พูดถึง กล่องคันเร่งไฟฟ้า เคยคิดจะใส่มัน ตั้งแต่ก่อนจะออกรถคันนี้แล้ว แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้ใส่สักที ... หลังจากใช้รถคันนี้มา 5 ปี ซึ่งจริงๆ ก็คุ้นเคยกับนิสัยคันเร่งของมันพอสมควรแล้วล่ะ แต่อยู่ดีๆ ก็นึกอยากใส่มันขึ้นมา เลยลองหาข้อมูลเล่นๆ แยกตามการเชื่อมต่อละกัน
1. พวกต้องต่อผ่าน OBD2 ... เช่น Pivot / D1 / H.Drive
2. พวกไม่ต้องผ่าน OBD2 ... เช่น Jumper Horse / Ultra Max
เอ แล้วแบบไหนดีล่ะ ?
ต่างคนก็ ต่างคุยว่า ของตัวเองดี ... แต่สำหรับผม ง่ายๆครับ คือ ผมไม่ต้องการให้ใช้ Port OBD2 เพราะ
1. ผมใช้ Port นี้ กับ เกจ์ที่ยิงขึ้นกระจกหน้าอยู่ (ใช้จริงๆ คือ ดูอุณหภูมิเครื่อง ที่แสดงเป็นตัวเลข แค่นั้นแหละ เวลาขึ้นเขา ถ้าแตะร้อยเมื่อไหร่ ก็จะได้ยกคันเร่ง)
2. คิดต่อ (แต่ไม่ได้ถามใคร) ถ้าพวกที่ต่อ OBD2 แล้วเข้าศูนย์ เกิดศูนย์ต้องใช้ช่อง OBD2 ในการต่อเครื่องมือ แล้วถ้าเค้าถอดปลั๊กของกล่องคันเร่งออก มันจะยังทำงานได้ไหม ? หรือ ต้องไปถอดปลั๊กที่คันเร่งออก สลับกลับเป็นของเดิมด้วย ?
ก็จะเหลือข้อ 2 ... บอกตรงว่าๆ Jumper มันถูกกว่าราวๆ 1 พันบาท แล้วก็มีหลายคนใช้ บอกว่า ใช้ได้ ก็เลยเลือก แค่นั้นแหละ / จริงๆ มีของ Pivot นะ ตัวที่แสดงอุณหภูมิเครื่องได้ด้วย แต่ราคา หมื่นหน่อยๆ made in Japan .. ราคาโหดร้ายไปหน่อย ซื้อไม่ลงแฮะ
ลองใช้
หาคนขายใน FB เจอว่า วันเสาร์อยู่นครปฐม พอดีกับเอารถเข้า O/H เบรคหน้าเสร็จพอดี ดูแล้วเวลาน่าจะทัน ก็เลยวิ่งไปครับ .. การติดตั้งไม่มีอะไร แค่ถอดปลั๊กคันเร่งเดิมออก แล้วต่อเข้าด้วยปลั๊กของกล่องคันเร่ง จากนั้นก็ หาที่ติดหน้าจอ เป็นอันจบ (หน้าจอ มันโชว์ตัวเลขตลอด ดังนั้น ต้องหาที่หลบสายตาหน่อย ไม่งั้น กลางคืน น่าจะแยงตาครับ)
กล่องตัวนี้ราคา 4,000 บาท รับประกัน 1 ปี มี 12 ระดับ ครับ
ไล่จาก 0 ที่เป็นแบบกล่องไม่ทำงาน จนถึงระดับ 9 แล้วเป็น ..
โหมด A ที่กดคันเร่งแล้ว ระบบจะแถมให้หลังจากยกคันเร่งอีกหน่อย แต่ตอนต้นๆของคันเร่งจะหน่วงๆหน่อย
โหมด B เป็นประเภทกดแล้วกระโดด
** มีปุ่มกด ปุ่มเดียว นะครับ กดแล้ว ตัวเลขก็วิ่งวนไปเรื่อยๆครับ ... ข้อเสนอแนะนะ น่าจะมีปุ่ม OFF เผื่อเวลาเข้าศูนย์ หรือ คนอื่นขับ จะได้ไม่ต้องมานั่งกดไล่ กด OFF เลย ง่ายกว่า **
ของผม ทางคนขาย ตั้งระดับ 4 มาให้ครับ
วิ่งจาก นครปฐม มา ราชพฤกษ์
คันเร่งไวดีครับ .. อาการกดแล้วขอคิดก่อน 2 วิ แบบเดิมไม่มีให้เห็น กดแล้วพุ่งเลย อธิบายก็คือ เหมือนพวกรถคันเร่งสาย ที่ตั้งสายคันเร่งตึงๆหน่อย หรือ อีกนัยก็คือ เหมือนตอนขับ mitsubishi space wagon ปี 95 คันเก่าของผมแหละ แต่ยังไม่ไวแบบกดแล้วกระโดดหน้าหงาย แบบ vios เห็บหมา นะครับ (อันนั้น ไวน่ารำคาญ)
แน่นอนว่า พอมันไว มันก็จะ kick down เร็ว กดนิดเดียวก็ kick down ละ
วิ่งรถเยอะๆ มองเห็นขวามือมีช่องว่าง หักพวงมาลัย พร้อมกดคันเร่งได้เลย รถพุ่งทันที ... ขับแล้วคิดถึง มิตซู คันเก่าเลยแฮะ
มีดี ก็มีเสีย ...
ที่เจอในระดับ 4 ก็คือ ... บางจังหวะที่ยกคันเร่ง แล้วกดต่อแบบกระทันหัน เหมือนเกียร์คิดไม่ทัน มันออกอาการสะดุด ครับ / รวมถึง ถ้าถนนว่างๆ โล่งๆ วิ่งยาวๆ จะเลี้ยงคันเร่ง เนียนๆคันเร่ง เพื่อประหยัดน้ำมัน มันทำได้ยากครับ ต้องเกร็งเท้า กลายเป็นเมื่อยเท้าไป (เหมือนมิตซู อีกนั่นแหละ)
หลังจากนั้น ลองระดับ 3
จากราชพฤกษ์ กลับ ปราจีน ผมตั้งเป็น ระดับ 3 ... อืมมม ผมพอใจในระดับนี้นะ คือ มันไวน้อยกว่าเดิมหน่อย แต่ออกตัวไฟแดง กดแล้วก็พุ่ง ขึ้นตามเท้า ไม่ไวเท่า 4 แต่ ก็ไม่มีอาการสะดุดให้เห็น ยังมุดได้เหมือนเดิม ขับทางไกล ไม่ต้องเกร็งเท้ามากเท่า
แล้วอัตราสิ้นเปลืองล่ะ ...
แน่นอนครับ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ "ใส่แล้วแรงขึ้น ประหยัดขึ้น" ไม่มีหรอกครับ ...
ออกตัวไฟแดง กดแบบปรื๊ดดดเดียว แซงยาว ... แน่นอนครับ ลงฮวบตามเท้าทันทีราวๆ 0.1 กม./ลิตร แต่ถ้าวิ่งยาวๆ เท้านิ่งๆ มันก็กินเท่าเดิมแหละ ไม่แตกต่างครับ
สรุปว่า ...
กล่องตัวนี้ หลักๆคือ ทำหน้าที่กดคันเร่งแทนเรา เช่น กด 1 ถ้าปกติ ก็ต้องไป 1 แต่กล่องพวกนี้ กดคันเร่ง 1 มันจะไปบอกกล่องว่า คุณกด 2 / 3 / 4 แล้วแต่ที่จะตั้ง ทำให้คุณรู้สึกว่า รถวิ่งดีขึ้น พุ่งขึ้น ... หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าใครเคยขับรถยุคก่อนที่เป็นคันเร่งแบบสาย แล้วอยากวิ่งดีๆ สนุกๆ ก็จะไปซนตั้งสายคันเร่ง สายเกียร์ให้ตึง นั่นแหละ อารมณ์นั้นเลย
จะเห็นชัดๆ คือ พวกที่เซ็ทคันเร่งมาหน่วง มารอ แบบ CRV G3 นี่แหละ ดีขึ้นเยอะมาก หรือ พวกชอบมุดในเมือง ก็จะช่วยได้ครับ
ส่วนถามว่า แรงขึ้นไม๊ ? ... มันจะแรงได้ไง ? เครื่องก็เครื่องเดิม ม้าก็เท่าเดิม ? แต่อาจจะช่วยได้ คือ ไปลดอาการรอของคันเร่งลง จากเดิมที่รอ 2 วิ กลายเป็น กดปุ๊บ พุ่งปั๊บ ไปลดระยะเวลาในตอนนั้นมากกว่าครับ (ดังนั้น ไม่แปลก ถ้าบางสำนัก บอกว่า ใส่กล่องแล้วเวลาดีขึ้นไง ?)
ก็เอาไว้เป็นข้อมูลแล้วกันครับ ขอบคุณครับ
[CR] * * * ลองใช้ กล่องคันเร่ง Jumper Horse * * *
1. พวกต้องต่อผ่าน OBD2 ... เช่น Pivot / D1 / H.Drive
2. พวกไม่ต้องผ่าน OBD2 ... เช่น Jumper Horse / Ultra Max
เอ แล้วแบบไหนดีล่ะ ?
ต่างคนก็ ต่างคุยว่า ของตัวเองดี ... แต่สำหรับผม ง่ายๆครับ คือ ผมไม่ต้องการให้ใช้ Port OBD2 เพราะ
1. ผมใช้ Port นี้ กับ เกจ์ที่ยิงขึ้นกระจกหน้าอยู่ (ใช้จริงๆ คือ ดูอุณหภูมิเครื่อง ที่แสดงเป็นตัวเลข แค่นั้นแหละ เวลาขึ้นเขา ถ้าแตะร้อยเมื่อไหร่ ก็จะได้ยกคันเร่ง)
2. คิดต่อ (แต่ไม่ได้ถามใคร) ถ้าพวกที่ต่อ OBD2 แล้วเข้าศูนย์ เกิดศูนย์ต้องใช้ช่อง OBD2 ในการต่อเครื่องมือ แล้วถ้าเค้าถอดปลั๊กของกล่องคันเร่งออก มันจะยังทำงานได้ไหม ? หรือ ต้องไปถอดปลั๊กที่คันเร่งออก สลับกลับเป็นของเดิมด้วย ?
ก็จะเหลือข้อ 2 ... บอกตรงว่าๆ Jumper มันถูกกว่าราวๆ 1 พันบาท แล้วก็มีหลายคนใช้ บอกว่า ใช้ได้ ก็เลยเลือก แค่นั้นแหละ / จริงๆ มีของ Pivot นะ ตัวที่แสดงอุณหภูมิเครื่องได้ด้วย แต่ราคา หมื่นหน่อยๆ made in Japan .. ราคาโหดร้ายไปหน่อย ซื้อไม่ลงแฮะ
ลองใช้
หาคนขายใน FB เจอว่า วันเสาร์อยู่นครปฐม พอดีกับเอารถเข้า O/H เบรคหน้าเสร็จพอดี ดูแล้วเวลาน่าจะทัน ก็เลยวิ่งไปครับ .. การติดตั้งไม่มีอะไร แค่ถอดปลั๊กคันเร่งเดิมออก แล้วต่อเข้าด้วยปลั๊กของกล่องคันเร่ง จากนั้นก็ หาที่ติดหน้าจอ เป็นอันจบ (หน้าจอ มันโชว์ตัวเลขตลอด ดังนั้น ต้องหาที่หลบสายตาหน่อย ไม่งั้น กลางคืน น่าจะแยงตาครับ)
กล่องตัวนี้ราคา 4,000 บาท รับประกัน 1 ปี มี 12 ระดับ ครับ
ไล่จาก 0 ที่เป็นแบบกล่องไม่ทำงาน จนถึงระดับ 9 แล้วเป็น ..
โหมด A ที่กดคันเร่งแล้ว ระบบจะแถมให้หลังจากยกคันเร่งอีกหน่อย แต่ตอนต้นๆของคันเร่งจะหน่วงๆหน่อย
โหมด B เป็นประเภทกดแล้วกระโดด
** มีปุ่มกด ปุ่มเดียว นะครับ กดแล้ว ตัวเลขก็วิ่งวนไปเรื่อยๆครับ ... ข้อเสนอแนะนะ น่าจะมีปุ่ม OFF เผื่อเวลาเข้าศูนย์ หรือ คนอื่นขับ จะได้ไม่ต้องมานั่งกดไล่ กด OFF เลย ง่ายกว่า **
ของผม ทางคนขาย ตั้งระดับ 4 มาให้ครับ
วิ่งจาก นครปฐม มา ราชพฤกษ์
คันเร่งไวดีครับ .. อาการกดแล้วขอคิดก่อน 2 วิ แบบเดิมไม่มีให้เห็น กดแล้วพุ่งเลย อธิบายก็คือ เหมือนพวกรถคันเร่งสาย ที่ตั้งสายคันเร่งตึงๆหน่อย หรือ อีกนัยก็คือ เหมือนตอนขับ mitsubishi space wagon ปี 95 คันเก่าของผมแหละ แต่ยังไม่ไวแบบกดแล้วกระโดดหน้าหงาย แบบ vios เห็บหมา นะครับ (อันนั้น ไวน่ารำคาญ)
แน่นอนว่า พอมันไว มันก็จะ kick down เร็ว กดนิดเดียวก็ kick down ละ
วิ่งรถเยอะๆ มองเห็นขวามือมีช่องว่าง หักพวงมาลัย พร้อมกดคันเร่งได้เลย รถพุ่งทันที ... ขับแล้วคิดถึง มิตซู คันเก่าเลยแฮะ
มีดี ก็มีเสีย ...
ที่เจอในระดับ 4 ก็คือ ... บางจังหวะที่ยกคันเร่ง แล้วกดต่อแบบกระทันหัน เหมือนเกียร์คิดไม่ทัน มันออกอาการสะดุด ครับ / รวมถึง ถ้าถนนว่างๆ โล่งๆ วิ่งยาวๆ จะเลี้ยงคันเร่ง เนียนๆคันเร่ง เพื่อประหยัดน้ำมัน มันทำได้ยากครับ ต้องเกร็งเท้า กลายเป็นเมื่อยเท้าไป (เหมือนมิตซู อีกนั่นแหละ)
หลังจากนั้น ลองระดับ 3
จากราชพฤกษ์ กลับ ปราจีน ผมตั้งเป็น ระดับ 3 ... อืมมม ผมพอใจในระดับนี้นะ คือ มันไวน้อยกว่าเดิมหน่อย แต่ออกตัวไฟแดง กดแล้วก็พุ่ง ขึ้นตามเท้า ไม่ไวเท่า 4 แต่ ก็ไม่มีอาการสะดุดให้เห็น ยังมุดได้เหมือนเดิม ขับทางไกล ไม่ต้องเกร็งเท้ามากเท่า
แล้วอัตราสิ้นเปลืองล่ะ ...
แน่นอนครับ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ "ใส่แล้วแรงขึ้น ประหยัดขึ้น" ไม่มีหรอกครับ ...
ออกตัวไฟแดง กดแบบปรื๊ดดดเดียว แซงยาว ... แน่นอนครับ ลงฮวบตามเท้าทันทีราวๆ 0.1 กม./ลิตร แต่ถ้าวิ่งยาวๆ เท้านิ่งๆ มันก็กินเท่าเดิมแหละ ไม่แตกต่างครับ
สรุปว่า ...
กล่องตัวนี้ หลักๆคือ ทำหน้าที่กดคันเร่งแทนเรา เช่น กด 1 ถ้าปกติ ก็ต้องไป 1 แต่กล่องพวกนี้ กดคันเร่ง 1 มันจะไปบอกกล่องว่า คุณกด 2 / 3 / 4 แล้วแต่ที่จะตั้ง ทำให้คุณรู้สึกว่า รถวิ่งดีขึ้น พุ่งขึ้น ... หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าใครเคยขับรถยุคก่อนที่เป็นคันเร่งแบบสาย แล้วอยากวิ่งดีๆ สนุกๆ ก็จะไปซนตั้งสายคันเร่ง สายเกียร์ให้ตึง นั่นแหละ อารมณ์นั้นเลย
จะเห็นชัดๆ คือ พวกที่เซ็ทคันเร่งมาหน่วง มารอ แบบ CRV G3 นี่แหละ ดีขึ้นเยอะมาก หรือ พวกชอบมุดในเมือง ก็จะช่วยได้ครับ
ส่วนถามว่า แรงขึ้นไม๊ ? ... มันจะแรงได้ไง ? เครื่องก็เครื่องเดิม ม้าก็เท่าเดิม ? แต่อาจจะช่วยได้ คือ ไปลดอาการรอของคันเร่งลง จากเดิมที่รอ 2 วิ กลายเป็น กดปุ๊บ พุ่งปั๊บ ไปลดระยะเวลาในตอนนั้นมากกว่าครับ (ดังนั้น ไม่แปลก ถ้าบางสำนัก บอกว่า ใส่กล่องแล้วเวลาดีขึ้นไง ?)
ก็เอาไว้เป็นข้อมูลแล้วกันครับ ขอบคุณครับ