เปิดให้ชมกันแล้วครับกับ
"อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ"
เป็น
อุทยานธรรมชาติเกี่ยวกับ
สมุนไพรที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทย
รวบรวมพันธุ์
สมุนไพรที่ปรากฏในตํารายาไว้มากที่สุด ประมาณ ๘๐๐ ชนิด
ซึ่งจัดเป็นลักษณะสวนป่าเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและให้ความรู้ไปในตัว
"
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ"
ตั้งอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมลฑล
วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 9.00-18.00 น.
ไม่เว้นวันหยุดราชการ (เฉพาะ โซนนิทรรศการ เปิดเวลา 9.00-16.00 น. )
ซึ่งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
จะเปิดให้เข้าชมฟรี เป็นระยะเวลา 3เดือน
ภายใน
"อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ" จะมีอะไรบ้างเราไปดูกันครับ
ด้านหน้าเป็นอาคารรูปใบไม้สามใบ ซึ่งมีส่วนของการจัดแสดงนิทัศการภายในด้วยนะครับ
แผนที่จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ มีทั้ง
สวนสมุนไพร และหอดูนกน้ำด้วย
ลงทะเบียนกันก่อน
กฎกติกาง่ายๆในการเข้าชม
โซนแรกชื่อ "
ไม่มีพืชใดไม่เป็นยา"
กล่าวถึงประวัติโดยย่อของ
"หมอชีวกโกมารภัจจ์"
หมอประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราถือว่าเป็น บรมครูแห่งสมุนไพร ครับ
และส่วนนี้ยังกล่าวถึงป่าไม้เมืองไทย ว่าเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรขนาดไหน
ภาพแบบ 360 องศาครับ
https://goo.gl/m3aiQE
เข้ามาด้านในเราไปที่โซนที่หนึ่งก่อนคือ
"ภูมิปัญญาแห่งตะวันออก"
กล่าวถึงความรู้เรื่อง
สมุนไพรในอดีต
ตรงกลางห้องแสดงนิทรรศการ จะมีตัวอย่าง
สมุนไพรมากมายวางเรียงรายอยู่
โซนที่สองชื่อ
"เภสัชกรรมแผนไทย"
เรามาเรียนรู้กันว่า
สมุนไพรต่างๆนำมาใช้กับแพทย์แผนไทยอย่างไร
และมีเครื่องมืออะไรบ้าง
โซนที่สาม
"วิทยาศาสตร์พิสูจน์ภูมิปัญญา"
แสดงถึงว่า กระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์
สรรพคุณของยา
สมุนไพร เป็นการพิสูจน์ว่าภูมิปัญญาของคนในสมัยก่อนว่าใช้ได้จริง
และยังมีตัวอย่างของยา
สมุนไพรที่สกัดให้เข้มข้นกว่าเดิมอีกด้วยนะครับ
ยาสมุนไพรสกัดหนึ่งตัวใช้สมุนไพรกันเยอะขนาดนี้
โซนที่สี่
"ย้อนมองภูมิปัญญารักษาสุขภาพ"
บอกกล่าวถึง
สมุนไพรในชีวิตประจำวันของเราว่าพบเจอได้ง่ายขนาดไหน
ยกตัวอย่างง่ายๆแค่พืชผักสวนครัวก็เป็น
สมุนไพรชั้นดีแล้ว
ออกมาด้านนอกกันบ้างครับ ด้านนอกคือสวน
สมุนไพรที่มีขนาดใหญ่กว่า 38 ไร่
จัดแบบสวนธรรมชาติสวยงามเลยที่เดียว เห็นแล้วอิจฉาเด็กมหิดลมากกกกก
นั่นคืออาคารใบไม้สามใบที่เราเดินออกมา
เนื่องจากที่นี้จัดเป็นแบบสวนธรรมชาติจึงมีนกต่างๆมาหากินอยู่บ้าง
ทาง
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติจึงทำหอดูนกไว้ด้วยครับ
เราเดินไปดูกัน
ลมเย็นสบายและเงียบสงบมาก น่ามานั่งทำการบ้านจริงๆ
อุปกรณ์การดูนกต้องเตรียมมาเองนะครับ
ผมก็นั่งซุ่มอยู่นานได้มาตัวเดียวเอง...มองเห็นกันมั้ย
ทางเดินเลียบน้ำก็มี
ภาพแบบ 360 องศาครับ
goo.gl/Gc6BZL
ที่เห็นนั่นคือบ้านหมอยา เป็นคลินิกให้บริการการแพทย์แผนไทย
ในบรรยากาศบ้านหมอยาแบบโบราณ แต่ตอนผมไปกำลังปรับปรุงอยู่
ตัวอย่างพืชสมุนไพรต่างๆ
ไฟเดือนห้าครับ
หญ้าหนวดแมวม่วง
ปิดท้ายด้วย
เมษาฮาวาย
สรุปแล้วผมคิดว่าที่นี้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีอีกที่หนึ่ง
โดยเฉพาะสวนสมุนไพร เพราะนอกจากจะได้เห็นสมุนไพรตัวเป็นๆแล้ว
ยังเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีอีกด้วย จะมาปั่นจักรยานก็ได้..มาวิ่งก็ดี
เรียกว่าเป็นสวนสุขภาพจริงๆครับ
หาเพื่อนสนใจที่จะเข้าชมสามารถหาข้อมูลได้เพิ่มที่
http://www.sireepark.mahidol.ac.th
และสามารถเข้าไปคุยกับผมและดูผลงานอื่นๆได้ที่
https://www.facebook.com/wefoto/
แล้วพบกันใหม่นะครับ
[CR] สวนของแม่ "อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ"
เปิดให้ชมกันแล้วครับกับ "อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ"
เป็นอุทยานธรรมชาติเกี่ยวกับสมุนไพรที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทย
รวบรวมพันธุ์ สมุนไพรที่ปรากฏในตํารายาไว้มากที่สุด ประมาณ ๘๐๐ ชนิด
ซึ่งจัดเป็นลักษณะสวนป่าเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและให้ความรู้ไปในตัว
"อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ"
ตั้งอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมลฑล
วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 9.00-18.00 น.
ไม่เว้นวันหยุดราชการ (เฉพาะ โซนนิทรรศการ เปิดเวลา 9.00-16.00 น. )
ซึ่งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
จะเปิดให้เข้าชมฟรี เป็นระยะเวลา 3เดือน
ภายใน "อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ" จะมีอะไรบ้างเราไปดูกันครับ
ด้านหน้าเป็นอาคารรูปใบไม้สามใบ ซึ่งมีส่วนของการจัดแสดงนิทัศการภายในด้วยนะครับ
แผนที่จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ มีทั้งสวนสมุนไพร และหอดูนกน้ำด้วย
ลงทะเบียนกันก่อน
กฎกติกาง่ายๆในการเข้าชม
โซนแรกชื่อ "ไม่มีพืชใดไม่เป็นยา"
กล่าวถึงประวัติโดยย่อของ "หมอชีวกโกมารภัจจ์"
หมอประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราถือว่าเป็น บรมครูแห่งสมุนไพร ครับ
และส่วนนี้ยังกล่าวถึงป่าไม้เมืองไทย ว่าเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรขนาดไหน
ภาพแบบ 360 องศาครับ https://goo.gl/m3aiQE
เข้ามาด้านในเราไปที่โซนที่หนึ่งก่อนคือ "ภูมิปัญญาแห่งตะวันออก"
กล่าวถึงความรู้เรื่องสมุนไพรในอดีต
ตรงกลางห้องแสดงนิทรรศการ จะมีตัวอย่างสมุนไพรมากมายวางเรียงรายอยู่
โซนที่สองชื่อ "เภสัชกรรมแผนไทย"
เรามาเรียนรู้กันว่า สมุนไพรต่างๆนำมาใช้กับแพทย์แผนไทยอย่างไร
และมีเครื่องมืออะไรบ้าง
โซนที่สาม "วิทยาศาสตร์พิสูจน์ภูมิปัญญา"
แสดงถึงว่า กระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์
สรรพคุณของยาสมุนไพร เป็นการพิสูจน์ว่าภูมิปัญญาของคนในสมัยก่อนว่าใช้ได้จริง
และยังมีตัวอย่างของยาสมุนไพรที่สกัดให้เข้มข้นกว่าเดิมอีกด้วยนะครับ
ยาสมุนไพรสกัดหนึ่งตัวใช้สมุนไพรกันเยอะขนาดนี้
โซนที่สี่ "ย้อนมองภูมิปัญญารักษาสุขภาพ"
บอกกล่าวถึงสมุนไพรในชีวิตประจำวันของเราว่าพบเจอได้ง่ายขนาดไหน
ยกตัวอย่างง่ายๆแค่พืชผักสวนครัวก็เป็นสมุนไพรชั้นดีแล้ว
ออกมาด้านนอกกันบ้างครับ ด้านนอกคือสวนสมุนไพรที่มีขนาดใหญ่กว่า 38 ไร่
จัดแบบสวนธรรมชาติสวยงามเลยที่เดียว เห็นแล้วอิจฉาเด็กมหิดลมากกกกก
นั่นคืออาคารใบไม้สามใบที่เราเดินออกมา
เนื่องจากที่นี้จัดเป็นแบบสวนธรรมชาติจึงมีนกต่างๆมาหากินอยู่บ้าง
ทางอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติจึงทำหอดูนกไว้ด้วยครับ
เราเดินไปดูกัน
ลมเย็นสบายและเงียบสงบมาก น่ามานั่งทำการบ้านจริงๆ
อุปกรณ์การดูนกต้องเตรียมมาเองนะครับ
ผมก็นั่งซุ่มอยู่นานได้มาตัวเดียวเอง...มองเห็นกันมั้ย
ทางเดินเลียบน้ำก็มี
ภาพแบบ 360 องศาครับ goo.gl/Gc6BZL
ที่เห็นนั่นคือบ้านหมอยา เป็นคลินิกให้บริการการแพทย์แผนไทย
ในบรรยากาศบ้านหมอยาแบบโบราณ แต่ตอนผมไปกำลังปรับปรุงอยู่
ตัวอย่างพืชสมุนไพรต่างๆ
ไฟเดือนห้าครับ
หญ้าหนวดแมวม่วง
ปิดท้ายด้วยเมษาฮาวาย
สรุปแล้วผมคิดว่าที่นี้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีอีกที่หนึ่ง
โดยเฉพาะสวนสมุนไพร เพราะนอกจากจะได้เห็นสมุนไพรตัวเป็นๆแล้ว
ยังเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีอีกด้วย จะมาปั่นจักรยานก็ได้..มาวิ่งก็ดี
เรียกว่าเป็นสวนสุขภาพจริงๆครับ
หาเพื่อนสนใจที่จะเข้าชมสามารถหาข้อมูลได้เพิ่มที่ http://www.sireepark.mahidol.ac.th
และสามารถเข้าไปคุยกับผมและดูผลงานอื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/wefoto/
แล้วพบกันใหม่นะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น