ส่วนตัวให้เป็นหนังที่ชอบที่สุดที่ได้ดูมาในรอบปีนี้เลยค่ะ  บทไม่ได้เลิศเลอแปลกแนวอะไร มีความ cliche เหมือนหนังที่สะท้อนความรักกับชีวิตที่วิ่งไล่ตามความฝันเรื่องอื่นๆ   เพียงแต่หนังเล่าเรื่องและตัดต่อได้อย่างมีรสนิยมดูเก๋ไก๋ทีเดียว มีความเป็นแฟนตาซีปนมา แต่แก่นหนังนั้นเรียลซะยิ่งกว่าเรียล  เนื้อเรื่องเป็นยุคปัจจุบันก็จริงแต่กลับให้บรรยากาศแบบหนัง Hollywood ยุค '50s  หลายๆฉากภาพจะออกสีสันสดๆหน่อย  จริงๆระหว่างดูมีหลายๆครั้งเลยที่ทบทวนกับตัวเองว่านี่เรากำลังดูหนังยุคไหนอยู่เนี่ย เป็นพีเรียดหรือเปล่า แต่ดึงสติกลับมาได้ตอนเห็นโทรศัพท์มือถือ 5555    เอาเป็นว่าถ้าใครชอบเสน่ห์ในหนังยุคเก่าหรือชอบบรรยากาศแบบนั้น หนังเรื่องนี้สามารถดึงความรู้สึก nostalgic ออกมาได้ เต็มๆค่ะ  มีเสน่ห์มาก  ส่วนเรื่องเพลง ส่วนตัวคิดว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องเลยด้วยซ้ำค่ะ เพลงเพราะมากถึงมากที่สุด  

มีติดใจเล็กน้อยในเรื่องเสียงร้องของ Ryan Gosling  มองว่าถ้าเป็นคนที่ร้องเพลงได้ดีกว่านี้น่าจะอินกว่านี้นะคะ  แต่ก็ไม่ได้ร้องแย่อะไรนะ ใช้ได้ทีเดียวล่ะ บวกลบคูณหารกับข้อดีด้านอื่นๆของเค้าก็สามารถกลบในส่วนนี้ไปได้ โดยเฉพาะฉากเล่นเปียโนที่ได้ยินมาว่าต้องไปเข้าคอร์สเริ่มเรียนใหม่แต่ต้นเลยทีเดียว  แต่ในหนังนี่ดูไม่ออกเลย ดูเหมือนคนที่เล่นเปียโนเก่งอยู่แล้ว  ส่วนเสน่ห์นี่ยิ่งไปกันใหญ่เต็ม 10 เอาไปเลย 100  สายตาละลายหัวใจดีจริงๆ แถมเคมีกับ Emma Stone ก็ดีเอาซะมากๆด้วย  ส่วน Emma เองก็เสียงไพเราะจับใจแถมได้อารมณ์สุดๆ   การแสดงเรื่องนี้ของทั้งคู่ ด้วยความที่มันเป็นมิวสิคัลนิดนึง การแสดงเลยมี over กว่าแบบที่เราคุ้นชินเวลาดูภาพยนตร์ปกติหน่อย เหมือนเวลาเราดูละครเวทีน่ะแหละค่ะ แต่ไม่ได้ใหญ่เว่อร์วังขนาดนั้น  แต่เรื่องการดึงอารมณ์เราอินนะ รู้สึกตามตัวละครไปด้วยมากๆ สายตานักแสดงสื่ออารมณ์กันได้ดีจริงๆ


รวมๆเป็นหนังที่แนะนำว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ (เว้นแต่ว่าคุณจะเป็นคนที่เอียนหนังรัก เบื่อหนังดราม่า และเกลียดมิวสิคัล)  ดีสมคำร่ำลืออยู่นะ  โดยเฉพาะถ้าเป็นคอมิวสิคัลน่าจะยิ่งชอบเพราะเพลงเพราะจริงๆ  นี่ขนาดว่าตอนดูช่วงต้นๆเรื่องยังนึกใจใจว่าคำวิจารณ์ต่างๆนี่ราคาคุยหรือเปล่า  แต่พอดูจนจบแล้วประทับใจมากค่ะ เรียกน้ำตาไปได้หลายหยดเลย  เมโลดี้ของเพลงในเรื่องก็ติดหัวออกมาจากโรงกลับบ้านไปพร้อมกันด้วย


ปล. รบกวนแอดมินขอแท็ก La La Land ด้วยคะ