เครื่องพิมพ์ดีด

กระทู้สนทนา
เ ค รื่ อ ง พิ ม พ์ ดี ด
สมัยที่หัดเขียนหนังสือใหม่ ๆ อายุยังไม่ถึงสามสิบ มีแฟนคนหนึ่งซื้อให้เพราะเห็นว่าเราลำบาก เขียนหนังสือด้วยลายมือและต้องไปรบกวนให้คนอื่นพิมพ์ต้นฉบับให้
เมื่อได้พิมพ์ดีดมา ผมก็ฝึกจิ้มด้วยสองนิ้วจนคล่อง พิมพ์ได้เร็ว แบบชนิดหลับตาก็ทำงานได้สบาย ๆ มีพิมพ์ดีดแล้วก็เขียนเรื่องสั้นทั้งวันทั้งคืน เปลี่ยนผ้าหมึกเดือนละหน เขียนจดหมายให้ใครต่อใครนับพันนับหมื่นฉบับ ต่อมาเมื่อเปิดสำนักพิมพ์ก็ต้องซื้อเพิ่มให้กองบรรณาธิการได้ใช้ แต่เครื่องส่วนตัว ผมตั้งไว้บนโต๊ะ ขอไม่ให้ใครมาใช้ร่วม จนกระทั่งมีคอมพิวเตอร์เข้ามา ผมค่อย ๆ เลิกใช้พิมพ์ดีดและเก็บไว้ในกล่องอย่างดี ว่าง ๆ ก็เอามาเช็ดฝุ่นเสียทีหนึ่ง หรือไม่ก็เปลี่ยนหมึกพิมพ์
แต่นั่นแหละเมื่อไม่ได้ใช้นานเข้าหมึกมันก็แห้งเหือดพิมพ์ไม่ค่อยเห็นตัวหนังสืออีก เวลาที่มันเสีย ผมก็ต้องรีบยกเอาไปซ่อมที่ศูนย์โอลิมเปียริมถนนวิภาวดีรังสิต ไปตั้งไว้เป็นอาทิตย์ ซ่อมเสร็จเขาก็โทรมาบอกให้เราไปรับและจ่ายเงินค่าซ่อม
โอลิมเปียเครื่องนี้มันอยู่กับผมมายาวนานเหลือเกิน เห็นมันทีไรแล้วนึกถึงบุญคุณแฟนเก่า ตอนนั้นเธอเองก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่ยังอุตส่าห์เก็บเงิน สะสมไว้จนครบแล้วนำไปซื้อเครื่องพิมพ์ดีดมาให้ผม
ตอนทะเลาะแล้วเลิกกัน เธอเอาไปจำนำและทิ้งตั๋วไว้ให้ผมดูต่างหน้า กว่าจะเก็บเงินสามพันบาทได้ครบ นานจนตั๋วเกือบขาด นึก ๆ แล้วก็เศร้าใจ
ของใช้ทุกชิ้น ถ้าลองคิดให้ดีล้วนแล้วแต่มีประวัติศาสตร์กับเราทิ้งสิ้น ไม่ว่าเสื้อ กางเกง สร้อยแหวนนาฬิกา มันจะต้องมีเรื่องราวของมันและบางชิ้นอาจจะไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นด้วย เล่าได้ไม่จบไม่สิ้น
ผมเห็นพิมพ์ดีดเครื่องนี้ก็มักจะย้อนคิดถึงความทุกข์ยากลำบากของนักเขียนหน้าใหม่คนหนึ่ง กว่าจะเขียนจบ กว่าบก.จะได้อ่าน กว่าเรื่องจะได้ลงตีพิมพ์ กว่าจะได้สตางค์มาใช้ มันต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ชีวิตมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คาดหวัง แต่เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้
อย่างเรื่องแฟนเก่ากับพิมพ์ดีด ตั้งแต่เลิกคบหากันเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก เธอไปมีแฟนใหม่ เพราะโกรธที่ผมเจ้าชู้หลายใจ เมื่อเคียดแค้น เธอก็ลองทำอย่างผมบ้าง เจ็บกันทั้งคู่ เลิกกันแล้วก็เกลียดกัน โชคดีที่ผมเลิกเกลียดได้ก่อน และก็รู้สึกเสียดายที่เราไม่ได้ติดต่อกันอีก ถึงไม่เป็นแฟนก็เป็นเพื่อนหรือเป็นพี่เป็นน้องกันได้
จำได้ว่า ตอนเลิกกันทะเลาะกันรุนแรง มีการตบตีด่าทอกันด้วยคำหยาบคาย นึกถึงความหลังเหล่านี้แล้วใจหาย เราไม่ใช่คนหยาบ แต่เวลาโกรธก็กลายเป็นคนชั่วไปอย่างไม่น่าเชื่อ บางทีเอาเรื่องที่ตัวเองทำเลวมาคิดตอนกลางคืน จากนั้นก็พาลพลิกไปพลิกมาแล้วนอนไม่หลับเอาดื้อ ๆ
อีกเครื่องหนึ่งเป็นของคุณจิ๋ว เธอก็มีส่วนตัวตั้งแต่สมัยที่เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอำพรไพศาล คุณจิ๋วนี่ก็ดีกับผมเหลือเกินทั้ง ๆ ที่ผมเป็นนักเขียนกระจอก ทำงานเป็นพนักงานตรวจบรู๊ฟ กินเงินเดือนสองพันห้าร้อยบาทที่บริษัทจีเอ็มของคุณปกรณ์ พงศ์วราภา เธอก็ยังอุตส่าห์ชื่นชม และรับรัก
ตอนเป็นแฟนกันสามปี เธอเป็นคนช่วยพิมพ์เรื่องสั้นส่งนิตยสารให้หลายเรื่อง ได้ลงบ้าง ไม่ได้ลงบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยหยุดเขียน ทำงานรับจ้างอยู่หลายปี
คราวนี้พอมีวาสนาได้แต่งงานกัน ผมก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่าเป็นตายอย่างไรจะไม่ขอรับจ้างกินเงินเดือนอีก จะไม่ทำงานประจำที่ไหนอีก เอาเงินที่มีอยู่ทั้งหมดแสนกว่าบาทมาลุงทุนทำสำนักพิมพ์ คุณจิ๋วดูแลเรื่องการเงิน ผมดูแลเรื่องต้นฉบับ เรื่องนักเขียน เรื่องโรงพิมพ์ ตอนทำใหม่ ๆ พิมพ์ดีดของเราทั้งสองเครื่อง(ทั้งของแฟนเก่าและของภรรยา) ก็มีส่วนช่วยได้มาก
จดหมายถึงกนกพงศ์/พย.2547
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่