ในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดภาพยนตร์ไทยอยู่ในภาวะตกต่ำอย่างมาก แม้จะต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์ในหลาย ๆ สื่อ(ที่มักเข้าไม่ถึง) แต่ก็ไม่ทำให้ความรู้สึกจากการรับอรรถรสในการชมนั้นดีขึ้นเลย โดยเฉพาะสื่อใบปิดหรือโปสเตอร์ รวมถึงตัวอย่างภาพยนตร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "หน้าหนัง" ที่เรียกว่าเป็นด่านสำคัญที่สุดเพื่อการตัดสินใจที่จะรับชม ถึงจะออกมาดูดีและสวยงามได้ตรงตามเป้าที่หวังไว้เพียงใด แต่ก็ไม่โดนใจของคอหนังได้ยิ่งนัก รายได้ของหนังไทยก็เลยร่วงผล็อยกันแทบจะทุกเรื่อง
เมื่อมองภาพรวมของโปสเตอร์หนังไทยในช่วงปีที่แล้วนั้น ผลงานการออกแบบโดยส่วนมากมักเป็นฝีมือของมือปืนรับจ้าง จะมีค่ายหนังบางรายที่ทำโปสเตอร์ขึ้นเองอย่างเช่นค่าย "GDH" (ในนาม สวัสดี ทวีสุข) และ "Film Guru" ที่ออกมาค่ายละ 2 เรื่อง และล้วนเป็นหนังทำเงินอันดับต้น ๆ โปสเตอร์ก็อยู่ในระดับที่ถือว่าพอใช้ได้
ในส่วนของสตูดิโอรับจ้างตัวหลักอย่าง "Rak" เมื่อปีที่แล้วมีผลงานการออกแบบโปสเตอร์หนังไทยมากถึง 6 เรื่อง โดย 4 เรื่องเป็นหนังของขาหลักอย่างค่ายสหมงคลฟิล์ม ได้แก่ ลูกทุ่งซิกเนเจอร์, บุปผาอาริกาโตะ, อาม่า และ โรงเรียนผี อีก 2 เรื่องเป็นของผู้สร้างหนังอิสระ กับเรื่อง เทริด(เซิด) และ พริกแกง โดยเฉพาะเรื่องหลังสุดนั้นเรียกว่าน่าจะเป็นผลงานการออกแบบที่ดูโดดเด่นที่สุดของปีเลยก็เห็นจะได้
ส่วนคลื่นลูกใหม่อย่าง "Mad Arai-D" (?) เมื่อช่วงแรก ๆ มักจะปล่อยโปสเตอร์ออกมาสักปีละเรื่องสองเรื่อง แต่ในปีที่ผ่านมามีผลงานออกมาด้วยกันถึง 4 เรื่องพรวด จากค่ายหนังชั้นนำอย่าง สหมงคลฟิล์ม กับเรื่อง ขุนพันธ์ ค่าย M39 กับเรื่อง จำเนียร วิเวียน โตมร (ที่ชมนักชมหนาว่าโปสเตอร์สวยงามมาก ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีคำโปรยให้เห็น ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่หนังทำเงินไม่เยอะ) รวมถึงค่ายหนังน้องใหม่อีก 2 ราย กับเรื่อง Deadstock รัก ปี ลึก และ 20 ใหม่ฯ
และในปี 2560 นี้ก็มีหนังที่จะออกมาฉายชนกันอย่าง มิสเตอร์เฮิร์ทฯ และ ทองดี ฟันขาว ที่ล้วนเป็นฝีมือของ Mad Arai-D เช่นกัน ซึ่งเมื่อมองจากความสวยสดงดงามในใบปิดทุกเรื่องที่ผ่านมาของมือปืนรับจ้างแห่งนี้ ถือว่าได้มาสร้างภาพของใบปิดหนังไทยให้ยกระดับทัดเทียมกับใบปิดของหนังฮอลลีวูด จึงไม่แปลกใจเลยที่มีลูกค้ามารุมตอมกันจนเยอะ
แต่ผู้ที่เรียกว่าเมื่อก่อนจับงานให้เห็นซะเยอะ แต่มาปีที่แล้วกลับเงียบเชียบที่สุด คงต้องยกให้ผู้บุกเบิกโปสเตอร์หนังไทยสมัยใหม่ที่เข้าใจตลาดอย่างแท้จริงอย่าง "Doctor Head" จากเมื่อปี 2558 มีโปสเตอร์หนังไทยออกมามากถึง 5 เรื่อง และแทบทุกเรื่องไม่ประสบผลสำเร็จทางรายได้การฉาย ในปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่ตกต่ำสุดขีดในรอบ 10 ปีของตลาดหนังไทย ก็เลยไม่มีโปสเตอร์หนังไทยที่มาจากฝีมือของผู้นี้ ทั้งที่ยังคงมีงานออกแบบโปสเตอร์ตามคอนเสิร์ต ละครเวที ละครซีรีส์ และโฆษณาต่าง ๆ ที่ยังพอพยุงตัวได้ เราก็คอยเฝ้าติดตามว่าในปีใหม่นี้ เขาจะกลับมาจริงหรือไม่ และการกลับมาทำใบปิดหนังไทยจะออกมาสมศักดิ์ศรีสักเพียงใดในเมื่อตลาดหนังไทยดีขึ้น โตขึ้น
เราก็หวังว่าในศักราชใหม่และทศวรรษใหม่นี้ หน้าหนังจะดูดีสมกับความหวังที่ดีงามไว้หรือไม่ จะมีวิวัฒนาการใหม่ ๆ บ้างไหมและอย่างไรในเมื่อบางสิ่งโรยรา แล้วผู้ที่ผลิตงานระดับคุณภาพจะเข้าหาปริมาณมากน้อยกว่าเดิมไหม จะขายจุดต่างจากอีหรอบเดิม ๆ ให้ภาพลักษณ์วงการหน้าหนังหรือไม่ ใครจะฝ่าวิกฤติ ใครจะยืนนำในปีนี้ไป ข้อความหรือคำโปรยจะสะท้อนความเป็นห่วงเป็นใยต่อวงการหนังไทยได้สักกี่เรื่อง และอะไร อย่างไรอีกบ้าง ต้องคอยดูทิศทางไว้ให้ดีนะ สวัสดีปีใหม่.
*
ภาพโปสเตอร์หนังไทยปี 2559 โดย Facebook : Deknang
โปสเตอร์หนังไทย...ต่อไปจะเป็นอย่างไรดี?
ในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดภาพยนตร์ไทยอยู่ในภาวะตกต่ำอย่างมาก แม้จะต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์ในหลาย ๆ สื่อ(ที่มักเข้าไม่ถึง) แต่ก็ไม่ทำให้ความรู้สึกจากการรับอรรถรสในการชมนั้นดีขึ้นเลย โดยเฉพาะสื่อใบปิดหรือโปสเตอร์ รวมถึงตัวอย่างภาพยนตร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "หน้าหนัง" ที่เรียกว่าเป็นด่านสำคัญที่สุดเพื่อการตัดสินใจที่จะรับชม ถึงจะออกมาดูดีและสวยงามได้ตรงตามเป้าที่หวังไว้เพียงใด แต่ก็ไม่โดนใจของคอหนังได้ยิ่งนัก รายได้ของหนังไทยก็เลยร่วงผล็อยกันแทบจะทุกเรื่อง
เมื่อมองภาพรวมของโปสเตอร์หนังไทยในช่วงปีที่แล้วนั้น ผลงานการออกแบบโดยส่วนมากมักเป็นฝีมือของมือปืนรับจ้าง จะมีค่ายหนังบางรายที่ทำโปสเตอร์ขึ้นเองอย่างเช่นค่าย "GDH" (ในนาม สวัสดี ทวีสุข) และ "Film Guru" ที่ออกมาค่ายละ 2 เรื่อง และล้วนเป็นหนังทำเงินอันดับต้น ๆ โปสเตอร์ก็อยู่ในระดับที่ถือว่าพอใช้ได้
ในส่วนของสตูดิโอรับจ้างตัวหลักอย่าง "Rak" เมื่อปีที่แล้วมีผลงานการออกแบบโปสเตอร์หนังไทยมากถึง 6 เรื่อง โดย 4 เรื่องเป็นหนังของขาหลักอย่างค่ายสหมงคลฟิล์ม ได้แก่ ลูกทุ่งซิกเนเจอร์, บุปผาอาริกาโตะ, อาม่า และ โรงเรียนผี อีก 2 เรื่องเป็นของผู้สร้างหนังอิสระ กับเรื่อง เทริด(เซิด) และ พริกแกง โดยเฉพาะเรื่องหลังสุดนั้นเรียกว่าน่าจะเป็นผลงานการออกแบบที่ดูโดดเด่นที่สุดของปีเลยก็เห็นจะได้
ส่วนคลื่นลูกใหม่อย่าง "Mad Arai-D" (?) เมื่อช่วงแรก ๆ มักจะปล่อยโปสเตอร์ออกมาสักปีละเรื่องสองเรื่อง แต่ในปีที่ผ่านมามีผลงานออกมาด้วยกันถึง 4 เรื่องพรวด จากค่ายหนังชั้นนำอย่าง สหมงคลฟิล์ม กับเรื่อง ขุนพันธ์ ค่าย M39 กับเรื่อง จำเนียร วิเวียน โตมร (ที่ชมนักชมหนาว่าโปสเตอร์สวยงามมาก ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีคำโปรยให้เห็น ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่หนังทำเงินไม่เยอะ) รวมถึงค่ายหนังน้องใหม่อีก 2 ราย กับเรื่อง Deadstock รัก ปี ลึก และ 20 ใหม่ฯ
และในปี 2560 นี้ก็มีหนังที่จะออกมาฉายชนกันอย่าง มิสเตอร์เฮิร์ทฯ และ ทองดี ฟันขาว ที่ล้วนเป็นฝีมือของ Mad Arai-D เช่นกัน ซึ่งเมื่อมองจากความสวยสดงดงามในใบปิดทุกเรื่องที่ผ่านมาของมือปืนรับจ้างแห่งนี้ ถือว่าได้มาสร้างภาพของใบปิดหนังไทยให้ยกระดับทัดเทียมกับใบปิดของหนังฮอลลีวูด จึงไม่แปลกใจเลยที่มีลูกค้ามารุมตอมกันจนเยอะ
แต่ผู้ที่เรียกว่าเมื่อก่อนจับงานให้เห็นซะเยอะ แต่มาปีที่แล้วกลับเงียบเชียบที่สุด คงต้องยกให้ผู้บุกเบิกโปสเตอร์หนังไทยสมัยใหม่ที่เข้าใจตลาดอย่างแท้จริงอย่าง "Doctor Head" จากเมื่อปี 2558 มีโปสเตอร์หนังไทยออกมามากถึง 5 เรื่อง และแทบทุกเรื่องไม่ประสบผลสำเร็จทางรายได้การฉาย ในปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่ตกต่ำสุดขีดในรอบ 10 ปีของตลาดหนังไทย ก็เลยไม่มีโปสเตอร์หนังไทยที่มาจากฝีมือของผู้นี้ ทั้งที่ยังคงมีงานออกแบบโปสเตอร์ตามคอนเสิร์ต ละครเวที ละครซีรีส์ และโฆษณาต่าง ๆ ที่ยังพอพยุงตัวได้ เราก็คอยเฝ้าติดตามว่าในปีใหม่นี้ เขาจะกลับมาจริงหรือไม่ และการกลับมาทำใบปิดหนังไทยจะออกมาสมศักดิ์ศรีสักเพียงใดในเมื่อตลาดหนังไทยดีขึ้น โตขึ้น
เราก็หวังว่าในศักราชใหม่และทศวรรษใหม่นี้ หน้าหนังจะดูดีสมกับความหวังที่ดีงามไว้หรือไม่ จะมีวิวัฒนาการใหม่ ๆ บ้างไหมและอย่างไรในเมื่อบางสิ่งโรยรา แล้วผู้ที่ผลิตงานระดับคุณภาพจะเข้าหาปริมาณมากน้อยกว่าเดิมไหม จะขายจุดต่างจากอีหรอบเดิม ๆ ให้ภาพลักษณ์วงการหน้าหนังหรือไม่ ใครจะฝ่าวิกฤติ ใครจะยืนนำในปีนี้ไป ข้อความหรือคำโปรยจะสะท้อนความเป็นห่วงเป็นใยต่อวงการหนังไทยได้สักกี่เรื่อง และอะไร อย่างไรอีกบ้าง ต้องคอยดูทิศทางไว้ให้ดีนะ สวัสดีปีใหม่.
*ภาพโปสเตอร์หนังไทยปี 2559 โดย Facebook : Deknang