งานแพทริออตส์ เดย์ เมื่อปี 2013 นั้นควรจะเป็นงานเฉลิมฉลองและรำลึกสมรภูมิคอนคอร์ดและเล็กซิงตันตามปกติอย่างที่เคยจัดมาทุกปี กระทั่งเมื่อนาทีที่ระเบิดจากสองพี่น้องผู้ก่อการร้ายดังขึ้นในงานบอสตัน มาราธอนนั้น มันคร่าชีวิตผู้คนรวมถึงส่งผลสะเทือนต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาอย่างมหาศาล
แต่สิ่งหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นอย่างแข็งแรงภายในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คือการที่คน “ทั้งเมือง” จับมือกันตามหาคนร้ายเพื่อไม่ให้สองพี่น้องชาวต่างชาตินั้นไปก่อเหตุระเบิดที่อื่นได้อีก-นี่จึงไม่ใช่เรื่องของวีรบุรุษเพียงหนึ่งเดียวกับผู้ร้าย แต่คือชาวเมืองที่ลุกขึ้นต่อต้านการก่อการร้ายต่างหาก
หนังกำกับโดยปีเตอร์ เบิร์ก เขาถือเป็นมือโปรในการทำภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริง ไม่ว่าจะ Survivor, Deepwater Horizon หนังเรื่องก่อนหน้าของเขา รวมถึงเป็นอีกเรื่องที่ได้นักแสดงคู่บุญอย่างมาร์ค วอห์ลเบิร์กมานำแสดงด้วย!
และจากนี้คือ 12 เรื่องน่ารู้ ก่อนไปดู Patriots Day
1. เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สามของผู้กำกับปีเตอร์ เบิร์ก ที่ได้มาร์ค วอห์ลเบิร์ก มาทำแสดง และทั้งสามเรื่องนี้ล้วนสร้างจากเรื่องจริงทั้งสิ้น (สองเรื่องก่อนหน้าได้แก่ Survivor, Deepwater Horizon)
2. ก่อนหน้านี้ มาร์ค วอห์ลเบิร์กปฏิเสธบทไป แต่หลังจากได้อ่านบทอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็คิดว่าคงมีนักแสดงชายไม่กี่คนที่จะรับบทนำในเรื่องนี้ได้-และหนึ่งในนักแสดงที่ว่านั้นคือเขา ดังนั้นมาร์คจึงตอบตกลง
3. ทั้งนี้ มาร์คนั้นถือเป็นชาวบอสตันโดยกำเนิดเลยล่ะ “ผมยังจำวันแรกที่บินไปบอสตันได้ ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกเลย บอสตันเป็นเมืองเล็กๆ ทุกคนเลยรู้จักกันและรู้ว่าระเบิดนั้นส่งผลกระทบต่อใครอย่างไรบ้าง”
4. ปีเตอร์ส เบิร์ก ผู้กำกับเลือกใช้บริการจากช่างภาพขาประจำที่เคยร่วมงานกันมาแล้วสามเรื่อง ซึ่งเป็นช่างภาพที่ถนัดถ่ายภาพแฮนด์เฮล ทำให้ภาพเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นดู “ดิบ” สมใจผู้กำกับมากๆ
5. หนังมีความพยายามในการจะถ่ายทำจากสถานที่จริงให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กว่า 70 เปอรเซ็นที่ปรากฏในหนังจึงเป็นสถานที่เกิดเหตุล้วนๆ (แต่ทีมงานบอกว่า “ถ้ามีชาวเมืองสักคนออกมาบอกว่าไม่สะดวกใจจะให้ถ่ายทำเพราะมันไปกระทบความทรงจำพวกเขา เราก็ยินดีย้ายที่ถ่ายทำนะครับ”)
6. และเพื่อความสมจริงอีกเช่นกัน ที่ทีมงานตัดสินใจไปขอฟุตเทจบันทึกภาพการวิ่งมาราธอนมาประกอบในหนังจริงๆ ผลน่ะหรือ แน่นอนว่าพวกเขาได้ฟุตเทจสมใจ แต่ก็แลกกับการต้องถ่างตาดูบันทึกภาพความยาวร้อยชั่วโมงพวกนั้นด้วยอะนะ
7. หนึ่งในคู่รักกลางโศกนาฏกรรมในเรื่องสร้างจากคู่รักในชีวิตจริงอย่างแพทริคและเจสสิกา ที่เพิ่งแต่งงานกันได้เจ็ดเดือนและนัดกันไปฉลองในเขตระเบิด ผลหลังจากนั้น ทั้งคู่เสียขาไปจากเหตุระเบิด แต่ก็ก้าวข้ามเรื่องราวเหล่านั้นอย่างกล้าหาญ รวมถึงอนุญาตให้ทีมงานเล่าเรื่องของพวกเขาในหนังอีกด้วย
8. หนึ่งในเรื่องจริงที่หนังใส่เข้าไปคือชีวิตของแดนนี่ เม้ง หนุ่มจีนอพยพที่ถูกมือระเบิดปล้นชิงรถ ซึ่งชั่วชีวิตของแดนนี่นั้น ไม่เคยเห็นปืนจริงมาก่อน ทำให้เขาคิดว่าปืนที่คนร้ายใช้จี้เขานั้นเป็นของปลอม! (ผู้กำกับบอกว่าเขาชอบเรื่องที่แดนนี่เล่ามาก เพราะมันสุดจะดูเป็นอเมริกั๊น อเมริกัน) อย่างไรก็ตาม แดนนี่หลบหนีออกมาและแจ้งตำรวจไว้ได้ทัน ทำให้คนร้ายไปก่อเหตุที่เมืองใหญ่ๆ ที่อื่นไม่ได้อีก
9. จิมมี่ โอ. หยาง รับบทเป็นแดนนี่ และประทับใจวีรกรรมของเขามาก “ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คนร้ายคงหนีไปป่วนถึงไทมส์สแควร์ แมนฮัตตันแล้วก็ได้มั้ง”
10. เจ.เค. ซิมมอนส์ รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพูจิลิส (ซึ่งเวลาต่อมา ได้รับเหรียญกล้าหาญจากบารัค โอบามา) ซึ่งพูจิลิสเองช่วยดูแลความถูกต้องในกองถ่ายผ่านสายตาเจ้าหน้าที่อย่างเขา และแน่นอน เขาสอนเจ.เค. ซิมมอนส์ใช้ปืนด้วย
11. ธีโม เมลิคิดช์กับอเล็กซ์ วอลฟ์ฟ รับบทเป็นสองพี่น้องมือวางระเบิด-ทาเมอร์ลันกับโจการ์ ซาร์ยาเนฟ ซึ่งวอฟ์ฟลังเลที่จะรับบทมากในตอนแรก “ก็ถ้าผมไว้หนวด หน้าผมก็จะเหมือนกับเขาเดี๊ยะเลยอ้ะ” (เหมือนแค่ไหน คือระหว่างถ่ายทำ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวจริง เดินมาชมพวกเขาสองคนอยู่เนืองๆ ว่าแสดงได้เหมือนมาก)
12. นี่คือหนังแบบที่ปีเตอร์ เบิร์ก สันทัดที่สุด รวมถึงได้ร่วมงานกับนักแสดงคู่บุญอย่างมาร์ค วอห์ลเบิร์กอีกหน และเหนืออื่นใด มันสร้างจากเรื่องจริงที่มีรายละเอียดปลีกย่อยจริงๆ ในเหตุการณ์นองน้ำตาวันนั้นอยู่ด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่จะนับเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนัง แต่มันยังเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่มีให้เหตุการณ์นี้อีกด้วย
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/
12 เรื่องน่ารู้ ก่อนไปดู Patriots Day!
งานแพทริออตส์ เดย์ เมื่อปี 2013 นั้นควรจะเป็นงานเฉลิมฉลองและรำลึกสมรภูมิคอนคอร์ดและเล็กซิงตันตามปกติอย่างที่เคยจัดมาทุกปี กระทั่งเมื่อนาทีที่ระเบิดจากสองพี่น้องผู้ก่อการร้ายดังขึ้นในงานบอสตัน มาราธอนนั้น มันคร่าชีวิตผู้คนรวมถึงส่งผลสะเทือนต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาอย่างมหาศาล
แต่สิ่งหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นอย่างแข็งแรงภายในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คือการที่คน “ทั้งเมือง” จับมือกันตามหาคนร้ายเพื่อไม่ให้สองพี่น้องชาวต่างชาตินั้นไปก่อเหตุระเบิดที่อื่นได้อีก-นี่จึงไม่ใช่เรื่องของวีรบุรุษเพียงหนึ่งเดียวกับผู้ร้าย แต่คือชาวเมืองที่ลุกขึ้นต่อต้านการก่อการร้ายต่างหาก
หนังกำกับโดยปีเตอร์ เบิร์ก เขาถือเป็นมือโปรในการทำภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริง ไม่ว่าจะ Survivor, Deepwater Horizon หนังเรื่องก่อนหน้าของเขา รวมถึงเป็นอีกเรื่องที่ได้นักแสดงคู่บุญอย่างมาร์ค วอห์ลเบิร์กมานำแสดงด้วย!
และจากนี้คือ 12 เรื่องน่ารู้ ก่อนไปดู Patriots Day
1. เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สามของผู้กำกับปีเตอร์ เบิร์ก ที่ได้มาร์ค วอห์ลเบิร์ก มาทำแสดง และทั้งสามเรื่องนี้ล้วนสร้างจากเรื่องจริงทั้งสิ้น (สองเรื่องก่อนหน้าได้แก่ Survivor, Deepwater Horizon)
2. ก่อนหน้านี้ มาร์ค วอห์ลเบิร์กปฏิเสธบทไป แต่หลังจากได้อ่านบทอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็คิดว่าคงมีนักแสดงชายไม่กี่คนที่จะรับบทนำในเรื่องนี้ได้-และหนึ่งในนักแสดงที่ว่านั้นคือเขา ดังนั้นมาร์คจึงตอบตกลง
3. ทั้งนี้ มาร์คนั้นถือเป็นชาวบอสตันโดยกำเนิดเลยล่ะ “ผมยังจำวันแรกที่บินไปบอสตันได้ ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกเลย บอสตันเป็นเมืองเล็กๆ ทุกคนเลยรู้จักกันและรู้ว่าระเบิดนั้นส่งผลกระทบต่อใครอย่างไรบ้าง”
4. ปีเตอร์ส เบิร์ก ผู้กำกับเลือกใช้บริการจากช่างภาพขาประจำที่เคยร่วมงานกันมาแล้วสามเรื่อง ซึ่งเป็นช่างภาพที่ถนัดถ่ายภาพแฮนด์เฮล ทำให้ภาพเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นดู “ดิบ” สมใจผู้กำกับมากๆ
5. หนังมีความพยายามในการจะถ่ายทำจากสถานที่จริงให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กว่า 70 เปอรเซ็นที่ปรากฏในหนังจึงเป็นสถานที่เกิดเหตุล้วนๆ (แต่ทีมงานบอกว่า “ถ้ามีชาวเมืองสักคนออกมาบอกว่าไม่สะดวกใจจะให้ถ่ายทำเพราะมันไปกระทบความทรงจำพวกเขา เราก็ยินดีย้ายที่ถ่ายทำนะครับ”)
6. และเพื่อความสมจริงอีกเช่นกัน ที่ทีมงานตัดสินใจไปขอฟุตเทจบันทึกภาพการวิ่งมาราธอนมาประกอบในหนังจริงๆ ผลน่ะหรือ แน่นอนว่าพวกเขาได้ฟุตเทจสมใจ แต่ก็แลกกับการต้องถ่างตาดูบันทึกภาพความยาวร้อยชั่วโมงพวกนั้นด้วยอะนะ
7. หนึ่งในคู่รักกลางโศกนาฏกรรมในเรื่องสร้างจากคู่รักในชีวิตจริงอย่างแพทริคและเจสสิกา ที่เพิ่งแต่งงานกันได้เจ็ดเดือนและนัดกันไปฉลองในเขตระเบิด ผลหลังจากนั้น ทั้งคู่เสียขาไปจากเหตุระเบิด แต่ก็ก้าวข้ามเรื่องราวเหล่านั้นอย่างกล้าหาญ รวมถึงอนุญาตให้ทีมงานเล่าเรื่องของพวกเขาในหนังอีกด้วย
8. หนึ่งในเรื่องจริงที่หนังใส่เข้าไปคือชีวิตของแดนนี่ เม้ง หนุ่มจีนอพยพที่ถูกมือระเบิดปล้นชิงรถ ซึ่งชั่วชีวิตของแดนนี่นั้น ไม่เคยเห็นปืนจริงมาก่อน ทำให้เขาคิดว่าปืนที่คนร้ายใช้จี้เขานั้นเป็นของปลอม! (ผู้กำกับบอกว่าเขาชอบเรื่องที่แดนนี่เล่ามาก เพราะมันสุดจะดูเป็นอเมริกั๊น อเมริกัน) อย่างไรก็ตาม แดนนี่หลบหนีออกมาและแจ้งตำรวจไว้ได้ทัน ทำให้คนร้ายไปก่อเหตุที่เมืองใหญ่ๆ ที่อื่นไม่ได้อีก
9. จิมมี่ โอ. หยาง รับบทเป็นแดนนี่ และประทับใจวีรกรรมของเขามาก “ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คนร้ายคงหนีไปป่วนถึงไทมส์สแควร์ แมนฮัตตันแล้วก็ได้มั้ง”
10. เจ.เค. ซิมมอนส์ รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพูจิลิส (ซึ่งเวลาต่อมา ได้รับเหรียญกล้าหาญจากบารัค โอบามา) ซึ่งพูจิลิสเองช่วยดูแลความถูกต้องในกองถ่ายผ่านสายตาเจ้าหน้าที่อย่างเขา และแน่นอน เขาสอนเจ.เค. ซิมมอนส์ใช้ปืนด้วย
11. ธีโม เมลิคิดช์กับอเล็กซ์ วอลฟ์ฟ รับบทเป็นสองพี่น้องมือวางระเบิด-ทาเมอร์ลันกับโจการ์ ซาร์ยาเนฟ ซึ่งวอฟ์ฟลังเลที่จะรับบทมากในตอนแรก “ก็ถ้าผมไว้หนวด หน้าผมก็จะเหมือนกับเขาเดี๊ยะเลยอ้ะ” (เหมือนแค่ไหน คือระหว่างถ่ายทำ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวจริง เดินมาชมพวกเขาสองคนอยู่เนืองๆ ว่าแสดงได้เหมือนมาก)
12. นี่คือหนังแบบที่ปีเตอร์ เบิร์ก สันทัดที่สุด รวมถึงได้ร่วมงานกับนักแสดงคู่บุญอย่างมาร์ค วอห์ลเบิร์กอีกหน และเหนืออื่นใด มันสร้างจากเรื่องจริงที่มีรายละเอียดปลีกย่อยจริงๆ ในเหตุการณ์นองน้ำตาวันนั้นอยู่ด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่จะนับเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนัง แต่มันยังเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่มีให้เหตุการณ์นี้อีกด้วย
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/