อยากให้ดูกันซีรีส์คุณภาพดี BLACK MIRROR : NOSEDIVE ถ้าเกิดชีวิตคนเราขึ้นอยู่กับคะแนนค่าความนิยมจะเป็นอย่างไร ?

BLACK MIRROR : NOSEDIVE ถ้าเกิดชีวิตคนเราขึ้นอยู่กับคะแนนค่าความนิยมจะเป็นอย่างไร ?


Netflix : Black Mirror คือซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราว ด้วย คำว่า  ” ถ้า ” และ “จะเป็นอย่างไร” เมื่อเทคโนโลยีล้ำหน้ามากๆ เป็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดอีกมุมมองหนึ่งของเทคโนโลยี ด้วยคำว่า ถ้าเกิดว่า เกิดสิ่งนี้ขึ้นมา จะเป็นอย่างไร โดยซีรีส์แต่ล่ะตอนจะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยดำเนินเรื่องราวในโลกอนาคตที่เทคโนโลยีบางชนิดล้ำหน้า ก้าวหน้าสุดๆ แล้วมนุษย์จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีที่ทำให้ คุณสามารถติดต่อกับคนรักที่เสียชีวิตไปได้ , เทคโนโลยีเกมที่ล้ำหน้า สมจริง  จะเป็นอย่างไร , เทคโนโลยี หุ่นยนต์ผึ้งที่สร้างมาทดแทนการสูญพันธุ์ของผึ้ง และ เทคโนยีที่ว่าด้วย ถ้าพวกเราถูกจัดอันดับโดยการให้เรตติ้ง พวกเราถูกรีวิว มีคะแนนกำกับ จะเป็นอย่างไร ซึ่งนี้คือสิ่งที่จะพูดถึงในบทความนี้ครับ
[ ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ไม่มีสปอย ไม่ต้องห่วง ]

Black Mirror  : Nosedive คือเรื่องราวในโลกอนาคตที่ผู้คนสามารถให้คะแนน รีวิว คนอื่นๆได้ โดยทุกๆคนจะมีดวงตาที่สามารถมองคะแนนคนอื่นได้ เหมือนคุณใส่แว่น Google ที่ทำให้สามารถมองเห็นคะแนนของคนอื่นๆได้ว่าพวกเขามีคะแนนเท่าไร ถ้าคะแนนสูง ก็คือเป็นคนที่มีความนิยมสูง เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ และถ้าคะแนนต่ำก็จะถูกมองว่าเป็นโจร เป็นคนที่อันตราย เป็นการแบ่งชนชั้นของมนุษย์ด้วยคะแนนค่าความนิยมที่ถูกวัดด้วย  การใช้ Social Media และถ้าคุณมีคะแนนค่านิยมสูง คุณก็จะได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลด บริการพิเศษ ต่างๆมากมาย แต่กลับกันถ้าคุณมีคะแนนค่านิยมต่ำ ก็จะไม่มีคนอยากยุ่งด้วยกับคุณ  คุณจะไม่ได้อะไรเลยเป็นการเสียดสีสังคมการแบ่งชนชั้นด้วย ความนิยมที่  ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก โดยภายในตอน Nosedive ที่มีความยาวเกือบ ชั่วโมงหนึ่ง ยาวเกือบเท่าภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเลย มีประเด็นต่างๆดังนี้


เกมแห่งตัวเลข เกมแห่งคะแนนความนิยม
    ในโลกนี้ ถ้าคุณมีคะแนนค่านิยม หรือตัวเลขมาก คุณก็จะได้รับการปฏิบัติที่พิเศษขึ้น ได้รับส่วนลด บริการพิเศษ สิทธิพิเศษต่างๆมากมาย ทุกๆคนเลยต้องเล่นเกมที่เรียกว่า เกมแห่งตัวเลข คือการทำทุกๆอย่างเพื่อให้คะแนนค่านิยมของตนเองสูงขึ้น ทุกๆคนเล่นเกม  เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ต้องเสแสร้งต่อกันอยู่ตลอดเวลา ไม่คุณจะทำอะไร คุณต้องแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่า คุณเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ คนดี เป็นคนที่มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการโพสรูปภาพที่มีความสุข ชีวิตดีๆ ถ่ายรูปกาแฟกับคุ้กกี้ตอนเช้าแล้ว อัพโหลดพร้อมแคปชั่นว่า กาแฟและคุ้กกี้นี้อร่อยมากๆ ถึงแม้ว่ามันจะรสชาติห่วยแตกก็ตาม , ตีสนิทกับคนที่มีคะแนนค่านิยมสูงกว่าโดยหวังผลประโยชน์ว่าเขาจะให้คะแนนกับเรา  , พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คนอื่นชอบตัวเอง รอยยิ้มปลอมๆ คำชมปลอบๆ และอื่นๆอีกมากมายเพียงแค่เพราะต้องการคะแนน ค่านิยมมาให้ตัวเองเท่านั้น ในโลกที่คุณถูกตัดสินด้วยคะแนนรีวิว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นำไปสู่คำถามที่ว่า คุณค่าของคนๆหนึ่งนั้นถูกวัดด้วยอะไร ความนิยม ผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย หรือตัวตน สิ่งต่างๆที่คนๆนั้นทำ

คุณมีความสุขจริงๆ หรือแค่ต้องแสร้งทำในโลกออนไลน์
     ในโลกอนาคตแห่งนี้ ทุกๆคนต้องแข่งขันกันแสดงออกว่า คุณมีความสุข มีชีวิตที่ดีแต่จริงๆแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆหรอ ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คนอื่นพอใจ เพื่อให้คนอื่นชอบตนเอง นั้นคือชีวิตที่มีความสุขจริงๆหรอ  ทำไมเราต้องใช้ชีวิตเพื่อให้คนอื่นมาชอบ ทำไมเราถึงไม่สามารถเป็นตัวของตนเองแล้วมีความสุขได้  ชีวิตที่ต้องทำให้คนอื่นชอบตัวเอง นี้มันคืออิสระจริงๆใช่หรือเปล่า สังเกตุในตอนนี้ ในโลกออนไลน์  ใครๆก็ต่างสร้างภาพว่าพวกเขามีความสุข รูปที่ยิ้มสวยตลอดเวลา  อาหารหรูๆ การเดินทางท่องเที่ยวไปโน้นนี่นั้น ทุกๆคนอวดชีวิตดีๆของตนเอง เพราะต้องการให้คนอื่นชอบ ให้คนอื่นถูกใจ แต่ถ้าลองมองในอีกมุมหนึ่ง การที่พยายามทำให้คนอื่นชอบตลอดเวลา ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ข้างในคงรู้สึกอยากฆ่าตัวตายอยู่ลึกๆ นี้คือประเด็นที่สำคัญและถูกนำเสนอในตอนนี้

คุณจะเลือกอะไรระหว่าง ชีวิตที่อิสระเสรี กับ ชีวิตเสแสร้งจอมปลอม
       ถ้าเกิดว่าคุณต้องเลือกระหว่าง อิสระภาพ กับ ชีวิตเสแสร้งจอมปลอม คุณจะเลือกสิ่งไหน คุณจะเลือกตัวเองหรือคนอื่น นี้เป็นคำถามที่ซักครั้งหนึ่งคุณต้องเคยถามตัวเอง หรือบางครั้งเราอาจจะเคยบ่นว่า ช่างมันเถอะ ช่างคนนั้น ช่างคนนี้ ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ ฉันจะพูดอะไรก็เรื่องของฉัน ฉันไม่แคร์ หรือ คุณเป็นคนที่ เป็นห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง พูดประจบ สร้างรอยยิ้มปลอมๆ ใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่นตลอดเวลา สิ่งนี้ที่จะทำให้คุณมีความสุขกว่ากัน

อย่างบทสนทนาบางส่วน ของ  เลซี่ ตัวละครหลัก กับคนขับรถบรรทุกข์ เป็นฉากที่ควรชมเป็นอย่างยิ่ง
เลซี่ รับบทโดย นักแสดงคุณภาพอย่าง Bryce Dallas Howard  


เลซี่ : ” ฉันไม่สามารถจะถอดรองเท้า [ เปรียบเหมือนหน้ากาก ] แล้วเดินเท้าเปล่าบนโลกนี้ได้หรอก.”

คนขับรถบรรทุกข์ : ” เธอไม่รู้หรอก ถ้ายังไม่ลองทำดู.”

เลซี่ : ” คุณมีสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่มีค่าในชีวิต แต่ตอนนี้คุณเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว ฉันเสียใจจริงๆ ตอนนี้คุณเลยไม่มีอะไรจะเสียแล้ว. แต่ฉันยังไม่มี สิ่งนั้นเลย สิ่งพวกนี้ สิ่งที่มีคุณค่าแบบนั้น ฉันยังพยายามต่อสู้เพื่อ สิ่งนั้นอยู่ “

คนขับรถบรรทุกข์ : ” แล้ว ไอ้สิ่งนั้นของเธอ มันคืออะไรกันล่ะ? “

เลซี่ : ” ฉันไม่รู้ สิ่งนั้น คืออะไร อาจจะเป็น สิ่งที่คุณค่ามากๆจนพอใจแล้ว สามารถมองไปรอบๆแล้วคิดว่า  ฉันว่า ฉันก็โอเค. แค่สามารถที่จะหายใจออกแล้วไม่รู้สึกว่า ทุกๆอย่างมันแย่ไปหมด”


สรุปแล้ว ซีรีส์ Black Mirror เป็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเสียดสีสังคม กับเทคโนโลยีได้ออกมาได้ดีมากเป็นการดูซีรีส์จบ แต่อารมณ์ไม่จบ ยังอินกับเหตุการณ์ ทำให้เราได้คิดคำนึงกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตอน Nosedive นี้ทำให้นึกถึงยุคตอนนี้ของเรา ที่ทุกๆคนเอาแต่อัพภาพ สร้างภาพมีความสุข เพราะต้องการคะแนนความนิยม ยอมทำทุกๆอย่างเพื่อความนิยม เช่น เน็ตไอดอลต่างๆที่อัดคลิปเต้นของตนเองเพื่อยอดไลค์ , อัดคลิปเสี่ยงตายหวาดเสียว ลองของ , การอัพสเตตัสพูดแต่สิ่งสวยหรู ทำทุกอย่างเพื่อความนิยม  โดยที่บางครั้งเราก็ลืมสนใจไปว่า เราทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไรกัน ทำเพื่อความสุขของตนเองหรือคนอื่น. อยากให้รับชมซีรีส์เรื่องนี้กันมากๆ ข้อคิดดีจริงๆ แถมยังตีความไปได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย

ท้ายที่สุด ขออนุญาติฝาก เว็บไซต์กับเพจทิ้งไว้ได้มั้ยครับพึ่งเริ่มต้นทำไม่รู้จะหาคนอ่านจากที่ไหน  ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ และก็ขอให้เป็นวันที่ดีครับ.
https://www.facebook.com/Engelsonthemoon/
https://allofimpulsion.wordpress.com/2017/01/03/black-mirror-nosedive-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B6/
- Angelsonthemoon
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่