ปกติเห็นคนไปเที่ยวแพร่ก็มักจะไปเที่ยววัดหรือเที่ยวกันในตัวเมือง เราเลยคิดว่าแล้วถ้าแพร่ไม่ได้มีแค่วัด จ.แพร่จะมีต้นไม้เยอะๆ ภูเขาเขียวๆอย่างภาคเหนือตอนบนมั้ย เราเลยลองหาข้อมูลดูแล้วเราก็สนใจที่นี่ ที่ที่น่าจะแจกความสดใสให้กับเราได้
ที่นี่มีคนรีวิวน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย โดยเฉพาะในเรื่องของการเดินทางและที่พัก ความจริงจะมาที่นี่ก่อนเชียงดาวด้วยซ้ำ แต่ช่วงนั้นเป็น
หน้าฝน จ.แพร่ฝนตกหนัก และที่นี่เคยมีประวัติน้ำป่าไหลหลากด้วย เลยขอเว้นไปก่อนแล้วหาข้อมูลไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังได้น้อย
อยู่ดี ศึกษาการเดินทางเองแล้วมาเองเลยน่าจะดีกว่า มาฟังจากปากชาวบ้านเองว่าที่นี่เป็นยังไง
เหมือนสองที่นี้ต้องเที่ยวคู่กัน แต่ดูจากแผนที่ใน google แล้วอยู่ไกลกันพอสมควร บ้านนาตองจะอยู่ทางหลวงหมายเลข 1022 ส่วนบ้านนาคูหาอยู่ทางหลวงหมายเลข 1024 แถมทั้งสองที่ยังเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขา ที่ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ การติดต่อจองที่พักจึงลำบากมากๆ บ้านนาคูหายากสุด อ่านในเน็ตนี่ถึงขั้นถ้าติดต่อไม่ได้ก็ต้องเขียนจดหมายทำเรื่องจองไปเลย ยิ่งยากยิ่งอยากมาและอยากรู้ นี่ในประเทศไทยยังมีหมู่บ้านที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกเหรอ? นี่ไกลจากตัวเมืองแพร่ไม่กี่กิโลเองนะ แต่ในที่สุดก็โทรจองได้ห้วยถ้ำโฮมสเตย์ที่บ้านนาตอง ฟลุ๊ค!! เราเริ่มเดินทางจากกรุงเทพด้วยรถไฟเหมือนเดิม เดินทางกลางคืนกันมั่ง ถึงแพร่เช้าพอดี หนาวมาก หมอกเต็มเมืองไปหมด แต่สถานีรถไฟเด่นชัยอยู่นอกเมือง นี่แหละปัญหา ต้องนั่งสองแถวเข้าเมืองไปอีก 40 บาท เพราะยังคิดไม่ออกว่าจะไปเช่ารถ
ขับที่ไหน (ไม่วางแผนอะไรมาอีกแล้ว) ถามลุงคนขับสองแถวก็บอกเข้าเมืองมาก่อนมีรถเช่า ระหว่างทางขับเต่าคลานมาก แต่ก็ถือโอกาส
ศึกษาเส้นทางและชมบ้านเมืองแพร่ไปก่อนด้วย
นั่งมาไกลพอสมควรร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงสถานีขนส่ง ตลอดทางไม่เห็นมีรถเช่าเลย มีแต่รถเหมา ลุงแกคงฟังเราผิด คุณหลอกดาว!!!
เข้าห้องน้ำตั้งหลักก่อน แล้วค่อยหาในเน็ต ได้รถเช่ามาละวันละ 250 บาท ค่าประกัน 500 บาท จะทิ้งเบอร์ไว้ให้ แต่แนะนำ
อย่าเช่าที่นี่จะดีกว่าถ้าไม่จำเป็น ถ้าหาที่อื่นได้ให้หาก่อน พนง.ส่งรถไม่ค่อยเต็มใจบริการ ค่าชาร์ตคืนรถช้าก็โหดมาก
B-BIKE เช่ารถมอเตอร์ไซค์ คุณติ๊ก 086-4216498 FB : แพร่ บี ไบค์ อันนี้ไม่ได้ดิสเครดิต แต่ในฐานะนักท่องเที่ยว
อะไรดีบุ๋มก็บอกว่าดีค่ะ
ได้รถมาก็เกือบเก้าโมง แต่อากาศยัง 17-18 องศา เรียกว่าขับตอนนี้ก็ลมตีหน้าชาอยู่ดี แต่สบายอากาศดีมากๆ มีแดดอุ่นๆเลยไม่ค่อยรู้สึกหนาวเท่าไหร่ ขับอีกแค่ 30 กิโลเข้าหมู่บ้าน แต่ปัญหาคือระหว่างทางสัญญาณโทรศัพท์จะหายและ GPS จะใช้ไม่ได้ ต้องอาศัยการดู
มาก่อนล่วงหน้า ถนนไม่ได้คดเคี้ยวมาก ประกอบกับเริ่มเข้าเขตอุทยานก็เจอคน เจอรถสวนบ้าง
อาศัยจอดถามชาวบ้านได้ อากาศดีมากกกกกกกก ขับรถมอเตอร์ไซค์มาจะฟินมาก หิวก็จอดกินข้าวข้างทางที่พอมีร้านอยู่บ้าง
เจอน้ำพริกน้ำย้อยเข้าไปติดใจ อร่อยมาก กินกับอะไรก็อร่อย แต่ขากลับดันลืมซื้อกลับมาด้วย เสียดาย
ใกล้เข้าหมู่บ้านทุกทีก็คิดว่านี่วิวอย่างงี้เลยเหรอ?
เจอรูปปั้นเต่าปูลู สัญลักษณ์ของหมู่บ้าน แต่เราเรียกรูปปั้นเต่าไชโย ก็ดูสิว่าไชโยมั้ยล่ะ คือปกติเป็นคนกลัวเต่าอยู่แล้ว เจอรูปปั้นไปแบบนี้ เจอตอนกลางคืนนี่เผ่นเลยนะ
มาถึงตรงนี้ก็ต้องขับเข้าไปอีกประมาณ 8 กม. ถึงจะเข้าหมู่บ้าน คืออยู่ในเขาจริงๆ ผ่านหมู่บ้านน้ำจ้อมที่อุณหภูมิจะเย็นกว่า
บ้านนาตอง เย็นมาก เย็นยะเยือกชนิดที่รู้สึกได้ ทั้งที่สายมากแล้ว แดดเปรี้ยงด้วย
ทีนี้ไม่รู้เลยว่าที่พักอยู่ไหน จะโทรหาก็ไม่ได้ ก้มดูมือถือ สัญญาณไม่มีเลยแม้แต่ขีดเดียว เดาเอาว่าน่าจะอยู่หลังแรกๆ
พอขับเข้าไปไม่เจอจึงต้องจอดถาม ขับเลยจนได้เลยกลับรถวนมาใหม่ อยู่ต้นๆหมู่บ้านจริงๆด้วย
แล้วก็เจอจนได้ เจอน้องวิ ลูกสาวเจ้าของโฮมสเตย์พอดี เป็นคนที่เคยติดต่อกันไว้คืนก่อนที่เราจะมาแค่ 1 วัน น้องต้องออกไป
ในเมือง เพื่อไปคุยเรื่องโปรโมทบ้านนาตอง น้องวิเป็นสาวกรุงเทพที่กลับไปทำงานบ้านเกิดด้วยการช่วยพ่อแม่ทำโฮมสเตย์นี่แหละ เพราะคนเริ่มมาพักเรื่อยๆ นี่ก็เป็นความฝันที่เราอยากกลับไปทำที่ต่างจังหวัดบ้านเกิดเหมือนกัน น้องอยู่คุยกับเราได้แป๊บเดียวก็ต้องเข้าเมือง ให้เราอยู่คนเดียวไปก่อน เดี๋ยวพ่อกับแม่มา เลือกห้องพักได้เต็มที่ ทั้งหลังเป็นของเรา ที่พักคิด 350 บาท/คน อาหาร 2 มื้อ
มีเย็นกับเช้าของอีกวัน ดีที่กินข้าวเที่ยงมา เลยไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เมื่อไม่มีใครอยู่เลยสำรวจห้องกันหน่อย ชั้นบน มี 4 ห้อง
2 ห้องเล็ก กับ 2 ห้องใหญ่ เราเลือกห้องเล็ก มีห้องน้ำในตัวทุกห้องด้วย
รักตรงที่มีแมวนี่แหละ มอมแมมนี่เชื่อง เข้ากับคนง่าย จู่ๆมานั่งตักเลย ไม่รู้ซะแล้วว่าเราเป็นทาสแมว อย่างงี้ต้องจกพุง!!
ชั้นล่างก็มีห้องพักอีก 2 ห้อง เหมือนแขกเพิ่งออกไปเลยยังไม่ได้เก็บของเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ เต๊นท์เห็นบอกว่าเอามากาง
ในบ้านได้ หรือจะเอาไปนอนในสวนก็ได้ แต่ถ้าบริเวณบ้านไม่มีที่กาง ต้องกางตรงระเบียงอย่างเดียว เจ้าของโฮมสเตย์เล่าว่า
ตอนมาหลายคนที่นอนไม่พอ จะแบ่งให้ไปนอนบ้านหลังอื่นอีก 2 หลังที่ทำโฮมสเตย์เหมือนกัน (แต่ไม่ได้สร้างแยกเป็นหลังเหมือน
ที่นี่) ถ้าไม่ไปนอนที่อื่นก็กางเต๊นท์นอนมันแถวนี้เลย
สำรวจที่พักแป๊บๆก็อยากรู้เรื่องถ้ำก่อนเลย เห็นว่ามีถ้ำด้วย ความจริงเป็นคนกลัวถ้ำ กลัวหินงอกหินย้อย แต่ก็อยากมาดู
ไม่ได้เห็นถ้ำมานานมากแล้ว ก่อนที่น้องวิจะออกจากบ้านไปก็ถามแล้วว่าถ้ำอยู่ตรงไหน น้องบอกเดินไปไกล อยู่หลังโฮมสเตย์
แต่อยากให้รอพ่อกับแม่กลับมาจากสวนก่อนเพราะหญ้ารก อยากให้รอ แต่นี่ดื้อไง ไม่มีอะไรทำ เดินดุ่มๆมาคนเดียว เห้ยนี่มันป่าหมดเลย
เกือบถอดใจเดินกลับแล้ว ไม่ได้ใกล้เลยนะ
เปลี่ยว น่ากลัว วังเวง ไฟฉายก็ไม่มี เดินเข้าไปแป๊บเดียวแล้วอึดอัด ไม่ค่อยอยากเข้า เลยเดินกลับดีกว่า
พรุ่งนี้ให้พ่อ(เจ้าของโฮมสเตย์พามาใหม่)
เดินกลับแล้วก็จับมอเตอร์ไซค์ขับรอบหมู่บ้าน อากาศดีมาก กอไก่ล้านตัว นี่มันหมู่บ้านคีรีวงย่อมๆ ฉบับภาคเหนือรึเปล่า น้ำก็เย็นมากแอบดูเป็ดอาบน้ำในคลอง
[CR] นาตอง-นาคูหา มนต์เสน่ห์สองบ้านนา จ.แพร่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น