คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ดูฐานภาษีสูงสุดว่าเสียที่เรทไหน ถ้าเสีย 5% ก็ควรเอามารวมยื่น เพราะคุณถูกหักไป 15% เอามารวมก็ควรจะได้คืน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องลองคำนวณดูก่อนทั้งสองวิธี เอามาเปรียบเทียบกัน เพราะถ้ารายได้มันเยอะมากมันอาจจะไปทำให้เพดานภาษีสูงเกิน
ปีก่อนยื่นยังไงไม่ต้องสนใจ เขาดูปีต่อปี ปีก่อนไม่เคยเอามารวมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องสนใจ
พ่อแม่ไม่มีเงินได้อื่น ยิ่งต้องยื่นขอคืน เท่ากับจะได้เงินเพิ่มมาฟรีๆ
ปล 1. พ่อแม่มีเงินได้เกิน 3 หมื่นก็เอามาหักลดหย่อนค่าเลี้ยงดูไม่ได้นะ อย่าลืม
ปล 2. ถ้าจะเอาเงินได้มารวม ก็ต้องเอาทั้งหมด เลือกเอาบางตัวไม่ได้นะ
(มีได้ดอกเบี้ยอะไรที่ไหนบ้างก็ต้องเอามาหมด ออมทรัพย์ ฝากประจำ หุ้นกู้ ฯลฯ)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องลองคำนวณดูก่อนทั้งสองวิธี เอามาเปรียบเทียบกัน เพราะถ้ารายได้มันเยอะมากมันอาจจะไปทำให้เพดานภาษีสูงเกิน
ปีก่อนยื่นยังไงไม่ต้องสนใจ เขาดูปีต่อปี ปีก่อนไม่เคยเอามารวมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องสนใจ
พ่อแม่ไม่มีเงินได้อื่น ยิ่งต้องยื่นขอคืน เท่ากับจะได้เงินเพิ่มมาฟรีๆ
ปล 1. พ่อแม่มีเงินได้เกิน 3 หมื่นก็เอามาหักลดหย่อนค่าเลี้ยงดูไม่ได้นะ อย่าลืม
ปล 2. ถ้าจะเอาเงินได้มารวม ก็ต้องเอาทั้งหมด เลือกเอาบางตัวไม่ได้นะ
(มีได้ดอกเบี้ยอะไรที่ไหนบ้างก็ต้องเอามาหมด ออมทรัพย์ ฝากประจำ หุ้นกู้ ฯลฯ)
แสดงความคิดเห็น
รายได้จากดอกเบี้ยพันธบัตร, หุ้นกู้ ที่หักภาษี ณ ที่จ่าย เราควรยื่นแสดงภาษีอีกครั้งไหมคะ
1.เราควรเอารายได้จากพันธบัตร, หุ้นกู้ มายื่นรวมกับรายได้จากเงินเดือน เพื่อขอภาษีที่ได้หัก ณ ที่จ่าย 15% ไปแล้วคืนบางส่วนไหม
2.หากเรานำรายได้จากพันธบัตร, หุ้นกู้ มายื่น จะมีปัญหาไหม ในกรณีที่ว่า เราถือมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยยื่นเลย อยู่ๆ มายื่น จะกลายเป็นว่า จะโดนสรรพาพรตรวจสอบรายได้เหล่านี้ย้อนหลังไหม
3.ในกรณีพ่อแม่ของเราที่เกษียณไปแล้ว ไม่มีรายได้จากเงินเดือนแล้ว แต่ยังมีรายได้จากพันธบัตร, หุ้นกู้ ที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% สามารถขอคืนภาษีนี้ได้หรือไม่
4.ถามเหมือนข้อ 2 คือ หากพ่อแม่ของเรา ขอภาษีคืน จะถูกสรรพากรตรวจสอบย้อนหลังหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยยื่นแบบว่ามีรายได้จากพันธบัตร, หุ้นกู้ (เนื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคารแนะนำว่า รายได้เหล่านี้หักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีอีก จึงไม่เคยยื่นแสดงมาก่อนค่ะ)