สวัสดีค่ะทุกคน และสวัสดีปีใหม่ สวัสดีวันเด็ก และสวัสดีวันครูนะค๊าาาาาาาา
แม้จะเลยมานานสักหน่อย แต่คราวนี้กลับมาทำตามที่เคยสัญญาจากกระทู้เก่าว่า
จะมาแบ่งปันประสบการณ์ฝึกภาษาอังกฤษให้กับทุกคน และเชื่อว่าช่วงต้นปีแบบนี้
หลายๆคนคงมี New Year's Resolution ของตัวเอง และหนึ่งในนั้นน่าจะต้องมีเรื่อง
ภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้นแน่นอนใช่ม๊าาาาาา เราเองเป็นอีกคนหนึ่งที่เคย เกลียด และ กลัว ภาษาอังกฤษ
ฟังไม่เข้าใจ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ จนอยากเซย์ กู๊ด บาย เลิกเรียนให้รู้แล้วรู้รอดกันไป !
แต่เพราะได้เพื่อนๆ ผลักดันจนเราฮึดฝึกภาษาให้ค่อย ๆ ดีขึ้น จนวันนึงเราเป็นตัวแทนบริษัทประชุม
กับคู่ค้าต่างประเทศได้รู้เรื่อง คิดแล้วก็ขอบคุณตัวเองและอดดีใจไม่ได้ว่าถ้าวันนั้นเราเลิกสู้ซะก่อน
ก็คงไม่มีโอกาสที่ดีอย่างวันนี้
สำหรับเราแล้ว จุดที่ยากมากที่สุดไม่ใช่แกรมม่าหรือการสอบอะไร แต่จุดที่ยากสุดๆ คือ “จุดเริ่มต้น”
ช่วงที่หาเหตุผลให้ตัวเราเองเชื่อได้จริงว่า เก่งภาษาแล้วจะได้อะไร ? เลยคิดว่าการแชร์แนวคิด และชีวิตดี๊ดี
ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่าง ๆ จะเป็นแรงใจให้หลายๆคนมองเห็นภาพความสำเร็จ
ของตัวเองได้ชัดขึ้น พร้อมกับแชร์เทคนิคส่วนตั๊ววววส่วนตัว ว่าฝึกยังไงให้เก่งอังกฤษบ้าง ซึ่งจะเขียน
เรื่องแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อนๆก็แนะนำคนรู้จักมามากมาย จาก 1 เป็น 2
เป็น 3 คน จนสุดท้าย ด้วยความเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ ของสวีทฮาร์ทก็ทำให้เราได้ 12 คน 12 แรงบันดาลใจ
ที่เดี๊ยนใช้เวลาทำนานนนนนนข้ามปีแต่การันตรีว่า จะมาช่วยปลุกไฟให้เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ ได้แน่นอน
เพราะบุคคลเหล่านี้จะทำให้เราเห็นว่า “ภาษาอังกฤษ พาชีวิตมาไกล” จริง ๆค่ะ
1.บิลลี่....พ่อหนุ่มล้านวิว
บิลลี่ ณัฐดนัย ชูชาติ เจ้าของ “BILLbilly01” ยูทูบชาแนล สร้างคลิปดังที่มีคนชมมากถึง 43 ล้านครั้ง
และมีคนติดตามกว่าครึ่งล้าน สิ่งที่ทำให้บิลลี่ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากความสามารถทางดนตรีที่
สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างโดนใจแล้ว อีกเหตุผลนึง คือ การวางกลุ่มเป้าหมายเป็นคนฟังทั่วโลก
และเลือกใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร พร้อมกับสำเนียง American English
ที่เริ่ดจนคนฟังคิดว่าเป็นศิลปินต่างประเทศ !
บิลลี่เล่าว่า ทักษะภาษาอังกฤษของเขาไม่ได้มีจุดเปลี่ยน หรือจุดพลิกผันให้เก่งขึ้นในพริบตา
แต่เป็นการเรียนรู้ที่ค่อยๆสะสมที่เริ่มต้นขึ้นง่ายๆในบ่ายวันเสาร์ ที่คุณแม่พาไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง
แม้จะเรียนเป็นระยะเวลาสั้นๆและตอนนั้นน้องบิลลี่เองก็ยังเด็กมาก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ทำให้ไม่กลัวที่จะสื่อสารกับฝรั่งหลังจากนั้นก็ฝึกฝนภาษาอังกฤษ ด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และเข้าเรียน
English Program ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ทำให้รู้สึกว่าซึมซับภาษาอังกฤษและสำเนียงเป๊ะมาจากเรื่องรอบตัว
ใครที่อยากเก่งภาษาอังกฤษแบบ บิลลี่ต้องลองมาดู 3 ข้อนี้
1. Listening – เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆกับการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะถ้าฟังและพูดได้แล้ว
แกรมม่าจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต้องท่อง เพราะมันจะเข้าไปในระบบ จะเข้าใจเองจากรูปแบบการพูดของเรา
2. Interaction ที่ถูกต้อง - ฟังแล้วต้องพูด ต้องตอบให้ได้ เพราะภาษาคือการสื่อสาร
แลกเปลี่ยนระหว่างกันและกัน แล้วจะดีมากถ้าคนที่เราพูดด้วย พูดกลับเราด้วยสำเนียงและวิธีการที่ถูกต้อง
3. ความสม่ำเสมอ – มีช่วงที่หยุดพูดภาษาอังกฤษไปนาน ๆ ก็ทำให้สำเนียงหาย คิดช้าลง เราจึงต้องหา
Environment ที่ทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษ คิดเป็นภาษาอังกฤษ อย่างน้อย ๆคือพูดกับตัวเองหน้ากระจก
หรือหาเพื่อนที่คุยเป็นภาษาอังกฤษกับเรา ก็ช่วยได้มากเช่นกัน
ขณะที่บางคนเข้าโลกออนไลน์เพื่อเป็นนักเลงคีย์บอร์ด เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่ก็เสพดราม่าจนน้ำตาไหล
ยังมีคนบางคนที่ใช้โลกออนไลน์เป็นเครื่องสร้างสรรค์งานดีมีคุณภาพ มุ่งมั่นทำในสิ่งที่รักให้เกิดขึ้นจริง
ซึ่งตอนนี้บิลลี่มีผู้ติดตามจากหลายๆประเทศมาชื่นชมเยอะเลยค่ะ เราคนไทยเองก็อย่าลืมมาให้กำลังใจ
วัยรุ่นไทยสุดเจ่งคนนี้กันด้วยนะคะ Facebook : http://www.facebook.com/BILLbilly01page IG :http://www.instagram.com/BILLbilly01 Youtube : https://goo.gl/6orYy6
2. ลูกสาวชาวนา ผู้คว้าทุน ก.พ.
ใครที่ชอบคิดว่าตัวเองโชคร้าย เกิดมาฐานะไม่ดี เกิดมาเรียนไม่เก่ง หรือชอบโทษโน่นนี่ไปเรื่อย
อยากให้ลองดูเส้นทางชีวิต บนเวทีหลากภาษาของ คุณโอ๋ อุษา ถาละคร ดูนะคะ แล้วจะรู้ว่า
คำว่าความสำเร็จ มันมีเบื้องหลังที่มากกว่าแค่โอกาส ที่ทุกคนเรียกร้อง หากแต่เกิดจากการเตรียมตัว
และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของเธอนั่นเอง
คุณโอ๋ เกิดและโตที่ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ครอบครัวทำนา และทำสวนยาง เป็นหลัก
ถึงฐานะที่บ้านไม่ดีนัก แต่ไม่เคยคิดที่จะใช้ความลำบากเป็นปมในใจ กลับนำมาใช้เป็นแรงพลักดัน
ให้ตัวเองเก่งขึ้น การเดินทางครั้งแรกจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อคุณโอ๋สมัครสอบโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน
ของมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (โครงการ AFS) โดยเลือกสมัครประเภท
ทุนเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จนได้ไปประเทศบราซิล 1 ปีเต็ม ทำให้ได้ความรู้ทั้งภาษาอังกฤษ
และโปตุเกส หลังจากนั้นคุณโอ๋ก็มุ่งมั่น พาตัวเองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์
และฝึกภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็น Work and Travel อเมริกา ไปฝึกงานที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว
ประเทศจีน จนในปัจจุบันคุณโอ๋ กำลังศึกษา ปริญญาโท ด้าน Organizational Leadership and Learning
ที่ The George Washington University ที่อมริกา ด้วยทุน ก.พ.
คุณโอ๋ฝากมาบอกว่า ภาษาอังกฤษก็เหมือนกับความรู้อื่น ๆ ยิ่งเราศึกษามากขึ้น
ความคิดมุมมองของเราต่อสิ่งที่ศึกษาก็จะยิ่งกว้างขวางมากขึ้น และสามารถนำไปต่อยอดได้
ซึ่งภาษาก็ทำให้โอ๋ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้นเป็นใบเบิกทาง เป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้
ได้รับโอกาสต่าง ๆ อย่างคุณโอ๋เองได้เป็นล่ามภาษาโปรตุเกสให้ “ลูอิส นานี” นักฟุตบอลแมนยู และช่วยทีมงาน
ถ่ายทำโฆษณาที่มี “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ที่เดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทยด้วย เห็นไหมคะว่าภาษา
พาเราไปไกลได้ขนาดไหน ใครที่อยากคุยกับคุณโอ๋ก็ไปคุยกันได้ที่ IG : usaalice
เคล็ดลับฉบับสาว ก.พ.
1.ก่อนอื่นต้องชอบก่อน ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ แต่หมายถึงทุก ๆ อย่าง เพราะหากเราไม่ชอบหรือรู้สึกฝืนที่จะต้องเรียน
จะทำให้รู้สึกลำบาก ไม่อยากฝึกฝน หากไม่รู้สึกชอบ เช่น อยากเดินทางไปต่างประเทศ อยากสอบ
TOEIC เพื่อเพิ่มเงินเดือน คือเป้าหมายและแรงจูงใจเป็นเรื่องส่วนบุคคล ต้องค่อยๆ หา ค่อยๆ สร้าง
2. เลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา เช่น โอ๋เป็นคนชอบฟังเพลง ก็ฟังเพลงภาษาอังกฤษ หาคำศัพท์
ชอบฟังบทสนทนาและบทสัมภาษณ์ของบุคคลต่าง ๆ พอฟังมาก ๆ ทักษะการฟังก็ดีขึ้น
ได้เรียนรู้แนวคิดของคนเหล่านั้นด้วย พอเราฟังมาก ๆ และเริ่มรู้เรื่อง เราจะอยากสื่อสารโต้ตอบ
ทีนี้ก็เริ่มฝึกพูด พูดกับเพื่อนหรือใครก็ได้
3. ยอมให้คนอื่นแก้ไขเมื่อเราใช้ผิด ต้องไม่โกรธเวลาที่คนอื่นบอก
โอ๋ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงมีความรู้สึกไม่ดีเวลาที่มีคนมาบอกว่าเราใช้ผิด
จริง ๆ ต้องขอบคุณเขาเพราะเราจะใช้ผิดแค่ครั้งเดียวต่อไปเราจะใช้ถูก
โอ๋ชอบมากเวลามีคนมาแก้ไขหรือบอกข้อปรับปรุง เพราะมันจะทำให้เราพัฒนาขึ้น ไม่โกรธเลย
3. ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจ
เชื่อว่าเด็กไทยในยุคเอ็นทรานซ์และแอดมิชชั่นทุกคน ไม่มีใครไม่รู้จัก ครูพี่แนน อริสรา ธนาปกิจ
และน้อยคนนักที่จะไม่ผ่านมือการติวภาษาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยกับติวเตอร์ชื่อดังคนนี้
เพราะนอกจากโปรไฟล์ดี จนดิฉันต้องขอหมอบกราบ ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง
จากอักษร จุฬาฯ ที่จบตอนอายุ 19 ของนางแล้ว พี่แนนยังขึ้นชื่อว่าสอนดี เทคนิคเริ่ด
ที่สำคัญเค้าว่ากันว่าครูพี่แนนเก็งข้อสอบแม่นจริงอะไรจริง เราเองเป็นหนึ่งในคนที่ผ่านมือครูพี่แนนเช่นกัน
ถึงจะได้เรียนตอนสอบเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่พี่แนนเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญของเรา
ที่ทำให้ลุกขึ้นมาไฟท์ฝึกภาษาอังกฤษและจัดระบบแกรมม่าในหัวเรา จากที่เข้าใจแบบผิดๆถูกๆ
ให้เป็นระบบระเบียบขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ครูพี่แนนจบ ม. 3 จากโรงเรียนเซนต์ฟรังก์ซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ และได้สอบเข้า ม. 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ชีวิตช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติของบ้านพี่แนน นั่นคือคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีปัญหากัน พี่แนนเลยตั้งใจจะทำให้อะไรดีขึ้น
ด้วยการเอ็นท์ฯติดเพื่อทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจ และพี่แนนก็เอ็นท์ติดตั้งแต่ ม. 4 นอกจากจะเอ็นท์ฯ ติดแล้ว
วิกฤติครั้งนั้นทำให้พี่แนนมองโลกด้วยความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ระหว่างเรียนพี่แนนก็เริ่มต้นสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้น้อง
จบก็มาเปิดโรงเรียนสอนภาษา ย่านสะพานควาย ถึงเริ่มแรกมีนักเรียนแค่ 7 คน แต่เพราะคุณพ่อคุณแม่ของลูกศิษย์
เอาของฝากจากต่างจังหวัด เพื่อมาขอบคุณที่ช่วยให้อนาคตน้อง ความตื้นตันและอิ่มใจ เลยเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้พี่แนน
หันมาตั้งคำถามว่าทำยังให้เก่งภาษาอังกฤษ และทำยังไงให้เลิกกลัวภาษาอังกฤษ
จนได้เคล็ดไม่ลับฉบับครูพี่แนนที่ใช้สอนลูกศิษย์มากว่า 20 ปี !!! ตามนี้จ่ะ
เคล็ดไม่ลับฉบับครูพี่แนน
1. เรียนให้ดีต้องมี M.A.P: ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทยคือไม่มีเป้าหมาย ขาดวินัย และการต่อยอดให้ตัวเองเชี่ยวชาญเรื่องนั้น ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งพี่แนนมองว่า การเรียนรู้ทุก ๆ อย่างจำเป็นต้องมี Purpose หรือเป้าหมายเป็นธงให้กับตัวเองว่าควรทำยังไง มี Autonomy มีวินัยในการฝึกฝนให้สม่ำเสมอ และสุดท้าย คือต้องมี Mastery หรือความเชี่ยวชาญแบบรู้และเข้าใจแบบ โอ้โห เข้าใจจนทะลุปรุโปร่ง ไม่เอาแค่ผ่านๆ
2. ฟังให้ถูก พูดให้ชัด : ใครว่าแค่ท่องศัพท์ ก็จะพูดภาษาอังกฤษได้ พี่แนนฝากมาบอกแรงๆ ว่า NO นะคะ เพราะธรรมชาติของภาษาต้องเรียนรู้จากการฟังให้เป็นส่วนหนึ่งของภาษานั้น ๆให้ได้เสียก่อน แล้วการพูดโต้ตอบจะตามมา ซึ่งการฟังนี้นอกจากจะฟังให้เข้าใจความหมายแล้วพี่แนนยังแนะนำว่าเราต้องดูวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องของเจ้าของภาษาด้วย เพราะความจริงเวลาพูดแล้ว มันจะมีคำที่ออกเสียงผิดชีวิตเปลี่ยน เยอะมาก เช่น การออกเสียงคำว่า fried Rice ที่แปลว่าข้าวผัด ต้องออก คำว่า Rice แบบเสียงตัว อาร์ เพราะถ้าออกเสียงแบบตัว L แล้ว Fried Rice (ข้าวผัด) จะกลายเป็น Fried Lice (เหาทอด) ก็เป็นได้
3. คิดเป็นภาพและจำเป็นเสียง: คือการพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่เรากำลังเรียนรู้ใหม่ กับสิ่งที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น การท่องหรือจำศัพท์ พี่แนนจะจำเป็นเพลง เป็นคำคล้องเสียงและความหมาย เช่น คำว่า Culprit (n.) (คัล'พริท) >>เค้าผิด >> แปลว่า ผู้กระทำความผิด นั่นเอง นอกจากนี้เรื่องแกรมม่า พี่แนนบอกว่าให้คิดภาพแบบเชื่อมโยง ที่มาที่ไป ข้อยกเว้น วิธีการใช้แบบแผนผัง จะช่วยให้เราจัดระบบการใช้ดีขึ้น
ตอนนี้พี่แนนก็ยังสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือเราเองก็ส่งหลานๆ
หลายคนไปเรียนกับพี่แนนอีกหลายหน่อ เพราะคิดว่าสิ่งที่พี่แนนสอนมันมากกว่าภาษาอังกฤษ
ครูพี่แนนจะสอนให้เรามีเป้าหมาย และคิดว่าเรากำลังทำเพื่ออะไร ซึ่งนางก็จะมีคำคมสร้างแรงบันดาลใจ
มาปลุกใจเราตลอด มีประโยคที่สมัยเรียนชอบมาก คือ I failed my way to success ของโทมัส เอดิสัน
ที่เราฟังแล้วเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตไปเลย จากที่คิดว่าเป็นคนไม่เก่งต้องโง่งมอยู่ตลอดแบบนี้แหละ
มาเป็นเราอาจจะไม่เก่งวันนี้แต่ถ้าพยายามมากพอพรุ่งนี้เราจะเก่งขึ้น เพราะบางทีเราต้องความล้มเหลวก่อน
เพื่อที่จะพบกับความสำเร็จ......เช่นกันกับการเรียนภาษาอังกฤษ ใครที่อยากคุยกับพี่แนน
ถามเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ ก็ไปพูดคุยกับพี่แนนได้ ที่
https://goo.gl/dbMHsL นะคะ
กระทู้ถึก ทำข้ามปี : 12 แรงบันดาลใจ ฝึกยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ
แม้จะเลยมานานสักหน่อย แต่คราวนี้กลับมาทำตามที่เคยสัญญาจากกระทู้เก่าว่า
จะมาแบ่งปันประสบการณ์ฝึกภาษาอังกฤษให้กับทุกคน และเชื่อว่าช่วงต้นปีแบบนี้
หลายๆคนคงมี New Year's Resolution ของตัวเอง และหนึ่งในนั้นน่าจะต้องมีเรื่อง
ภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้นแน่นอนใช่ม๊าาาาาา เราเองเป็นอีกคนหนึ่งที่เคย เกลียด และ กลัว ภาษาอังกฤษ
ฟังไม่เข้าใจ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ จนอยากเซย์ กู๊ด บาย เลิกเรียนให้รู้แล้วรู้รอดกันไป !
แต่เพราะได้เพื่อนๆ ผลักดันจนเราฮึดฝึกภาษาให้ค่อย ๆ ดีขึ้น จนวันนึงเราเป็นตัวแทนบริษัทประชุม
กับคู่ค้าต่างประเทศได้รู้เรื่อง คิดแล้วก็ขอบคุณตัวเองและอดดีใจไม่ได้ว่าถ้าวันนั้นเราเลิกสู้ซะก่อน
ก็คงไม่มีโอกาสที่ดีอย่างวันนี้
สำหรับเราแล้ว จุดที่ยากมากที่สุดไม่ใช่แกรมม่าหรือการสอบอะไร แต่จุดที่ยากสุดๆ คือ “จุดเริ่มต้น”
ช่วงที่หาเหตุผลให้ตัวเราเองเชื่อได้จริงว่า เก่งภาษาแล้วจะได้อะไร ? เลยคิดว่าการแชร์แนวคิด และชีวิตดี๊ดี
ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่าง ๆ จะเป็นแรงใจให้หลายๆคนมองเห็นภาพความสำเร็จ
ของตัวเองได้ชัดขึ้น พร้อมกับแชร์เทคนิคส่วนตั๊ววววส่วนตัว ว่าฝึกยังไงให้เก่งอังกฤษบ้าง ซึ่งจะเขียน
เรื่องแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อนๆก็แนะนำคนรู้จักมามากมาย จาก 1 เป็น 2
เป็น 3 คน จนสุดท้าย ด้วยความเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ ของสวีทฮาร์ทก็ทำให้เราได้ 12 คน 12 แรงบันดาลใจ
ที่เดี๊ยนใช้เวลาทำนานนนนนนข้ามปีแต่การันตรีว่า จะมาช่วยปลุกไฟให้เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ ได้แน่นอน
เพราะบุคคลเหล่านี้จะทำให้เราเห็นว่า “ภาษาอังกฤษ พาชีวิตมาไกล” จริง ๆค่ะ
1.บิลลี่....พ่อหนุ่มล้านวิว
บิลลี่ ณัฐดนัย ชูชาติ เจ้าของ “BILLbilly01” ยูทูบชาแนล สร้างคลิปดังที่มีคนชมมากถึง 43 ล้านครั้ง
และมีคนติดตามกว่าครึ่งล้าน สิ่งที่ทำให้บิลลี่ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากความสามารถทางดนตรีที่
สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างโดนใจแล้ว อีกเหตุผลนึง คือ การวางกลุ่มเป้าหมายเป็นคนฟังทั่วโลก
และเลือกใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร พร้อมกับสำเนียง American English
ที่เริ่ดจนคนฟังคิดว่าเป็นศิลปินต่างประเทศ !
บิลลี่เล่าว่า ทักษะภาษาอังกฤษของเขาไม่ได้มีจุดเปลี่ยน หรือจุดพลิกผันให้เก่งขึ้นในพริบตา
แต่เป็นการเรียนรู้ที่ค่อยๆสะสมที่เริ่มต้นขึ้นง่ายๆในบ่ายวันเสาร์ ที่คุณแม่พาไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง
แม้จะเรียนเป็นระยะเวลาสั้นๆและตอนนั้นน้องบิลลี่เองก็ยังเด็กมาก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ทำให้ไม่กลัวที่จะสื่อสารกับฝรั่งหลังจากนั้นก็ฝึกฝนภาษาอังกฤษ ด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และเข้าเรียน
English Program ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ทำให้รู้สึกว่าซึมซับภาษาอังกฤษและสำเนียงเป๊ะมาจากเรื่องรอบตัว
ใครที่อยากเก่งภาษาอังกฤษแบบ บิลลี่ต้องลองมาดู 3 ข้อนี้
1. Listening – เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆกับการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะถ้าฟังและพูดได้แล้ว
แกรมม่าจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต้องท่อง เพราะมันจะเข้าไปในระบบ จะเข้าใจเองจากรูปแบบการพูดของเรา
2. Interaction ที่ถูกต้อง - ฟังแล้วต้องพูด ต้องตอบให้ได้ เพราะภาษาคือการสื่อสาร
แลกเปลี่ยนระหว่างกันและกัน แล้วจะดีมากถ้าคนที่เราพูดด้วย พูดกลับเราด้วยสำเนียงและวิธีการที่ถูกต้อง
3. ความสม่ำเสมอ – มีช่วงที่หยุดพูดภาษาอังกฤษไปนาน ๆ ก็ทำให้สำเนียงหาย คิดช้าลง เราจึงต้องหา
Environment ที่ทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษ คิดเป็นภาษาอังกฤษ อย่างน้อย ๆคือพูดกับตัวเองหน้ากระจก
หรือหาเพื่อนที่คุยเป็นภาษาอังกฤษกับเรา ก็ช่วยได้มากเช่นกัน
ขณะที่บางคนเข้าโลกออนไลน์เพื่อเป็นนักเลงคีย์บอร์ด เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่ก็เสพดราม่าจนน้ำตาไหล
ยังมีคนบางคนที่ใช้โลกออนไลน์เป็นเครื่องสร้างสรรค์งานดีมีคุณภาพ มุ่งมั่นทำในสิ่งที่รักให้เกิดขึ้นจริง
ซึ่งตอนนี้บิลลี่มีผู้ติดตามจากหลายๆประเทศมาชื่นชมเยอะเลยค่ะ เราคนไทยเองก็อย่าลืมมาให้กำลังใจ
วัยรุ่นไทยสุดเจ่งคนนี้กันด้วยนะคะ Facebook : http://www.facebook.com/BILLbilly01page IG :http://www.instagram.com/BILLbilly01 Youtube : https://goo.gl/6orYy6
2. ลูกสาวชาวนา ผู้คว้าทุน ก.พ.
ใครที่ชอบคิดว่าตัวเองโชคร้าย เกิดมาฐานะไม่ดี เกิดมาเรียนไม่เก่ง หรือชอบโทษโน่นนี่ไปเรื่อย
อยากให้ลองดูเส้นทางชีวิต บนเวทีหลากภาษาของ คุณโอ๋ อุษา ถาละคร ดูนะคะ แล้วจะรู้ว่า
คำว่าความสำเร็จ มันมีเบื้องหลังที่มากกว่าแค่โอกาส ที่ทุกคนเรียกร้อง หากแต่เกิดจากการเตรียมตัว
และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของเธอนั่นเอง
คุณโอ๋ เกิดและโตที่ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ครอบครัวทำนา และทำสวนยาง เป็นหลัก
ถึงฐานะที่บ้านไม่ดีนัก แต่ไม่เคยคิดที่จะใช้ความลำบากเป็นปมในใจ กลับนำมาใช้เป็นแรงพลักดัน
ให้ตัวเองเก่งขึ้น การเดินทางครั้งแรกจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อคุณโอ๋สมัครสอบโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน
ของมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (โครงการ AFS) โดยเลือกสมัครประเภท
ทุนเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จนได้ไปประเทศบราซิล 1 ปีเต็ม ทำให้ได้ความรู้ทั้งภาษาอังกฤษ
และโปตุเกส หลังจากนั้นคุณโอ๋ก็มุ่งมั่น พาตัวเองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์
และฝึกภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็น Work and Travel อเมริกา ไปฝึกงานที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว
ประเทศจีน จนในปัจจุบันคุณโอ๋ กำลังศึกษา ปริญญาโท ด้าน Organizational Leadership and Learning
ที่ The George Washington University ที่อมริกา ด้วยทุน ก.พ.
คุณโอ๋ฝากมาบอกว่า ภาษาอังกฤษก็เหมือนกับความรู้อื่น ๆ ยิ่งเราศึกษามากขึ้น
ความคิดมุมมองของเราต่อสิ่งที่ศึกษาก็จะยิ่งกว้างขวางมากขึ้น และสามารถนำไปต่อยอดได้
ซึ่งภาษาก็ทำให้โอ๋ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้นเป็นใบเบิกทาง เป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้
ได้รับโอกาสต่าง ๆ อย่างคุณโอ๋เองได้เป็นล่ามภาษาโปรตุเกสให้ “ลูอิส นานี” นักฟุตบอลแมนยู และช่วยทีมงาน
ถ่ายทำโฆษณาที่มี “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ที่เดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทยด้วย เห็นไหมคะว่าภาษา
พาเราไปไกลได้ขนาดไหน ใครที่อยากคุยกับคุณโอ๋ก็ไปคุยกันได้ที่ IG : usaalice
เคล็ดลับฉบับสาว ก.พ.
1.ก่อนอื่นต้องชอบก่อน ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ แต่หมายถึงทุก ๆ อย่าง เพราะหากเราไม่ชอบหรือรู้สึกฝืนที่จะต้องเรียน
จะทำให้รู้สึกลำบาก ไม่อยากฝึกฝน หากไม่รู้สึกชอบ เช่น อยากเดินทางไปต่างประเทศ อยากสอบ
TOEIC เพื่อเพิ่มเงินเดือน คือเป้าหมายและแรงจูงใจเป็นเรื่องส่วนบุคคล ต้องค่อยๆ หา ค่อยๆ สร้าง
2. เลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา เช่น โอ๋เป็นคนชอบฟังเพลง ก็ฟังเพลงภาษาอังกฤษ หาคำศัพท์
ชอบฟังบทสนทนาและบทสัมภาษณ์ของบุคคลต่าง ๆ พอฟังมาก ๆ ทักษะการฟังก็ดีขึ้น
ได้เรียนรู้แนวคิดของคนเหล่านั้นด้วย พอเราฟังมาก ๆ และเริ่มรู้เรื่อง เราจะอยากสื่อสารโต้ตอบ
ทีนี้ก็เริ่มฝึกพูด พูดกับเพื่อนหรือใครก็ได้
3. ยอมให้คนอื่นแก้ไขเมื่อเราใช้ผิด ต้องไม่โกรธเวลาที่คนอื่นบอก
โอ๋ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงมีความรู้สึกไม่ดีเวลาที่มีคนมาบอกว่าเราใช้ผิด
จริง ๆ ต้องขอบคุณเขาเพราะเราจะใช้ผิดแค่ครั้งเดียวต่อไปเราจะใช้ถูก
โอ๋ชอบมากเวลามีคนมาแก้ไขหรือบอกข้อปรับปรุง เพราะมันจะทำให้เราพัฒนาขึ้น ไม่โกรธเลย
3. ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจ
เชื่อว่าเด็กไทยในยุคเอ็นทรานซ์และแอดมิชชั่นทุกคน ไม่มีใครไม่รู้จัก ครูพี่แนน อริสรา ธนาปกิจ
และน้อยคนนักที่จะไม่ผ่านมือการติวภาษาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยกับติวเตอร์ชื่อดังคนนี้
เพราะนอกจากโปรไฟล์ดี จนดิฉันต้องขอหมอบกราบ ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง
จากอักษร จุฬาฯ ที่จบตอนอายุ 19 ของนางแล้ว พี่แนนยังขึ้นชื่อว่าสอนดี เทคนิคเริ่ด
ที่สำคัญเค้าว่ากันว่าครูพี่แนนเก็งข้อสอบแม่นจริงอะไรจริง เราเองเป็นหนึ่งในคนที่ผ่านมือครูพี่แนนเช่นกัน
ถึงจะได้เรียนตอนสอบเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่พี่แนนเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญของเรา
ที่ทำให้ลุกขึ้นมาไฟท์ฝึกภาษาอังกฤษและจัดระบบแกรมม่าในหัวเรา จากที่เข้าใจแบบผิดๆถูกๆ
ให้เป็นระบบระเบียบขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ครูพี่แนนจบ ม. 3 จากโรงเรียนเซนต์ฟรังก์ซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ และได้สอบเข้า ม. 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ชีวิตช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติของบ้านพี่แนน นั่นคือคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีปัญหากัน พี่แนนเลยตั้งใจจะทำให้อะไรดีขึ้น
ด้วยการเอ็นท์ฯติดเพื่อทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจ และพี่แนนก็เอ็นท์ติดตั้งแต่ ม. 4 นอกจากจะเอ็นท์ฯ ติดแล้ว
วิกฤติครั้งนั้นทำให้พี่แนนมองโลกด้วยความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ระหว่างเรียนพี่แนนก็เริ่มต้นสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้น้อง
จบก็มาเปิดโรงเรียนสอนภาษา ย่านสะพานควาย ถึงเริ่มแรกมีนักเรียนแค่ 7 คน แต่เพราะคุณพ่อคุณแม่ของลูกศิษย์
เอาของฝากจากต่างจังหวัด เพื่อมาขอบคุณที่ช่วยให้อนาคตน้อง ความตื้นตันและอิ่มใจ เลยเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้พี่แนน
หันมาตั้งคำถามว่าทำยังให้เก่งภาษาอังกฤษ และทำยังไงให้เลิกกลัวภาษาอังกฤษ
จนได้เคล็ดไม่ลับฉบับครูพี่แนนที่ใช้สอนลูกศิษย์มากว่า 20 ปี !!! ตามนี้จ่ะ
เคล็ดไม่ลับฉบับครูพี่แนน
1. เรียนให้ดีต้องมี M.A.P: ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทยคือไม่มีเป้าหมาย ขาดวินัย และการต่อยอดให้ตัวเองเชี่ยวชาญเรื่องนั้น ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งพี่แนนมองว่า การเรียนรู้ทุก ๆ อย่างจำเป็นต้องมี Purpose หรือเป้าหมายเป็นธงให้กับตัวเองว่าควรทำยังไง มี Autonomy มีวินัยในการฝึกฝนให้สม่ำเสมอ และสุดท้าย คือต้องมี Mastery หรือความเชี่ยวชาญแบบรู้และเข้าใจแบบ โอ้โห เข้าใจจนทะลุปรุโปร่ง ไม่เอาแค่ผ่านๆ
2. ฟังให้ถูก พูดให้ชัด : ใครว่าแค่ท่องศัพท์ ก็จะพูดภาษาอังกฤษได้ พี่แนนฝากมาบอกแรงๆ ว่า NO นะคะ เพราะธรรมชาติของภาษาต้องเรียนรู้จากการฟังให้เป็นส่วนหนึ่งของภาษานั้น ๆให้ได้เสียก่อน แล้วการพูดโต้ตอบจะตามมา ซึ่งการฟังนี้นอกจากจะฟังให้เข้าใจความหมายแล้วพี่แนนยังแนะนำว่าเราต้องดูวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องของเจ้าของภาษาด้วย เพราะความจริงเวลาพูดแล้ว มันจะมีคำที่ออกเสียงผิดชีวิตเปลี่ยน เยอะมาก เช่น การออกเสียงคำว่า fried Rice ที่แปลว่าข้าวผัด ต้องออก คำว่า Rice แบบเสียงตัว อาร์ เพราะถ้าออกเสียงแบบตัว L แล้ว Fried Rice (ข้าวผัด) จะกลายเป็น Fried Lice (เหาทอด) ก็เป็นได้
3. คิดเป็นภาพและจำเป็นเสียง: คือการพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่เรากำลังเรียนรู้ใหม่ กับสิ่งที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น การท่องหรือจำศัพท์ พี่แนนจะจำเป็นเพลง เป็นคำคล้องเสียงและความหมาย เช่น คำว่า Culprit (n.) (คัล'พริท) >>เค้าผิด >> แปลว่า ผู้กระทำความผิด นั่นเอง นอกจากนี้เรื่องแกรมม่า พี่แนนบอกว่าให้คิดภาพแบบเชื่อมโยง ที่มาที่ไป ข้อยกเว้น วิธีการใช้แบบแผนผัง จะช่วยให้เราจัดระบบการใช้ดีขึ้น
ตอนนี้พี่แนนก็ยังสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือเราเองก็ส่งหลานๆ
หลายคนไปเรียนกับพี่แนนอีกหลายหน่อ เพราะคิดว่าสิ่งที่พี่แนนสอนมันมากกว่าภาษาอังกฤษ
ครูพี่แนนจะสอนให้เรามีเป้าหมาย และคิดว่าเรากำลังทำเพื่ออะไร ซึ่งนางก็จะมีคำคมสร้างแรงบันดาลใจ
มาปลุกใจเราตลอด มีประโยคที่สมัยเรียนชอบมาก คือ I failed my way to success ของโทมัส เอดิสัน
ที่เราฟังแล้วเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตไปเลย จากที่คิดว่าเป็นคนไม่เก่งต้องโง่งมอยู่ตลอดแบบนี้แหละ
มาเป็นเราอาจจะไม่เก่งวันนี้แต่ถ้าพยายามมากพอพรุ่งนี้เราจะเก่งขึ้น เพราะบางทีเราต้องความล้มเหลวก่อน
เพื่อที่จะพบกับความสำเร็จ......เช่นกันกับการเรียนภาษาอังกฤษ ใครที่อยากคุยกับพี่แนน
ถามเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ ก็ไปพูดคุยกับพี่แนนได้ ที่ https://goo.gl/dbMHsL นะคะ