สวัสดีค่ะ ตอนนี้ใช้รถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz E300 Bluetec Hybrid อยู่ อายุการใช้งานรถ 3ปีครึ่งค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้เอารถไปเช็คครบรอบ 40,000 กิโลเมตร ตอนช่วงเช้ามาค่ะ
พอช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่า ยางเริ่มเสื่อมสภาพ แนะนำให้เปลี่ยน
บอกว่ายางรถเรามีรอยถลอกเหมือนไปตกหลุมมา (ยางยี่ห้อ Bridgestone)
เลยถามเจ้าหน้าที่ว่าเป็นหนักมากไหม เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ายังพอใช้ได้ แต่ให้ขับระวังๆหน่อยค่ะ
เลยตัดสินใจยังไม่เปลี่ยนยางค่ะ
พอตอนเย็นไปรับรถ เจ้าหน้าที่เอารูปล้อรถให้ดูบอกว่า มันถลอกจนกินเข้าไปในเนื้อยางแล้ว และยางเสื่อมสภาพ
เราก็ตกใจว่า โอ้โห มันเป็นเยอะขนาดนี้เลยหรอ
เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รีบเอาไปเปลี่ยนยาง เพราะถ้าขับไปเกิดเจอตะปูล้อมีสิทธิระเบิดได้ อันตรายมาก
ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนที่ศูนย์เลย เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าเปลี่ยนข้างนอกราคาถูกกว่าค่อนข้างเยอะ เลยจะเอามาเปลี่ยนข้างนอกค่ะ
ตอนนั้นเลยโทรถามญาติที่พอรู้เรื่องรถ เขาก็บอกว่าเป็นไปได้ยังไง รถใช้แค่ 3ปีครึ่ง แถมวิ่งแค่ 40,000 กิโล
คันนี้ที่บ้านใช้ค่อนข้างน้อยค่ะ วิ่งแต่ในกรุงเทพ ไปห้างแถวๆบ้าน แทบไม่เคยเอาไปวิ่งทางไกลเลยค่ะ
ญาติบอกว่ายางรถยนต์ปกติมีอายุประมาณ 5-6ปี ไม่ควรเสื่อมสภาพเร็วขนาดนี้
แล้วแถมถ้าล้อนั้นโดนถลอกจริงๆ ก็ควรจะเสื่อมสภาพแค่ล้อเดียวไม่ใช่เสื่อมสภาพทั้ง4ล้อ
อาจเป็นที่ศูนย์ถ่วงล้อไม่ดี ทำให้ขับไปนานเข้าๆมันกินเนื้อยางเองหรือเปล่าคะ
อันนี้คือคำแนะนำจากช่าง หลังจากเอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเสร็จค่ะ
ปล. ตอนไปรับรถหลังจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเสร็จ ยังไม่ทันได้ขับเพิ่งสตาร์ทรถ
ก็มีสัญญาณแจ้งเตือนว่า "Active Lane Keeping Assist" ทั้งๆที่รถยังจอดสนิทอยู่นิ่งๆนะคะ
ตอนนั้นไปตามช่าง เขาก็เอาไปแก้ให้ บอกเป็น function ของทางยุโรป ก็ไม่ได้คิดอะไร
กลับมาที่บ้านลองหาข้อมูล เขาบอกว่าเป็นระบบรักษาความปลอดภัยของ Mercedes
เพื่อรักษาสถานะรถให้อยู่ในเลน จะทำงานเมื่อตรวจจับว่ารถกำลังดฉออกจากเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่มันดันมาขึ้นตอนรถจอดสนิทนี่หน่ะสิคะ
เลยอยากถามด้วยค่ะว่า มันเกี่ยวกับพวกศูนย์ถ่วง มีผลต่อล้อ ส่งผลให้ล้อเสื่อสภาพเร็วขึ้นบ้างไหมคะ หรือมันไม่เกี่ยวกัน
เจ้าของรถเป็นผู้หญิง ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถยนต์ เลยรบกวนถามผู้รู้เรื่องรถยนต์ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
**ขอบคุณมากๆค่ะ
**
สภาพยางแบบนี้ ใช้รถค่อนข้างน้อย40,000กิโล อายุยาง+รถ3ปีครึ่ง เกิดอะไรขึ้น?? รบกวนสอบถามผู้รู้ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้เอารถไปเช็คครบรอบ 40,000 กิโลเมตร ตอนช่วงเช้ามาค่ะ
พอช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่า ยางเริ่มเสื่อมสภาพ แนะนำให้เปลี่ยน
บอกว่ายางรถเรามีรอยถลอกเหมือนไปตกหลุมมา (ยางยี่ห้อ Bridgestone)
เลยถามเจ้าหน้าที่ว่าเป็นหนักมากไหม เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ายังพอใช้ได้ แต่ให้ขับระวังๆหน่อยค่ะ
เลยตัดสินใจยังไม่เปลี่ยนยางค่ะ
พอตอนเย็นไปรับรถ เจ้าหน้าที่เอารูปล้อรถให้ดูบอกว่า มันถลอกจนกินเข้าไปในเนื้อยางแล้ว และยางเสื่อมสภาพ
เราก็ตกใจว่า โอ้โห มันเป็นเยอะขนาดนี้เลยหรอ
เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รีบเอาไปเปลี่ยนยาง เพราะถ้าขับไปเกิดเจอตะปูล้อมีสิทธิระเบิดได้ อันตรายมาก
ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนที่ศูนย์เลย เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าเปลี่ยนข้างนอกราคาถูกกว่าค่อนข้างเยอะ เลยจะเอามาเปลี่ยนข้างนอกค่ะ
ตอนนั้นเลยโทรถามญาติที่พอรู้เรื่องรถ เขาก็บอกว่าเป็นไปได้ยังไง รถใช้แค่ 3ปีครึ่ง แถมวิ่งแค่ 40,000 กิโล
คันนี้ที่บ้านใช้ค่อนข้างน้อยค่ะ วิ่งแต่ในกรุงเทพ ไปห้างแถวๆบ้าน แทบไม่เคยเอาไปวิ่งทางไกลเลยค่ะ
ญาติบอกว่ายางรถยนต์ปกติมีอายุประมาณ 5-6ปี ไม่ควรเสื่อมสภาพเร็วขนาดนี้
แล้วแถมถ้าล้อนั้นโดนถลอกจริงๆ ก็ควรจะเสื่อมสภาพแค่ล้อเดียวไม่ใช่เสื่อมสภาพทั้ง4ล้อ
อาจเป็นที่ศูนย์ถ่วงล้อไม่ดี ทำให้ขับไปนานเข้าๆมันกินเนื้อยางเองหรือเปล่าคะ
อันนี้คือคำแนะนำจากช่าง หลังจากเอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเสร็จค่ะ
ปล. ตอนไปรับรถหลังจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเสร็จ ยังไม่ทันได้ขับเพิ่งสตาร์ทรถ
ก็มีสัญญาณแจ้งเตือนว่า "Active Lane Keeping Assist" ทั้งๆที่รถยังจอดสนิทอยู่นิ่งๆนะคะ
ตอนนั้นไปตามช่าง เขาก็เอาไปแก้ให้ บอกเป็น function ของทางยุโรป ก็ไม่ได้คิดอะไร
กลับมาที่บ้านลองหาข้อมูล เขาบอกว่าเป็นระบบรักษาความปลอดภัยของ Mercedes
เพื่อรักษาสถานะรถให้อยู่ในเลน จะทำงานเมื่อตรวจจับว่ารถกำลังดฉออกจากเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่มันดันมาขึ้นตอนรถจอดสนิทนี่หน่ะสิคะ
เลยอยากถามด้วยค่ะว่า มันเกี่ยวกับพวกศูนย์ถ่วง มีผลต่อล้อ ส่งผลให้ล้อเสื่อสภาพเร็วขึ้นบ้างไหมคะ หรือมันไม่เกี่ยวกัน
เจ้าของรถเป็นผู้หญิง ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถยนต์ เลยรบกวนถามผู้รู้เรื่องรถยนต์ ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
**ขอบคุณมากๆค่ะ**