ถ้าผิดพลาดยังไงต้องขออภัยไว้ก่อนนะค่ะ
สามีเป็นคนอารมณ์ร้อนมากค่ะ ปากร้าย ขี้โวยวาย ดูถูกเหยียดหยามครอบครัวดิฉัน
เป็นเวลา 2 ปี ที่ดิฉันทนร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา เขาอายุมากกว่าดิฉันประมาณ 10 ปี ดิฉันเป็นคนต่างจังหวัด ส่วนเขาเป็นคนกรุงเทพ แรกๆเขาดูแล้วเป็นคนดีมาก ดูแลเทคแคร์ดี เรื่องผู้หญิงไม่มี แต่ชอบดื่มเบียร์ และสูบบุหรี่ ดิฉันตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไม่ว่าอาชีพการงาน และอนาคตเพื่อที่จะมาสร้างครอบครัวกับเขา เราสร้างบริษัทร่วมกัน ครึ่งปีแรกทุกอย่างเฟอร์แฟค ทะเลอะกันบ้างแต่ก็ไม่รุนแรง เราพยายามสร้างบริษัทให้มันมั่นคง พยายามช่วยปลดหนี้ของเขาให้หมด แต่พอทุกอย่างมันเข้าที่ ช่วงหลังพอหนี้สินเขาหมด นิสัยเขาเริ่มเปลี่ยน จากเป็นคนที่ให้เกียรติเราเริ่มใช้คำหยาบคาย (E ha ,Animal,E kare) สารพัดคำหยาบ โดยที่ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ด่าโดยไม่มีเหตุผล อยากด่าอยากโวยวายตอนไหนก็ทำไม่เลือกสถานที่ แรกๆดิฉันรับคำพวกนี้ไม่ได้ แต่ต้องทนเพราะบริษัท เพราะรักด้วย และอาการเขาก็หนักขึ้นในช่วงปีที่ 2 หาเรื่องทะเลอะ ประชด ขี้โวยวาย เรื่องเล็กๆก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หยาบคาย ด่าพ่อแม่เรา ทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดแทบทุกวัน ชอบด่าโวยวายหยาบคายว่าเราต่อหน้าลูกน้อง ชอบหาเรื่องว่าฉันกับลูกน้องเป็นชู้กัน หาว่าฉันเป็นผู้หญิงขายตัว ว่าดิฉันทำให้ชีวิตเขาล่มจม ว่าดิฉันกับครอบครัวมาเกาะกินกับเขา ทั้งๆที่ทุกอย่างที่เขาพูดมามันไม่มีความจิงเลย ดิฉันไม่เคยคิดร้ายหรือกระทำกับเขาแบบนั้นเลย ดิฉันรักเขามากดิฉันพยายามทน ไม่โต้ตอบ พยายามเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มุ่งแต่ทำงานอย่างเดียว และทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด จนมาวันหนึ่ง ลูกน้องทุกคนก็ทนรับอารมเขาไม่ไหวพากันลาออกกันหมด สุดท้ายมีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องนั่งทำงาน เพราะรับมากี่คนๆเขาก็พาลหาเรื่องว่าเขาใส่ร้ายลูกน้องจนไม่มีใครอยู่ได้
หลังจากที่ไม่มีลูกน้อง ดิฉันต้องทำงานคนเดียว ทั้งหาลูกค้า รับออร์เดอร์ ทำบัญชี งานหนักไม่เคยบ่นทำทุกอย่างทุกขั้นตอน รวมทั้งงานบ้าน เหนื่อยมาก กว่าจะได้นอนก็ตีหนึ่งตีสองทุกวัน สำหรับเขาสั่งอย่างเดียว ทำเหมือนเราไม่ใช่เมีย พออะไรพิดพลาดแทนที่จะช่วยแก้ไขกลับด่าซ้ำเติม อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายลั่นบ้านให้คนข้างบ้านมองเราเป็นผู้หญิงไม่ดี ดิฉันไม่สามารถป่วยได้ ปวดหัว ตัวร้อน ปวดท้องมากแค่ไหนก็พักไม่ได้ นั่งพักนอนพักก็หาว่าEขี้เกียจ Eสำออย เวลาไปทานข้าวข้างนอกก็ชอบเมาแล้วโวยวายใส่ฉัน เวลาทะเลอะกันเขาก็ชอบไล่ให้ฉันออกไปจากชีวิตเขาไล่ให้ฉันไปนอนที่อื่น ฉันพยายามทนค่ะ ทนเพราะบริษัท แต่ความรู้สึกเริ่มหมด เสียใจมาก คิดว่าทำไมชีวิตต้องมาเจอแบบนี้ เหนื่อยกับงานทนได้แต่เหนื่อยกับคนนี้สิใจมันรับไม่ไหว
ส่วนเรื่องเงิน เขาเป็นคนเก็บ ทำงานได้เงินมาเขาไม่ยอมให้ดิฉันเข้าบัญชีบริษัทเลย เพราะเขาระแวงว่าฉันจะโอนไปให้พ่อแม่ แบบนั้นฉันไม่เคยทำนะค่ะ ทุกครั้งจะโอนเงินทุกอย่างดิฉันมีหลักฐานหมดทุกอย่าง พอดิฉันถูกต่อว่า ฉันเอาหลักฐานทุกอย่างมาให้เขาดูแต่เขาก็ไม่ยอมดู ฉันไม่เคยได้เก็บเงินเลยแม้แต่เงินติดตัวยังไม่มี เมื่อก่อนทำงานเองยังสามารถให้พ่อแม่ได้ ยังมีเงินเก็บ ตั้งแต่อยู่กับเขาบัตรทุกบัตรเขายึดหมด ส่วนเขาอยากได้อะไรได้ อยากกินของแพงๆได้กิน ทิปเด็กเสริฟนี้ให้ได้ ใครขอเงินให้หมด แต่สำหรับดิฉันขอเงินแค่ 100 บาทติดตัว ยังไม่ได้แถมโดนด่า เสื้อผ้าเขาต้องใส่ของมียี่ห้อ ต้องซื้อในห้าง แต่สำหรับฉันไม่เคยได้อะไรเลยเสื้อผ้าเก่าแล้วเก่าอีก ขาดแล้วก็ซ่อมใส่ใหม่ ไม่มีเพื่อน ไม่เคยเดินในห้างเหมือนคนอื่นๆ เครื่องสำอางไม่ให้ซื้อก็ไม่เป็นไร ทานข้าวก็ต้องทานสิ่งที่เขาชอบแม้จะเบื่อมากแค่ไหน ดูทีวีก็ต้องดูแต่สิ่งที่เขาชอบดู ดูละครไทยไม่ได้จะโดนด่าทุกครั้ง ขอกลับบ้านต่างจังหวัดก็ไม่เคยได้กลับ คุยโทรศัพท์กับแม่ก็โดนด่าทั้งแม่และเรา ดิฉันก็ไม่เคยใส่ใจจะใส่จะอยู่ยังไงก็ได้ตลอดเวลา 2 ปีดิฉันพยายามประคับประคองบริษัทให้มันรอด พยายามประหยัด อดออม เพื่อให้มีเงินเก็บ พยายามยอมทุกอย่างเพราะไม่อยากทะเลอะ เขาจะด่าว่าโวยวายดูถูกยังไงฉันก็พยายามปิดหูปิดตาพยายามมองคำพูดเขาเป็นเหมือนลม ไม่เคยโต้ตอบ ดิฉันมีแต่เงียบ เงียบ และเดินหนี
แต่ตอนนี้ดิฉันหมดความอดทน ดิฉันหนีออกมาโดยไม่สนว่ามันจะเป็นยังไง คิดอย่างเดียวทำไมต้องยอมมากขนาดนี้ ยอมเพื่ออะไร 2 ปี ไม่ได้อะไรจากเขาเลย ความเอาใจใส่ ความรักจากเขาไม่มีเลย ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนทาส ดิฉันปิดการติดต่อทุกช่องทาง เป็นเวลา 1 เดือน ตอนนี้เขากลับมาง้อมาขอโทษมาขอโอกาส (ผมผิดไปแล้วตลอด 2ปีผมไม่เคยทำดีกับคุณเลย ผมไม่ได้ดูแลคุณเลย ผมคนเลว ผมปากไม่ดี ไม่เคยทำดีกับคนที่รักผมเลยให้โอกาสผมแก้ตัวครั้งสุดท้ายได้ไหม)สำหรับเขา ดิฉันให้โอกาสเขามาตลอดไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในใจฉันมีแต่คำว่าให้อภัยตลอด กลับไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ความรักก็รักเหมือนเดิมค่ะ แต่ความเฉยชาเพิ่มเติม ความผูกพันมันก็มีบ้างแต่มันเริ่มจางหาย ถามว่าเจ็บไหม เสียใจไหม มันเป็นสิ่งที่ทรมานสุดๆค่ะ อารมประมาณว่าทั้งรักทั้งเกลียด ใจแข็งเดินหน้า ยอมให้เขาว่าเป็นคนใจดำอำมหิตทำกับสามีได้ ทิ้งเขาต้องอยู่คนเดียว ตอนนี้ฉันยอมทิ้งทุกอย่างทั้งบริษัทฉันก็ไม่เอา ดิฉันยอมเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่อีกครั้ง กำลังหางานทำค่ะ พยายามหาเงินทุกอย่าง คิดว่าสักวันคงเป็นวันของดิฉันบ้าง
แปลกนะค่ะทำไม คนที่ทุมเททุกอย่าง มันไม่เคยได้สิ่งดีๆกับคืนเลย แถมยังมีหนี้ที่เขาสร้างต้องมานั่งรับผิดชอบอีก แต่ดิฉันไม่เสียดายเวลานะค่ะ 2 ปี เพราะดิฉันพยายามได้ทำทุกอย่าง อย่างเต็มที่ที่สุด ไม่ว่าจะด้านหน้าที่ของภรรยาที่ดี ไม่ว่าจะด้านบริษัท คิดว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิต ทุกๆอย่างคงเป็นกรรมเก่าที่ดิฉันอาจเคยทำไว้กับเขา ตอนนี้เลยบอกกับเขาว่าให้ทำใจ ยอมรับทุกๆอย่าง เราสองคนหยุดสร้างกรรมต่อกันได้แล้ว อโหสิกรรมทุกๆอย่างต่อกัน ชาติหน้าจะได้เป็นมิตรที่ดีต่อกัน
ตอนนี้กลัวค่ะ เพราะเขาพยายามตามง้อ ตามคืนดี พยายามให้เรากลับไปเหมือนเดิม ตามขู่ทำร้ายครอบครัวเรา คำว่าโอกาสคงไม่เหมาะกับคนแบบนี้
ออกมาแล้วคิดว่าทำไมระยะเวลา 2 ปี
ต้องยอมทนอยู่เพราะรัก หรือ เราโง่ กันแน่!!!!!!
"ทุกคนต่างก็มีจุดที่รู้ว่าตัวเอง ต้องพอกันทั้งนั้น สุดท้ายต่อให้รักมากแค่ไหน รู้สึกกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่ถ้ามันต้องพอ ทุกอย่างมันจะหยุดทันที"
สามีปากร้าย ขี้โวยวาย เห็นแก่ตัว
สามีเป็นคนอารมณ์ร้อนมากค่ะ ปากร้าย ขี้โวยวาย ดูถูกเหยียดหยามครอบครัวดิฉัน
เป็นเวลา 2 ปี ที่ดิฉันทนร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา เขาอายุมากกว่าดิฉันประมาณ 10 ปี ดิฉันเป็นคนต่างจังหวัด ส่วนเขาเป็นคนกรุงเทพ แรกๆเขาดูแล้วเป็นคนดีมาก ดูแลเทคแคร์ดี เรื่องผู้หญิงไม่มี แต่ชอบดื่มเบียร์ และสูบบุหรี่ ดิฉันตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไม่ว่าอาชีพการงาน และอนาคตเพื่อที่จะมาสร้างครอบครัวกับเขา เราสร้างบริษัทร่วมกัน ครึ่งปีแรกทุกอย่างเฟอร์แฟค ทะเลอะกันบ้างแต่ก็ไม่รุนแรง เราพยายามสร้างบริษัทให้มันมั่นคง พยายามช่วยปลดหนี้ของเขาให้หมด แต่พอทุกอย่างมันเข้าที่ ช่วงหลังพอหนี้สินเขาหมด นิสัยเขาเริ่มเปลี่ยน จากเป็นคนที่ให้เกียรติเราเริ่มใช้คำหยาบคาย (E ha ,Animal,E kare) สารพัดคำหยาบ โดยที่ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ด่าโดยไม่มีเหตุผล อยากด่าอยากโวยวายตอนไหนก็ทำไม่เลือกสถานที่ แรกๆดิฉันรับคำพวกนี้ไม่ได้ แต่ต้องทนเพราะบริษัท เพราะรักด้วย และอาการเขาก็หนักขึ้นในช่วงปีที่ 2 หาเรื่องทะเลอะ ประชด ขี้โวยวาย เรื่องเล็กๆก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หยาบคาย ด่าพ่อแม่เรา ทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดแทบทุกวัน ชอบด่าโวยวายหยาบคายว่าเราต่อหน้าลูกน้อง ชอบหาเรื่องว่าฉันกับลูกน้องเป็นชู้กัน หาว่าฉันเป็นผู้หญิงขายตัว ว่าดิฉันทำให้ชีวิตเขาล่มจม ว่าดิฉันกับครอบครัวมาเกาะกินกับเขา ทั้งๆที่ทุกอย่างที่เขาพูดมามันไม่มีความจิงเลย ดิฉันไม่เคยคิดร้ายหรือกระทำกับเขาแบบนั้นเลย ดิฉันรักเขามากดิฉันพยายามทน ไม่โต้ตอบ พยายามเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มุ่งแต่ทำงานอย่างเดียว และทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด จนมาวันหนึ่ง ลูกน้องทุกคนก็ทนรับอารมเขาไม่ไหวพากันลาออกกันหมด สุดท้ายมีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องนั่งทำงาน เพราะรับมากี่คนๆเขาก็พาลหาเรื่องว่าเขาใส่ร้ายลูกน้องจนไม่มีใครอยู่ได้
หลังจากที่ไม่มีลูกน้อง ดิฉันต้องทำงานคนเดียว ทั้งหาลูกค้า รับออร์เดอร์ ทำบัญชี งานหนักไม่เคยบ่นทำทุกอย่างทุกขั้นตอน รวมทั้งงานบ้าน เหนื่อยมาก กว่าจะได้นอนก็ตีหนึ่งตีสองทุกวัน สำหรับเขาสั่งอย่างเดียว ทำเหมือนเราไม่ใช่เมีย พออะไรพิดพลาดแทนที่จะช่วยแก้ไขกลับด่าซ้ำเติม อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายลั่นบ้านให้คนข้างบ้านมองเราเป็นผู้หญิงไม่ดี ดิฉันไม่สามารถป่วยได้ ปวดหัว ตัวร้อน ปวดท้องมากแค่ไหนก็พักไม่ได้ นั่งพักนอนพักก็หาว่าEขี้เกียจ Eสำออย เวลาไปทานข้าวข้างนอกก็ชอบเมาแล้วโวยวายใส่ฉัน เวลาทะเลอะกันเขาก็ชอบไล่ให้ฉันออกไปจากชีวิตเขาไล่ให้ฉันไปนอนที่อื่น ฉันพยายามทนค่ะ ทนเพราะบริษัท แต่ความรู้สึกเริ่มหมด เสียใจมาก คิดว่าทำไมชีวิตต้องมาเจอแบบนี้ เหนื่อยกับงานทนได้แต่เหนื่อยกับคนนี้สิใจมันรับไม่ไหว
ส่วนเรื่องเงิน เขาเป็นคนเก็บ ทำงานได้เงินมาเขาไม่ยอมให้ดิฉันเข้าบัญชีบริษัทเลย เพราะเขาระแวงว่าฉันจะโอนไปให้พ่อแม่ แบบนั้นฉันไม่เคยทำนะค่ะ ทุกครั้งจะโอนเงินทุกอย่างดิฉันมีหลักฐานหมดทุกอย่าง พอดิฉันถูกต่อว่า ฉันเอาหลักฐานทุกอย่างมาให้เขาดูแต่เขาก็ไม่ยอมดู ฉันไม่เคยได้เก็บเงินเลยแม้แต่เงินติดตัวยังไม่มี เมื่อก่อนทำงานเองยังสามารถให้พ่อแม่ได้ ยังมีเงินเก็บ ตั้งแต่อยู่กับเขาบัตรทุกบัตรเขายึดหมด ส่วนเขาอยากได้อะไรได้ อยากกินของแพงๆได้กิน ทิปเด็กเสริฟนี้ให้ได้ ใครขอเงินให้หมด แต่สำหรับดิฉันขอเงินแค่ 100 บาทติดตัว ยังไม่ได้แถมโดนด่า เสื้อผ้าเขาต้องใส่ของมียี่ห้อ ต้องซื้อในห้าง แต่สำหรับฉันไม่เคยได้อะไรเลยเสื้อผ้าเก่าแล้วเก่าอีก ขาดแล้วก็ซ่อมใส่ใหม่ ไม่มีเพื่อน ไม่เคยเดินในห้างเหมือนคนอื่นๆ เครื่องสำอางไม่ให้ซื้อก็ไม่เป็นไร ทานข้าวก็ต้องทานสิ่งที่เขาชอบแม้จะเบื่อมากแค่ไหน ดูทีวีก็ต้องดูแต่สิ่งที่เขาชอบดู ดูละครไทยไม่ได้จะโดนด่าทุกครั้ง ขอกลับบ้านต่างจังหวัดก็ไม่เคยได้กลับ คุยโทรศัพท์กับแม่ก็โดนด่าทั้งแม่และเรา ดิฉันก็ไม่เคยใส่ใจจะใส่จะอยู่ยังไงก็ได้ตลอดเวลา 2 ปีดิฉันพยายามประคับประคองบริษัทให้มันรอด พยายามประหยัด อดออม เพื่อให้มีเงินเก็บ พยายามยอมทุกอย่างเพราะไม่อยากทะเลอะ เขาจะด่าว่าโวยวายดูถูกยังไงฉันก็พยายามปิดหูปิดตาพยายามมองคำพูดเขาเป็นเหมือนลม ไม่เคยโต้ตอบ ดิฉันมีแต่เงียบ เงียบ และเดินหนี
แต่ตอนนี้ดิฉันหมดความอดทน ดิฉันหนีออกมาโดยไม่สนว่ามันจะเป็นยังไง คิดอย่างเดียวทำไมต้องยอมมากขนาดนี้ ยอมเพื่ออะไร 2 ปี ไม่ได้อะไรจากเขาเลย ความเอาใจใส่ ความรักจากเขาไม่มีเลย ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนทาส ดิฉันปิดการติดต่อทุกช่องทาง เป็นเวลา 1 เดือน ตอนนี้เขากลับมาง้อมาขอโทษมาขอโอกาส (ผมผิดไปแล้วตลอด 2ปีผมไม่เคยทำดีกับคุณเลย ผมไม่ได้ดูแลคุณเลย ผมคนเลว ผมปากไม่ดี ไม่เคยทำดีกับคนที่รักผมเลยให้โอกาสผมแก้ตัวครั้งสุดท้ายได้ไหม)สำหรับเขา ดิฉันให้โอกาสเขามาตลอดไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในใจฉันมีแต่คำว่าให้อภัยตลอด กลับไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ความรักก็รักเหมือนเดิมค่ะ แต่ความเฉยชาเพิ่มเติม ความผูกพันมันก็มีบ้างแต่มันเริ่มจางหาย ถามว่าเจ็บไหม เสียใจไหม มันเป็นสิ่งที่ทรมานสุดๆค่ะ อารมประมาณว่าทั้งรักทั้งเกลียด ใจแข็งเดินหน้า ยอมให้เขาว่าเป็นคนใจดำอำมหิตทำกับสามีได้ ทิ้งเขาต้องอยู่คนเดียว ตอนนี้ฉันยอมทิ้งทุกอย่างทั้งบริษัทฉันก็ไม่เอา ดิฉันยอมเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่อีกครั้ง กำลังหางานทำค่ะ พยายามหาเงินทุกอย่าง คิดว่าสักวันคงเป็นวันของดิฉันบ้าง
แปลกนะค่ะทำไม คนที่ทุมเททุกอย่าง มันไม่เคยได้สิ่งดีๆกับคืนเลย แถมยังมีหนี้ที่เขาสร้างต้องมานั่งรับผิดชอบอีก แต่ดิฉันไม่เสียดายเวลานะค่ะ 2 ปี เพราะดิฉันพยายามได้ทำทุกอย่าง อย่างเต็มที่ที่สุด ไม่ว่าจะด้านหน้าที่ของภรรยาที่ดี ไม่ว่าจะด้านบริษัท คิดว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิต ทุกๆอย่างคงเป็นกรรมเก่าที่ดิฉันอาจเคยทำไว้กับเขา ตอนนี้เลยบอกกับเขาว่าให้ทำใจ ยอมรับทุกๆอย่าง เราสองคนหยุดสร้างกรรมต่อกันได้แล้ว อโหสิกรรมทุกๆอย่างต่อกัน ชาติหน้าจะได้เป็นมิตรที่ดีต่อกัน
ตอนนี้กลัวค่ะ เพราะเขาพยายามตามง้อ ตามคืนดี พยายามให้เรากลับไปเหมือนเดิม ตามขู่ทำร้ายครอบครัวเรา คำว่าโอกาสคงไม่เหมาะกับคนแบบนี้
ออกมาแล้วคิดว่าทำไมระยะเวลา 2 ปี ต้องยอมทนอยู่เพราะรัก หรือ เราโง่ กันแน่!!!!!!
"ทุกคนต่างก็มีจุดที่รู้ว่าตัวเอง ต้องพอกันทั้งนั้น สุดท้ายต่อให้รักมากแค่ไหน รู้สึกกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่ถ้ามันต้องพอ ทุกอย่างมันจะหยุดทันที"