เมื่อบอกใครๆว่าทริปของเราอันต่อไปคือ “อิหร่าน ” หลายๆคนก็ขมวดคิ้วแล้วก็ถามเราว่า “ไปทำไมวะ” ตามด้วย “มันมีอะไรวะ”
มันเลยเป็นที่มาของบล็อกนี้ที่เราต้องมาตอบคำถามกับทุกคนว่าไปเที่ยวมาแล้วมันมีอะไร?
และแน่นอนว่ามันดีม๊ากกกกกเลยแหละ จะว่าอวดก็คงไม่เชิง แต่เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังแบบเม้ามอยกันดีกว่าว่าการไปเที่ยวอิหร่านครั้งนี้เป็นยังไง
ซึ่งบอกเลยว่าการไปอิหร่านครั้งนี้ทำให้เราพลิกความคิดจากคนที่บอกเราว่าอิหร่านน่ากลัว เป็นอิหร่านน่าร๊าก
การไปเที่ยวครั้งนี้ทำให้เปลี่ยนภาพจำอิหร่านในความคิดของเราไปตลอดกาล!
1.เริ่มต้นการเดินทาง
เอาจริงๆแว้บแรกที่รู้ว่าจะไปอิหร่านมันก็มีอารมณ์สองจิตสองใจ แบบเฮ้ย จะไปดีปะวะ ความผู้หญิงก็มีคิดเยอะบ้างอะเนอะ บางทีก็แอบกลัวว่าจะรอดปะวะ เฮ้ย เราจะมีชีวิตรอดกลับมาปะวะ เลยพยายามเปิด pantip ดูเอ้ย มันก็ไม่ได้แย่นี่หว่า แถมประเทศ
ก็โคตรสวย คือส่วนตัวชอบไปเที่ยวแบบลุยๆอยู่แล้วก็เลยคิดว่าที่นี่น่าจะตอบโจทย์ ส่วนรีวิวที่อ่านมาเค้าก็บบอกไว้ว่าที่คนนี้เฟรนลี่มากเว่อร์ๆๆๆ สรุปรวมๆคือมันดีอะ อ่านไปก็สงสัยไป(ว่ามันจริงเหรอวะ?)
แล้วจากที่ไม่อยากไปก็อยากไปขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ แต่เอาจริงๆ สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจไปได้ง่ายขึ้นก็คือ รู้สึกว่าประเทศนี้ไม่ได้มีโอกาสไปบ่อยๆ และแม้ว่าพันทิพจะบอกว่าดี แต่อืมมมม ก็ยังไม่ได้ไปดูเองกับตานี่หน่าจะรู้ได้ไงว่ามันดีหรือไม่ดีหล่ะ! เพราะฉนั้นก็เลยตัดสินใจเอาชนะความกลัวตัวเองโดยการไปดูให้มันเห็นกับตาเลยว่ามันเป็นยังไง เอ้า ลุยๆไปเล้ยยยย
อีกอย่างเราดูแล้วว่ามันเดินทางไปไม่ยากเลยแม้ว่าเราจะเป็นผู้หญิงบอบบางร่างน้อยก็ตาม โดยเราเดินทางด้วยสายการบิน AirAsia X ที่บินจากดอนเมืองสู่เตหะราน(เมืองหลวงของอิหร่าน) แต่ขาไปเราเลือกไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ เราเลยได้มีโอกาสแวะไปเช็คอินตึกแฝดก่อนแบบชิคๆ แบบ 1 ทริป 2 ประเทศในราคาค่าตั๋วประมาณ12,xxx บาท โดยเค้าจะบินทุกวัน อาทิตย์ / อังคาร และพฤหัส อันนี้ก็ต้องเช็ควันลางานกันก่อนออกเดินทางให้ดี ส่วนการเดินทางพอขึ้นเครื่องแล้วจากนั้นก็นั่งไป 8 ชั่วโมง กินๆนอนๆ ก็ข้ามทวีปจากเอเชียสู่ตะวันออกกลางได้แล้ว….ป่ะ ไปแรดกันค๊าาา 555
ส่วนอันนี้ไม่ใช่แรด อันนี้มาส์กหน้ารูปเชรคนาจา 555 ความบิวตี้บล็อกเกอร์ก็นะ รู้ว่าจะนั่งตั้ง 8 ชั่วโมงนี่คำนวณมาแล้วค่ะว่าจะทำอะไรบ้างเพื่อไม่ให้เวลาสูญเปล่า ทั้งล้างหน้า มาส์กหน้า ทาครีม บำรุงผิวหน้าวนไปจากนั้นก็หลับไปเลยค่ะ หลับให้เหมือนคนไม่เคยนอน เราเลือก Quiet Zone เพื่อจะมาไว้นอนกันก็ว่าได้เพราะเราคิดมาแล้วว่าจะหลับไปให้เยอะที่สุด ซึ่งเอาจริงๆหลับไปแปปๆ ตื่นมาก็ถึงแล้ว….นี่สิหลับเพื่อเตรียมพร้อมการผจญภัยอย่างแท้จริง
ตื่นมาด้วยความหนาวเหน็บ และด้วยเสียงประกาศของกัปตัน ว่าถึงแล้วนะ! ใจมันสั่นระริกๆๆๆ เห้ยยยย ถึงแล้วเหรอ เอาละซิ้! การเดินทางและความสนุกทุกอย่างมันกำลังจะเกิด ตอนนั้นถึงแม้ว่าจะง่วงงัวเงีย แต่ความตื่นเต้นมันก็ทำให้เรารีเฟรชตัวเองเด้งจากเก้าอี้ไปเกาะขอบหน้าต่างอย่างไว และนึกขึ้นได้ว่า “กูต้องโพกผ้า” ใช่ละ ประเทศนี้เป็นมุสลิมที่ผู้หญิงต้องโพกผ้า หลังจากที่นึกขึ้นได้เราก็หยิบผ้าสีชมพูสุดสวยของเราออกมาคลุมในแบบ Hijab style แล้วเราก็พันตามยูทูปที่เราดูมา 555
จริงๆก็พันไปมั่วๆนั่นแหละ พันเสร็จปุ๊บ เข้าประเทศมาก็ต้องช็อคเพราะอะไรรู้ไหม?
พอถึงผ่านตม.มาปุ๊บ…ทันทีที่เห็นคนในประเทศของเขา เราถึงกับตกใจว่า เชียยยยย….ทำไมใส่สีดำหมด
คำถามต่างๆเกิดขึ้นในหัวเยอะมาก….คือปกติเค้าใส่สีดำกันหมดเหรอ? …แล้วผ้าสีชมพูสุดสวยของเราหล่ะ?
สีชมพูของเราเลยกลายสีชมพูที่เสร่อแปร๋นแหล๋นอยุ่คนเดียว5555 แล้วที่หนักกว่านั้นคือ เตรียมชุดสไตล์แขกที่มีสีสันจัดจ้านมากมาใส่ด้วยจ้า พออยู่ที่นั่นปุ๊บทำให้เราต้องเอาชุดออกมาพับแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไปใหม่เหมือนเดิม! จนทุกวันนี้ยังแปลกใจว่าปกติเค้าใส่แต่สีดำกันเหรอ หรือยังไงนะ หืมมมมม นี่ก็ไม่รู้มาก่อนก็จัดแฟชั่นไม่ถูกเหมือนกันจ้า 5555
พอมาถึงแล้วก็ให้เราทำธุระเรื่องวีซ่า ซิมโทรศัพท์และเงินให้เสร็จเรียบร้อย
Visa พอเครื่องลงปุ๊บจากนั้นเราต้องต่อแถวทำวีซ่า ดาวทำ visa on arrived ที่โน่นเลย โดยเค้าจะให้เราทำประกันภัยก่อนประมาณ 15 Euro จากนั้นก็จ่ายเงินประมาณ 75 Euroเป็นค่าวีซ่า
โดยเตรียมเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ ตั๋วเครื่องบินไปกลับ, หลักฐานการจองที่พัก, แผนการเดินทางของเรา อันนี้คือเตรียมเผื่อไว้นะ ถ้าเค้าขอดูอะไรจะได้ไม่มีปัญหา สรุปรวมๆ ก็ประมาณ 3,xxx กว่าบาท
ในส่วนของซิมมือถือ มันจะมีซุ้มขายในแอร์พอตเลย ถ้าอยากมีเน็ตเล่นก็แนะนำว่าให้ซื้อตั้งแต่ที่นี่แหละ ลองเข้าไปถามในซุ้มดู แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ซื้อเพราะคิดว่าจะไปซื้อเอาดาบหน้า สรุป ไม่มีเน็ตมือถือใช้ทั้งทริป ต้องรอ wifi ทั้งทริปอย่างน่าอนาถ นี่แหละ เราเลยแนะนำว่าให้ซื้อไปก่อน
แต่ต้องทำใจกับเน็ตที่นี่นิดนึง
โคตรช้า ช้าแบบจะร้องให้ ช้าแบบความเร็ว edge ที่บางทีอย่าเรียกตัวเองว่าเน็ตเลยเหอะ! เอ้า พูดไปนี่ยังโกรธเน็ตที่นั่นอยู่เลย รู้ซึ้งเลยนะว่าความไม่มี internet มันลำบากมากๆจริงๆ
ที่นี่ไม่สามารถเล่น facebook ได้ เพราะฉะนั้นต้องโหลด VPN มาใช้ด้วยนะถึงจะเล่นได้แล้วก็จะทำให้เน็ตเร็วขึ้น(นิดนึง) อย่างน้อยก็อัพรูปลง IG ได้รูปนึงวะ!
เรื่องเงิน เนื่องจากอิหร่านไม่ใช่ประเทศที่คนไทยถาโถมไปกันเยอะเพราะฉะนั้นมันก็หาแลกเงินยากนิดนึง แต่เพื่อนที่จัดการให้นางทำวิถีนี้ก็คือแลก USD ไปเปลี่ยนเป็นเงินอิหร่านที่นู่น ซึ่งปกติที่เราจะแลกกับ Superrich สีเขียว เพราะค่าเงินถูกสุด ประหยัดและถือว่าคุ้มที่สุด
และพอเรามาถึงที่อิหร่านแล้วให้เราเอา USD ไปแลกเป็นเงินอิหร่านในสนามบินนี่แหละจะได้ค่าเงินคุ้มสุด ถ้าใครมาเสนอตัวว่าแลกกับเค้าเยอะกว่านี่ให้คุยดีๆว่า ได้เยอะกว่าจริงๆไหม แต่ประสบการณ์ของเราที่เจอมาแล้วคือ ให้เข้าไปแลกโดยตรงในซุ้มที่สนามบินเถอะปลอดภัยสุด ขั้นตอนนี้เราต้องเช็คให้ดีว่าเราจะใช้กี่บาท พยายามแลกให้เกินไว้ก็ดีแต่อย่าเกินเยอะมากเพราะข้างนอกค่อนข้างหาร้านแลกยาก
อีกอย่างที่คนจะไปต้องจำไว้ดีๆเลยก็คือค่าเงินของบ้านเค้า ตอนนั้นไปถึงแรกๆ ยอมรับแบบสบถเลยว่า งง
คือมันจะมีค่าเงิน โทมัน กับ เรียล ซึ่งค่าเงินปัจจุบันที่เค้าใช้ก็คือ Rial วิธีคิดง่ายๆ เลยก็คือ 100 บาท เท่ากับ 100,000 Rial
แต่ประเทศนี้เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ค่าเงิน Rial โดยค่าเงินเก่าของเขาก็คือ Toman (โตมัน) ซึ่งมันจะแค่ตัด 0 ในค่าเงิน Rial ออกไป 1 ตัว
เอาง่ายๆเลยก็คือ สมมุติซื้อของ 50,000 ก็ให้ถามว่า Rial หรือ Toman ถ้า เค้าบอกว่า toman ก็ให้ตัด 0 ออกไป 1 ตัว เราก็หยิบแบงค์ 5000 ให้เขาไป ซึ่งถ้าตีเป็นเงินไทยก็คือ เราจ่าย 50 บาทประมาณนั้น โอเคไม่งงเนอะ
2.แท็กซี่เถื่อน
สำหรับแพลนของเราในทริปนี้คือ Tehran – Shiraz – Isfahan แต่เราต้องจำใจตัดออกไป 1 อันเพราะพอได้มาเดินทางจริงๆแล้วทุกอย่าง
ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ ไม่ถึงกับผิดคาดแต่เราไม่อยากเดินทางเหนื่อยๆแบบรีบๆ เลยคุยกันว่างั้นตัดออก 1 เมืองแล้วกัน จะได้เที่ยวง่ายๆ สบายๆ ชิลๆ มีเวลาซึบซับแต่ละที่เยอะๆ ซึ่งหลังจากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางตามที่ตกลงกัน โดยเราจะไปเที่ยว ชีราส 2 วัน และ เตหะราน 2 วัน
ซึ่งการเดินทางตามตกลงของเราจากนี้ก็คือเราต้องไปขึ้นเครื่องบินต่อไปเพื่อไปยัง Shiraz เราต้องไปอีกสนามบินนึงซึ่งเป็นเหมือนสนามบินในประเทศ (ถ้าเทียบให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ Imam Khomeini เหมือนสุวรรณภูมิ แต่ สนามบินดอนเมืองแบบเราในบ้านเค้าคือ Mehrabad International Airport) ซึ่งเราต้องเดินทางไปที่นีแหละ!
ซึ่งเราจะไปได้ก็ต้องมีรถไปเนาะ แต่ย้อนกลับไปนิดนึง ตอนบนที่บอกว่ามีคนมาเสนอว่าแลกเงินกับเค้าแล้วเรทถูกสุด พอคุยไปคุยมาเค้าก็ยื่นข้อเสนอมาว่าไปกับเค้าได้เลยนะ เค้ามีรถส่วนตัว เค้าพาไปได้…และด้วยความที่เรารับรู้มาว่า อิหร่านเค้าเฟรนด์ลี่มาก เราก็เลยตอบตกลงว่าโอเค ไป! แต่พอคุยไปคุยมา อ่าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า
ว่าด้วยเรื่องราคาค่าโดยสารแล้ว เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่แล้วอะ นี่ต้องโดนเล่นตลกอะไรอยู่แน่ๆ และด้วยความที่ตอนนั้นมึนงงเรื่องค่าเงินระหว่างโคมันกับเรียลอยู่ไม่น้อยก็เลยกลับมาตั้งหลักกันหน้าแอร์พอตใหม่ คุยกันว่าลองขึ้นไปถามแท็กซี่หน้าแอร์พอตก่อนไหมว่าเราคาเท่าไหร่ ผลสรุปคือ แท็กซี่หน้าแอร์พอตได้ราคาถูกกว่าและมีป้ายบอกราคาที่ชัดเจน (ไปอีกสนามบินในนึงราคาประมาณ 8 ร้อยบาทไทย) เราก็เลยเฮ…ตกลงขึ้นรถแบบ โอเค รอดไป หืมมมมมม เกือบไปแล้ว!
สิ่งที่ทำให้เราเรียกเค้าว่าแท็กซี่เถื่อนเพราะเค้าคิดราคาเราแพงกว่าด้านบนและเค้าไม่ให้เราถ่ายรูป! เราเลยสงสัยและคิดไปเองว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
3.คุณได้ไปต่อ!
จาก Imam Khomeini ในที่สุดก็เดินทางมาถึง สู่สนามบิน Mehrabad International Airport ที่
โคตรไกลลลลล
สองสนามบินนี้ไกลจากกันมากๆ ใครที่ไปแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ 1 ชั่วโมงเป็นต้นไป แต่เราเผื่อเวลามาไว้นอนที่สนามบินกันแล้วเพื่อประหยัดค่าที่พักไปด้วย 1 คืน เพราะฉะนั้นเวลาเราเหลือล้นมากกกกก ไม่ตกเครื่องแน่นอน
เราสามารถนอนหลับและกินอิ่มด้วยเก้าอี้และร้านชำต่างๆในสนามบิน บอกเลยว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาได้ลองกินของอร่อยๆใหม่ๆ ขนมนี่เยอะแยะเต็มไปหมด ที่แนะนำเลยคือ ขนมหวานของบ้านเค้าที่
โคตรหวานนนน แต่กินไปกินมา กินกับน้ำชาร้อนๆ ก็อร่อยดีแหละ
ตั๋วในประเทศเราให้เพื่อนเราที่เก่งมากๆจัดการให้ โดยเลือกจองไฟลท์เช้าสุด เพราะคืนนั้นเรานอนที่สนามบิน พอตื่นเช้าปุ๊บเราก็ออกเดินทางเลย ที่ต้องบอกว่าเพื่อนเก่งเพราะว่าประเทศนี้มันโดนแบนจากอเมริกาเลยทำธุรกรรมทางการเงินแบบประเทศอื่นๆไม่ได้นาจา เพราะฉะนั้นจะต้องจองตั๋วและจ่ายเงินผ่าน Agency ซึ่งก็จะโดนบวกราคาไปตามระเบียบ แต่ก็ต้องยอมจ่ายแพงขึ้นเพราะมันไม่มีทางเลือก TT
และอีกเรื่องนึงก็คือให้ดูดีๆ ว่าเครื่องของเราที่จะขึ้นอยู่ Terminal ไหน เพราะแต่ละ terminalค่อนข้างไกล และยังต้องมีเช็คกระเป๋าตรวจกระเป๋าอีก เพราะฉนั้นเผื่อเวลาตรงนี้กันไว้ด้วย
4.ถึงแล้ว Shiraz
ถึงซะทีหลังจากที่เดินทางมานานเนิ่นนาน การเที่ยวแบบจริงจังได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ต่อจากนี้เราจะบอกให้ฟังว่าเราได้เดินทางไปไหนมาไหนกันบ้าง ซึ่งแต่ละที่ก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป เอาเป็นว่าเรามาเริ่มการเดินทางต่อกันเลยด้วยการเรียกรถแท็กซี่หน้าสนามบิน ซึ่งจะจอดเรียงรายอยู่เป็นตับด้านหน้า จากนั้นเราก็เรียกแท็กซี่ไปยังที่พัก ซึ่งที่พักของเราในคืนแรกก็คือ Golshan traditional hostel จองที่พักผ่านลิ้งนี้ได้เลย
http://hostelsiniran.com/ จะบอกว่าที่นี้บรรยากาศ
ได้สุดๆ มีความ tradiotional มากมาย คือสวยอะ ไม่แย่ ไม่ผิดหวัง
เดี๋ยวมาต่อค่ะ[/c
[SR] อิหร่านที่ว่าน่ากลัว แต่เราว่าเค้าน่าร๊ากกกกก
เมื่อบอกใครๆว่าทริปของเราอันต่อไปคือ “อิหร่าน ” หลายๆคนก็ขมวดคิ้วแล้วก็ถามเราว่า “ไปทำไมวะ” ตามด้วย “มันมีอะไรวะ”
มันเลยเป็นที่มาของบล็อกนี้ที่เราต้องมาตอบคำถามกับทุกคนว่าไปเที่ยวมาแล้วมันมีอะไร?
และแน่นอนว่ามันดีม๊ากกกกกเลยแหละ จะว่าอวดก็คงไม่เชิง แต่เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังแบบเม้ามอยกันดีกว่าว่าการไปเที่ยวอิหร่านครั้งนี้เป็นยังไง
ซึ่งบอกเลยว่าการไปอิหร่านครั้งนี้ทำให้เราพลิกความคิดจากคนที่บอกเราว่าอิหร่านน่ากลัว เป็นอิหร่านน่าร๊าก
การไปเที่ยวครั้งนี้ทำให้เปลี่ยนภาพจำอิหร่านในความคิดของเราไปตลอดกาล!
1.เริ่มต้นการเดินทาง
เอาจริงๆแว้บแรกที่รู้ว่าจะไปอิหร่านมันก็มีอารมณ์สองจิตสองใจ แบบเฮ้ย จะไปดีปะวะ ความผู้หญิงก็มีคิดเยอะบ้างอะเนอะ บางทีก็แอบกลัวว่าจะรอดปะวะ เฮ้ย เราจะมีชีวิตรอดกลับมาปะวะ เลยพยายามเปิด pantip ดูเอ้ย มันก็ไม่ได้แย่นี่หว่า แถมประเทศก็โคตรสวย คือส่วนตัวชอบไปเที่ยวแบบลุยๆอยู่แล้วก็เลยคิดว่าที่นี่น่าจะตอบโจทย์ ส่วนรีวิวที่อ่านมาเค้าก็บบอกไว้ว่าที่คนนี้เฟรนลี่มากเว่อร์ๆๆๆ สรุปรวมๆคือมันดีอะ อ่านไปก็สงสัยไป(ว่ามันจริงเหรอวะ?)
แล้วจากที่ไม่อยากไปก็อยากไปขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ แต่เอาจริงๆ สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจไปได้ง่ายขึ้นก็คือ รู้สึกว่าประเทศนี้ไม่ได้มีโอกาสไปบ่อยๆ และแม้ว่าพันทิพจะบอกว่าดี แต่อืมมมม ก็ยังไม่ได้ไปดูเองกับตานี่หน่าจะรู้ได้ไงว่ามันดีหรือไม่ดีหล่ะ! เพราะฉนั้นก็เลยตัดสินใจเอาชนะความกลัวตัวเองโดยการไปดูให้มันเห็นกับตาเลยว่ามันเป็นยังไง เอ้า ลุยๆไปเล้ยยยย
อีกอย่างเราดูแล้วว่ามันเดินทางไปไม่ยากเลยแม้ว่าเราจะเป็นผู้หญิงบอบบางร่างน้อยก็ตาม โดยเราเดินทางด้วยสายการบิน AirAsia X ที่บินจากดอนเมืองสู่เตหะราน(เมืองหลวงของอิหร่าน) แต่ขาไปเราเลือกไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ เราเลยได้มีโอกาสแวะไปเช็คอินตึกแฝดก่อนแบบชิคๆ แบบ 1 ทริป 2 ประเทศในราคาค่าตั๋วประมาณ12,xxx บาท โดยเค้าจะบินทุกวัน อาทิตย์ / อังคาร และพฤหัส อันนี้ก็ต้องเช็ควันลางานกันก่อนออกเดินทางให้ดี ส่วนการเดินทางพอขึ้นเครื่องแล้วจากนั้นก็นั่งไป 8 ชั่วโมง กินๆนอนๆ ก็ข้ามทวีปจากเอเชียสู่ตะวันออกกลางได้แล้ว….ป่ะ ไปแรดกันค๊าาา 555
ส่วนอันนี้ไม่ใช่แรด อันนี้มาส์กหน้ารูปเชรคนาจา 555 ความบิวตี้บล็อกเกอร์ก็นะ รู้ว่าจะนั่งตั้ง 8 ชั่วโมงนี่คำนวณมาแล้วค่ะว่าจะทำอะไรบ้างเพื่อไม่ให้เวลาสูญเปล่า ทั้งล้างหน้า มาส์กหน้า ทาครีม บำรุงผิวหน้าวนไปจากนั้นก็หลับไปเลยค่ะ หลับให้เหมือนคนไม่เคยนอน เราเลือก Quiet Zone เพื่อจะมาไว้นอนกันก็ว่าได้เพราะเราคิดมาแล้วว่าจะหลับไปให้เยอะที่สุด ซึ่งเอาจริงๆหลับไปแปปๆ ตื่นมาก็ถึงแล้ว….นี่สิหลับเพื่อเตรียมพร้อมการผจญภัยอย่างแท้จริง
ตื่นมาด้วยความหนาวเหน็บ และด้วยเสียงประกาศของกัปตัน ว่าถึงแล้วนะ! ใจมันสั่นระริกๆๆๆ เห้ยยยย ถึงแล้วเหรอ เอาละซิ้! การเดินทางและความสนุกทุกอย่างมันกำลังจะเกิด ตอนนั้นถึงแม้ว่าจะง่วงงัวเงีย แต่ความตื่นเต้นมันก็ทำให้เรารีเฟรชตัวเองเด้งจากเก้าอี้ไปเกาะขอบหน้าต่างอย่างไว และนึกขึ้นได้ว่า “กูต้องโพกผ้า” ใช่ละ ประเทศนี้เป็นมุสลิมที่ผู้หญิงต้องโพกผ้า หลังจากที่นึกขึ้นได้เราก็หยิบผ้าสีชมพูสุดสวยของเราออกมาคลุมในแบบ Hijab style แล้วเราก็พันตามยูทูปที่เราดูมา 555
จริงๆก็พันไปมั่วๆนั่นแหละ พันเสร็จปุ๊บ เข้าประเทศมาก็ต้องช็อคเพราะอะไรรู้ไหม?
พอถึงผ่านตม.มาปุ๊บ…ทันทีที่เห็นคนในประเทศของเขา เราถึงกับตกใจว่า เชียยยยย….ทำไมใส่สีดำหมด
คำถามต่างๆเกิดขึ้นในหัวเยอะมาก….คือปกติเค้าใส่สีดำกันหมดเหรอ? …แล้วผ้าสีชมพูสุดสวยของเราหล่ะ?
สีชมพูของเราเลยกลายสีชมพูที่เสร่อแปร๋นแหล๋นอยุ่คนเดียว5555 แล้วที่หนักกว่านั้นคือ เตรียมชุดสไตล์แขกที่มีสีสันจัดจ้านมากมาใส่ด้วยจ้า พออยู่ที่นั่นปุ๊บทำให้เราต้องเอาชุดออกมาพับแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไปใหม่เหมือนเดิม! จนทุกวันนี้ยังแปลกใจว่าปกติเค้าใส่แต่สีดำกันเหรอ หรือยังไงนะ หืมมมมม นี่ก็ไม่รู้มาก่อนก็จัดแฟชั่นไม่ถูกเหมือนกันจ้า 5555
พอมาถึงแล้วก็ให้เราทำธุระเรื่องวีซ่า ซิมโทรศัพท์และเงินให้เสร็จเรียบร้อย
Visa พอเครื่องลงปุ๊บจากนั้นเราต้องต่อแถวทำวีซ่า ดาวทำ visa on arrived ที่โน่นเลย โดยเค้าจะให้เราทำประกันภัยก่อนประมาณ 15 Euro จากนั้นก็จ่ายเงินประมาณ 75 Euroเป็นค่าวีซ่า
โดยเตรียมเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ ตั๋วเครื่องบินไปกลับ, หลักฐานการจองที่พัก, แผนการเดินทางของเรา อันนี้คือเตรียมเผื่อไว้นะ ถ้าเค้าขอดูอะไรจะได้ไม่มีปัญหา สรุปรวมๆ ก็ประมาณ 3,xxx กว่าบาท
ในส่วนของซิมมือถือ มันจะมีซุ้มขายในแอร์พอตเลย ถ้าอยากมีเน็ตเล่นก็แนะนำว่าให้ซื้อตั้งแต่ที่นี่แหละ ลองเข้าไปถามในซุ้มดู แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ซื้อเพราะคิดว่าจะไปซื้อเอาดาบหน้า สรุป ไม่มีเน็ตมือถือใช้ทั้งทริป ต้องรอ wifi ทั้งทริปอย่างน่าอนาถ นี่แหละ เราเลยแนะนำว่าให้ซื้อไปก่อน
แต่ต้องทำใจกับเน็ตที่นี่นิดนึง โคตรช้า ช้าแบบจะร้องให้ ช้าแบบความเร็ว edge ที่บางทีอย่าเรียกตัวเองว่าเน็ตเลยเหอะ! เอ้า พูดไปนี่ยังโกรธเน็ตที่นั่นอยู่เลย รู้ซึ้งเลยนะว่าความไม่มี internet มันลำบากมากๆจริงๆ
ที่นี่ไม่สามารถเล่น facebook ได้ เพราะฉะนั้นต้องโหลด VPN มาใช้ด้วยนะถึงจะเล่นได้แล้วก็จะทำให้เน็ตเร็วขึ้น(นิดนึง) อย่างน้อยก็อัพรูปลง IG ได้รูปนึงวะ!
เรื่องเงิน เนื่องจากอิหร่านไม่ใช่ประเทศที่คนไทยถาโถมไปกันเยอะเพราะฉะนั้นมันก็หาแลกเงินยากนิดนึง แต่เพื่อนที่จัดการให้นางทำวิถีนี้ก็คือแลก USD ไปเปลี่ยนเป็นเงินอิหร่านที่นู่น ซึ่งปกติที่เราจะแลกกับ Superrich สีเขียว เพราะค่าเงินถูกสุด ประหยัดและถือว่าคุ้มที่สุด
และพอเรามาถึงที่อิหร่านแล้วให้เราเอา USD ไปแลกเป็นเงินอิหร่านในสนามบินนี่แหละจะได้ค่าเงินคุ้มสุด ถ้าใครมาเสนอตัวว่าแลกกับเค้าเยอะกว่านี่ให้คุยดีๆว่า ได้เยอะกว่าจริงๆไหม แต่ประสบการณ์ของเราที่เจอมาแล้วคือ ให้เข้าไปแลกโดยตรงในซุ้มที่สนามบินเถอะปลอดภัยสุด ขั้นตอนนี้เราต้องเช็คให้ดีว่าเราจะใช้กี่บาท พยายามแลกให้เกินไว้ก็ดีแต่อย่าเกินเยอะมากเพราะข้างนอกค่อนข้างหาร้านแลกยาก
อีกอย่างที่คนจะไปต้องจำไว้ดีๆเลยก็คือค่าเงินของบ้านเค้า ตอนนั้นไปถึงแรกๆ ยอมรับแบบสบถเลยว่า งง คือมันจะมีค่าเงิน โทมัน กับ เรียล ซึ่งค่าเงินปัจจุบันที่เค้าใช้ก็คือ Rial วิธีคิดง่ายๆ เลยก็คือ 100 บาท เท่ากับ 100,000 Rial
แต่ประเทศนี้เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ค่าเงิน Rial โดยค่าเงินเก่าของเขาก็คือ Toman (โตมัน) ซึ่งมันจะแค่ตัด 0 ในค่าเงิน Rial ออกไป 1 ตัว
เอาง่ายๆเลยก็คือ สมมุติซื้อของ 50,000 ก็ให้ถามว่า Rial หรือ Toman ถ้า เค้าบอกว่า toman ก็ให้ตัด 0 ออกไป 1 ตัว เราก็หยิบแบงค์ 5000 ให้เขาไป ซึ่งถ้าตีเป็นเงินไทยก็คือ เราจ่าย 50 บาทประมาณนั้น โอเคไม่งงเนอะ
2.แท็กซี่เถื่อน
สำหรับแพลนของเราในทริปนี้คือ Tehran – Shiraz – Isfahan แต่เราต้องจำใจตัดออกไป 1 อันเพราะพอได้มาเดินทางจริงๆแล้วทุกอย่างไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ ไม่ถึงกับผิดคาดแต่เราไม่อยากเดินทางเหนื่อยๆแบบรีบๆ เลยคุยกันว่างั้นตัดออก 1 เมืองแล้วกัน จะได้เที่ยวง่ายๆ สบายๆ ชิลๆ มีเวลาซึบซับแต่ละที่เยอะๆ ซึ่งหลังจากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางตามที่ตกลงกัน โดยเราจะไปเที่ยว ชีราส 2 วัน และ เตหะราน 2 วัน
ซึ่งการเดินทางตามตกลงของเราจากนี้ก็คือเราต้องไปขึ้นเครื่องบินต่อไปเพื่อไปยัง Shiraz เราต้องไปอีกสนามบินนึงซึ่งเป็นเหมือนสนามบินในประเทศ (ถ้าเทียบให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ Imam Khomeini เหมือนสุวรรณภูมิ แต่ สนามบินดอนเมืองแบบเราในบ้านเค้าคือ Mehrabad International Airport) ซึ่งเราต้องเดินทางไปที่นีแหละ!
ซึ่งเราจะไปได้ก็ต้องมีรถไปเนาะ แต่ย้อนกลับไปนิดนึง ตอนบนที่บอกว่ามีคนมาเสนอว่าแลกเงินกับเค้าแล้วเรทถูกสุด พอคุยไปคุยมาเค้าก็ยื่นข้อเสนอมาว่าไปกับเค้าได้เลยนะ เค้ามีรถส่วนตัว เค้าพาไปได้…และด้วยความที่เรารับรู้มาว่า อิหร่านเค้าเฟรนด์ลี่มาก เราก็เลยตอบตกลงว่าโอเค ไป! แต่พอคุยไปคุยมา อ่าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า
ว่าด้วยเรื่องราคาค่าโดยสารแล้ว เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่แล้วอะ นี่ต้องโดนเล่นตลกอะไรอยู่แน่ๆ และด้วยความที่ตอนนั้นมึนงงเรื่องค่าเงินระหว่างโคมันกับเรียลอยู่ไม่น้อยก็เลยกลับมาตั้งหลักกันหน้าแอร์พอตใหม่ คุยกันว่าลองขึ้นไปถามแท็กซี่หน้าแอร์พอตก่อนไหมว่าเราคาเท่าไหร่ ผลสรุปคือ แท็กซี่หน้าแอร์พอตได้ราคาถูกกว่าและมีป้ายบอกราคาที่ชัดเจน (ไปอีกสนามบินในนึงราคาประมาณ 8 ร้อยบาทไทย) เราก็เลยเฮ…ตกลงขึ้นรถแบบ โอเค รอดไป หืมมมมมม เกือบไปแล้ว!
สิ่งที่ทำให้เราเรียกเค้าว่าแท็กซี่เถื่อนเพราะเค้าคิดราคาเราแพงกว่าด้านบนและเค้าไม่ให้เราถ่ายรูป! เราเลยสงสัยและคิดไปเองว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
3.คุณได้ไปต่อ!
จาก Imam Khomeini ในที่สุดก็เดินทางมาถึง สู่สนามบิน Mehrabad International Airport ที่โคตรไกลลลลล
สองสนามบินนี้ไกลจากกันมากๆ ใครที่ไปแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ 1 ชั่วโมงเป็นต้นไป แต่เราเผื่อเวลามาไว้นอนที่สนามบินกันแล้วเพื่อประหยัดค่าที่พักไปด้วย 1 คืน เพราะฉะนั้นเวลาเราเหลือล้นมากกกกก ไม่ตกเครื่องแน่นอน
เราสามารถนอนหลับและกินอิ่มด้วยเก้าอี้และร้านชำต่างๆในสนามบิน บอกเลยว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาได้ลองกินของอร่อยๆใหม่ๆ ขนมนี่เยอะแยะเต็มไปหมด ที่แนะนำเลยคือ ขนมหวานของบ้านเค้าที่โคตรหวานนนน แต่กินไปกินมา กินกับน้ำชาร้อนๆ ก็อร่อยดีแหละ
ตั๋วในประเทศเราให้เพื่อนเราที่เก่งมากๆจัดการให้ โดยเลือกจองไฟลท์เช้าสุด เพราะคืนนั้นเรานอนที่สนามบิน พอตื่นเช้าปุ๊บเราก็ออกเดินทางเลย ที่ต้องบอกว่าเพื่อนเก่งเพราะว่าประเทศนี้มันโดนแบนจากอเมริกาเลยทำธุรกรรมทางการเงินแบบประเทศอื่นๆไม่ได้นาจา เพราะฉะนั้นจะต้องจองตั๋วและจ่ายเงินผ่าน Agency ซึ่งก็จะโดนบวกราคาไปตามระเบียบ แต่ก็ต้องยอมจ่ายแพงขึ้นเพราะมันไม่มีทางเลือก TT
และอีกเรื่องนึงก็คือให้ดูดีๆ ว่าเครื่องของเราที่จะขึ้นอยู่ Terminal ไหน เพราะแต่ละ terminalค่อนข้างไกล และยังต้องมีเช็คกระเป๋าตรวจกระเป๋าอีก เพราะฉนั้นเผื่อเวลาตรงนี้กันไว้ด้วย
4.ถึงแล้ว Shiraz
ถึงซะทีหลังจากที่เดินทางมานานเนิ่นนาน การเที่ยวแบบจริงจังได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ต่อจากนี้เราจะบอกให้ฟังว่าเราได้เดินทางไปไหนมาไหนกันบ้าง ซึ่งแต่ละที่ก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป เอาเป็นว่าเรามาเริ่มการเดินทางต่อกันเลยด้วยการเรียกรถแท็กซี่หน้าสนามบิน ซึ่งจะจอดเรียงรายอยู่เป็นตับด้านหน้า จากนั้นเราก็เรียกแท็กซี่ไปยังที่พัก ซึ่งที่พักของเราในคืนแรกก็คือ Golshan traditional hostel จองที่พักผ่านลิ้งนี้ได้เลย http://hostelsiniran.com/ จะบอกว่าที่นี้บรรยากาศได้สุดๆ มีความ tradiotional มากมาย คือสวยอะ ไม่แย่ ไม่ผิดหวัง
เดี๋ยวมาต่อค่ะ[/c