารสำนวนมีส่วนหนึ่งบอกว่า ทะเบียนมีรอยครูด แล้วป้ายทะเบียนก็มีหน้าหลัง ไม่มีเอกสารตรวจสอบป้ายทะเบียนด้านหลังด้วยว่าผิดปกติไหม?(ถ้าหากเขาสลับป้ายทะเบียนกัน)
- ด้านซ้ายรถมีรอยครูดเก่า และรอยใหม่จริง แต่ครูไม่สามารถแก้ต่างรอยใหม่ที่เกิดขึ้นได้เลย ซึ่งทางญาติที่ซื้อรถไปเองก็ยืนยันด้วยว่าเป็นรอยใหม่
- ที่ร่องรอยการชนอยู่ด้านซ้าย อาจเป็นเพราะรถจักรยานกำลังข้ามฝั่งหรือไม่ แล้วประกอบกับรถยนต์กำลังแซงกินเลนขวาไปก็เป็นไปได้ที่รถชนจักรยานทางด้านซ้าย ประกอบกับชันสูตรศพพบว่ามีร่องรอยบอกช้ำทางด้านซ้ายของผู้เสียชีวิตด้วยนะ
ซึ่งมันสอดคล้องกับรอยของรถทางด้านซ้าย เพราะผู้เสียชีวิตขี่จักรยานสวนทางมา ถ้าขับอยู่ในเลนด้านตัวเองจะไม่มีทางโดนกระแทกทางด้านซ้ายเลย ดังนั้นถ้าจะโดนชนทางด้านซ้ายได้ก็น่าจะเป็นไปได้ว่า ขี่ตัดหน้ากระชั้นชิดแล้วไม่พ้น หรือ ย้อนศรมาในอีกเลนหนึ่ง
อันนี้ไม่ได้จะแก้ต่างให้พิสูจน์หลักฐาน แต่มองในมุมความเป็นไปได้จริงๆนะครับ
ถ้าพิสูจน์หลักฐานนั้นจริงเรื่องรอยชนของรถ เรื่องคนขับรถตอนนั้นเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ประเด็นเลย เพราะยังไงรถคันนี้ก็ชนคนเสียชีวิตอยู่ดี แต่จะใครขับอีกเรื่องหนึ่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ดูแปลก
เอกสารการต่อทะเบียนที่ขนส่ง มีลักษณะผิดแปลกไปตั้งแต่ 21 กพ 48 ดูแล้วน่าจะเป็นการต่อที่ขนส่งที่อื่น แล้วมีการอัพเดรดข้อมูลออนไลน์การต่อทะเบียนลงในเอกสาร เพราะสังเกตุได้ว่ามีการเซ็นชื่อ 3 ปีซ้อนเลย ถ้าต่อที่ขนส่งมุกดาหารก็น่าจะต้องมีลายเซ็นกำกับด้านหลังทุกปี
แล้วถ้านายสับ ยังไม่ได้ขายรถก่อน มีค 48 ลักษณะการต่อทะเบียนของปี 48 ในวันที่ 21 กพ 48 นั้นมันก็น่าจะเหมือนๆปีที่ผ่านมาคือมีการเซ็นกำกับด้านท้าย
และจากปีก่อนๆ นายสับมักจะต่อทะเบียนล่าช้า แล้วทำไมปี 48 ถึงได้ต่อทะเบียนตรงช่วงวันหมดอายุละ?
ลักษณะการต่อทะเบียนของปี 48 มันจึงมีผิดปกติที่เคยทำมา
(มันก็พอเป็นไปได้นะว่า นายสับอาจจะมีเหตุไปต่อในที่อื่นมาก่อนก็ได้)
ในคลิปที่นายสับยอมรับนั้น
นายสับบอกว่าไม่ได้ใช้รถ บอกว่าเอาไปซ่อนไม่ได้ระบุว่านานแค่ไหน แล้วขายต่อให้ของเก่าแต่กลับมีการต่อทะเบียนหลังจากปี 48 อีกด้วย
ซึ่งอันนี้คนขายของเก่าอาจจะซื้อไปใช้แล้วต่อทะเบียนเองก็เป็นไปได้เหมือนกัน
แต่ก็มีข้อมูลสอดคล้องกับข้อมูลทะเบียนว่า คนรับซื้อไปตั้งแต่ก่อนและบอกว่าต่อทะเบียน 21 กพ 48
http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378531438/
กรณีนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคนสัมภาษณ์อาจจะรู้ข้อมูลก่อนก็ได้จึงพูดไปตามนั้น แต่ยังการต่อทะเบียนในปี48 ก็มีข้อผิดสังเกตุอยู่ดี
ผมเอาข้อมูลที่ฟังแล้วมาประกอบเหตุผลกันนะ มันไม่สอดคล้องกับสิ่งพวกเขาที่บอกมานะซึ่งรวมๆหลายอย่างแล้ว
มันจะกลายเป็นจับแพะชนแกะก็ได้นะ เพราะมันมีบางเรื่องที่แจ้งไม่ได้
- ครูมีคำพูดของพยานว่า คนขับเป็นผู้ชาย ซึ่งอันนี้มันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่ารถของครูจะไม่ได้ไปขับชน
- ครูไม่สามารถหาข้อโต้แย้งกับรอยทางซ้ายที่เกิดใหม่ได้ เพราะคนซื้อรถต่อไปเป็นญาติทางครูเองยังยืนยันว่าเป็นรอยใหม่
- ถ้าทางคนซื้อรถไปเป็นญาติของครูเอง ยังยืนยันเรื่องรอยครูดที่เกิดขึ้นใหม่ เอกสารของพิสูจน์หลักฐานมันดูน่าเชื่อถือว่าจริงขึ้นเยอะเลยนะครับ
ถ้าข้อมูลพิสูจน์หลักฐานว่ารถคันนั้นชนคนเสียชีวิตจริง ก็ไม่จำเป็นว่าคนขับจะต้องเป็นครูก็ได้ ซึ่งอันนี้จะบอกว่าไม่ใช่คนขับตัวจริงเป็นแพะ ก็ยังมองได้อยู่ดีนะ
แต่เพราะยังไงเจ้าของรถก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่ปฏิเสธหรือพาดพิงว่าใครเป็นคนขับในตอนนั้น
(เหมือนกรณีมีคนเอาปืนไปใช้ ถ้าไม่บอกว่าใครเอาไปใช้ เจ้าของปืนย่อมต้องรับผิดชอบเอง)
แล้วถ้าหลังจากถูกดำเนินคดีทางครูได้ไปค้นเจอว่ามีรถทะเบียนเดียวกัน สีสอดคล้องกันกับข้อมูลสีเขียวที่ตำรวจเจอ (ซึ่งมีโอกาสน้อยมากๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ) จึงได้มีการว่าจ้างให้ยอมรับผิดแทน
คือกรณีนี้ มันก็ขัดกับความรู้สึกนะ ว่าครูจะทำไปทำไม? แล้วนายสับทำแล้วได้อะไร?
ทำแล้วมีโอกาสติดคุกด้วยซ้ำ แล้วเงินชดเชยจากการติดคุกก็ไม่ได้มากมายเลยนะ
แล้วถ้ามีคนอื่นจ้างต้องใช้จำนวนเงินมากแค่ไหนละ? แล้วคนจ้างจะทำไปเพื่ออะไร?
อันนี้มันก็พิสูจน์ไม่ได้เลย เพราะมันเป็นความคิดและเหตุผลของแต่ละคนครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันนี้ก็พิจารณาตามความเห็นส่วนตัวในข้อมูลหลักฐานที่เห็นนะ
ซึ่งบางท่านอาจจะคิดไม่สอดคล้องกันก็ได้ มีประเด็นไหนขัดแย้งก็ว่ากันดูครับถ้ามีข้อมูลที่พิสูจน์ได้หักล้างกัน ก็แจ้งได้ครับ ไม่เอาข้อมูลคำพูด คำปากที่พิสูจน์ไม่ได้
ผมไม่ได้จบกฏหมายดังนั้นการอ่านสำนวนอาจจะมีผิดพลาดไม่ตรงกับความเป็นจริงก็อาจเป็นได้
เลยพยายามหยิบส่วนสำคัญในเอกสารมาวิเคราะห์ครับ
ขอบคุณข้อมูลสำนวนครับ
https://www.facebook.com/thred.boon/posts/10154212510672011
เพิ่มเติมอีกประเด็น เรื่องการให้ปากคำของพยาน เพราะคำพูดมันเปลี่ยนได้
ที่ตอนแรกว่า บค56 สกลนคร ต่อมาบอกว่า มีแต่บอก บค56 ไม่ได้บอกจังหวัดนั้น
ในเอกสารการพยานให้ปากคำระบุว่า บค56 สกลนคร แล้วพยานก็เซ็นต์รับทราบด้วย
อันนี้จะบอกว่า พนักงานสอบสวนระบุไปเองได้หรือไม่?
ก็เป็นไปได้น่ะ ว่าระบุเอง แต่!!! ทำไมถึงระบุ จ.สกลนครละ เหตุเกิด จ.นครพนม
ถ้าพนักงานสอบสวนระบุเอง ก็น่าจะเป็น นครพนม มากกว่านะ
อีกอย่างหนึ่งถ้าเป็นการเดาสุ่มในการระบุจังหวัดว่า ทะเบียน บค56 จ.สกลนคร
พนักงานจะรู้ได้อย่างไรว่ามีรถทะเบียนนี้ใช้งานอยู่ ในช่วงการให้ปากคำของพยาน
เพราะยังไม่ได้ไปสืบหาเลยว่ารถทะเบียน บค56 มีจ.ไหนใช้อยู่บ้าง?
แล้วถ้าการให้ปากคำของพยานไขว่เขวแบบนี้ เรื่องการได้เห็นผู้ชายลงไปดูผู้เสียชีวิต ความน่าเชื่อถือก็ลดลงนะ
//เพิ่มเติม
ถ้าผมมีสมมุติฐานส่วนตัวเรื่องแรงจูงใจว่า..
เขามั่นใจในสิ่งที่พยานอ้างว่าเห็นผู้ชายลงมา
แล้วก็ยังมีนายสับ ที่ออกมายอมรับความผิดอีกด้วยละ
(อันนี้มันก็ยืนยันไม่ได้ว่าพยานเห็นจริงตั้งแต่ต้น หรือมาเปลี่ยนคำภายหลังที่รู้ว่านายสับเป็นคนใช้รถ บค56 มุกดาหาร
และมีข้อมูลบ่งบอกว่า เพื่อนครูที่ตามสืบหารถ บค56 มุกดาหาร ชื่อครูอ๋อง มีความสัมพันธ์รู้จักกับนายสับ วาปี เพราะทำอาชีพค้าไม้มาด้วยกัน
http://77jowo.tnews.co.th/contents/220710/)
ทำให้มีความมั่นใจมาก ที่จะรื้อขึ้นมาเพื่อให้ตนเองถูกตัดสินผิดพลาดได้หรือไม่ละ?
ถ้าชนะเรื่องอื่นๆก็จะตามกลับมาทั้งชื่อเสียงกลับคืน และยืนในสังคมได้เต็มที่
อายุงานราชการ (เงินเดือนด้วยหรือเปล่า ไม่ทราบนะ) และค่าชดเชยที่ถูกจองจำ
ซึ่งมันก็คุ้มกว่าที่จะถูกสังคมมองว่าขับรถชนคนตาย
อันนี้มันเป็นสมมุติฐานส่วนตัวของตัวเองที่คิดว่าจะเป็นไปได้นะครับ
แต่ก็ยังไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ยอมรับตั้งแต่ต้น เพราะการทำผิดฐานขับรถประมาทจริงๆ
มักจะเป็นโทษที่ไม่หนักมาก ขอเพียงจริงใจที่จะช่วยเหลือเหยื่อและชดใช้ค่าเสียหายให้ ก็พอทุเลาโทษได้นะ
ยุติธ้อน
*เพิ่มเติมเอกสาร
*แก้ไขคำ
*เพิ่มเติมข้อมูล