เมื่อหลวงพ่อ "หนี กับ "ชิตังเม" ที่ไม่มีจริง



  ก้าวสู่ปีใหม่  2560 ถึงเวลานี้...เรื่องของ หลวงพ่อไชยบูลย์  พระชราอาพาธ ดูเหมือนจะเบาซาไป เพราะกระแสเรื่องน้ำท่วมเข้ามากลบลบจนแทบสนิท...

แต่นั่นละ....  "ของเหม็น" ต่อให้กลบ.. .มันก็ได้แค่สักพัก   เพราะยังไงถ้าปล่อยให้คาราคาซังเหม็นบ้านเมืองอีก คงไม่ได้แล้ว

กระแสข่าว พระเดชพระคุณ หลบลี้หนีคดี ไปในห้วงรอยต่อปีใหม่ โดยมีผู้ระบุว่า ท่านไปพร้อมกับตู้คอนเทรนเนอร์หลายตู้ ฟังดูแล้วก็น่าคิดว่า นี่อาจจะเป็นการหนีแบบเอิกเกริกเกินไปหรือไม่?

แต่จริงเท็จอย่างไร...ก็คงต้องถามไถ่เหล่าสาวกกันดู  ...แต่คงยาก  เพราะหากหลวงพี่รูปใดเกิดบอกว่าท่านยังอยู่ก็จะซวยเอา..หรือรู้ว่าอยู่แต่บอกไม่อยู่ก็อาบัติพกลมผิดวิสัยสมณะ  ...สู้อู้อี้ๆ  บอก "อาตมาไม่เห็นมาหลายเดือนแล้วจ๊ะ"" น่าจะอาบัติน้อยที่สุด

แต่เฮ้ย!!!... นี่มันวัดหรือ เซฟเฮ้าส์หรือไง!?     มันเหลือเชื่อว่า  พระทั้งวัด...ไวยวจักร....ลูกศิษย์ ฯลฯ  ไม่มีใครได้เห็นตัวเป็น ๆ ของหลวงพ่อ!!!!    

โลกลี้ลับนี้มีที่นี่ที่เดียวละมัง

หรือกะว่าจับมือกันแน่นแล้วว่า  ถ้าจะโดนให้การช่วยเหลือหรือที่พักพิง..... เราจะร่วมกันทั้งหมดวัด!!??


พอข่าวออกว่า  หลวงพี่ไม่อยู่.....ทาง DSI ก็แอ้ม ๆ ว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของแหล่งข่าวของหน่วยงานระบุว่า  น่าจะยังอยู่!??

ส่วนอีกหนึ่งพระและหนึ่งหน่อ คือ โฆษกตัวกลมนายองอาจ และหลวงพี่สุธรรม นั่นคงไปแล้วจริง ๆ

สำหรับผู้ติดตามเรื่องนี้ ที่ค่อนข้างสายฮาร์ดคอร์ว่าด้วยการอยากให้บ้านเมืองมีความเฉียบขาด..จัดการกับพวกที่ท้าทายกฏหมายอย่างไม่ไว้หน้า ...แบบ บุกเข้าไป ..ลุยแล้วเอาตัวมา  ..คงอาจจะต้องรอเห็นภาพนั้นอีกนานพอดู  ...... แต่!!

แต่นักกลยุทธ์ศึก ..ที่ผ่านเกมกลทำลายทัพศึกผู้เชี่ยวชาญนั้น ย่อมสามารถพลิกแพลง...เปลี่ยนผันจากเกม  ปะทะ แล้ว “อาจเสียหาย” ให้กลายเป็นข้าศึกอ่อนปวกเปียกและหมดสภาพได้โดยไม่ต้องเสียแรง..และ  เลือดเปื้อนจีวรได้ เช่นกัน

บางครั้ง.... การทำให้บ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบเรียบร้อย และแก้ไขปัญหาจำต้องพึ่งพาหลักรัฐศาสตร์นำ...แล้วค่อยเอากฎหมายตามก็ถือเป็นทางออกที่สุขุม รอบคอบ  เพราะผลที่ได้คือ “ชัยชนะ” เช่นกัน

ลองพินิจตามกันดูว่า  ถ้าแสร้างหลับตา...กลยุทธ์ปล่อยให้แม่ทัพใหญ่หลุดออกจากวงล้อม  มุดช่องเล็ก..แอบซอกหนูหนีตายเพียงลำพัง และทิ้งให้เหล่ากองพล.กองพันปัญญาสวรรค์ล่ม ต้องหันรีหันขวางหาแม่ทัพไม่เจอ... มันคือกลศึกที่ทำให้ถึงกาล “พ่าย”  แบบไม่ต้องยิงเกาทันด้วยซ้ำ

ธัมมี่ ....  ที่หลายคนเคยออกมาฉอด ๆ ออกทีวีแทนว่า “หลวงพ่อไม่หนี....จะอยู่ตรงนี้ ฯลฯ”    วันนี้สาวกทั้งหลายคงพิสูจน์ทราบจนหลายคนเริ่มหมดศรัทธาอำลากันไปแบบเงียบ ๆ จำนวนไม่น้อย เพราะในที่สุดความจริงก็ปรากฏว่า “ของปลอม” นั้น ไม่อาจยืนยงคงทนได้แม้นใน “ความทรงจำ”

ที่ยังเหลืออยู่บ้าง...ก็พวก หลับหูหลับตา .....สมงสมอง ถูกคลีนนิ่ง ไปจนเหลือแต่ ดวงแก้ว ....ไซ้..ใส  ไว้เป็นที่ระลึก  


จากนี้ไป... เมื่อหนีได้ ซึ่งก็ง่ายมากเพราะมีวีซ่าตลอดชีวิต พาตัวเองไปอยู่เมืองนอก ........ อย่าบอกนะว่า  "ชิตังเม"  
แต่นี่คือการประกาศจุดจบของชีวิตในผ้าเหลืองแบบถาวรจริง ๆ ซะที

เพราะเมื่อชัดว่า “หนี”  ก็ต้องตกเป็น นักโทษหนีอาญาแผ่นดิน....และแน่นอนว่า ในห้วงเวลาที่ รัฐบาลกำลังเตรียมสังคายนา สำนักพุทธฯ,มหาเถรฯ  และข่าวดีที่เป็นมงคลแผ่นดินกับการขึ้นเป็น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ของเจ้าคุณปยุต ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เวลาของครูไม่ใหญ่(จริง) คนนี้หมดลงจริงๆ

เพราะเมื่อต้องคดีและหนีอาญา  ก็ต้องมีการร้องอธิกรณ์เรื่องใหม่.....และเที่ยวนี้ อัตตมี่ ไม่อยู่แล้ว แมวหนูก็กล้าแกร่ง..และไม่ต้องเกรงใจกัน  การลงทัณฑ์ด้วยมติ “ปาราชิก” ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

เมื่อมีมติให้ “ปาราชิก”  จาก พระเดชพระคุณ  ก็กลายเป็น “นาย” เที่ยวนี้จะประกาศเป็นเจ้าสำนักพิสดารอะไรในต่างแดนก็ตามสะดวกคุณเธอ

แต่ถ้าริจะอาศัย วัดสาขาในต่างประเทศ....รัฐบาลมีหรือจะยอม!?
และที่สำคัญ  เจ้าวัดในสาขา จะกล้าหรือ...เพราะแม้นจะเป็นต่างประเทศ..แต่หากเป็นวัด พระที่อยู่ในวัดก็ต้องถูกควบคุมดูแลโดยมหาเถรสมาคมในไทย และมหาเถรฯ หรือสำนักพุทธฯ ก็กำลังร้อน  ๆหนาว ๆ  ขืนทำอะไรฝ่ากระแส ก็มีหวังได้แก้กฎหมายกันอีกหลายข้อ!

และที่น่าสนใจก็คือ ที่ดินที่ซื้อในต่างประเทศเพื่อทำเป็นวัดนั้นส่วนใหญ่ซื้อในนามมูลนิธิธรรมกาย และที่แน่นอน ผู้มีอำนาจำหน่ายจ่ายแจกทรัพย์สินของมูลนิธิ มีเพียงธัมมี่   ...เที่ยวนี้ น่าสนุก

เพราะวัด มันอาจอายัติไมได้ ...แต่ทรัพย์สินมูลนิธินี่  สบาย!!

หนีไปก็ดี.....ง่าย  และสะดวก สำหรับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย    
เพราะสาวกอุตส่าห์นั่งเป็นโล่มนุษย์ให้ ..... กลัวเค้าบุกเข้าไปจับหลวงพี่  และ “จับสึก”    ตำรวจก็เครียดไมอยากจับ เพราะกลัวบานปลายกลายเป็น “จีวรเลือด”

แต่หนีไปก็ดีนะ  ....เพราะยังไงก็ “ปาราชิก” อยู่ดี  หนีเที่ยวนี้กลับยากแล้ว... เพราะอายุความจากคดีอื่นที่ตามมา มันก็นับกันต่อเนื่องไป อย่างน้อยก็น่าจะสามสิบสี่ปี!!

ทุกอย่าง....ง่าย  เรียบร้อย    เมื่อชัดว่า  หัวหน้าไม่อยู่ ผึ้งแตกรัง ก็เข้าไปรื้อค้น.ตรวจดูอะไรได้สะดวก  และทุกอย่างก็จะลงตัว

น่าสงสารก็แต่ เหล่ากองพล..กองพัน  อุตส่าห์ทุ่มแม้นชีวิต  สุดท้าย   ............. ...  ชิตังเม ก็ไม่มีจริง!

พ่ายครั้งนี้.... ถือเป็นฤกษ์ดีที่ คนไทยจะได้กลับมาสู่ร่มพุทธธรรม แบบตรงทำนองคลองธรรม แห่งพุทธปัญญากันเสียที !
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่