ผมว่า โสดแต่เหงา เหงามันสามารถหายได้ด้วยตัวเราเอง แค่รู้จักควบคุมจิตใจ และมีเพื่อนก็แก้เหงาได้ โสดมีชิวิตอิสระ ที่จะไปไหน ทำยังไงกับชีวิตก็ได้
ส่วน ไม่โสดแต่มีห่วงผูกคอ มีภาระ(ถ้ามีลูก) ไม่โสดก็เหงาได้ บางทีเหงาแบบแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ต้องขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายต่างหาก เช่น แฟนไปมีชู้ แฟนทำร้ายร่างกาย ฯลฯ และถ้ามีลูก ก็ต้องมีภาระเพิ่มขึ้น เกิดลูกออกมาไม่สมประกอบ ก็เป็นทุกข์อีก (ลูกจะเกิดออกมาสมประกอบ ไม่สมประกอบ บางทีเราก็ควบคุมไม่ได้ เห็นได้จากคนรวย คนมีการศึกษาดีบางคู่ มีลูกพิการ หรือเป็นเด็กออทิสติก ฯลฯ) และสมัยนี้ จะหวังให้ลูกมาเลี้ยงเราตอนแก่ บางทีก็ไม่แน่นอนซะแล้ว จิตใจคนแย่ลง สังคมเปลี่ยนไป เหมือนที่เค้าพูดกันว่า เด็กสมัยนี้เลี้ยงมันได้แต่ตัวเท่านั้น แก่ตัวไปมันจะดูแลเราป่าว อย่าไปหวังเท่าไรเลย
หมายเหตุ : ตอนรักกันใหม่ๆ น้ำต้มผักก็ว่าหวาน อะไรก็ดูดีไปหมด แต่พอนานๆไป ..............
โสดแต่เหงา กับไม่โสดแต่มีห่วงผูกคอ เลือกอย่างไหนกันคับ
ส่วน ไม่โสดแต่มีห่วงผูกคอ มีภาระ(ถ้ามีลูก) ไม่โสดก็เหงาได้ บางทีเหงาแบบแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ต้องขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายต่างหาก เช่น แฟนไปมีชู้ แฟนทำร้ายร่างกาย ฯลฯ และถ้ามีลูก ก็ต้องมีภาระเพิ่มขึ้น เกิดลูกออกมาไม่สมประกอบ ก็เป็นทุกข์อีก (ลูกจะเกิดออกมาสมประกอบ ไม่สมประกอบ บางทีเราก็ควบคุมไม่ได้ เห็นได้จากคนรวย คนมีการศึกษาดีบางคู่ มีลูกพิการ หรือเป็นเด็กออทิสติก ฯลฯ) และสมัยนี้ จะหวังให้ลูกมาเลี้ยงเราตอนแก่ บางทีก็ไม่แน่นอนซะแล้ว จิตใจคนแย่ลง สังคมเปลี่ยนไป เหมือนที่เค้าพูดกันว่า เด็กสมัยนี้เลี้ยงมันได้แต่ตัวเท่านั้น แก่ตัวไปมันจะดูแลเราป่าว อย่าไปหวังเท่าไรเลย
หมายเหตุ : ตอนรักกันใหม่ๆ น้ำต้มผักก็ว่าหวาน อะไรก็ดูดีไปหมด แต่พอนานๆไป ..............