เชื่อว่าหลายคนที่มีโอกาสได้ไปเดินเล่นแถวย่านนัมบะที่โอซาก้าจะต้องเคยเห็นเจ้าปูยักษ์นี่ตั้งตระหง่านราศีจับอยู่แน่ๆ แต่คงน้อยคนนักที่จะได้เข้าไปสัมผัสและได้ชิมเจ้าปูนี่แบบใกล้ๆ วันนี้เราก็เลยเอาประสบการณ์ที่ไปสัมผัสมามาแบ่งปันค่ะ เผื่อใครสนใจครั้งหน้าอยากลองไปชิมดู ^^
ปล. ส่วนใครที่สนใจอยากได้รีวิวตัวเต็มของทริปโอซาก้ารอแป๊ปนึงน้าาา ตอนนี้กำลังพยามเรียบเรียงอยู่ล่ะ T-T
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
สำหรับร้านเจ้าปูยักษ์ หรือ かに道楽 (Kani Doraku) นี้ มีหลายสาขามากๆ อย่างที่ย่านนัมบะเองก็มีประมาณ 2-3 ร้านแน่ะ เพราะฉะนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะไปยลโฉมร้านไหน และอย่าลืมไปให้ถูกสาขาน้าาา
โดยที่ร้านที่เราไปถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของโอซาก้าเลยทีเดียว!!! จะตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆป้ายกูลิโกะเลย เป็นสาขาใหญ่หรือที่เรียกกันว่า 道頓堀 本店 (Dotombori Honten) ร้านนี้ได้ยินชื่อเสียงร่ำลือว่ารอคิวนานมากกกก!!! เพราะฉะนั้นพอคิดว่าจะกิน เราก็เลยลองหาข้อมูลดูและพบว่าสามารถจองล่วงหน้าได้ ก็เลยตัดสินใจลองเข้าไปในเวปไซด์ และสามารถจองได้สำมะเร็จ เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าอยากจะไปกินโดยที่ไม่อยากรอนานก็อย่าลืมทำการจองกันก่อนนะ
ส่วนวิธีการจองก็ง่ายมาก เพราะในเวปไซด์มีแปลเป็นภาษาอังกฤษได้เสร็จสรรพ สามารถเข้าไปได้ตามนี้เลยค่ะ
1. เข้าเวปไซด์
http://douraku.co.jp.e.at.hp.transer.com/
2. กดเลือกสาขาที่ต้องการจะไปทาน
3. จากนั้นเลือกปุ่ม Online Reservation จะมีให้เลือกต่อว่าจะจองด้วยภาษาอะไร
4. เมื่อเข้าไปในหน้าจองจะมีระบุวิธีการจองอย่างชัดเจนให้เลย ก็กรอกรายละเอียดต่างๆตามที่เค้าแนะนำไว้ได้เลย โดยเค้าจะให้เริ่มจากรายละเอียดที่จะไปใช้บริการก่อน พวกสาขา วันที่ เวลา จำนวนคน ลักษณะโต๊ะ อะไรประมาณนี้ ถ้าโอเคก็จะขึ้นว่าว่าง และสามารถกรอกรายละเอียดส่วนตัวพวกชื่อต่อได้
5. ถ้ากรอกรายละเอียดทุกอย่างครบและโอเค จะมีอีเมล์ส่งคอนเฟิร์มกลับมาให้ เค้าบอกว่าถ้าไม่ได้อีเมล์แสดงว่าจองไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็คให้ดี
ปล. เราชอบอย่างนึงตรงที่ใกล้ๆวันมีอีเมล์ส่มาตามด้วยล่ะว่าจองไว้แล้ว อย่าลืมมากินนะ
ปลล. อย่าลืมปรินท์เอกสารยืนยันการจองไป หรือเปิดในมือถือก็น่าจะโอเค
ปลลล. ทางร้านระบุว่าถ้าไปช้ากว่าเวลา 30 นาที จะถูกยกเลิกการจองอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูเวลาดีๆนะ
ของเราตอนแรกเลือกเวลาตั้งนานแน่ะ นึกว่าจะอดกินซะแล้วเพราะไม่ว่างเลย สุดท้ายเลยต้องยอมหิ้วท้องรอหน่อย จองได้ประมาณรอบ 2 ทุ่มครึ่ง เสร็จจาก Universal ก็ตรงดิ่งไป มีเวลาเดินเล่นแถวๆ Dotonburi นิดหน่อย แป๊ปเดียวก็ถึงเวลา แค่ยื่นเอกสารที่เคาท์เตอร์หน้าร้านเค้าก็หาชื่อเราให้และเดินเข้าร้านได้เลย แอบเห็นว่ายังมีคนไปต่อคิวอยู่เลย น่าจะคิวยาวอยู่
บรรยากาศหน้าร้านมีเจ้าปูยักษ์และมีตู้โชว์ตัวอย่างเมนูยั่วน้ำลายด้วย จริงๆจะมีขายของที่ระลึก ขนม ของกิน ของฝาก ให้ซื้อกลับบ้านได้ รวมทั้งมีขายปูย่างสำหรับคนที่ขี้เกียจนั่งกินด้วย สารภาพว่าปีก่อนที่มาเราเคยมาซื้อขาปูย่างที่ว่ากิน สนนราคาแค่ 700¥ . . . แต่ขอบอกว่ามันไม่อร่อยเลยย T-T คือเหมือนมันแห้งเกินไป เนื้อน้อยๆ ติดเปลือก กินยากๆ 555 แต่คราวนี้มาก็เลยลองไปนั่งกินดู เผื่อมันจะอร่อยขึ้น
ส่วนในร้านจะมีปูสดๆว่ายน้ำกันเรียงรายเลยล่ะ
พอเข้าร้านไปจะต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 2 โดยที่ขึ้นไปกันเอง แต่พอประตูลิฟต์เปิดก็จะมีพนักงานยืนรอต้อนรับเรียบร้อย เป็นคุณพี่สาวในชุดกิโมโนญี่ปุ่นท่าทางเรียบร้อยเชียว สารภาพอีกแล้วว่าเกร็งๆนิดหน่อย 555 เพราะดูเป็นทางการมากกก อารมณ์เหมือนเด็กกะโปโลไปผิดงาน >,,,<
บรรยากาศ
ให้ความรู้สึกว่าเป็นญี่ปุ่นจ๋าาาาามากๆเลย เพราะพนักงานเกือบทุกคนจะแต่งด้วยชุดกิโมโนหมด เวลาเข้าโต๊ะ เสิร์ฟของก็จะขออนุญาตอย่างนอบน้อมตลอด เราได้โต๊ะที่อยู่ติดกับหน้าต่าง เพราะฉะนั้นจะสามารถมองเห็นบรรยากาศยามค่ำคืนเบื้องล่างได้เลย จริงๆรู้สึกคนไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ก็คือเต็มเกือบหมดน่ะแหละ
TIPS อย่าลืมถอดรองเท้าก่อนเข้าที่นั่งด้วยน้าาา จะเป็นมารยาทการทานอาหารญีปุ่นที่นั่งโต๊ะแบบหลุมๆจ้า
ตัวอย่างเมนู
แน่นอนว่าในร้านมีเมนูหลักทำจากปูทั้งหมดเลยยย แต่ก็คือสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งเป็นเซ็ทคอส หรือ เป็นตามสั่งแยกเป็นจานๆ แบบปิ้งย่าง หรือ แบบชาบูชาบู ก็มีให้เลือก รวมทั้งจะมีเซ็ทพิเศษตามแต่ฤดูกาลด้วย อย่างที่เรากินจะสั่งเป็นเซ็ทพิเศษตามฤดูกาลค่ะ สั่งแค่เซ็ทเดียวแล้วเอามาแบ่งกันกิน เพราะราคาแอบโหดเอาการอยู่ 555 จริงๆรู้สึกว่าไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ T-T คือมีเยอะนะ แต่พอแบ่งกัน 2 คน เลยได้แค่คนละนิดคนละหน่อย ทว่าเรื่องรสชาติมัน
สุดยอดจริงๆค่ะ เทียบกับการซื้อกินหน้าร้านไม่ได้เลยล่ะ!!!
ในเมนูจะมีภาษาอังกฤษประกอบให้เรียบร้อยแล้ว แต่คิดว่าน่าจะมีปัญหาตอนสั่งอาหารมากกว่า 555 เพราะพนักงานที่มารับออเดอร์เราเหมือนจะพูดได้แค่ญี่ปุ่น อังกฤษไม่ค่อยได้ สื่อสารกันยากมาก เราก็พูดญี่ปุ่นแบบงูๆปลาๆกับนางไป (เราได้ทำการวิจัยมาแล้วพบว่า ระหว่างญี่ปุ่นแบบงูๆปลาๆ กับ อังกฤษแบบงูๆปลาๆ ภาษาญีปุ่นที่ง่อยกว่าสามารถเข้าใจได้มากกว่าเยอะเลย ;_;) ก็ถือว่าพอเข้าใจกันอยู่
การชำระเงิน
พนักงานจะเอาใบเสร็จมาให้เราตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่ตอนจ่ายเงินจริงๆคือถือใบเสร็จลงไปจ่ายเงินข้างล่างนะ จะเป็นเคาท์เตอร์อยู่ใกล้ๆทางที่เราเข้ามาเลย ยื่นใบเสร็จและจ่ายเงินตรงนั้น
การเดินทาง
สาขาที่เรามาเป็นสาขาใหญ่ตรง Dontonburi หรือ แถวๆ Namba เพราะฉะนั้นสามารถนั่งใต้ดินมาลงถานี Namba ได้เลย ส่วนถ้าใครมาจากเส้น Universal แบบเราก็นั่งรถไฟสาย Hanshin มาลงสถานี Osaka-Namba มันจะมีทางเชื่อมเดินถึงกันได้ เดินไปตามกลิ่น เอ้ย ตามทางเดี่ยวก็จะเจอเอง
<< เนื่องจากตัวอักษรจะเต็มแล้ว ตามไปหิวต่อกันในคอมเม้นน้าาาาา >>
☆ ☆ ☆ ช่วงฝาก ☆ ☆ ☆
เหมือนเคยนะฮร้ะ ขออนุญาตฝากเพจนิดหนึ่งนะ 555 ที่เพจจะพยามอัพทุกวัน เป็นการเขียนรีวิว? สั้นๆค่ะ 555 รีวิวรึเปล่าไม่แน่ใจ อาจจะเป็นแค่การชวนเม้าหรือเล่าสู่กันฟังเท่านั้นเอง =w= เพราะลิ้นจระเข้แบบเรารีวิวให้คนอื่นดูยากจริงๆค่ะ แต่ก็พยามอยู่น้าาาาาาา
FB : Momo no Paradise - モモのパラダイス
https://www.facebook.com/momonoparadise
[CR] แวะชิมต้นตำหรับปูยักษ์ที่โอซาก้ากับ Kani Doraku
เชื่อว่าหลายคนที่มีโอกาสได้ไปเดินเล่นแถวย่านนัมบะที่โอซาก้าจะต้องเคยเห็นเจ้าปูยักษ์นี่ตั้งตระหง่านราศีจับอยู่แน่ๆ แต่คงน้อยคนนักที่จะได้เข้าไปสัมผัสและได้ชิมเจ้าปูนี่แบบใกล้ๆ วันนี้เราก็เลยเอาประสบการณ์ที่ไปสัมผัสมามาแบ่งปันค่ะ เผื่อใครสนใจครั้งหน้าอยากลองไปชิมดู ^^
ปล. ส่วนใครที่สนใจอยากได้รีวิวตัวเต็มของทริปโอซาก้ารอแป๊ปนึงน้าาา ตอนนี้กำลังพยามเรียบเรียงอยู่ล่ะ T-T
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
สำหรับร้านเจ้าปูยักษ์ หรือ かに道楽 (Kani Doraku) นี้ มีหลายสาขามากๆ อย่างที่ย่านนัมบะเองก็มีประมาณ 2-3 ร้านแน่ะ เพราะฉะนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะไปยลโฉมร้านไหน และอย่าลืมไปให้ถูกสาขาน้าาา
โดยที่ร้านที่เราไปถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของโอซาก้าเลยทีเดียว!!! จะตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆป้ายกูลิโกะเลย เป็นสาขาใหญ่หรือที่เรียกกันว่า 道頓堀 本店 (Dotombori Honten) ร้านนี้ได้ยินชื่อเสียงร่ำลือว่ารอคิวนานมากกกก!!! เพราะฉะนั้นพอคิดว่าจะกิน เราก็เลยลองหาข้อมูลดูและพบว่าสามารถจองล่วงหน้าได้ ก็เลยตัดสินใจลองเข้าไปในเวปไซด์ และสามารถจองได้สำมะเร็จ เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าอยากจะไปกินโดยที่ไม่อยากรอนานก็อย่าลืมทำการจองกันก่อนนะ
ส่วนวิธีการจองก็ง่ายมาก เพราะในเวปไซด์มีแปลเป็นภาษาอังกฤษได้เสร็จสรรพ สามารถเข้าไปได้ตามนี้เลยค่ะ
1. เข้าเวปไซด์ http://douraku.co.jp.e.at.hp.transer.com/
2. กดเลือกสาขาที่ต้องการจะไปทาน
3. จากนั้นเลือกปุ่ม Online Reservation จะมีให้เลือกต่อว่าจะจองด้วยภาษาอะไร
4. เมื่อเข้าไปในหน้าจองจะมีระบุวิธีการจองอย่างชัดเจนให้เลย ก็กรอกรายละเอียดต่างๆตามที่เค้าแนะนำไว้ได้เลย โดยเค้าจะให้เริ่มจากรายละเอียดที่จะไปใช้บริการก่อน พวกสาขา วันที่ เวลา จำนวนคน ลักษณะโต๊ะ อะไรประมาณนี้ ถ้าโอเคก็จะขึ้นว่าว่าง และสามารถกรอกรายละเอียดส่วนตัวพวกชื่อต่อได้
5. ถ้ากรอกรายละเอียดทุกอย่างครบและโอเค จะมีอีเมล์ส่งคอนเฟิร์มกลับมาให้ เค้าบอกว่าถ้าไม่ได้อีเมล์แสดงว่าจองไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็คให้ดี
ปล. เราชอบอย่างนึงตรงที่ใกล้ๆวันมีอีเมล์ส่มาตามด้วยล่ะว่าจองไว้แล้ว อย่าลืมมากินนะ
ปลล. อย่าลืมปรินท์เอกสารยืนยันการจองไป หรือเปิดในมือถือก็น่าจะโอเค
ปลลล. ทางร้านระบุว่าถ้าไปช้ากว่าเวลา 30 นาที จะถูกยกเลิกการจองอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูเวลาดีๆนะ
ของเราตอนแรกเลือกเวลาตั้งนานแน่ะ นึกว่าจะอดกินซะแล้วเพราะไม่ว่างเลย สุดท้ายเลยต้องยอมหิ้วท้องรอหน่อย จองได้ประมาณรอบ 2 ทุ่มครึ่ง เสร็จจาก Universal ก็ตรงดิ่งไป มีเวลาเดินเล่นแถวๆ Dotonburi นิดหน่อย แป๊ปเดียวก็ถึงเวลา แค่ยื่นเอกสารที่เคาท์เตอร์หน้าร้านเค้าก็หาชื่อเราให้และเดินเข้าร้านได้เลย แอบเห็นว่ายังมีคนไปต่อคิวอยู่เลย น่าจะคิวยาวอยู่
บรรยากาศหน้าร้านมีเจ้าปูยักษ์และมีตู้โชว์ตัวอย่างเมนูยั่วน้ำลายด้วย จริงๆจะมีขายของที่ระลึก ขนม ของกิน ของฝาก ให้ซื้อกลับบ้านได้ รวมทั้งมีขายปูย่างสำหรับคนที่ขี้เกียจนั่งกินด้วย สารภาพว่าปีก่อนที่มาเราเคยมาซื้อขาปูย่างที่ว่ากิน สนนราคาแค่ 700¥ . . . แต่ขอบอกว่ามันไม่อร่อยเลยย T-T คือเหมือนมันแห้งเกินไป เนื้อน้อยๆ ติดเปลือก กินยากๆ 555 แต่คราวนี้มาก็เลยลองไปนั่งกินดู เผื่อมันจะอร่อยขึ้น
ส่วนในร้านจะมีปูสดๆว่ายน้ำกันเรียงรายเลยล่ะ
พอเข้าร้านไปจะต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 2 โดยที่ขึ้นไปกันเอง แต่พอประตูลิฟต์เปิดก็จะมีพนักงานยืนรอต้อนรับเรียบร้อย เป็นคุณพี่สาวในชุดกิโมโนญี่ปุ่นท่าทางเรียบร้อยเชียว สารภาพอีกแล้วว่าเกร็งๆนิดหน่อย 555 เพราะดูเป็นทางการมากกก อารมณ์เหมือนเด็กกะโปโลไปผิดงาน >,,,<
บรรยากาศ
ให้ความรู้สึกว่าเป็นญี่ปุ่นจ๋าาาาามากๆเลย เพราะพนักงานเกือบทุกคนจะแต่งด้วยชุดกิโมโนหมด เวลาเข้าโต๊ะ เสิร์ฟของก็จะขออนุญาตอย่างนอบน้อมตลอด เราได้โต๊ะที่อยู่ติดกับหน้าต่าง เพราะฉะนั้นจะสามารถมองเห็นบรรยากาศยามค่ำคืนเบื้องล่างได้เลย จริงๆรู้สึกคนไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ก็คือเต็มเกือบหมดน่ะแหละ
TIPS อย่าลืมถอดรองเท้าก่อนเข้าที่นั่งด้วยน้าาา จะเป็นมารยาทการทานอาหารญีปุ่นที่นั่งโต๊ะแบบหลุมๆจ้า
ตัวอย่างเมนู
แน่นอนว่าในร้านมีเมนูหลักทำจากปูทั้งหมดเลยยย แต่ก็คือสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งเป็นเซ็ทคอส หรือ เป็นตามสั่งแยกเป็นจานๆ แบบปิ้งย่าง หรือ แบบชาบูชาบู ก็มีให้เลือก รวมทั้งจะมีเซ็ทพิเศษตามแต่ฤดูกาลด้วย อย่างที่เรากินจะสั่งเป็นเซ็ทพิเศษตามฤดูกาลค่ะ สั่งแค่เซ็ทเดียวแล้วเอามาแบ่งกันกิน เพราะราคาแอบโหดเอาการอยู่ 555 จริงๆรู้สึกว่าไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ T-T คือมีเยอะนะ แต่พอแบ่งกัน 2 คน เลยได้แค่คนละนิดคนละหน่อย ทว่าเรื่องรสชาติมันสุดยอดจริงๆค่ะ เทียบกับการซื้อกินหน้าร้านไม่ได้เลยล่ะ!!!
ในเมนูจะมีภาษาอังกฤษประกอบให้เรียบร้อยแล้ว แต่คิดว่าน่าจะมีปัญหาตอนสั่งอาหารมากกว่า 555 เพราะพนักงานที่มารับออเดอร์เราเหมือนจะพูดได้แค่ญี่ปุ่น อังกฤษไม่ค่อยได้ สื่อสารกันยากมาก เราก็พูดญี่ปุ่นแบบงูๆปลาๆกับนางไป (เราได้ทำการวิจัยมาแล้วพบว่า ระหว่างญี่ปุ่นแบบงูๆปลาๆ กับ อังกฤษแบบงูๆปลาๆ ภาษาญีปุ่นที่ง่อยกว่าสามารถเข้าใจได้มากกว่าเยอะเลย ;_;) ก็ถือว่าพอเข้าใจกันอยู่
การชำระเงิน
พนักงานจะเอาใบเสร็จมาให้เราตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่ตอนจ่ายเงินจริงๆคือถือใบเสร็จลงไปจ่ายเงินข้างล่างนะ จะเป็นเคาท์เตอร์อยู่ใกล้ๆทางที่เราเข้ามาเลย ยื่นใบเสร็จและจ่ายเงินตรงนั้น
การเดินทาง
สาขาที่เรามาเป็นสาขาใหญ่ตรง Dontonburi หรือ แถวๆ Namba เพราะฉะนั้นสามารถนั่งใต้ดินมาลงถานี Namba ได้เลย ส่วนถ้าใครมาจากเส้น Universal แบบเราก็นั่งรถไฟสาย Hanshin มาลงสถานี Osaka-Namba มันจะมีทางเชื่อมเดินถึงกันได้ เดินไปตามกลิ่น เอ้ย ตามทางเดี่ยวก็จะเจอเอง
<< เนื่องจากตัวอักษรจะเต็มแล้ว ตามไปหิวต่อกันในคอมเม้นน้าาาาา >>
☆ ☆ ☆ ช่วงฝาก ☆ ☆ ☆
เหมือนเคยนะฮร้ะ ขออนุญาตฝากเพจนิดหนึ่งนะ 555 ที่เพจจะพยามอัพทุกวัน เป็นการเขียนรีวิว? สั้นๆค่ะ 555 รีวิวรึเปล่าไม่แน่ใจ อาจจะเป็นแค่การชวนเม้าหรือเล่าสู่กันฟังเท่านั้นเอง =w= เพราะลิ้นจระเข้แบบเรารีวิวให้คนอื่นดูยากจริงๆค่ะ แต่ก็พยามอยู่น้าาาาาาา
FB : Momo no Paradise - モモのパラダイス https://www.facebook.com/momonoparadise