ตอนนี้งานที่ผมทำมันไม่ใช่งานออฟฟิศที่จะต้องนั่งหน้าคอมตลอดเวลา ต้องมานั่งทำงานตลอดเวลา แต่เป็นงานล่ามในโรงพยาบาลที่ปกติเวลาไม่มีคนไข้เข้ามาให้แปลก็จะนั่งในห้องพัก พอมีแผนกไหนก็ตามเรียกไปแปลก็ไปตามนั้น แปลเสร็จก็จบ ซึ่งปกติเวลาว่าง ๆ ไม่มีงาน พวกผมก็จะนั่งชิล ๆ ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ จะเล่นมือถือ อ่านหนังสืออะไรก็ทำไป
แต่ตอนอยู่ที่ทำงานเดิมมันเป็นพวกงานออฟฟิศนั่นแหละ ก็เป็นตำแหน่งล่ามเหมือนกัน แต่ล่ามก็ต้องมีงานมีอะไรทำด้วย เพราะบริษัทเขาไม่ได้จ้างไปเป็นล่ามอย่างเดียว ทีนี้นายญี่ปุ่นคนที่เขาประจำอยู่ด้วยโดยตรงส่วนมากเขามักจะชอบทำอะไรคนเดียว ก็ไม่ค่อยใช้งานผม นอกจากจะมีพวกแปลเอกสาร หรือบางทีเขาจะเข้าไปในโรงงานเพื่อคุยกับคนงานคนไทย หรือจะต้องเดินทางไปโรงงานอื่นในต่างจังหวัดผมก็ต้องตามไป ซึ่งถ้าไม่มีอะไรพวกนั้นผมจะว่างมาก ๆ เลย เพราะเขาจะไม่ใช้ทำอะไรเลย ขนาดนายญี่ปุ่นคนอื่นขอดึงตัวผมไปช่วยเขาก็ยังให้ง่าย ๆ ไม่มีขัดอะไรเลย
ทีนี้พอเวลาว่างผมก็ทำในสิ่งที่ท้าทายแต่ไม่ควรทำมาก ๆ คือ เล่นเน็ตครับ แต่มันเล่นเพลินมาก ๆ จนเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งผมก็รู้แหละว่ามันไม่ดี และพลาดที่ผมไม่แบบแสดงความกระตือรือร้นด้วยการไปของานเขาทำ แบบไปถามว่า "มีอะไรให้ช่วยมั้ย" มันเป็นข้อแก้ตัวหนึ่งของผม เพราะเอาเข้าจริงคือนายญี่ปุ่นคนที่ผมประจำด้วยโดยตรงนี่เขาเป็นคนที่เคร่งเครียด จริงจัง และขี้โมโหมาก ๆ แถมยังเป็นคนที่พูดสำเนียงฟังยากด้วย ผมก็กลัวว่าถ้าสมมติไปขอเขาทำงาน แล้วเกิดมันทำออกมาได้ไม่ดีล่ะ โดนโวยแน่ และไม่จำเป็นผมไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาเลย
แล้วตอนนั้นก็ไม่รู้ผมคิดอะไรของผมแหละ ผมก็เล่นเน็ตไปโดยไม่ของานทำ คือผมไม่ค่อยมีความสุขที่ทำงานที่นั่นอยู่แล้ว ไม่ชอบงานที่นั่นเลย อยากจะลาออกอยู่ทุกวัน ตื่นเช้าก็ถอนหายใจไม่อยากไปทำงาน ทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยให้ใจหรือให้ความสำคัญกับบริษัทนั้นเท่าไร เวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในบริษัทนั้นมีแค่ตอนพัก ตอนเลิกงาน ตอนเล่นเน็ต และตอนอยู่กับพนักงานคนไทยด้วยกัน
จนตอนหลังผมก็โดนนายญี่ปุ่นอีกคนเตือนเรื่องเล่นเน็ตไป ซึ่งผมยอมรับว่าผมผิดตรงนั้น จะไม่ขอแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าผมเป็นนายญี่ปุ่น เมื่อเห็นลูกน้องทำแบบนั้น ผมจะโยนงาน ป้อนงานให้ทำเลย จะได้ไม่เล่นเน็ตอีก คือถ้าสมมติเป็นช่วงเวลาที่งานยุ่งแล้วยังเล่นเน็ตอีกนี่มีปัญหาแน่ (เวลามีงานผมก็ทำงานนะ พอว่างก็ถึงเล่นเน็ต เพียงแค่เวลาที่ว่างมันเยอะกว่าเวลาที่มีงานเท่านั้น) สุดท้ายตอนนั้นผมต้องแก้ปัญหาด้วยการเอาคู่มือเครื่องจักรที่มันเป็นภาษาญี่ปุ่นนั่นแหละมา "แปลเล่น" เพราะไม่มีอะไรจะทำจริง ๆ เพื่อรอเวลาที่มันจะมีงานจริง ๆ เข้ามาเสียที
ต่อมาผมก็ได้ย้ายไปอยู่กับนายญี่ปุ่นคนใหม่ ห้องทำงานใหม่ พอย้ายมาที่นี่มันว่างหนักกว่าเดิมอีก เพราะตัวนายญี่ปุ่นเองเขาก็ไม่ทำงาน ในเมื่อเจ้านายอย่างเขาไม่ทำงาน ผมที่เป็นลูกน้องก็เลยว่างตามไปด้วย แต่บางครั้งผมก็บอกพี่เสมียนผู้หญิงเหมือนกันว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ แต่พี่เสมียนในห้องนี้เหมือนเขาให้เกียรติล่ามอย่างผมไง จะไม่เหมือนกับพี่ที่ทำงานด้วยกันในห้องเดิม เขาก็บอกว่านี่มันเป็นงานเสมียน ไม่ต้องช่วยหรอก อะไรทำนองนั้น คือเหมือนเขาก็ไม่กล้าที่จะใช้งานผมอะไรแบบนั้น
จริง ๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีจิตสำนึกหรืออะไรนะ ตอนที่ฝึกงานผมก็จะถามพี่ที่ฝึกงานทุกครั้งว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ มีงานอะไรให้ทำมั้ยครับ ซึ่งถ้ามีพี่เขาก็จะใช้ แต่ถ้าไม่มีพี่เขาก็บอกว่ายังไม่มี ก็ทำว่าง ๆ ทำอย่างอื่นไปก่อน
อยากรู้คนอื่นครับว่า ในเวลาที่คุณต้องตกอยู่สภาพเดียวกับผมคือ "ว่าง ไม่มีอะไรทำ" คุณทำยังไง อยากทราบความเห็นหรืออยากรู้วิธีครับ นอกเหนือจากขอหรือถามคนอื่นว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย
เวลานั่งว่าง ๆ ในที่ทำงาน คุณจะทำยังไง
แต่ตอนอยู่ที่ทำงานเดิมมันเป็นพวกงานออฟฟิศนั่นแหละ ก็เป็นตำแหน่งล่ามเหมือนกัน แต่ล่ามก็ต้องมีงานมีอะไรทำด้วย เพราะบริษัทเขาไม่ได้จ้างไปเป็นล่ามอย่างเดียว ทีนี้นายญี่ปุ่นคนที่เขาประจำอยู่ด้วยโดยตรงส่วนมากเขามักจะชอบทำอะไรคนเดียว ก็ไม่ค่อยใช้งานผม นอกจากจะมีพวกแปลเอกสาร หรือบางทีเขาจะเข้าไปในโรงงานเพื่อคุยกับคนงานคนไทย หรือจะต้องเดินทางไปโรงงานอื่นในต่างจังหวัดผมก็ต้องตามไป ซึ่งถ้าไม่มีอะไรพวกนั้นผมจะว่างมาก ๆ เลย เพราะเขาจะไม่ใช้ทำอะไรเลย ขนาดนายญี่ปุ่นคนอื่นขอดึงตัวผมไปช่วยเขาก็ยังให้ง่าย ๆ ไม่มีขัดอะไรเลย
ทีนี้พอเวลาว่างผมก็ทำในสิ่งที่ท้าทายแต่ไม่ควรทำมาก ๆ คือ เล่นเน็ตครับ แต่มันเล่นเพลินมาก ๆ จนเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งผมก็รู้แหละว่ามันไม่ดี และพลาดที่ผมไม่แบบแสดงความกระตือรือร้นด้วยการไปของานเขาทำ แบบไปถามว่า "มีอะไรให้ช่วยมั้ย" มันเป็นข้อแก้ตัวหนึ่งของผม เพราะเอาเข้าจริงคือนายญี่ปุ่นคนที่ผมประจำด้วยโดยตรงนี่เขาเป็นคนที่เคร่งเครียด จริงจัง และขี้โมโหมาก ๆ แถมยังเป็นคนที่พูดสำเนียงฟังยากด้วย ผมก็กลัวว่าถ้าสมมติไปขอเขาทำงาน แล้วเกิดมันทำออกมาได้ไม่ดีล่ะ โดนโวยแน่ และไม่จำเป็นผมไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาเลย
แล้วตอนนั้นก็ไม่รู้ผมคิดอะไรของผมแหละ ผมก็เล่นเน็ตไปโดยไม่ของานทำ คือผมไม่ค่อยมีความสุขที่ทำงานที่นั่นอยู่แล้ว ไม่ชอบงานที่นั่นเลย อยากจะลาออกอยู่ทุกวัน ตื่นเช้าก็ถอนหายใจไม่อยากไปทำงาน ทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยให้ใจหรือให้ความสำคัญกับบริษัทนั้นเท่าไร เวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในบริษัทนั้นมีแค่ตอนพัก ตอนเลิกงาน ตอนเล่นเน็ต และตอนอยู่กับพนักงานคนไทยด้วยกัน
จนตอนหลังผมก็โดนนายญี่ปุ่นอีกคนเตือนเรื่องเล่นเน็ตไป ซึ่งผมยอมรับว่าผมผิดตรงนั้น จะไม่ขอแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าผมเป็นนายญี่ปุ่น เมื่อเห็นลูกน้องทำแบบนั้น ผมจะโยนงาน ป้อนงานให้ทำเลย จะได้ไม่เล่นเน็ตอีก คือถ้าสมมติเป็นช่วงเวลาที่งานยุ่งแล้วยังเล่นเน็ตอีกนี่มีปัญหาแน่ (เวลามีงานผมก็ทำงานนะ พอว่างก็ถึงเล่นเน็ต เพียงแค่เวลาที่ว่างมันเยอะกว่าเวลาที่มีงานเท่านั้น) สุดท้ายตอนนั้นผมต้องแก้ปัญหาด้วยการเอาคู่มือเครื่องจักรที่มันเป็นภาษาญี่ปุ่นนั่นแหละมา "แปลเล่น" เพราะไม่มีอะไรจะทำจริง ๆ เพื่อรอเวลาที่มันจะมีงานจริง ๆ เข้ามาเสียที
ต่อมาผมก็ได้ย้ายไปอยู่กับนายญี่ปุ่นคนใหม่ ห้องทำงานใหม่ พอย้ายมาที่นี่มันว่างหนักกว่าเดิมอีก เพราะตัวนายญี่ปุ่นเองเขาก็ไม่ทำงาน ในเมื่อเจ้านายอย่างเขาไม่ทำงาน ผมที่เป็นลูกน้องก็เลยว่างตามไปด้วย แต่บางครั้งผมก็บอกพี่เสมียนผู้หญิงเหมือนกันว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ แต่พี่เสมียนในห้องนี้เหมือนเขาให้เกียรติล่ามอย่างผมไง จะไม่เหมือนกับพี่ที่ทำงานด้วยกันในห้องเดิม เขาก็บอกว่านี่มันเป็นงานเสมียน ไม่ต้องช่วยหรอก อะไรทำนองนั้น คือเหมือนเขาก็ไม่กล้าที่จะใช้งานผมอะไรแบบนั้น
จริง ๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีจิตสำนึกหรืออะไรนะ ตอนที่ฝึกงานผมก็จะถามพี่ที่ฝึกงานทุกครั้งว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ มีงานอะไรให้ทำมั้ยครับ ซึ่งถ้ามีพี่เขาก็จะใช้ แต่ถ้าไม่มีพี่เขาก็บอกว่ายังไม่มี ก็ทำว่าง ๆ ทำอย่างอื่นไปก่อน
อยากรู้คนอื่นครับว่า ในเวลาที่คุณต้องตกอยู่สภาพเดียวกับผมคือ "ว่าง ไม่มีอะไรทำ" คุณทำยังไง อยากทราบความเห็นหรืออยากรู้วิธีครับ นอกเหนือจากขอหรือถามคนอื่นว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย